ชะรอยรัก พรหมลิขิต
‘บุญพาวาสนาส่ง ลิขิตเจ้ากับเขาได้เคียงคู่กัน’ สุรเสียงของพระธุดงค์ที่เอื้อนเอ่ยวาจานั้นก้องกังวานดังไปยังโสตประสาทของลอออร 'ชีวิตหนึ่งจบสิ้นลง ชีวิตหนึ่งกลับได้เริ่มใหม่อีกครั้ง'
ผู้เข้าชมรวม
4,736
ผู้เข้าชมเดือนนี้
51
ผู้เข้าชมรวม
แท็กนิยาย
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลอออร ศรีเทพวาจาสาร / ลออจันทร์
บุตรสาวของนายเทียนชัย นักธุรกิจอสังหาริมทรัพท์ที่มีฐานะร่ำรวย ลอออร เป็นหญิงสาวที่มีจิตใจดี รักเพื่อน รักครอบครัว และชายคนรักเป็นอย่างมาก แต่เธอกลับต้องมาผิดหวังเรื่องความรัก เพราะแฟนหนุ่มที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วย แอบนอกใจไปมีความสัมพันธ์กับสายพิณ เพื่อนรักของเธอ เป็นเหตุให้เธอต้องล่มงานแต่งงานของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจพาตัวองไปอยู่ที่พระนครศรีอยุธยา กับนวลปรางค์ผู้เป็นย่า ความผิดหวังและเสียใจ ของลอออร ทำให้เธอเสียขวัญอยู่ไม่น้อย ทำให้นวลปรางค์ต้องพาหลานสาวไปปฏิบัติธรรมที่วัด แต่ก่อนที่จะไปปฏิบัติธรรม เธอได้พาลอออรไปพาทำบุญถวายอาหารให้แก่พระธุดงค์รูปหนึ่งที่วัดพระราม พระธุดงค์รูปนี้ได้เอ่ยเตือนสติลอออร ชีวิตหนึ่งจบสิ้นลง ชีวิตหนึ่งกลับได้เริ่มใหม่อีกครั้ง หลังจากกลับมาจากปฏิบัติธรรมที่วัด เธอก็พบประสิทธิ์มารอเพื่องอนง้อขอคืนดีเเก่เธอ หญิงสาวปฏิเสธที่จะกลับไปคบกับประสิทธิ์ เเต่ชายหนุ่มไม่ยอม เลยทำให้ลอออรโกรธจึงขับรถออกจากบ้านของคุณย่านวลปรางค์ ลอออรขับรถมาจอดบริเวณวัดพระรามที่เธอได้เจอกับพระธุดงค์ เเต่ด้วยความเสียใจเเละผิดหวังกับความรัก ทำให้ลอออรตัดสินใจฆ่าตัวตาย เธอจึงตัดสินใจเดินลงไปยังบึงพระราม หมายที่จะฆ่าตัวตาย บังเกิดกระเเสน้ำวนในบึงเเห่งนี้ ร่างของลอออรถูกดูดลงใต้บึง จนเธอขาดอากาศหายใจเเละสิ้นสติไป เป็นเวลาเดียวกันในภพอดีต เรือของเเม่หญิงลออจันทร์ถูกกระเเสน้ำวนทำให้เรือของเเม่หญิงเเห่งไชยาล่มลงตรงคลองสวนพลู ทำให้ร่างน้อยๆของเเม่หญิงลออจันทร์จมลงใต้น้ำ กระเเสน้ำวนนำร่างของลอออรที่มีชีวิตมายังอดีตเเละนำพาร่างที่ไร้วิญญานของลออจันทร์ไปยังภพปัจจุบัน วงล้อโชคชะตานำพาให้หมื่นศรีเทพวาจาได้ช่วยชีวิตลอออรไว้ ก่อนจะถูกกระเเสน้ำวนดูดร่างนั้นไปอีกครา เป็นเหตุทำให้ลอออรต้องติดอยู่ที่กรุงเก่าตลอดไป
หมื่นศรีเทพวาจา
บุตรชายของพระมหาราชครูมหินทรฯ
พระครูของสมเด็จพ่ออยู่บรมโกศ
ท่านหมื่นเป็นคู่ตุนาหงันของแม่หญิงลออจันทร์ แต่ด้วยว่าในสมัยที่หมื่นศรีเทพวาจา
ยังไม่ได้ตั้งยศเป็นหมื่น เขาได้ถูกแม่ลออจันทร์
พูดเหยียดหยามว่าชายหนุ่มไม่คู่ควรแก่เธอ ด้วยเหตุว่าเขามิได้เป็นขุนนาง
จึงเป็นเหตุให้ชายหนุ่มฮึดสู้ที่จะทำงานในรั้วในวัง
เพื่อเอาชนะคำสบประมาทของลออจันทร์ จนเมื่อท่านออกญาพระวิชิตภักดีสิ้น เขาและครอบครัวแม่หญิงเรไร
ได้ไปร่วมพิธีงานศพ ลออจันทร์ได้ผลักแม่หญิงเรไรตกบันไดในเรือนของเธอ ทำให้หมื่นศรีเทพวาจายิ่งชังน้ำหน้าลออจันทร์มากกว่าเดิม
แต่หลังจากที่เขาได้ช่วยชีวิตลออจันทร์จากการจมน้ำ เขาสังเกตได้ว่าแม่หญิงผู้นี้ได้เปลี่ยนไป
ทั้งความคิด ทั้งกิริยา และคำพูด
ทำให้ชายหนุ่มเริ่มมีความรู้สึกดีๆกับแม่หญิงลออจันทร์มากขึ้น จวบจนกลายเป็นรัก
พระมหาราชครูพระครูมหิธรธรรมราช
ท่านหลวงศรียศ (สน)
บุตรชายของเจ้าพระยาศรีไสยหาญณรงค์ เป็นลูกหลานสายตระกูลเฉกอะหมัด เชื้อสายแขกเปอร์เซีย ที่หลงรักแม่หญิงลออจันทร์ ถึงขั้นให้บิดามาสู่ขอเพื่อให้ได้นางมา
แม่หญิงเรไร
เป็นบุตรีของออกพญาศรีราชเดโชฯ
เจ้ากรมอาสาหกเหล่าขวา หล่อนเป็นแม่หญิงที่มีจิตริษยาต่อแม่ลออจันทร์
ทั้งยังใส่ความแม่ลออจันทร์ว่าเป็นคนทำร้ายเธอ เพื่อหวังให้หมื่นศรีเทพวาจาเกียจชังในตัวของลออจันทร์แล้วดูเหมือนว่าหล่อนจักทำสำเร็จเสียด้วยสิ
เรื่องย่อ
ลอออร อดรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
เมื่ออีกไม่กี่วันข้างหน้า
เธอกำลังจะได้เข้าพิธีสมรสกับชายหนุ่มที่เธอรัก อย่างประสิทธิ์
หลังจากที่เธอและเขาบ่มเพาะความรักกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย
จนตอนนี้ก็ครบหกปี ที่เธอและเขาคบกันมา โดยมีสายพิณ เพื่อนสาวคนสนิท
คอยให้กำลังใจและเป็นกาวใจให้เขาและเธอมาเสมอ
จนกระทั่งในคืนก่อนแต่งงาน ลอออรเห็นว่าประสิทธิ์ลืมแหวนแต่งงานที่เขาต้องใช้ในพิธีตอนเช้า
เธอเลยขับรถนำแหวนแต่งงานไปให้ชายหนุ่มคนรักที่คอนโดฯ โดยไม่บอกกล่าวแก่ชายหนุ่ม พอถึงคอนโด เธอก็ไขกุญแจเข้าห้องประสิทธิ์อย่างที่เคยทำทุกครั้ง
เมื่อเข้าไปในห้อง เธอก็พบรองเท้าส้นสูงที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี อยู่ในห้อง ลอออรรู้สึกเอะใจอะไรบางอย่าง
เธอจึงเดินเข้าไปถึงห้องนอนของคนรัก ประตูห้องนอนเปิดแง้มไว้
ทำให้หญิงสาวได้รับรู้ความจริงที่เธอไม่เคยได้รู้มาก่อน ภาพกอดรัดนัวเนียของประสิทธิ์และสายพิณ
ทำให้ลอออรถึงกับเสียใจอย่างที่สุด
ไม่คิดว่าเพื่อนรักและคนรักจะหักหลังเธอได้อย่างเจ็บปวดอย่างนี้ หญิงสาวตัดสินในวางกล่องแหวนคืนชายหนุ่มคนรัก
แล้วตัดสินใจเดินทางไปพระนครศรีอยุธยาในคืนนั้นทันที นวลปรางค์ผู้เป็นย่ารู้สึกแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นหลานสาวมาหาตน
ในตอนดึก ลอออรกอดผู้เป็นย่าที่เปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
เพื่อรับไออุ่นจากอ้อมกอดนั้น แล้วเธอได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นย่าฟัง
นวลปรางค์สงสารหลานจับใจ จึงโทรศัพท์หานายเทียนผู้เป็นบิดาของลอออร
ว่าหญิงสาวขอยกเลิกงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ พร้อมบอกเหตุผลทั้งหมด
นายเทียนเข้าใจถึงเรื่องราวทั้งหมด
หลายวันผ่านไปลอออรยังคงเศร้าเสียใจ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ
จนไม่ยอมทานข้าว หมกมุ่นแต่ในห้อง ร้อนใจถึงผู้เป็นย่า
จึงต้องพาหลานสาวมาปฏิบัติธรรมที่วัดพระราม ที่อยู่ใกล้บ้าน ลอออรปฏิบัติธรรมไปด้วยความทุกข์ใจ
เพราะมิอาจลืมเลือนชายคนรักได้ เธอจึงเดินเหม่อลอยไปเรื่อยๆ จนพบกับบึงพระราม ลอออรรู้สึกว่าโลกนี้ช่างโหดร้ายกับเธอเสียเหลือเกิน
เธอจึงตัดสิ้นใจฆ่าตัวตาย โดยเดินลงไปในบึง หวังปลิดชีพ เมื่อร่างน้อยๆ
เดินลงไปในบึง บังเกิดกระแสน้ำวนขึ้น ร่างน้อยๆถูกดูดกลืนลงไปยังก้นบึง
แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามตะเกียกตะกายสักเพียงไร กระแสน้ำนั้นกลับดูดร่างเธอจน ลอออรหมดแรงและสิ้นสติไป
ในขณะนั้นอีกฝากหนึ่งของภพภูมิหนึ่งเรือของแม่หญิงลออจันทร์
บุตรีออกพระวิชิตภักดี
เจ้าเมืองไชยา เธอถูกส่งมาจากเมืองไชยา เพื่อเป็นคู่ตุนางันของบุตรชายพระมหาราชครูพระครูมหิธรธรรมราช
ด้วยเหตุว่าบิดาออกพระวิชิตภักดี สิ้นชีพด้วยโรคอหิวาตกโรค
จึงทำให้แม่หญิงลออจันทร์ไร้ผู้ดูแล ด้วยว่าตัวแม่หญิงนั้นไม่มีญาติมิตรที่ไหน
นอกจากพระมหาราชครูพระครูมหิธรธรรมราช
ผู้เป็นสหายเพียงคนเดียว
ท่านราชครูเลยรับแม่ลออจันทร์อุปการะไว้
แต่ยังไม่ทันที่แม่หญิงจะได้พบกับคู่ตุนาหงัน ก็บังเกิดกระแสน้ำวนขึ้น
เรือที่แม่หญิงลออจันทร์นั่งมานั้น ก็พลันล่มลงกลางคลองสวนพลูในทันที กระแสน้ำวนดูดร่างของแม่หญิงจมดิ่งลงสู่พื้นพสุธา
บ่าวคนสนิททั้งสองที่จะเข้าไปช่วยแม่นายของตนเอง ก็ต่างถูกกระแสน้ำพัดให้ห่างออกไป
เมื่อร่างของแม่หญิงลออจันทร์จมหายไปแล้วกระแสน้ำวนนั้นก็พลันหายไปเช่นกัน
ข่าวล่วงรู้ถึงพระมหาราชครูฯ จึงวานให้บ่าวในเรือนดำน้ำหาแม่หญิงลออจันทร์อีกครั้ง
พระมหาราชครูฯปักธูปลงกลางหาว ก่อนจะอารัมบทคาถาขึ้น เพื่อขอเทวดาฟ้าดินให้เปิดทาง
ตามหาศพของหลานสาวเจอ เมื่อพระมหาราชครูฯกล่าวจบคาถา บังเกิดน้ำวนอีกครั้ง
คราวนี้ผู้คนแตกตื่น เมื่อน้ำวนนั้นพัดร่างของอิสตรีหนึ่งขึ้นเหนือน้ำ
ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆถูกน้ำพัดไปริมฝั่งแม่น้ำ
สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
พระมหาราชครูฯ จึงเร่งไปดูหลานสาว
เดชะบุญที่แม่หล่อนรอดชีวิตจากกระแสน้ำวนนั้นอย่างอัศจรรย์ ลอออรสลบไสลไม่ได้สติไปนานเท่าไหร่ไม่รู้
แต่รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่พบตัวเองอยู่บนเตียงนอน ทั้งที่ความจำครั้งสุดท้าย เธอจำได้เพียงแค่ว่า
เธอเดินลงไปในบึงพระราม แล้วถูกกระแสน้ำวนดูดร่างเธอให้ดิ่งลงใต้น้ำ..
แล้วเหตุใดเวลานี้หล่อนจึงมาอยู่ในเรือนไม้สักทอง
ที่เต็มไปด้วยเครื่องใช้โบราณเมื่อสมัยสองร้อยปีก่อน ลอออรลุกจากเตียง
ก่อนจะเดินสำรวจภายในห้องหับที่ตนอยู่
หญิงสาวเอื้อมมือจับคันฉ่องโบราณ ที่ยังคงเป็นลักษณะโลหะเงาขัดอยู่
ข้างๆกระจกเงาโบราณมีพวกเครื่องหอมที่ไว้ประทินผิว ไม่ว่าจะเป็นแป้งร่ำ น้ำปรุง
แม้แต่แป้งกระแจ๊ะจันทร์ ซึ่งในยุคสมัยที่เธอจากมาแทบจะไม่มีให้เห็นเสียแล้ว
แต่ที่นี้กลับมีทุกอย่าง ราวกับนี้ไม่ใช่ยุคปัจจุบันที่เธออยู่ นางรื่น และนางโรย บ่าวคนสนิทของลออจันทร์ดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นเจ้านายสาวฟื้นคืนสติ
ทั้งสองต่างกอดเจ้านายสาวอย่างรักใคร่
ลอออรตั้งสติและค่อยๆถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับสองบ่าว
จึงได้รู้ว่าเรือของแม่หญิงลออจันทร์ บุตรีออกพระวิชิตภักดี เจ้าเมืองไชยา
เรือล่มกลางคลองสวนพลูหลวง เพราะเกิดกระแสน้ำวนขึ้น
นอกจากนี้เธอยังได้รู้อีกว่ากระแสน้ำวนนั้นได้นำร่างของเธอขึ้นมาเหนือน้ำแทนแม่หญิงลออจันทร์
ทุกคนในที่นี้เลยเข้าใจว่าเธอคือแม่หญิงลออจันทร์คนนั้น
นอกจากนี้เธอยังได้รู้อีกว่ายุคที่เธอข้ามภพมาคือยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ยุคในแผ่นดินของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ลอออรแทบทรุดเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด
นี่เธอเดินทางย้อนอดีตมาเกือบสามร้อยปีเชียวหรือ แถมการย้อนเวลามา
ใกล้ช่วยยุคกรุงแตกเสียด้วยสิ ลอออรแทบอยากกรี๊ด เมื่อรู้ความจริงถึงเรื่องนี้
แต่จะให้เธอทำอย่างไรได้ ในเมื่อเข้าเมืองตาหลิ่ว เธอก็คงต้องหลิ่วตาตาม
หลังจากฟื้น ลอออรก็ออกไปรับประทานอาหารกับครอบครัวของท่านมหาราชครูฯ
บนโต๊ะอาหารเธอได้รู้จักกับหมื่นศรีเทพวาจา ผู้เป็นคู่หมั้นของแม่หญิงลออจันทร์
กับ คุณหญิงบัว ผู้เป็นมารดาของชายหนุ่ม
ลอออรรับประทานอาหารกับมืออย่างเกๆกั้งๆ เพราะไม่ถนัดในการเปิบสักเท่าไหร่
..แต่ก็ผ่านมันไปได้ ลอออรสังเกตถึงอากัปกิริยาที่หมื่นศรีเทพวาจามีแก่เธอนั้น
ช่างห่างเหินและเย็นชานัก เธอจึงแอบถามบ่าวคนสนิทของแม่หญิงลออจันทร์
ว่าเหตุใดทำไมหมื่นท่านถึงสีหน้าเย็นชา ดูท่าทางรังเกียจรังงอน ในตัวเธอนัก
นางรื่น นางโรยจึงบอกแก่เจ้านายสาวไปว่า
เมื่อครั้งที่คุณหญิงมณีสิ้น ท่านมหาราชครูและท่านหมื่น
ได้ไปร่วมงานศพที่เมืองไชยา แม่หญิงลออจันทร์ ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับท่านหมื่น
ด้วยเหตุว่าเมื่อก่อนท่านยังไม่ได้รับตำแหน่งหมื่นศรีเทพวาจา
อีกทั้งแม่นายยังต่อว่าท่านหมื่นว่าไม่เจียมตัว อีกด้วย และอีกเหตุการณ์หนึ่งนั่นคือแม่หญิงลออจันทร์
ถูกแม่หญิงเรไรใส่ความว่าเป็นคนผลักแม่หญิงเรไรตกกระได ในงานเพลิงศพของท่านออกญาฯ เป็นเหตุให้ท่านหมื่นรังเกียจและเย็นชาต่อแม่นายลออจันทร์ขึ้นมากกว่าเดิม ลอออรพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ก็ดีแล้วที่ชายหนุ่มรังเกียจลออจันทร์
อย่างน้อยๆเธอก็จะได้รอดจากการแต่งงานกับเขา ลอออรอยู่เรือนพระมหาราชครูฯ
แล้วรู้สึกเบื่อหน่ายเพราะไม่มีอะไรทำ เธอจึงขออนุญาตคุณหญิงบัว
เพื่อออกไปเที่ยวตลาด แต่ก็ถูกคุณหญิงบัวปฏิเสธ
แล้วให้เหตุผลว่าต้องให้หมื่นศรีเทพวาจาเป็นคนพาไป เพราะท่านกลัวเรือจักล่ม เหมือนครั้งที่ลออจันทร์เดินทางมาที่นี้
ลอออรทำได้แต่จำยอม เมื่อหมื่นศรีเทพวาจากลับจากราชการ
จึงพาลอออรออกไปเที่ยวตามคำสั่งของคุณหญิงบัว ซึ่งเขาได้แต่จำยอมพาไป
ตลอดการเดินทางไปตลาด ลอออรก็ชวนหมื่นศรีเทพวาจาสนทนามาตลอดทาง
เธอถามโน้นถามนี่ตามวิสัยของคนที่จบโบราณคดีมา
แม้ว่าเป็นเรื่องที่คนพระนครฯเขารู้ก็ตามที เมื่อไปถึงตลาดวัดนางชี
ลอออรก็ได้พบแม่หญิงเรไร บุตรีออกพญาศรีราชเดโช แม่หญิง ที่ชายหนุ่มหมายปองอยู่ ซึ่งแม่หญิงเรไรแสดงออกความร้ายกาจนั้นอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบลอออร
จนลอออรรู้สึกหมั้นไส้ ยิ่งเห็นรอยยิ้มหวานเลี่ยนของคุณหมื่นที่มีแก่แม่ หญิงเรไร
ช่างแตกต่างจากเธอลิบลับ เธอจึงรู้สึกสงสารลออจันทร์ไม่น้อยหากต้องแต่งงานกับชาย
หนุ่มที่แสนเย็นชาผู้นี้
แต่ก็ช่างเถอะเธอกลับรู้สึกดีเมื่อมีคนจะมาแต่งงานกับหมื่นศรีเทพวาจา แทนเธอ
หลังจากที่พบปะกับแม่หญิงเรไร คราวนี้เธอก็ได้เจอกับหลวงศรียศ (สน) พระสหาย
ของหมื่นศรีเทพวาจา ซึ่งท่านผู้นี้ช่างมีใบหน้าเหมือนอนวรรธ รุ่นพี่ในคณะที่เคยแอบชอบเธอไม่มีผิดเพี้ยน
ท่านสนหันมาทักทายลอออร และชวนเธอพูดคุย จนหมื่นศรีเทพวาจามิพอใจอย่างมาก
เมื่อเห็นแม่หล่อนพูดจายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้แก่หลวงท่าน เมื่อกลับเรือนหมื่นศรีเทพวาจา
ก็ต่อว่าลอออรอย่างไม่สบอารมณ์ ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ชอบให้ท่าผู้ชาย
จนลอออรโกรธปรี๊ดตบหน้าชายหนุ่มไปหนึ่งที ที่กล่าววาจารุนแรงแก่เธอ
ลอออรรู้สึกเสียใจไม่น้อย เธอรู้สึกอยากกลับบ้าน จนบ่าวคนสนิทต้องเข้ามากอดเธอไว้
หลังจากที่พบกันวันนั้น หลวงศรียศ ก็มักจะเป็นแขกเรือนพระมหาราชครูฯเป็นประจำ
เพื่อหาเรื่องแวะมาคุยกับลอออร จนหมื่นศรีเทพวาจาไม่พอใจอย่างที่สุด
ซึ่งพระมหาราชครูฯได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นบุตรชายเริ่มมีใจแก่แม่หญิงลออจันทร์บ้างแล้ว คุณหญิงบัวได้เสด็จเข้าเฝ้าเสด็จกรมหมื่นพิชิตมนตรี
พระองค์ท่านอยากได้นางข้าหลวงเพิ่ม เพื่อมาหัดละคร
คุณหญิงบัวเลยอาสาที่จะนำแม่ลออจันทร์มาฝึกหัดการละคร
การนำแม่ลออจันทร์มาฝึกหัดละครในครั้งนี้
เธอไม่ได้หมายให้แม่ลออจันทร์ฝึกละครอย่างเดียว แต่เธอหวังให้แม่ลออจันทร์
ฝึกหัดความเป็นกุลสตรี เพื่อที่จะได้เตรียมตัวเป็นภรรยาแก่บุตรชาย
คุณหญิงนำความมาขอแก่สามี ว่าจะขอแม่ลออจันทร์เข้าวัง
ซึ่งนั้นทำให้หมื่นศรีเทพวาจาแทบสำลักน้ำชา ความกลัวเข้ามาแทนที่
ด้วยแม่หญิงมีความงามเหนืออิสตรีใดในพระนครฯ
แน่นอนอยู่แล้วที่จะมีเหล่าบรรดาขุนนางต่างๆหมายตา พระมหาราชครูฯเหลือบมองบุตรชายก็พอรู้ว่าชายหนุ่มไม่พอใจที่จะให้แม่หล่อนเข้าวัง
จึงบอกปัดภรรยาไปว่า ไม่อยากให้แม่ลออจันทร์เข้าวัง
หวั่นเกรงกรมหมื่นในเสด็จพ่ออยู่หัวบรมโกศ จะหมายปองแม่หล่อน
พาลจะเดือดร้อนถึงเขาผู้เป็น ผู้ปกครองของแม่หล่อน จึงอยากให้แม่ลออจันทร์อยู่ในเรือนช่วยงานคุณหญิงบัวไปก่อน
ลอออรรู้สึกอยากขอบพระคุณท่านมหาราชครูอย่างยิ่ง
ที่ทำให้เธอไม่ต้องออกไปอยู่ในรั้วในวัง เพราะขืนหล่อนเข้าไปมีหวังอกแตกตาย
วันละร้อยๆรอบ คุณหญิงบัวแม่จะไม่เห็นด้วย
แต่ก็จำยอมฝึกงานบ้านงานเรือนแก่แม่หล่อนต่อไป หลายวันต่อมาคุณหญิงบัววานให้แม่ลอออรไปย่านตลาดนายก่าย
เพื่อหาซื้อกระทะทองเหลืองใบใหม่ เพื่อที่จักสอนเธอทำขนมโบราณ
เธอกับบ่าวคนสนิทจึงได้ออกมาเที่ยวตลาดอย่างที่อยากทำ ย่านตลาดชุมชนจีน ลออออรได้เห็นเหตุการณ์ที่ขุนนางท่าขวาจีนได้ทำร้ายชาวฮอลันดานามว่า
ยาข็อบ ฟาน เดอชลาย นักเขียนแผนที่ชาวฮอลันดา ที่มีความสนใจแผนที่ในอยุธยา
ท่านขุนนางเกรงว่าเขาจะเป็นไส้ศึกให้ศัตรู
เพื่อหาทางเข้าออกในกรุงศรีอยุธยาจึงทำการลงโทษแก่ชายฮอลันดานั้น ลอออรได้เข้าไปช่วย
และมีการเจรจาว่าเหตุใดทำไมต้องทำร้ายถึงปางตายอย่างนี้ ท่านขุนนางเลยตอบไปว่า
ทำเพื่อความถูกต้อง เพราะหวั่นเกรงว่าชายวิลันดาผู้นี้จะเป็นผู้ร้าย ลอออรจึงบอกแก่เขาไปว่า
ชายผู้นี้เป็นเพียงนักวาดภาพเท่านั้น ไม่ได้มีอันตรายแก่ชาวสยามอย่างแน่นอน
ขุนนางท่าขวาเลยคุยกับลูกน้องว่าให้เลิกทำร้ายชายวิลันดาผู้นี้
ก่อนจะใช้คำพูดภาษาจีนพูดจาเหยียดหยามคนไทย อย่างไม่น่าให้อภัย ลอออรได้ยินอย่างนั้นจึงต่อว่าเขาไปเป็นภาษาจีน
ว่าผู้ที่น่ารังเกียจคือผู้ที่มาอยู่แผ่นดินผู้อื่น แล้วเหยียดหยามคนในแผ่นดินเขา
คนพวกนี้น่าขยะแขยงกว่าสิ่งใด ขุนนางท่าขวาได้ยินอย่างนั้นถึงกับสะอึกพูดไม่ออก
ไม่คาดคิดว่าแม่หญิงอโยธยาผู้นี้จะรู้เรื่องภาษาของพวกเขา
เหตุการณ์เมื่อครู่สร้างความประหลาดใจแก่หมื่นศรีเทพวาจาเป็นอย่างมาก
เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่หล่อนจะเก่งกาจพูดจาภาษาจีนได้คล่องแคล่ว
เฉกเช่นเดียวกันกับขุนนางผู้อื่น ลอออรให้นายแดง
นายปั้น ช่วยยกชาววิลันดาขึ้นมา
หญิงสาวได้ใช้ภาษาดัตซ์ในการเจรจากับเขา
ยาข็อบรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่แม่หญิงอโยธยาจะเจรจาเป็นภาษาเดียวกับเขาได้
ไม่ต่างอะไรจากหลวงศรีเทพวาจาที่ตกใจไม่น้อยที่แม่หญิงลออจันทร์พูดภาษาของชาววิลันดาได้
เขาจึงนำตัวเธอกลับเรือน เพื่อสอบสวน ขุนศรีเทพวาจาใช้ภาษาจีนแต้จิ๋วสอบถามแก่เธอ
ซึ่งเธอก็ตอบกลับเขาอย่างง่ายดาย
ชายหนุ่มจึกซักไซ้ไล่ความว่าทำไมเธอถึงพูดภาษาจีนและภาษาวิลันดาได้
ลอออรจึงตอบไปว่า เรียนมา เขาไม่แปลกใจอันใดมาก พอจะรู้ว่าออกพระวิชิตภักดี เจ้าเมืองไชยา
คงให้บุตรีร่ำเรียนมาเพื่อให้ช่วยราชการแก่ชายหนุ่มในภายภาคหน้า
ยาข็อบรู้สึกอยากขอบคุณลอออรที่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้
จึงวาดภาพสีน้ำของแม่หญิงเป็นการตอบแทน พร้อมกับฝากให้แก่หลวงศรีเทพวาจา
ให้บอกแก่แม่หล่อนว่าเป็นน้ำใจจากเขา ชายหนุ่มรับมาพร้อมคลี่ภาพนั้นออก ก็ต้องตกตะลึงเพราะภาพนั้นงามเหลือเกิน
ตอนนี้เขาช่างราวกับวิหยาสะกำที่หลงรูปนางบุษบา นั้นทำให้หมื่นศรีเทพวาจาตระหนักขึ้นมากกว่าเดิม
ว่าจะยอมเสียแม่หญิงลออจันทร์ไม่ได้ เพราะยิ่งนานวันแม่หญิงผู้นี้มีความเสน่หา
ที่บุรุษในพระนครฯต้องยื้อแย่งในไม่ช้า
และเป็นจริงดังที่หมื่นศรีเทพวาจาคิดไว้ไม่มีผิด เมื่อหลวงศรียศ ได้ให้เจ้าพระยาศรีไสยหาญณรงค์
ผู้เป็นบิดามาสู่ขอแม่หญิงลออจันทร์กับบิดาของเขา
สร้างความวิตกกังวลแก่เขาเป็นอย่างมาก เพราะอย่างไรเสีย อีกไม่นานหลวงศรียศ
ก็จะได้รับตำแหน่งพระยา-จุฬาราชมนตรี เจ้ากรมท่าขวา
แค่เพียงยศถาบรรดาศักดิ์ก็แตกต่างแล้ว
เขาหวั่นเหลือเกินว่าแม่หญิงจะเลือกหลวงศรียศที่มีตำแหน่งใหญ่โตกว่าเขา
ท่านมหาราชครูฯอึกอักไม่น้อย จึงบอกปัดไปว่า
เขาขอถามหลานสาวก่อนว่าจะยินยอมแต่งงานกับหลวงศรียศหรือไม่ หลังจากเจรจากับหลวงศรียศเสร็จ หมื่นศรีเทพวาจา
จึงเร่งบอกบิดาในทันทีว่าเขาอยากออกเรือนกับแม่หญิงลออจันทร์ให้เร็วที่สุด
สร้างความพอใจแก่พระมหาราชครูเป็นอย่างมาก
แต่จะให้คำตอบแก่ท่านพระยาศรีไสยหาญณรงค์ว่าบุตรชายของเขามีความประสงค์จักแต่งงานกับลออจันทร์มิได้
ท่านจึงคิดกลอุบายขึ้นเพื่อให้บุตรชายและลออจันทร์ได้เสียกันอย่างผิดประเพณีขึ้นมา
เพื่อที่จะท่านเองจะได้ไม่เสียผู้ใหญ่เช่นกัน ว่าแล้วในวันต่อมา ท่านมหาราชครูฯ
ได้นัดแนะให้ท่านเจ้าพระยาศรีไสยหาญณรงค์ ,หลวงศรียศ,พระยาอมเรนทร์
จางวางกรมอาสาจาม,ออกพญาศรีราชเดโช, แม่หญิงเรไร,และหมื่นเสน่ห์วาจา
ชวนมารับประทานอาหารที่เรือน
ซึ่งวันนี้คุณหญิงบัวและลอออรทำอาหารชาววังต้อนรับแขกผู้มาเยือน ท่านมหาราชครูเชื้อเชิญลอออรให้นั่งคุยกับเหล่าเสนาทุกๆคน
ซึ่งเธอก็ยินดี พระยาอมเรนทร์ ชื่นชมลอออร
เรื่องที่เธอได้ใช้วาจาในการสั่งสอนขุนท่าขวาจีน
ที่เหยียดหยามคนสยามได้สาแก่ใจเขามากนัก
สร้างความประหลาดใจแก่ท่านพระมหาราชครูอยู่ไม่น้อย ที่หลานสาวพูดภาษาจีนและวิลันดาได้
ลอออรยิ้มแหย ข่าวของเธอ ช่างเร็วเหมือนไฟล่ามทุ่งเหลือเกิน
ไม่เพียงแค่หลวงศรียศเท่านั้นที่หมายปองในตัวแม่หญิง
แต่ท่านจางวางเองก็มองหญิงสาวด้วยสายตาคมกริบ
เมื่อแม่หญิงผู้นี้มิใช่มีแค่เพียงความงามเท่านั้น
ปัญญาก็เป็นเลิศเหมาะที่จำนำมาเป็นแม่เรือนอย่างมากคงจักช่วยงานราชการเขาได้มากโข
เมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จ เหล่าบรรดาขุนนางหนุ่มต่างรับสุราและกลับแกล้ม
ท่านออกญาศรีราชเดโช จึงชวนเหล่าบรรดาขุนนางต่อโคลง กาพย์ กลอน
ท่านออกญาจึงให้แม่เรไรเป็นผู้เริ่มงามวงพักตร์สง่า ดังสุริยัน
พักตร์ผ่องดั่งตะวัน แจ่มจ้า
เดือนหรือจะหมายเคียงคู่
สุริยันได้ สุริยันลาลับฟ้า เหลือเพียงจันทรา
ลอออรมองวงหน้าของแม่หญิงเรไรก็พอรู้ว่าเธอกำลังเอ่ยถึงหมื่นศรีเทพวาจา
ชายหนุ่มก็ต่อโคลงนั้นทันใด
แววตานั้นยังคงมองแม่หญิงเรไรด้วยความอ่อนโยนเสน่หาไม่รู้คลาย สุริยันลาลับ ขอบฟ้า
เหมือนใจพี่นั้น ลาลับไกล
มิได้เห็นวงพักตร์ จันทรา ใจพี่นั้นหนา จักขาดอยู่รอนรอน
เหล่าขุนนางที่ต่างชื่นชมในการแต่งโคลงของทั้งสองว่าสูสีกันพอดู
จึงคราวของหลวงสียศที่ขอแต่โคลงสั้นๆได้ใจ งามพักตร์ดั่งเดือนเพ็ญ
พักตร์งามเด่นดังเดือนฉาย
เดือนผ่องส่องแสงพราวพราย
พี่หมายเพียงแค่ละอองจันทร์ความหมายของบทกลอนที่หลวงสียศแต่ง
หมายเพียงที่จะบอกความนัยแก่ลอออรนั้นเอง สร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้ฟัง
เว้นแต่คู่หมั้นของเธอ ลอออรทำอะไรไม่ถูกเพราะโดนจีบซึ่งหน้า
เธอจึงกล่าวตักเตือนชายหนุ่มไปอันอ้อยตาลหวานลิ้นก็สิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ
กลอนที่แม่หล่อนตอบไปนั้นทำให้หลวงศรียศและหลายๆคน ถึงกับชอบเป็นอย่างมาก
เป็นเหน็บแหนมชายหนุ่มเป็นนัย ๆ
ท่านมหาราชครูรู้สึกปลาบปลื้มในตัวหลานสาวที่สามารถแก้ต่างหลวงศรียศไปเพื่อเตือนสติ
ว่าหล่อนไม่ใช่หญิงเบาปัญญาที่จะเชื่อลมปากชายใดได้ หลวงศรียศได้ทีจึงขอแม่หญิงลออจันทร์แต่งงาน
ซึ่งนั้นทำให้ลอออรถึงกับพูดไม่ออก ไม่เพียงแต่ลอออรเท่านั้น
หมื่นศรีเทพวาจาก็เช่นกัน
ท่านได้แต่รอลุ้นว่าลออจันทร์จะตอบเรื่องนี้แก่หลวงศรียศอย่างไร
ลอออรคิดหนักหากหล่อนต้องติดอยู่ที่นี้ตลอดไป การแต่งงานกับตระกูลเฉกอะหมัด
ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะชีวิตเธอจะได้เป็นคุณหญิงไปตลอดชีวิต
ด้วยบุรุษหลวงศรียศผู้นี้เป็นคนเก่ง นอกจากจะได้เลื่อนยศในภายภาคหน้าแล้ว
เธอก็ไม่มีวันลำบากไปตลอดชีวิต แต่ติดตรงที่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพระมหาราชครูฯจะยอมหรือไม่
เธอจึงได้แต่ตอบอ้อมๆไปว่า คงต้องแล้วแต่พระมหาราชครูฯ
เพราะเธอนับถือท่านดุจดั่งบิดา ทุกอย่างจะขึ้นกับเธอไม่ได้ หลวงศรียศยังคงรุกต่อ
ว่าหากท่านราชครูท่านยินยอม แม่ลออจันทร์จะยินยอมไหม ...ลอออรตอบไปทันควันว่ายังไม่พร้อม
ด้วยว่าเธอยังไม่รู้จักหลวงศรียศมากพอ
หากคิดจะรักหล่อนจริงๆก็ต้องรอเธอจนกว่าเธอจะพร้อม
เพราะเธอไม่อยากผิดหวังและเสียใจเรื่องความรักอีก หลวงศรียศยิ้มอ่อน
อย่างเข้าใจความรู้สึกของแม่หญิงลออจันทร์ คำตอบของลอออรทำให้หมื่นศรีเทพวาจา
ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งใจที่ปฏิเสธหลวงศรียศไปแบบอ้อมๆ
ท่านมหาราชครูเองก็ยิ้มพึงใจกับคำตอบของหลานสาวอยู่ไม่น้อย
เห็นทีคราวนี้พ่อเทพ คงต้องเหนื่อยเอาการ
เพื่อแย่งชิงแม่หญิงลออจันทร์จากท่านหลวงศรียศ
แต่ท่านราชครูก็มีแผนการสำหรับรวบรัดแม่ลออจันทร์ให้แก่ลูกชายไว้แล้ว
หมื่นศรีเทพวาจา ดื่มสุราอย่างหนักจนหลับหมดสติไป
ท่านราชครูฯได้ให้นายปั้นสุมไฟเพื่อวางยานอนหลับแก่ทุกคนในบ้าน โดยมีท่านราชครูฯ
นายปั้น และนายชด
ปิดจมูกและอุ้มร่างที่ไร้สติของหมื่นศรีเทพวาจาเข้าไปยังหอนอนของแม่ลออจันทร์
จนกระทั่งเช้าตรู่ลอออรที่ตื่นมา พบว่ามีร่างหนาๆของบุรุษหนึ่งนอนเคียงข้างเธอ
ร่างหนาที่แสนคุ้นตาจะเป็นใครไม่ได้นอกจากหมื่นศรีเทพวาจา ลอออรกรี๊ดสุดเสียง
ไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าย่ำยีเธอขนาดนี้ ลอออรคว้าผ้าห่มมาปิดร่างกายไว้
แม้ว่าร่างเธอนั้นจะมีเครื่องอาภรณ์ครบทุกชิ้นก็ตาม
หมื่นศรีเทพวาจาตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่ในหอนอนของลออจันทร์
และเขาก็ไม่ได้ใส่เสื้อเสียด้วย ชายหนุ่มพยายามอธิบายให้ลออจันทร์ฟังว่าเขาไม่รู้เรื่องว่ามาอยู่ในหอนอนเธอได้อย่างไร
ลอออรไม่ฟังชายหนุ่มได้แต่ทุบตีหมื่นศรีเทพวาจาไม่ยั้ง
จนเขาต้องรวบรัดร่างน้อยๆไว้ในอ้อมอก เพื่อให้ฟังความจากเขาก่อน แต่ไม่ทันทีจะอธิบายอันใดท่านราชครูและคุณหญิงบัว
ก็เข้ามาในหอนอนหญิงสาวเสียก่อน คุณหญิงบัวแทบจะเป็นลม
เมื่อเห็นภาพที่บุตรชายกอดรัดแม่ลออจันทร์ไว้ ท่านราชครูฯทำหน้าดุ
ก่อนจะเรียกบุตรชายให้ออกไปเจรจาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรต่อ คุณหญิงบัวเข้าไปกอดลออจันทร์อย่างสงสาร
แล้วบอกแก่สามีว่าอย่างไรบุตรชายต้องรับผิดชอบแม่ลออจันทร์
ถึงแม้จะพลาดพลั้งเพราะความเมามายก็ตาม
ซึ่งหมื่นศรีเทพวาจายินยอมที่จะจัดตามพระราชเพณีอย่างยินดี
เพราะเขารอเวลานี้มาเนิ่นนาน ท่านมหาราชครูฯได้ให้นายปั้นและนายชดไปเรียนบอกผู้ใหญ่
ว่าแม่ลออจันทร์พลาดพลั้งเสียท่าให้แก่หมื่นศรีเทพวาจา
เห็นทีจักรับการหมั้นหมายจากหลวงศรียศไม่ได้แล้ว
ข่าวของแม่ลออจันทร์ไปถึงหลวงศรียศ ท่านจึงเกิดความแค้นจึงมาหาหมื่นศรีเทพวาจา
จนเกิดการต่อสู้กัน หมื่นศรีเทพวาจาพลาดพลั้งโดนหลวงศรียศฟันโดนที่แขน แล้วลั่นวาจาว่าจะฆ่าหมื่นศรีเทพวาจาให้ตาย
ลอออรเห็นเหตุการณ์จึงเข้าไปขวางแล้วบอกไปว่าหล่อนเต็มใจที่จักแต่งงานกับหมื่นศรีเทพวาจา
ด้วยเหตุว่าเธอรักเขา เธอขอให้หลวงศรียศเห็นแก่เธอ อย่าทำร้ายคนที่เธอรักเลย
ลอออรกอดร่างของหมื่นศรีเทพวาจาไว้แน่นทั้งน้ำตา หลวงศรียศจำยอมกลับเรือนด้วยความเจ็บช้ำ
แต่อย่างไรเสียเขาก็จะรักแม่หญิงลออจันทร์ต่อไป ก่อนงานแต่งงานหมื่นศรีเทพวาจา
ก็ได้ประทานยศเป็นขุนศรีเทพวาจา ทำงานในกรมขุนพรพินิต เจ้าฟ้าดอกมะเดื่อ งานแต่งงานของลออจันทร์และขุนศรีเทพวาจา
ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยพระมหาราชครูฯเป็นดั่งพระราชครูของพ่ออยู่หัวบรมโกศ
จึงทำให้งานแต่งงานครั้งนี้มีเจ้าฟ้า ลูกยาเธอ มาร่วมงานเป็นอย่างมาก
ในคืนเข้าหอขุนศรีเทพวาจาและลออจันทร์ ชายหนุ่มได้ให้คำสาบานแก่หญิงสาวคนรักว่า
เขาจักรักและเทิดทูนมีแม่ลออจันทร์เป็นเมียเพียงคนเดียว ลอออรพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะนอนร่วมเรียงเคียงหมอนไปพร้อมกับชายหนุ่มที่เธอเลือกให้เป็นคู่ชีวิต
แต่เมื่อทั้งสองได้เสียกัน ก็ต้องแปลกใจว่าเหตุใดเลือดพรหมจรรย์เธอถึงมี
หญิงสาวจึงกระจ่างแจ้ง
เมื่อครั้งที่ขุนศรีเทพวาจาเข้าหอนอนเธอนั้นเป็นเพียงกลอุบายของท่านราชครูอย่างแน่นอน
ที่อยากตัดไฟตั้งแต่งต้นลม เพื่อต้องการตัดคู่แข่งของลูกชาย หล่อนได้แต่ยิ้ม
ในใจนั้นก็อดที่จะบ่นเสียไม่ได้
หลังจากการแต่งงานของลออจันทร์กับขุนศรีเทพวาจานั้นไม่นาน พ่ออยู่หัวบรมโกศ
ก็ทรงจับได้ว่าเจ้าฟ้ากุ้งผู้เป็นโอรสได้ลอบทำชู้กับเจ้าฟ้าสังวาล จึงมีการสั่งโบย
จนเจ้าฟ้ากุ้งสิ้นพระชนม์
เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ลอออรจดลงในสมุดข่อยโบราณ
เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอได้เดินทางมาเยือนอดีต
และได้เห็นเหตุการณ์สำคัญในครั้งนี้ หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ ขุนศรีเทพวาจา
ได้เลื่อนยศเป็นหลวงศรีเทพวาจา และไม่นานลอออรก็ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรสาวในเก้าเดือนต่อมา
เธอตั้งชื่อบุตรสาวตามชื่อจริงของเธอว่า ลอออร เพราะอย่างน้อยๆลอออรจะได้มีตัวตน
และเป็นเครื่องเตือนใจว่าเธอคือใคร แม้ว่าฟ้าได้ลิขิตให้เธอได้มาแทนที่ลออจันทร์
และได้พบรักแท้อย่างหลวงศรีเทพวาจามาครอบครอง แต่การเดินทางข้ามเวลามาสู่ยุคอดีตมันไม่ง่ายสำหรับชีวิตของลอออรเลย
แต่วันนี้เธอก็ผ่านมันไปได้ด้วยสติ
และมีชีวิตที่สมบูรณ์ควรค่าแก่การอดทน และรอคอย
ชีวิตของมนุษย์ล้วนไม่จีรังยั่งยืนอยุธยาก็เช่นกัน หลังจากนี้อีก 11ปี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สิ่งที่เธอทำได้มากที่สุดนั้นคือการจับมือของผู้ร่วมชะตาชีวิตแล้วก้าวผ่านเวลาแห่งการสูญเสีย
เพื่อมีชีวิตใหม่ในแผ่นดินใหม่อย่างสุขสมบูรณ์
ผลงานอื่นๆ ของ N-Klao ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ N-Klao
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น