ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Laflora Secret ไขปมความรักกับสายลับ 5 สาว

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 12 : ในสวนพฤกษศาสตร์

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 64


    TB

    12

    ในสวนพฤกษศาสตร์



    "คุณโรซารี่ครับ ตื่นได้แล้ว เช้าแล้วนะครับ~!"

    "โอยย.. ยังง่วงอยู่เลย แถมเจ็บแขนไปหมดแล้ว T^T"

    โรซารี่ร้องโอดโอยเพื่อให้อเล็กเซใจอ่อนยอมให้นอนต่อ แต่ก็ไม่ได้ผล ร่างเล็กๆแผ่รังสีอำมหิตบ่งบอกว่า 'ถ้าไม่ตื่นมีตาย'

    เธอค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ พอจะยกมือปิดปากตอนหาว ความง่วงยังไม่สลัดหายไปความปวดๆที่แขนก็แทรกเข้ามา ทำโรซารี่แทบน้ำตาเล็ด

    "โอ๊ย!"

    "เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณโรซารี่!?" อเล็กเซรีบเข้ามาดูอาการของโรซารี่ทันที

    "เจ็บแขนน่ะ เมื่อวานโดนครูไอริณอัดซะน่วมเลย T^T"

    หลังจากวันที่ทิวาฟื้น พวกเขาก็ต้องฝึกซ้อมต่อสู้ตลอดทั้ง 3 วันที่ทางโรงเรียนสั่งหยุด แต่ไอริณไม่มีท่าทีจะให้พวกเขาหยุด ไหนจะซ้อมยิงปืน ซ้อมต่อสู้ระยะประชิด ซ้อมฟันดาบฟันเคียว(?) ซ้อมต่อสู้ด้วยมือเปล่าและสนับมือ ซ้อมมวย ซ้อมวิ่ง ซ้อมสะกดรอย ซ้อมแฮคระบบ ซ้อมๆๆๆๆจนพวกเขาแทบจะตายกันไปข้าง ดูท่าพวกเจ้าหญิงคนอื่นๆก็คงจะนอนหมดสภาพเหมือนโรซารี่ด้วย

    "คุณโรซารี่เจ้าค้า~ ไปเรียนกันเถอะเจ้าค่ะ!"

    "บอกกี่รอบแล้วยะว่าอย่าลงท้ายด้วยคำว่าเจ้าค่ะ!"

    "ลื้อก็ด้วยอานาซิสซ่า อย่าลงท้ายด้วยคำว่าย่ะ"

    "หึ เชอะ!"

    "อย่าสะบัดบ๊อบด้วยจะดีมากน่อ =_=;"

    ล่ะมั้ง..?

    "ทำไมพวกเธอดูร่าเริงกันจังเนี่ย!?" โรซารี่โคตรแปลกใจกับอาการที่ปกติของเพื่อนๆ

    "ก็ได้ยามาทาส่วนที่ปวดน่ะเจ้าค่ะ เลยหายปวดเป็นปลิดทิ้งเลย"

    "ผมมียานั่นครับ เดี๋ยวเอามาให้รอแปบนะ" อเล็กเซวิ่งหายเข้ากลีบเมฆไปแล้วโผล่ออกมาจากกลีบเมฆพร้อมยาหลอดสีเขียวๆ

    "อันนี้คุ้นๆเหมือนที่ตาดันเต้ให้ฉันทาเลยอ่ะ" นาซิสซ่าทัก

    "ยาชนิดเดียวกันน่ะครับ ครูไอริณให้มาใช้เวลาปวดตามเนื้อตามตัว"

    "ขอบใจนะอเล็กเซ งั้นพวกเธอช่วยทาให้ฉันหน่อยได้มั้ย?" โรซารี่หันไปถามพวกเพื่อนๆ

    นาซิสซ่ากำลังจะอ้าปากตอบแต่ก็มีบางสิ่งมาขัดก่อนเฉย

    [นี่พวกเด็กๆ ได้ยินครูกันมั้ย?] เสียงของไอริณดังมาจากเข็มกลัดของทุกคน

    "ได้ยินค่ะ มีอะไรเหรอคะ" เป็นนาซิสซ่าที่ตอบกลับไป

    [ครูขอ 3 คนมาหาครูหน่อยที่ห้องกียุลจ้ะ สะดวกมั้ย?]

    "สะดวกค่ะ!!!" นาซิสซ่ารีบตอบกลับไปทันที

    "เสียงหนักแน่นจังนะเธอ -_-;" โรซารี่แซะเล็กๆ

    [มาตอนนี้เลยนะจ๊ะ รีบๆล่ะ] พูดจบไอริณก็วางสายไป

    "เหมยฮัว ยูริ ไปกับฉัน ส่วนเธอทั้งคู่" นาซิสซ่าชี้ไปที่อเล็กเซกับโรซารี่

    "?/?"

    "อยู่ทายาให้กันก่อนนะยะ~ ไปล่ะ!" พูดจบนาซิสซ่าก็ลากเหมยฮัวและยูริออกจากห้องไป ทิ้งระเบิดปรมาณูไว้แล้วไม่ยอมรับผิดชอบซะงั้น

    "เอ่อ..." อเล็กเซอ้ำอึ้งลนลาน พูดตะกุกตะกักเพราะความเขิน พอจะหันไปดูโรซารี่ก็เห็นเธอยืนอ้ำอึ้งเพราะเขินเช่นกัน

    "คุณโรซารี่ครับ"

    "..."

    "คุณโรซารี่"

    "..."

    "คุณโรส!!!"

    "ห๊ะ!? เอ่อ.. มีอะไรอ่ะอเล็กเซ -///-"

    "นี่ครับยา" อเล็กเซยื่นหลอดยาไปให้โรซารี่

    "ขอบใจนะ แต่ว่า.."

    "?"

    "ช่วยทายาที่แขนให้ฉันก่อนได้มั้ยอ่ะ เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง -////-"

    "ดะ.. ได้เลยครับ!!"


    ห้องของกียุล

    "ทิวายังไม่ตื่นอีกเหรอ?" ไอริณพูดกับกียุลขณะที่เดินเข้าห้อง

    "ครับ เมื่อคืนนอนดึกล่ะมั้งครับเลยยังไม่ตื่น"

    "ทำอะไรถึงได้นอนดึกล่ะหืม?" ไอริณขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ให้กียุล

    "ทิวาช่วยผมทำงานสภาครับ"

    "ช่วยงานเธอดีมั้ยล่ะ?"

    "ก็ถือว่าดีครับ ลายมือสวยดีด้วย"

    "ฮันน่อวว~"

    "ฮันน่อวอะไรล่ะครับ! =///="


    'เงียบๆหน่อยสิ(วะ)คะ คนจะหลับจะนอน(โว้ย)!!! =*=' คนที่นอนบยเตียงบ่นในใจพลางข่มตาเพื่อให้ตัวเองได้ผจญภัยในความฝันต่อ


    "นี่กี่โมงแล้วเหรอจ๊ะ?"

    "เจ็ดโมงสี่สิบหกครับ มีอะไรรึเปล่า?"

    "พวกนั้นยังไม่มาเอาเอกสารเลยน่ะจ้ะ แม่นัดไว้ตั้งแต่เจ็ดโมงแล้วนะ" ไอริณกอดอกพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

    "รออีกสักหน่อยก็ได้นะครับ"

    "งั้นแม่ขอออกไปดูนอกห้องหน่อยนะ" ไอริณลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้อง 


    ปัง!


    พอไอริณเดินออกไปจากห้อง กียุลก็หันมาให้ความสนใจทิวาที่ไม่ยอมตื่น(?)ต่อ

    "จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนเนี่ยยัยลิง -*-" กียุลมองไปที่ใบหน้าเนียนที่กำลัง(แกล้ง)หลับปุ๋ยอยู่แล้วบ่นขึ้นมาลอยๆ ถึงปากจะว่าแต่เขาก็ชอบให้เธอทำตัวแบบนี้นี่แหละ น่ามันเขี้ยวสุดๆ

    "ฉันก็ไม่ได้อยากนอนกินบ้านกินเมืองหรอกนะ แต่พอขยับตัวแล้วมันเจ็บแผล!! =*=" ทิวาลืมตาแล้วตะคอกใส่ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆทันทีจนทำเขาตกใจจนเกือบตกเก้าอี้ ฤทธิ์ของมอร์ฟีนหมดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แผลที่ถูกยิงทั้งสองจุดก็เริ่มแผ่ความเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม ใจนึงก็อยากจะกรีดร้องดังๆเพื่อระบายความเจ็บปวดออกมา แต่ก็เกรงใจคนที่นอนเฝ้าตนอยู่ไม่ห่าง จึงทำได้แค่ข่มตานอนอย่างทรมานจนถึงรุ่งเช้า

    "เฮ้ย!? ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?"

    "สักพักแล้วล่ะนายตี๋แว่น =*=+" ที่ด่าอย่างนี้ได้เพราะตอนนี้กียุลใส่แว่นหนาเตอะอะไรนั่นของเขาอยู่

    "ปากดีนักนะเธอ เจ็บจนน้ำตาคลอเบ้าแล้วไม่ใช่รึไง?" กียุลที่สังเกตเห็นบางอย่างก็ทักขึ้นลอยๆ ทิวาที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตา แต่พอขยับก็ยิ่งเจ็บ น้ำตาก็เลยออกมามากกว่าเดิม

    "..."

    "ทนหน่อยนะ ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะหยิบความเจ็บที่เธอได้รับมาไว้ในตัวฉันแทน รู้สึกเจ็บใจจริงๆนะ ที่เห็นแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้" กียุลลูบหัวให้กำลังใจทิวาอย่างอ่อนโยน มันอบอุ่นมากๆ อบอุ่นจนน้ำตาที่กลั้นไว้เริ่มไหลออกมาเต็มใบหน้าของหญิงสาว

    "ฮึก.. ฮึก.."

    "เธอต้องหายนะทิวา อดทนอีกนิดนึงนะ" กียุลคอยลูบหัวให้ทิวาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ทิวาร้องไห้หนักขึ้น 

    "ฮืออออ.."

    "ทนหน่อยนะ" กียุลบีบมือทิวาเบาๆเป็นความนัยบอกว่าสู้ๆ

    "กียุล.. ฉันเจ็บ.." ทิวาพูดอย่างหมดแรง ดวงตามองไปบนเพดานอย่างเหม่อลอย แต่ความเจ็บที่แผลทั้งสองจุดยังกัดกินร่างกายอยู่เรื่อยๆ

    "ทนอีกนิดนะ ถ้าทำอย่างนั้นเธอจะติด มันไม่ดี"

    "ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว.. ขอร้องเถอะนะ ฉันไม่ติดหรอก"

    กียุลถอนหายใจแล้วหยิบมอร์ฟีนมาฉีดให้ทิวา สักพักหลังจากที่ฉีดไปทิวาก็มีสีหน้าที่ดีขึ้น หยุดร้องไห้ฟูมฟาย เริ่มขยับเขยื้อนร่างกายได้โดยที่ไม่เจ็บปวด ความจริงเขาไม่อยากเอามอร์ฟีนมาฉีดให้เธอเลยสักนิด เพราะถ้าใช้ต่อไปเรื่อยๆจะเกิดอาการเสพติด ก็เพราะมันคือสารเสพติดชนิดหนึ่ง เขาสัญญากับตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉีดมอร์ฟีนให้เธอ เพราะถ้าเกิดมีครั้งต่อไปคงอันตรายต่อตัวทิวาแน่ๆ

    "ดีขึ้นรึยัง?" กียุลถามทิวาขณะที่เขากำลังเก็บเข็มฉีดยา

    "เหมือนตัวลอยได้เลยล่ะ ขอบใจนะนายตี๋"

    "อืม ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ"

    "...ก็ได้" ทิวาเงียบไปสักพักแล้วตอบตกลง


    โครก~!


    "0///0"

    "หิวแล้วล่ะสิยัยลิง" กียุลถามอย่างกวนประสาท

    "ย่ะ!! -////-"

    "อยากกินอะไรล่ะ เดี๋ยวฉันทำให้"

    "หา!? นายเนี่ยนะทำอาหารเป็น!?"

    "พูดมากเดี๋ยวไม่ทำให้ซะเลยนี่! อยากกินอะไรล่ะ!! -*-"

    "อืม... ต้มยำกุ้ง ^^"

    "ห๊า.." กียุลอึ้งไปนิดๆกับคำตอบของคนตรงหน้า

    "ใช่! ^^"

    "คนป่วยกินต้มยำกุ้งเนี่ยนะ!?"

    "ก็อยากกินอ่ะ ไม่ได้รึไง?" 

    "ก็ได้ แต่"

    "รึว่านายทำไม่เป็นล่ะ?"

    "..."


    'ก็ใช่น่ะสิ!! ไม่เคยทำด้วย!! =_=;'


    "อ่าๆไม่เป็นไร ฉันมีสูตรต้มยำกุ้ง เอาไปทำนะ ฉันหิวละ ^_^" ทิวายิ้มแฉ่งเป็นการกดดันเล็กๆให้กียุล

    "ครับๆ" กียุลรับสูตรจากมือทิวาแล้วเดินหายเข้าไปในครัว ทิวานั่งมองแผ่นหลังคนตัวสูงอยู่บนเตียงแล้วหัวเราะอยู่ในใจ ต้มยำกุ้งมันไม่ได้ทำง่ายๆหรอกนะ!

    กียุลยืนอ่านสูตรทำต้มยำกุ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วเปิดตู้เย็นดูวัตถุดิบที่มีอยู่ มีทั้งขิงข่าตะไคร้ใบมะกรูด กุ้ง เห็ด พริก หอมแดง มะเขือเทศ ผักชี แถมส่วนเครื่องปรุงก็มีมะนาว น้ำปลา น้ำตาล เรียกได้ว่ามาครบเหมือนจงใจให้ทำชัดๆ 


    'ไม่มีพริกเผาก็น่าจะน้ำใส งั้นทำต้มยำกุ้งน้ำใสละกัน'


    กียุลหยิบวัตถุดิบทั้งหมดออกมาเตรียมไว้ที่โต๊ะแล้วหยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ ใช้แว่นเสยผมขึ้นแล้วคาดไว้บนหัว เผยให้เห็นหน้าผากเนียนที่ไม่มีความเถิกเลย(อิจฉา -.,-) ถกแขนเสื้อทั้งสองขึ้นแล้วหั่นวัตถุดิบต่างๆอย่างตั้งใจ นำหม้อมาตั้งไฟแล้วใส่น้ำลงไป เขากะจะทำกินประมาณ 3 คน ไอริณ ทิวาและตัวเขา แต่ตอนที่กำลังใส่น้ำเขาก็รู้สึกตะหงิดใจบางอย่างจึงใส่ลงไปอีกกลายเป็นหม้อนึงกินได้กันประมาณสิบกว่าคน 

    ทิวานั่งเล่นเกมไปเรื่อยๆรอเวลาที่เธอจะได้กินต้มยำกุ้งฝีมือกียุล มือปาดหน้าจออย่างเมามันส์จนลืมว่าเมื่อกี้ยังเจ็บแผลอยู่เลย ฤทธิ์มอร์ฟีนนี่มันดีจริมๆ -w- (เด็กๆไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างในการใช้มอร์ฟีนนะจ๊ะ) 

    "โธ่! ได้แค่ 11 chain เอง! อีก 1 chain ก็จะได้ excellent แล้วแท้ๆ!!" ทิวาสบถออกมาอย่างหัวร้อน เธอนั่งมองตัวละครในทีมกำลังต่อสู้กับศัตรูอยู่ เมื่อต่อสู้เสร็จเธอก็ต้องทำหน้าที่ปาดลูกแก้วต่อภายในเวลา 10 วิ

    "อ๊ะ! ฟีเวอร์ล่ะ!" ทิวารัวนิ้วกดลูกแก้ว ในช่วงฟีเวอร์เราสามารถทำลายลูกแก้วได้โดยไม่ต้องปาด แค่กดมันก็ถูกทำลายแล้ว แต่ฟีเวอร์ก็มีเวลาจำกัด เลยต้องรีบๆกดหน่อย

    เกมดำเนินจนมาถึงด่านสุดท้าย ศัตรูระดับบอส เธอรีบใช้สกิลตัวละครทำลายลูกแก้วให้อัญมณีหล่นลงมาข้างล่าง เพราะมันจะทุ่นแรงเราในการตะลุมบอนกับบอสได้ ใช้สกิลทำลายลูกแก้วผสมกับสกิลฟื้นฟูพลังชีวิตสลับกันไปมาจนชนะ

    "เย้!!!!!" ทิวาร้องเย้ลั่นห้องประมาณสามวิแล้วจ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างลุ้นสุดๆว่าจะได้ตัวละครในเกมใหม่ๆมาบ้างมั้ย 

    "กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!!!!"

    "เกิดอะไรขึ้นทิวา!?" กียุลรีบพุ่งพรวดมาจากห้องครัวทันทีที่ได้ยินเสียงทิวาร้อง ในมือยังถือเห็ดที่กำลังจะใส่ลงไปในหม้อต้มอยู่เลย

    "กะ.. กียุล!"

    "อะไร!!??"

    "ฉัน.. ฉัน.."

    "อะไรล่ะ บอกฉันมาสิทิวา!!"

    "ฉันได้เจ้าชายคนใหม่ล่ะ หล่อมากกกก!!!!!! >{}<" ทิวาหันหน้าจอโทรศัพท์ให้กียุลดูแล้วกรี๊ดกร๊าดแทบคลั่ง ได้เจ้าชายคนที่อยากได้มานานเลยเชียวนะ! ต้องมีดีใจเป็นปกติอยู่แล้วนี่

    "=____=" ในใจล่ะอยากจะกุมขมับจะแย่ แต่มือก็ดันเลอะพริก อีกมือนึงก็ถือเห็ดอยู่ กียุลก็เลยได้แต่ทำหน้าโคตรเบื่อโลก สีหน้าคงบ่งบอกว่า 'แล้วจะกรี๊ดทำไมฟะ?'

    "ยัยบ๊องเอ๊ย.." เขาส่ายหัวสองสามทีแล้วเดินกลับห้องครัวไป ปล่อยให้ทิวากรี๊ดใส่โทรศัพท์อยู่อย่างนั้น

    เสียงกรี๊ดเงียบลงเพราะทิวาหิวสุดๆ คงไม่มีแรงมากรี๊ดอะไรอีกในตอนนี้ นั่งทนหิวไปได้สักพักกียุลก็ยกถ้วยสีขาวที่ใส่ต้มยำกุ้งพร้อมกับข้าวสวยเดินมาหาทิวาแล้ววางลงที่ข้างๆ กลิ่นหอมๆของสมุนไพรในต้มยำ ควันอุ่นๆที่ลอยขึ้นมาจากข้าวสวย ชวนให้เสียงโครกครากในท้องดังขึ้นมากกว่าเดิม

    "โห~ น่าอร่อยจังน่ออ *0*"

    "นั่นสิเจ้าคะ~ ยูริยิ่งหิวๆอยู่ด้วย"

    "ทำอาหารไทยก็เก่งดีนะยะกียุล"

    "เฮ้ย!?/เฮ้ย!?" การปรากฏตัวอย่างไม่ทันตั้งตัวของนาซิสซ่า ยูริ และเหมยฮัวทำให้ทั้งสองตกใจมาก ตอนแรกหัวใจนี่หล่นลงไปตาตุ่ม ในใจก็คิดอยู่ว่าโผล่มาได้ไงฟะ? อยู่ในห้องกันสองคนดีๆมาจากไหนอีกไม่รู้ตั้งสามคน ดีแล้วที่ยังเป็นเพื่อนๆของเขา ไม่ใช่ผี -_-; 

    "โผล่มาจากไหนกันเนี่ยพวกเธอ?" ทิวาทักผู้มาใหม่ทั้งสามที่จ้องจะกินต้มยำกุ้ง

    "มาทางประตูนั่นแหละย่ะ แม่เธอให้พวกฉันเข้ามารอในห้องก่อน ว่าแต่ขอร่วมวงกินข้าวด้วยได้มั้ยยะ ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย" นาซิสซ่านั่งลงบนโซฟาข้างเตียงอย่างสง่างาม 

    "ยูริกับคุณเหมยฮัวด้วยได้มั้ยเจ้าคะ ^^" 

    "ได้สิ มากินด้วยกัน" กียุลตอบตกลงแล้วตักข้าวใส่จานให้ทั้งสามคน

    "ขอบคุณนะยะ" นาซิสซ่ารับจานข้าวจากกียุลแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว

    "ขอบคุณเจ้าค่ะ/เซี่ยเซี่ยน่อ" ทั้งสองรับจานข้าวแล้วเดินไปนั่งกับนาซิสซ่า

    "แล้วของฉันอ่ะ" ทิวาท้วงขึ้นเพราะเห็นว่ากียุลตักข้าวใส่จานอีกแค่จานเดียวแล้วปิดฝาหม้อหุงข้าวลง นี่จะแกล้งเธออีกแล้วใช้มั้ยเนี่ย

    กียุลมองทิวาอย่างนิ่งๆแล้วเดินเข้าไปในครัว ได้ยินเสียงตึงตังเบาๆสักแปบนึงกียุลก็เดินออกมาพร้อมกับถ้วยเล็กๆที่ใส่ต้มยำกุ้งไว้แล้วกลับมานั่งลงข้างๆทิวา เขาตักน้ำซุปราดข้าว แกะกุ้งแล้วตักขึ้นมาจ่อที่ปากทิวา ทิวายัง งงๆกับการกระทำของเขาเลยไม่ได้เปิดปาก 

    "ฉันจะป้อนเธอเอง" กียุลพูดแล้วจ่อช้อนเข้าไปใกล้ๆปากทิวา

    "อะ" พออ้าปากปุ๊บก็โดนยัดข้าวเข้าปากทันที ทิวาเคี้ยวข้าวอยู่สักพักแล้วกลืนลงคอ 


    'อร่อยมาก ไม่คิดว่าจะทำได้อร่อยขนาดนี้นะเนี่ย'


    "เป็นไงบ้าง?" กียุลที่เห็นว่าทิวาเงียบไปสักพักก็ถามขึ้น ในใจก็นึกว่าสำลักข้าวไปแล้ว

    "อร่อยนะ อร่อยมาก ><"

    "แน่นอน ทำตามสูตรที่เธอให้มาเลย แต่ก็ปรุงเพิ่มนิดนึง"


    แชะ


    "ฉันคิดถึงอาหารไทยเลยอะ วันหลังทำให้อีกได้มั้ย?"

    "ถ้าฉันว่างอะนะ เพราะนี่ก็ยากเอาการเลยล่ะ"

    "แต้งกิ้ววว"

    "อะแฮ่ม!" เสียงบางคนกระแอมดังขึ้น ดึงความสนใจให้ทั้งสองหันไปมองที่ต้นเสียง ก็พบว่าเป็นนาซิสซ่าที่กระแอมเมื่อกี้

    "เปล่าๆไม่มีอะไร ฉันสำลักเพราะเผ็ดน่ะ" นาซิสซ่ารีบพูดปัดๆแล้วควานหาน้ำดื่มแก้เผ็ด เหงื่อเริ่มออกตามใบหน้าเพราะร้อน

    "ลืมไปว่าเธอกินเผ็ดไม่ได้ ขอโทษนะนาซิสซ่า" กียุลหยิบขวดน้ำแล้วรีบลุกเอาไปให้นาซิสซ่า เธอรับมาแล้วกระดกเป็นว่าเล่น

    "นาซิสซ่าเป็นไงบ้าง!?" ทิวารีบลุกขึ้นไปหานาซิสซ่าที่กำลังไออยู่

    "แค่ก แค่ก ไม่เป็นไรย่ะ ฉันไม่ชินน่ะแต่อร่อยดีนะกียุล"

    "ขอบคุณนะ"

    "เฮ้อ~ โล่งอก" ทิวาถอนหายใจ

    "แล้วขาคุณทิวาไม่เป็นอะไรเหรอเจ้าคะ?"

    "ไม่หรอกๆ กินยากันไว้แล้วน่ะ"

    "งั้นพวกอากียุลไปกินข้าวเถอะน่อ พวกอั๊วก็จะรีบกินเดี๋ยวเข้าเรียนสาย"

    "โอเค งั้นค่อยๆกินนะนาซิสซ่า" กียุลตบไหล่นาซิสซ่าเบาๆแล้วส่งยิ้มให้

    "อะ อืม -//-"

    "เขินไรยัยกิ้งก่า! -*-" 

    " 'หึง' เหรอน่อ?"

    "เปล่าซักหน่อย -_-" ทิวาตีหน้าซื่อแล้วเดินกลับไปนั่งเล่นเกมที่เตียง

    "ตามไปง้อเร็วน่อ ชิ่วๆ -3-" เหมยฮัวสะบัดมือไล่กียุล

    "ไหงงั้นล่ะ? เธอทำทิวางอนเองนะเหมยฮัว" กียุลคัดค้าน

    "อาทิวาไม่เคยงอนพวกอั๊วหรอก อาการแบบนี้มันเป็นอย่างอื่น ไม่ใช่งอนหรอกน่อ"

    "ดูยังไงก็งอนชัดๆ"

    "ไม่ใช่หรอกเจ้าค่ะ พวกยูริอยู่ด้วยกันมานานจะรู้นิสัยคุณทิวาเจ้าค่ะ"

    "ยัยลิงคงจะ 'เขิน' ล่ะมั้ง?" สิ้นสุดคำพูดนาซิสซ่า หัวสมองกียุลก็เหมือนมีหลอดไฟสว่างปิ๊งขึ้นมา นี่น่ะเหรอ อาการเขินของทิวา

    "งั้นฉันไปก่อนละกัน พวกเธอก็รีบๆกินนะ เข้าเรียนตอน 8.30 น่ะ"

    "โอเค" ทั้งสามพูดพร้อมกันแล้วกินข้าวต่อจนหมด

    "ขอบคุณสำหรับอาหารเช้านะเจ้าคะ ไว้วันหลังยูริจะทำให้คุณกียุลบ้างเจ้าค่ะ" ยูริโน้มตัวลงพอเป็นมารยาท

    "ถึงจะเผ็ดไปหน่อยแต่ก็อร่อยมากๆ ขอบคุณนะยะ" นาซิสซ่าก็ยังคงกระดกน้ำแก้เผ็ดรัวๆอยู่

    "อาหารไทยนี่อร่อยจริงๆเลยน่อ วันหลังทำให้อั๊วกินบ้างอีกนะอากียุล" เหมยฮัวดูอิ่มเอมกับอาหารมื้อเช้ามาก ทั้งสามรู้สึกทั้งอิ่มกายและอิ่มใจ ก็แหงสิ มีหนุ่มหล่อมาทำอาหารเช้าให้(?) ก็ต้องมีอาการฟินบ้างสิ

    "ได้เลย โชคดีนะ" กียุลอวยพรให้ทั้งสามแล้วโบกมือลา ทิวาไม่ได้มาส่งที่หน้าห้องด้วยเพราะถ้าเดินมากกว่านี้แผลอาจจะทำให้เจ็บยิ่งกว่าเดิม คำอวยพรของกียุลฟังดูแปลกๆแต่ก็เหมาะกับสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้เป็นอย่างดี การที่พวกเจ้าหญิงปลอมตัวเข้ามาในโรงเรียนเจ้าชายย่อมไม่ปลอดภัยอยู่แล้ว เสี่ยงต่อการโดนจับได้ง่ายๆ แถมต้องมาตามสืบหาคนร้ายกับองค์กรรัฐบาลโลกแล้วก็ต้องคอยหลบหนีพวกก่อการร้ายด้วยแล้ว พวกเขาคงต้องการคำอวยพรอยู่คำเดียวคือคำว่า ขอให้โชคดี

    ทั้งสามเดินตามแผนที่ที่กียุลให้มา ตอนนี้เวลาประมาณแปดโมงสิบหก มีนักเรียนเจ้าชายโนอาห์เดินกันขวักไขว่เพื่อจะเข้าห้องเรียนของตน ท่าทางการเดินของพวกเธอก็ต้องกลมกลืนกับพวกผู้ชายเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย มันลำบากมากๆแต่ก็ต้องทำ 

    นักเรียนที่นี่เป็นมิตรกันดีเกินคาด เวลาพวกเขาเดินผ่านพวกเธอก็จะส่งยิ้มให้ตลอดเหมือนเป็นคำทักทายว่า อรุณสวัสดิ์ อะไรประมาณนี้ บางคนที่ร่าเริงหน่อยก็โบกมือทักทั้งๆที่ไม่รู้จัก ดูเหมือนจะบ้าแต่มันก็น่ารักมากๆ ไม่มีใครเดินผ่านแล้วเมินใส่สักคน ก็น่าจะถือว่าเป็นมารยาทสังคมอย่างหนึ่งล่ะนะ

    ทั้งสามเดินมาถึงห้องๆหนึ่งที่มีป้ายสีทองสลักด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษติดอยู่หน้าห้องว่า 'Duke’s Classroom 3A' นี่น่าจะเป็นห้องเรียนของพวกเธอนี่แหละ 

    "3A คืออะไรเหรอน่อ?" เหมยฮัวยืนมองป้ายอย่าง งงๆ

    "อืม.. ในประวัติส่วนตัวเราเขียนว่าอยู่คลาสดุ๊กห้อง A ปี 3 น่ะ น่าจะเป็นห้องเรียนของพวกเด็กห้อง A ปี 3 ล่ะนะ" นาซิสซ่าอ่านใบประวัติของตัวเองแล้วตอบคำถามเหมยฮัว โดยเวลาพูดก็ตัดคำว่า 'ย่ะ' ออกแล้งทำเสียงให้ทุ้มลงอีกนิดนึง 

    "ตั้งชื่อได้แปลกดีนะน่อ"

    "งั้นพวกเราเข้าไปกันเลยดีมั้ยฮะ?" ยูริพูด ไม่มีคำว่าเจ้าค่ะลงท้ายมันดูพูดไม่ถนัดแปลกๆ เดี๋ยวสักพักก็คงชินไปเองแหละ 

    "ไปกันเลยน่อ!" เหมยฮัวเอื้อมมือไปเปิดประตูแต่มันก็ถูกเปิดออกก่อนเพียงเสี้ยววินาทีเดียวด้วยมือของนักเรียนคนหนึ่ง

    "อ้าว!? คุณเหมยฮั- หยาง!?" ฮอรัสเปิดประตูมาเจอเหมยฮัวแบบไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ยังเล่นตามแผนได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    "อะ.. อ้าว! อาฮอรัส หวัดดีน่อๆ"

    "สวัสดีขอรับ คุณยู คุณนาร์เซส ^^" ฮอรัสหันมาทักทายยูริกับนาซิสซ่า

    "สวัสดีฮะ!/สวัสดี"


    'กระดากปากแปลกๆชอบกล T^T' ทั้งสองคิดในใจ


    "แล้วอาฮอรัสจะไปไหนเหรอน่อ?"

    "ก็จะไปตามหาพวกคุณนั่นแหละขอรับ มันเลทมา 15 นาทีแล้ว" พอได้ยินฮอรัสพูดอย่างนั้น ทั้งสามก็มองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองก็พบว่าตอนนี้เวลา 8.45 แล้ว

    "ขอโทษนะ พอดีพวกเราเดินหาห้องกันไม่เจอน่ะ" นาซิสซ่าขอโทษ ลืมคิดไปเลยว่าที่นี่การรักษาเวลาเป็นสิ่งสำคัญมากๆ 

    "ขอโทษน่อ!/ขอโทษฮะ!" ยูริกับเหมยฮัวขอโทษตาม

    "พวกคุณไม่ผิดหรอกขอรับ พวกกระผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่ไม่ได้ไปรับพวกคุณ"

    "แล้วที่เหลือล่ะน่อ?"

    "เดี๋ยวก็ออกมาแล้วขอรับ วันนี้คาบแรกคาบสองเรียนhistoryแต่ว่าคุณครูติดธุระมาเข้าคาบไม่ได้ เลยให้งานไว้น่ะขอรับ"

    "งานอะไรเหรอ?"

    "งานกลุ่ม 10 คนน่ะขอรับ สืบค้นข้อมูลจากสถานที่จริงตามหัวข้อที่ได้รับมาแล้วทำเป็นโปรเจ็คต์"

    "แล้วตอนนี้พวกเรากำลังไปสวนพฤกษศาสตร์ไงล่ะยูคุง!" คริสโตเฟอร์โผล่มาจากด้านหลังฮอรัสแล้วทักยูริ

    "อ้าว!? คุณคริส สะ..สวัสดีฮะ!" 


    'เกือบหลุดเจ้าค่ะไปแล้วมั้ยล่ะเจ้าคะคุณคริส! T_T'


    "เดี๋ยวนะ? สวนพฤกษศาสตร์??" นาซิสซ่าทวนคำอีกรอบ 

    "ใช่แล้วขอรับ พวกเราได้หัวข้อการทำงานมานั่นก็คือ 'ประวัติศาสตร์ของดอกไม้' "

    "โห.. หัวข้อถือว่ากว้างมากเลยนะ" 

    "ใช่มั้ยล่ะครับ! ผมถึงคิดว่าถ้ามีคุณนาร์เซสอยู่กลุ่มเราต้องไปได้สวยแน่ๆ!!" ดันเต้วาร์ปมาอยู่ข้างหลังนาซิสซ่าแล้วจับไหล่ทำให้เจ้าตัวตกใจจนเผลอหยิบพัดมาฟาดหน้าชายหนุ่มไปเต็มๆ


    เพี๊ยะ!!!


    "แอ้ก!!!" 

    "ใครใช้ให้มาด้านหลังแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงล่ะตาดันเต้!!!" นาซิสซ่าเก็บพัดลงกระเป๋าเสื้อแล้วสะบัดบ็อบใส่ดันเต้ที่นอนกองอยู่กับพื้นด้วยฝีมือเธอเมื่อกี้

    "อูย.. เจ็บๆๆๆ" ดันเต้ค่อยๆดันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วจับแก้มข้างที่เขาเพิ่งโดนตบด้วยพัดเมื่อกี้ "คุณนาร์เซสใจร้ายอ่ะ T^T"

    "หึ!" นาซิสซ่าหัวเราะในลำคอ "แล้วอเล็กเซกับโรซารี่ล่ะฮอรัส?"

    "ถ้าเป็นคุณโรทล่ะก็กำลังเก็บของออกมาน่ะขอรับ" ฮอรัสชะโงกหน้าเข้าไปในห้องเรียนแล้วหันมาตอบคำถามของนาซิสซ่า

    "อ่อ รอสองคนนั้นแล้วค่อยไปละกัน ฉันล่ะอยากเห็นสวนพฤกษศาสตร์ของที่นี่จริงๆ"

    "รับรองยูจะตกใจเลยล่ะ! เพราะว่ามันสวยมากๆ ไม่ได้โม้นะ!!" คริสโตเฟอร์พูดอย่างหนักแน่น

    "จ้าๆ =_=;"

    "อ๊ะ! คุณอเล็กเซกับคุณโรทออกมาแล้วฮะ" ยูริชี้ไปทางข้างหลังฮอรัส ก็เห็นอเล็กเซกับโรซารี่เดินถือสัมภาระพะรุงพะรังมาทางพวกเธอ

    "สวัสดีครับทุกคน! อ่ะนี่กระเป๋าของคริสนะ" อเล็กเซทักทายพวกเขาเป็นปกติแล้วยื่นกระเป๋าสะพายสีแดงให้คริสโตเฟอร์

    "Thanks! Alexei เก็บของมาหมดแล้วใช่มั้ย?" คริสโตเฟอร์รับกระเป๋าจากอเล็กเซแล้วตรวจดูความเรียบร้อย

    "เก็บมาหมดแล้วฮะ ส่วนนี่ของดันเต้นะ" อเล็กเซยื่นกระเป๋าสีทองให้ดันเต้ที่ยืนหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆคริสโตเฟอร์

    "สีกระเป๋าสะท้อนแสบตามากเลยนะ =_=" นาซิสซ่าแขวะดันเต้ เธอล่ะไม่เข้าใจรสนิยมเขาเลยจริงๆ

    "ผมก็ไม่ค่อยชอบกระเป๋าสีแบบนี้แหละครับ แต่ใส่มาเผื่อมี'คนสวย'แถวนี้ถามน่ะ ^^" ดันเต้ยิ้มระรื่นใส่นาซิสซ่า ทำเอาเจ้าตัวเขินจนด่าออกมาไม่เป็นคำเลย

    "นาย.!! ///_///"

    "โอ๊ยมดกันน่อ"

    ตบมุกได้ดีเยี่ยมจริงๆเหมยฮัว…

    "พวกเธอมาช้ากันจริงๆนะ นี่ฮอรัส กระเป๋าของนายน่ะ" โรซารี่ทักเพื่อนๆเจ้าชาย(?)ของเธอแล้วยื่นกระเป๋าหนังสีเขียวเข้มดูหรูให้ฮอรัส

    "ขอบคุณขอรับ"

    "อาโรซารี่หายปวดยังน่อ?" เหมยฮัวที่เห็นว่าโรซารี่ปกติดีก็เอ่ยถามขึ้น

    "ได้ยาของอเล็กเซช่วยไว้น่ะ ต้องขอบคุณพวกเธอด้วยนะ"

    "ไม่เป็นไรน่อ แค่หายปวดก็พอแล้วแหละ ฮ่าๆ"

    "งั้นพวกเราไปกันเลยมั้ยขอรับ?" ฮอรัสพูดแล้วจับมือเหมยฮัวแน่น


    หมับ!


    "เอ๊ะ!? 0///0"

    "ไปกันเลย!!" 

    "เดี๋ยวก่อนสิน่ออออออ!!!!"


    สวนพฤกษศาสตร์

    เมื่อก้าวเข้ามาในอาณาเขตของสวนพฤกษศาสตร์ เหล่าผีเสื้อก็พร้อมใจกันกระพือปีกบินว่อนไปทั่วสวน เนื่องจากเป็นสวนในเรือและสวนในร่ม ที่นี่จึงเป็นสวนเรือนกระจกแทนที่จะเปิดโล่งกว้างแบบลาฟลอร่า มีมุมโต๊ะหินอ่อนสีชมพูนวลและสีขาวมุกให้ได้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ เหล่าต้นไม้และดอกไม้ต่างเติบโตได้ดีเยี่ยมแม้จะเป็นเรือนกระจก มีลมอ่อนๆพัดอยู่ตลอด ทำให้เห็นใบไม้สั่นไหวตามแรงลม มีกลิ่นหอมของดอกไม้ลอยมาแตะจมูกทุกเมื่อที่เดินไปแต่ละก้าว 

    ตอนนี้เป็นเวลาเรียน ภายในสวนจึงมีแต่พวกของเหมยฮัวและฮอรัสอยู่กัน 8 คนเท่านั้น คนดูแลสวนคนอื่นๆก็ไม่อยู่เพราะที่นี่จะเริ่มงานกันประมาณสิบโมง ทำให้พวกเจ้าหญิงสามารถทำตัวได้สบายๆโดยไม่ต้องระแวงหน้าระแวงหลัง

    "เฮ้อ~ สบายตัวจังเลยเจ้าค่ะ~" ยูริวิ่งเข้ามาคนแรกแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วปล่อยออกมา กลิ่นของดอกไม้ทำให้ผ่อนคลายได้จริงๆเลยน้า

    "นั่นสินะยะ อยู่ข้างนอกต้องปลอมตัวแบบนั้นเกร็งเป็นบ้าเลย แต่ก็ต้องทำล่ะนะ" นาซิสซ่าเดินมายืนข้างๆยูริแล้วสูดลมหายใจตาม

    "อยู่ที่นี่พวกคุณสามารถปล่อยตัวได้ตามสบายเลยนะครับ ไว้ออกไปข้างนอกค่อยเก๊กใหม่" อเล็กเซพูด

    "ก็จริงของนายล่ะนะ งั้นเรามาเริ่มแบ่งงานกันเถอะ" โรซารี่หยิบสมุดขึ้นมาแล้วเขียนอะไรบางอย่างลงในนั้น "อืม..หัวข้อถือว่ากว้างมากๆเลยนะ ใครมีข้อเสนอดีๆแนะนำบ้าง?"

    "กระผมขอเสนอ 'ต้นกำเนิดและที่มาของดอกไม้' ขอรับ" 

    "เป็นหัวข้อเปิดได้เลยนะ ใครมีอะไรจะเสนออีกมั้ย?" โรซารี่จดหัวข้อของฮอรัสลงสมุด

    "ฉันขอเสนอ 'ภาษาของดอกไม้' ย่ะ" นาซิสซ่ากางพัดแล้วบังปากตามสไตล์ของเธอ

    "ใช้ได้เลยนี่นาซิสซ่า คนอื่นล่ะ?"

    " 'ดอกไม้กับเหตุการณ์สำคัญ' ครับ" ดันเต้ตอบ

    "ยังไงเอ่ยดันเต้?"

    "อย่างเช่นราชวงศ์ของอังกฤษ 2 ราชวงศ์รวมตัวกันเกิดดอกกุหลาบสีขาวแดงเป็นดอกไม้ประจำราชวงศ์น่ะครับ หรือไม่ก็ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันสำคัญต่างๆ"

    "ความคิดใช้ได้นี่นา มีคนอื่นอีกมั้ย?"

    "ผมครับ 'ดอกไม้ประจำชาติ' " อเล็กเซยกมือตอบ

    "ว้าว! ฉันลืมหัวข้อนี้ไปได้ยังไงเนี่ย ขอบคุณนะอเล็กเซ! ^^" โรซารี่ดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วหันไปขอบคุณหนุ่มตัวเล็กข้างๆตน ทำเอาเจ้าตัวหน้าแดงแปร๊ด

    "มะ..ไม่เป็นไรครับ!! ///-///"

    "คนอื่นมีอีกรึเปล่า?"

    ทุกคนยกเว้นโรซารี่ส่ายหัว 

    "งั้นเอาแค่นี้ก่อนละกัน เดี๋ยวแยกย้ายกันไปหาข้อมูลตามหัวข้อนะ เหมยฮัวฮอรัส 'ต้นกำเนิดและที่มาของดอกไม้' นาซิสซ่าดันเต้ 'ภาษาดอกไม้' ยูริคริสโตเฟอร์ 'ดอกไม้กับเหตุการณ์สำคัญ' ส่วนฉันกับอเล็กเซเป็น 'ดอกไม้ประจำชาติ' นะ อ้อ! ฉันอยากให้พวกเธอถ่ายรูปดอกไม้แต่ละพันธุ์ที่ตัวเองหาข้อมูลไว้ด้วยนะ ฉันคิดว่าเราถ่ายภาพนั้นมาใช้จริงๆน่าจะดีกว่า เอาล่ะแยกย้ายได้!"

    "โอเค!!"


    ทางด้านนาซิสซ่า-ดันเต้

    "เดี๋ยวนายจัดการถ่ายรูปให้หมดเลยนะยะ ค่อยมาหาความหมายของดอกไม้ทีหลัง" นาซิสซ่ายื่นกล้องให้ดันเต้แล้วสั่ง

    "แล้วคุณนาซิสซ่าจะไปไหนเหรอครับ?"

    "ฉันก็ไปกับนายนั่นแหละย่ะ แต่ถ้าหาข้อมูลไปถ่ายรูปไปพร้อมๆกันมันจะช้า ให้นายถ่ายให้เสร็จๆก่อนแล้วมารวบรวมทีเดียวน่าจะเร็วกว่าไงยะ!"

    "ขอโทษครับ แต่ว่าเดินใกล้ๆกันหน่อยนะครับ"

    "ทำไมยะ?"

    "เดี๋ยวที่รักของผมเกิดหลงทางขึ้นมาน่ะสิครับ ผมเป็นห่วงนะ ^^"

    "ไม่หลงหรอกย่ะ!! -///-"

    ดันเต้เริ่มลงมือถ่ายรูปดอกไม้ไปทีละดอก นาซิสซ่าก็คอยจดว่าถ่ายดอกอะไรไปแล้วบ้าง ทั้งสองคนเดินถ่ายรูปมาเรื่อยๆจนถ่ายได้เกินครึ่งของสวนนี้แล้ว ดันเต้เลยเสนอว่าพักกันก่อนดีกว่า แล้วค่อยถ่ายที่เหลือต่อให้เสร็จ ซึ่งนาซิสซ่าก็ไม่มีปัญหาอะไร ดันเต้เลยพานาซิสซ่ามานั่งพักอยู่ใต้ต้นพิกุลต้นใหญ่

    ดันเต้นั่งดูรูปที่ตนถ่ายไปเรื่อยๆ โดยไม่ให้คนที่นั่งข้างๆรู้ตัวว่าตนนั่งดูรูปของเธออยู่ ตลอดเวลาที่เขาถ่ายรูปดอกไม้ เขามักจะแอบถ่ายช่วงจังหวะที่นาซิสซ่าเผลอตลอด ท่วงท่าที่เป็นธรรมชาติไม่มีมาดคุณหนูแบบนั้น เขาชอบที่จะเก็บไว้ดูคนเดียวสุดๆ

    "ได้เวลาแล้วดันเต้" นาซิสซ่าลุกขึ้นแล้วปัดกางเกงให้สะอาด

    "ครับๆ แปบนึงน้าา" ดันเต้บิดขี้เกียจสองสามทีแล้วลุกขึ้นตามนาซิสซ่า ช่วงจังหวะที่จะก้าวเดินก็มีแสงบางอย่างกระทบกับดวงตาของเขา

    "เอ๊ะ?"

    "มีอะไรยะตาดันเต้?"

    "แปบนะครับ เหมือนผมจะเห็นบางอย่าง" ดันเต้ก้มลงไปหา'บางอย่าง'ตรงที่เขานั่งเมื่อกี้ ข้างๆมีพุ่มดอกไม้อยู่ เขารู้สึกว่าแสงวาบนั่นน่าจะมาจากตรงนั้น เมื่อเปิดพุ่มไม้ออกก็เห็นปิ่นปักผมทำจากทองที่มีความยาวแค่ครึ่งนึงจากความยาวปิ่นปกติที่เป็นแท่งทองทู่ๆ ส่วนหัวเป็นรูปปีกนก มีโซ่ทองเล็กๆสองเส้นห้อยลงมาพร้อมโกเมนเม็กเล็กห้อยอยู่ตรงปลายโซ่หล่นอยู่ในพุ่มไม้ เขาจึงหยิบมันขึ้นมาเก็บไว้

    "ผมว่าผมคุ้นเจ้าสิ่งนี้มากๆเลยนะครับ" ดันเต้แบมือออกเผยให้เห็นปิ่นปักผมสีทองบนมือของเขา

    "อะไรเหรอดันเต้? เอ๊ะ!?"

    "คุณพอจะคุ้นไม่ครับคุณแนส?"

    "นายเจอมันที่ไหน!?"

    "ตรงนั้นครับ" ดันเต้ชี้ไปทางพุ่มไม้ที่เขาเจอปิ่นปักผม ทำให้ทั้งสองหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มแทบจะทันที


    "ใต้ต้นทิวา!!??/ใต้ต้นทิวา!!??"



    ________________________________________________________________________________________

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×