ชะรอยรัก พรหมลิขิต - นิยาย ชะรอยรัก พรหมลิขิต : Dek-D.com - Writer
×

    ชะรอยรัก พรหมลิขิต

    โดย N-Klao

    ‘บุญพาวาสนาส่ง ลิขิตเจ้ากับเขาได้เคียงคู่กัน’ สุรเสียงของพระธุดงค์ที่เอื้อนเอ่ยวาจานั้นก้องกังวานดังไปยังโสตประสาทของลอออร 'ชีวิตหนึ่งจบสิ้นลง ชีวิตหนึ่งกลับได้เริ่มใหม่อีกครั้ง'

    ผู้เข้าชมรวม

    4,736

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    51

    ผู้เข้าชมรวม


    4.73K

    ความคิดเห็น


    24

    คนติดตาม


    92
    จำนวนตอน : 13 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  27 มิ.ย. 64 / 17:09 น.

    แท็กนิยาย

    รักข้ามภพ

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ลอออร  ศรีเทพวาจาสาร /  ลออจันทร์




       บุตรสาวของนายเทียนชัย นักธุรกิจอสังหาริมทรัพท์ที่มีฐานะร่ำรวย ลอออร เป็นหญิงสาวที่มีจิตใจดี  รักเพื่อน รักครอบครัว และชายคนรักเป็นอย่างมาก  แต่เธอกลับต้องมาผิดหวังเรื่องความรัก เพราะแฟนหนุ่มที่เธอกำลังจะแต่งงานด้วย แอบนอกใจไปมีความสัมพันธ์กับสายพิณ เพื่อนรักของเธอ เป็นเหตุให้เธอต้องล่มงานแต่งงานของตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจพาตัวองไปอยู่ที่พระนครศรีอยุธยา กับนวลปรางค์ผู้เป็นย่า ความผิดหวังและเสียใจ ของลอออร ทำให้เธอเสียขวัญอยู่ไม่น้อย  ทำให้นวลปรางค์ต้องพาหลานสาวไปปฏิบัติธรรมที่วัด แต่ก่อนที่จะไปปฏิบัติธรรม เธอได้พาลอออรไปพาทำบุญถวายอาหารให้แก่พระธุดงค์รูปหนึ่งที่วัดพระราม  พระธุดงค์รูปนี้ได้เอ่ยเตือนสติลอออร ชีวิตหนึ่งจบสิ้นลง ชีวิตหนึ่งกลับได้เริ่มใหม่อีกครั้ง หลังจากกลับมาจากปฏิบัติธรรมที่วัด เธอก็พบประสิทธิ์มารอเพื่องอนง้อขอคืนดีเเก่เธอ  หญิงสาวปฏิเสธที่จะกลับไปคบกับประสิทธิ์  เเต่ชายหนุ่มไม่ยอม เลยทำให้ลอออรโกรธจึงขับรถออกจากบ้านของคุณย่านวลปรางค์ ลอออรขับรถมาจอดบริเวณวัดพระรามที่เธอได้เจอกับพระธุดงค์ เเต่ด้วยความเสียใจเเละผิดหวังกับความรัก ทำให้ลอออรตัดสินใจฆ่าตัวตาย เธอจึงตัดสินใจเดินลงไปยังบึงพระราม หมายที่จะฆ่าตัวตาย บังเกิดกระเเสน้ำวนในบึงเเห่งนี้ ร่างของลอออรถูกดูดลงใต้บึง จนเธอขาดอากาศหายใจเเละสิ้นสติไป เป็นเวลาเดียวกันในภพอดีต เรือของเเม่หญิงลออจันทร์ถูกกระเเสน้ำวนทำให้เรือของเเม่หญิงเเห่งไชยาล่มลงตรงคลองสวนพลู ทำให้ร่างน้อยๆของเเม่หญิงลออจันทร์จมลงใต้น้ำ กระเเสน้ำวนนำร่างของลอออรที่มีชีวิตมายังอดีตเเละนำพาร่างที่ไร้วิญญานของลออจันทร์ไปยังภพปัจจุบัน วงล้อโชคชะตานำพาให้หมื่นศรีเทพวาจาได้ช่วยชีวิตลอออรไว้ ก่อนจะถูกกระเเสน้ำวนดูดร่างนั้นไปอีกครา เป็นเหตุทำให้ลอออรต้องติดอยู่ที่กรุงเก่าตลอดไป


    หมื่นศรีเทพวาจา



    บุตรชายของพระมหาราชครูมหินทรฯ  พระครูของสมเด็จพ่ออยู่บรมโกศ  ท่านหมื่นเป็นคู่ตุนาหงันของแม่หญิงลออจันทร์  แต่ด้วยว่าในสมัยที่หมื่นศรีเทพวาจา ยังไม่ได้ตั้งยศเป็นหมื่น เขาได้ถูกแม่ลออจันทร์ พูดเหยียดหยามว่าชายหนุ่มไม่คู่ควรแก่เธอ ด้วยเหตุว่าเขามิได้เป็นขุนนาง จึงเป็นเหตุให้ชายหนุ่มฮึดสู้ที่จะทำงานในรั้วในวัง เพื่อเอาชนะคำสบประมาทของลออจันทร์ จนเมื่อท่านออกญาพระวิชิตภักดีสิ้น เขาและครอบครัวแม่หญิงเรไร ได้ไปร่วมพิธีงานศพ ลออจันทร์ได้ผลักแม่หญิงเรไรตกบันไดในเรือนของเธอ ทำให้หมื่นศรีเทพวาจายิ่งชังน้ำหน้าลออจันทร์มากกว่าเดิม แต่หลังจากที่เขาได้ช่วยชีวิตลออจันทร์จากการจมน้ำ เขาสังเกตได้ว่าแม่หญิงผู้นี้ได้เปลี่ยนไป ทั้งความคิด ทั้งกิริยา และคำพูด ทำให้ชายหนุ่มเริ่มมีความรู้สึกดีๆกับแม่หญิงลออจันทร์มากขึ้น จวบจนกลายเป็นรัก


    พระมหาราชครูพระครูมหิธรธรรมราช



    ท่านหลวงศรียศ  (สน)




    บุตรชายของเจ้าพระยาศรีไสยหาญณรงค์  เป็นลูกหลานสายตระกูลเฉกอะหมัด เชื้อสายแขกเปอร์เซีย  ที่หลงรักแม่หญิงลออจันทร์ ถึงขั้นให้บิดามาสู่ขอเพื่อให้ได้นางมา


    แม่หญิงเรไร




    เป็นบุตรีของออกพญาศรีราชเดโชฯ เจ้ากรมอาสาหกเหล่าขวา หล่อนเป็นแม่หญิงที่มีจิตริษยาต่อแม่ลออจันทร์ ทั้งยังใส่ความแม่ลออจันทร์ว่าเป็นคนทำร้ายเธอ เพื่อหวังให้หมื่นศรีเทพวาจาเกียจชังในตัวของลออจันทร์แล้วดูเหมือนว่าหล่อนจักทำสำเร็จเสียด้วยสิ


    เรื่องย่อ

       ลอออร  อดรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เมื่ออีกไม่กี่วันข้างหน้า  เธอกำลังจะได้เข้าพิธีสมรสกับชายหนุ่มที่เธอรัก อย่างประสิทธิ์  หลังจากที่เธอและเขาบ่มเพาะความรักกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย จนตอนนี้ก็ครบหกปี ที่เธอและเขาคบกันมา โดยมีสายพิณ เพื่อนสาวคนสนิท คอยให้กำลังใจและเป็นกาวใจให้เขาและเธอมาเสมอ  จนกระทั่งในคืนก่อนแต่งงาน ลอออรเห็นว่าประสิทธิ์ลืมแหวนแต่งงานที่เขาต้องใช้ในพิธีตอนเช้า เธอเลยขับรถนำแหวนแต่งงานไปให้ชายหนุ่มคนรักที่คอนโดฯ  โดยไม่บอกกล่าวแก่ชายหนุ่ม  พอถึงคอนโด เธอก็ไขกุญแจเข้าห้องประสิทธิ์อย่างที่เคยทำทุกครั้ง เมื่อเข้าไปในห้อง เธอก็พบรองเท้าส้นสูงที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี อยู่ในห้อง ลอออรรู้สึกเอะใจอะไรบางอย่าง เธอจึงเดินเข้าไปถึงห้องนอนของคนรัก ประตูห้องนอนเปิดแง้มไว้ ทำให้หญิงสาวได้รับรู้ความจริงที่เธอไม่เคยได้รู้มาก่อน ภาพกอดรัดนัวเนียของประสิทธิ์และสายพิณ ทำให้ลอออรถึงกับเสียใจอย่างที่สุด ไม่คิดว่าเพื่อนรักและคนรักจะหักหลังเธอได้อย่างเจ็บปวดอย่างนี้  หญิงสาวตัดสินในวางกล่องแหวนคืนชายหนุ่มคนรัก แล้วตัดสินใจเดินทางไปพระนครศรีอยุธยาในคืนนั้นทันที  นวลปรางค์ผู้เป็นย่ารู้สึกแปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นหลานสาวมาหาตน ในตอนดึก ลอออรกอดผู้เป็นย่าที่เปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เพื่อรับไออุ่นจากอ้อมกอดนั้น แล้วเธอได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ผู้เป็นย่าฟัง นวลปรางค์สงสารหลานจับใจ จึงโทรศัพท์หานายเทียนผู้เป็นบิดาของลอออร ว่าหญิงสาวขอยกเลิกงานแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ พร้อมบอกเหตุผลทั้งหมด นายเทียนเข้าใจถึงเรื่องราวทั้งหมด  หลายวันผ่านไปลอออรยังคงเศร้าเสียใจ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ จนไม่ยอมทานข้าว หมกมุ่นแต่ในห้อง ร้อนใจถึงผู้เป็นย่า  จึงต้องพาหลานสาวมาปฏิบัติธรรมที่วัดพระราม  ที่อยู่ใกล้บ้าน ลอออรปฏิบัติธรรมไปด้วยความทุกข์ใจ เพราะมิอาจลืมเลือนชายคนรักได้ เธอจึงเดินเหม่อลอยไปเรื่อยๆ จนพบกับบึงพระราม  ลอออรรู้สึกว่าโลกนี้ช่างโหดร้ายกับเธอเสียเหลือเกิน เธอจึงตัดสิ้นใจฆ่าตัวตาย โดยเดินลงไปในบึง หวังปลิดชีพ เมื่อร่างน้อยๆ เดินลงไปในบึง บังเกิดกระแสน้ำวนขึ้น ร่างน้อยๆถูกดูดกลืนลงไปยังก้นบึง แม้ว่าหญิงสาวจะพยายามตะเกียกตะกายสักเพียงไร กระแสน้ำนั้นกลับดูดร่างเธอจน ลอออรหมดแรงและสิ้นสติไป  ในขณะนั้นอีกฝากหนึ่งของภพภูมิหนึ่งเรือของแม่หญิงลออจันทร์ บุตรีออกพระวิชิตภักดี เจ้าเมืองไชยา เธอถูกส่งมาจากเมืองไชยา เพื่อเป็นคู่ตุนางันของบุตรชายพระมหาราชครูพระครูมหิธรธรรมราช ด้วยเหตุว่าบิดาออกพระวิชิตภักดี สิ้นชีพด้วยโรคอหิวาตกโรค จึงทำให้แม่หญิงลออจันทร์ไร้ผู้ดูแล ด้วยว่าตัวแม่หญิงนั้นไม่มีญาติมิตรที่ไหน นอกจากพระมหาราชครูพระครูมหิธรธรรมราช ผู้เป็นสหายเพียงคนเดียว ท่านราชครูเลยรับแม่ลออจันทร์อุปการะไว้ แต่ยังไม่ทันที่แม่หญิงจะได้พบกับคู่ตุนาหงัน ก็บังเกิดกระแสน้ำวนขึ้น เรือที่แม่หญิงลออจันทร์นั่งมานั้น ก็พลันล่มลงกลางคลองสวนพลูในทันที กระแสน้ำวนดูดร่างของแม่หญิงจมดิ่งลงสู่พื้นพสุธา บ่าวคนสนิททั้งสองที่จะเข้าไปช่วยแม่นายของตนเอง ก็ต่างถูกกระแสน้ำพัดให้ห่างออกไป เมื่อร่างของแม่หญิงลออจันทร์จมหายไปแล้วกระแสน้ำวนนั้นก็พลันหายไปเช่นกัน ข่าวล่วงรู้ถึงพระมหาราชครูฯ จึงวานให้บ่าวในเรือนดำน้ำหาแม่หญิงลออจันทร์อีกครั้ง พระมหาราชครูฯปักธูปลงกลางหาว ก่อนจะอารัมบทคาถาขึ้น เพื่อขอเทวดาฟ้าดินให้เปิดทาง ตามหาศพของหลานสาวเจอ เมื่อพระมหาราชครูฯกล่าวจบคาถา บังเกิดน้ำวนอีกครั้ง คราวนี้ผู้คนแตกตื่น เมื่อน้ำวนนั้นพัดร่างของอิสตรีหนึ่งขึ้นเหนือน้ำ ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆถูกน้ำพัดไปริมฝั่งแม่น้ำ สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก  พระมหาราชครูฯ จึงเร่งไปดูหลานสาว เดชะบุญที่แม่หล่อนรอดชีวิตจากกระแสน้ำวนนั้นอย่างอัศจรรย์  ลอออรสลบไสลไม่ได้สติไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่พบตัวเองอยู่บนเตียงนอน ทั้งที่ความจำครั้งสุดท้าย เธอจำได้เพียงแค่ว่า เธอเดินลงไปในบึงพระราม แล้วถูกกระแสน้ำวนดูดร่างเธอให้ดิ่งลงใต้น้ำ.. แล้วเหตุใดเวลานี้หล่อนจึงมาอยู่ในเรือนไม้สักทอง ที่เต็มไปด้วยเครื่องใช้โบราณเมื่อสมัยสองร้อยปีก่อน   ลอออรลุกจากเตียง ก่อนจะเดินสำรวจภายในห้องหับที่ตนอยู่  หญิงสาวเอื้อมมือจับคันฉ่องโบราณ ที่ยังคงเป็นลักษณะโลหะเงาขัดอยู่ ข้างๆกระจกเงาโบราณมีพวกเครื่องหอมที่ไว้ประทินผิว ไม่ว่าจะเป็นแป้งร่ำ น้ำปรุง แม้แต่แป้งกระแจ๊ะจันทร์ ซึ่งในยุคสมัยที่เธอจากมาแทบจะไม่มีให้เห็นเสียแล้ว แต่ที่นี้กลับมีทุกอย่าง ราวกับนี้ไม่ใช่ยุคปัจจุบันที่เธออยู่   นางรื่น และนางโรย บ่าวคนสนิทของลออจันทร์ดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นเจ้านายสาวฟื้นคืนสติ ทั้งสองต่างกอดเจ้านายสาวอย่างรักใคร่ ลอออรตั้งสติและค่อยๆถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับสองบ่าว จึงได้รู้ว่าเรือของแม่หญิงลออจันทร์ บุตรีออกพระวิชิตภักดี เจ้าเมืองไชยา เรือล่มกลางคลองสวนพลูหลวง เพราะเกิดกระแสน้ำวนขึ้น นอกจากนี้เธอยังได้รู้อีกว่ากระแสน้ำวนนั้นได้นำร่างของเธอขึ้นมาเหนือน้ำแทนแม่หญิงลออจันทร์ ทุกคนในที่นี้เลยเข้าใจว่าเธอคือแม่หญิงลออจันทร์คนนั้น นอกจากนี้เธอยังได้รู้อีกว่ายุคที่เธอข้ามภพมาคือยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย  ยุคในแผ่นดินของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ลอออรแทบทรุดเมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด นี่เธอเดินทางย้อนอดีตมาเกือบสามร้อยปีเชียวหรือ แถมการย้อนเวลามา ใกล้ช่วยยุคกรุงแตกเสียด้วยสิ ลอออรแทบอยากกรี๊ด เมื่อรู้ความจริงถึงเรื่องนี้ แต่จะให้เธอทำอย่างไรได้ ในเมื่อเข้าเมืองตาหลิ่ว เธอก็คงต้องหลิ่วตาตาม

    หลังจากฟื้น ลอออรก็ออกไปรับประทานอาหารกับครอบครัวของท่านมหาราชครูฯ บนโต๊ะอาหารเธอได้รู้จักกับหมื่นศรีเทพวาจา ผู้เป็นคู่หมั้นของแม่หญิงลออจันทร์ กับ คุณหญิงบัว ผู้เป็นมารดาของชายหนุ่ม  ลอออรรับประทานอาหารกับมืออย่างเกๆกั้งๆ เพราะไม่ถนัดในการเปิบสักเท่าไหร่ ..แต่ก็ผ่านมันไปได้ ลอออรสังเกตถึงอากัปกิริยาที่หมื่นศรีเทพวาจามีแก่เธอนั้น ช่างห่างเหินและเย็นชานัก เธอจึงแอบถามบ่าวคนสนิทของแม่หญิงลออจันทร์ ว่าเหตุใดทำไมหมื่นท่านถึงสีหน้าเย็นชา ดูท่าทางรังเกียจรังงอน ในตัวเธอนัก นางรื่น นางโรยจึงบอกแก่เจ้านายสาวไปว่า  เมื่อครั้งที่คุณหญิงมณีสิ้น ท่านมหาราชครูและท่านหมื่น ได้ไปร่วมงานศพที่เมืองไชยา แม่หญิงลออจันทร์ ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับท่านหมื่น ด้วยเหตุว่าเมื่อก่อนท่านยังไม่ได้รับตำแหน่งหมื่นศรีเทพวาจา อีกทั้งแม่นายยังต่อว่าท่านหมื่นว่าไม่เจียมตัว อีกด้วย และอีกเหตุการณ์หนึ่งนั่นคือแม่หญิงลออจันทร์ ถูกแม่หญิงเรไรใส่ความว่าเป็นคนผลักแม่หญิงเรไรตกกระได ในงานเพลิงศพของท่านออกญาฯ เป็นเหตุให้ท่านหมื่นรังเกียจและเย็นชาต่อแม่นายลออจันทร์ขึ้นมากกว่าเดิม  ลอออรพอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ก็ดีแล้วที่ชายหนุ่มรังเกียจลออจันทร์ อย่างน้อยๆเธอก็จะได้รอดจากการแต่งงานกับเขา ลอออรอยู่เรือนพระมหาราชครูฯ แล้วรู้สึกเบื่อหน่ายเพราะไม่มีอะไรทำ เธอจึงขออนุญาตคุณหญิงบัว เพื่อออกไปเที่ยวตลาด แต่ก็ถูกคุณหญิงบัวปฏิเสธ แล้วให้เหตุผลว่าต้องให้หมื่นศรีเทพวาจาเป็นคนพาไป เพราะท่านกลัวเรือจักล่ม เหมือนครั้งที่ลออจันทร์เดินทางมาที่นี้ ลอออรทำได้แต่จำยอม เมื่อหมื่นศรีเทพวาจากลับจากราชการ จึงพาลอออรออกไปเที่ยวตามคำสั่งของคุณหญิงบัว ซึ่งเขาได้แต่จำยอมพาไป ตลอดการเดินทางไปตลาด ลอออรก็ชวนหมื่นศรีเทพวาจาสนทนามาตลอดทาง เธอถามโน้นถามนี่ตามวิสัยของคนที่จบโบราณคดีมา แม้ว่าเป็นเรื่องที่คนพระนครฯเขารู้ก็ตามที เมื่อไปถึงตลาดวัดนางชี ลอออรก็ได้พบแม่หญิงเรไร บุตรีออกพญาศรีราชเดโช แม่หญิง ที่ชายหนุ่มหมายปองอยู่ ซึ่งแม่หญิงเรไรแสดงออกความร้ายกาจนั้นอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบลอออร จนลอออรรู้สึกหมั้นไส้ ยิ่งเห็นรอยยิ้มหวานเลี่ยนของคุณหมื่นที่มีแก่แม่ หญิงเรไร ช่างแตกต่างจากเธอลิบลับ  เธอจึงรู้สึกสงสารลออจันทร์ไม่น้อยหากต้องแต่งงานกับชาย หนุ่มที่แสนเย็นชาผู้นี้ แต่ก็ช่างเถอะเธอกลับรู้สึกดีเมื่อมีคนจะมาแต่งงานกับหมื่นศรีเทพวาจา แทนเธอ หลังจากที่พบปะกับแม่หญิงเรไร คราวนี้เธอก็ได้เจอกับหลวงศรียศ (สน) พระสหาย ของหมื่นศรีเทพวาจา ซึ่งท่านผู้นี้ช่างมีใบหน้าเหมือนอนวรรธ รุ่นพี่ในคณะที่เคยแอบชอบเธอไม่มีผิดเพี้ยน ท่านสนหันมาทักทายลอออร และชวนเธอพูดคุย จนหมื่นศรีเทพวาจามิพอใจอย่างมาก เมื่อเห็นแม่หล่อนพูดจายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้แก่หลวงท่าน เมื่อกลับเรือนหมื่นศรีเทพวาจา ก็ต่อว่าลอออรอย่างไม่สบอารมณ์ ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ชอบให้ท่าผู้ชาย จนลอออรโกรธปรี๊ดตบหน้าชายหนุ่มไปหนึ่งที ที่กล่าววาจารุนแรงแก่เธอ ลอออรรู้สึกเสียใจไม่น้อย เธอรู้สึกอยากกลับบ้าน จนบ่าวคนสนิทต้องเข้ามากอดเธอไว้ หลังจากที่พบกันวันนั้น หลวงศรียศ ก็มักจะเป็นแขกเรือนพระมหาราชครูฯเป็นประจำ เพื่อหาเรื่องแวะมาคุยกับลอออร  จนหมื่นศรีเทพวาจาไม่พอใจอย่างที่สุด ซึ่งพระมหาราชครูฯได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นบุตรชายเริ่มมีใจแก่แม่หญิงลออจันทร์บ้างแล้ว   คุณหญิงบัวได้เสด็จเข้าเฝ้าเสด็จกรมหมื่นพิชิตมนตรี พระองค์ท่านอยากได้นางข้าหลวงเพิ่ม เพื่อมาหัดละคร คุณหญิงบัวเลยอาสาที่จะนำแม่ลออจันทร์มาฝึกหัดการละคร การนำแม่ลออจันทร์มาฝึกหัดละครในครั้งนี้ เธอไม่ได้หมายให้แม่ลออจันทร์ฝึกละครอย่างเดียว แต่เธอหวังให้แม่ลออจันทร์ ฝึกหัดความเป็นกุลสตรี เพื่อที่จะได้เตรียมตัวเป็นภรรยาแก่บุตรชาย คุณหญิงนำความมาขอแก่สามี ว่าจะขอแม่ลออจันทร์เข้าวัง ซึ่งนั้นทำให้หมื่นศรีเทพวาจาแทบสำลักน้ำชา ความกลัวเข้ามาแทนที่ ด้วยแม่หญิงมีความงามเหนืออิสตรีใดในพระนครฯ แน่นอนอยู่แล้วที่จะมีเหล่าบรรดาขุนนางต่างๆหมายตา พระมหาราชครูฯเหลือบมองบุตรชายก็พอรู้ว่าชายหนุ่มไม่พอใจที่จะให้แม่หล่อนเข้าวัง จึงบอกปัดภรรยาไปว่า ไม่อยากให้แม่ลออจันทร์เข้าวัง หวั่นเกรงกรมหมื่นในเสด็จพ่ออยู่หัวบรมโกศ จะหมายปองแม่หล่อน พาลจะเดือดร้อนถึงเขาผู้เป็น ผู้ปกครองของแม่หล่อน  จึงอยากให้แม่ลออจันทร์อยู่ในเรือนช่วยงานคุณหญิงบัวไปก่อน ลอออรรู้สึกอยากขอบพระคุณท่านมหาราชครูอย่างยิ่ง ที่ทำให้เธอไม่ต้องออกไปอยู่ในรั้วในวัง เพราะขืนหล่อนเข้าไปมีหวังอกแตกตาย วันละร้อยๆรอบ คุณหญิงบัวแม่จะไม่เห็นด้วย แต่ก็จำยอมฝึกงานบ้านงานเรือนแก่แม่หล่อนต่อไป หลายวันต่อมาคุณหญิงบัววานให้แม่ลอออรไปย่านตลาดนายก่าย เพื่อหาซื้อกระทะทองเหลืองใบใหม่ เพื่อที่จักสอนเธอทำขนมโบราณ เธอกับบ่าวคนสนิทจึงได้ออกมาเที่ยวตลาดอย่างที่อยากทำ ย่านตลาดชุมชนจีน ลออออรได้เห็นเหตุการณ์ที่ขุนนางท่าขวาจีนได้ทำร้ายชาวฮอลันดานามว่า ยาข็อบ ฟาน เดอชลาย นักเขียนแผนที่ชาวฮอลันดา ที่มีความสนใจแผนที่ในอยุธยา ท่านขุนนางเกรงว่าเขาจะเป็นไส้ศึกให้ศัตรู เพื่อหาทางเข้าออกในกรุงศรีอยุธยาจึงทำการลงโทษแก่ชายฮอลันดานั้น  ลอออรได้เข้าไปช่วย และมีการเจรจาว่าเหตุใดทำไมต้องทำร้ายถึงปางตายอย่างนี้ ท่านขุนนางเลยตอบไปว่า ทำเพื่อความถูกต้อง เพราะหวั่นเกรงว่าชายวิลันดาผู้นี้จะเป็นผู้ร้าย ลอออรจึงบอกแก่เขาไปว่า ชายผู้นี้เป็นเพียงนักวาดภาพเท่านั้น ไม่ได้มีอันตรายแก่ชาวสยามอย่างแน่นอน ขุนนางท่าขวาเลยคุยกับลูกน้องว่าให้เลิกทำร้ายชายวิลันดาผู้นี้ ก่อนจะใช้คำพูดภาษาจีนพูดจาเหยียดหยามคนไทย อย่างไม่น่าให้อภัย ลอออรได้ยินอย่างนั้นจึงต่อว่าเขาไปเป็นภาษาจีน ว่าผู้ที่น่ารังเกียจคือผู้ที่มาอยู่แผ่นดินผู้อื่น แล้วเหยียดหยามคนในแผ่นดินเขา คนพวกนี้น่าขยะแขยงกว่าสิ่งใด ขุนนางท่าขวาได้ยินอย่างนั้นถึงกับสะอึกพูดไม่ออก ไม่คาดคิดว่าแม่หญิงอโยธยาผู้นี้จะรู้เรื่องภาษาของพวกเขา เหตุการณ์เมื่อครู่สร้างความประหลาดใจแก่หมื่นศรีเทพวาจาเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่หล่อนจะเก่งกาจพูดจาภาษาจีนได้คล่องแคล่ว เฉกเช่นเดียวกันกับขุนนางผู้อื่น  ลอออรให้นายแดง นายปั้น ช่วยยกชาววิลันดาขึ้นมา  หญิงสาวได้ใช้ภาษาดัตซ์ในการเจรจากับเขา ยาข็อบรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่แม่หญิงอโยธยาจะเจรจาเป็นภาษาเดียวกับเขาได้  ไม่ต่างอะไรจากหลวงศรีเทพวาจาที่ตกใจไม่น้อยที่แม่หญิงลออจันทร์พูดภาษาของชาววิลันดาได้ เขาจึงนำตัวเธอกลับเรือน เพื่อสอบสวน ขุนศรีเทพวาจาใช้ภาษาจีนแต้จิ๋วสอบถามแก่เธอ ซึ่งเธอก็ตอบกลับเขาอย่างง่ายดาย ชายหนุ่มจึกซักไซ้ไล่ความว่าทำไมเธอถึงพูดภาษาจีนและภาษาวิลันดาได้ ลอออรจึงตอบไปว่า เรียนมา เขาไม่แปลกใจอันใดมาก พอจะรู้ว่าออกพระวิชิตภักดี เจ้าเมืองไชยา คงให้บุตรีร่ำเรียนมาเพื่อให้ช่วยราชการแก่ชายหนุ่มในภายภาคหน้า ยาข็อบรู้สึกอยากขอบคุณลอออรที่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ จึงวาดภาพสีน้ำของแม่หญิงเป็นการตอบแทน พร้อมกับฝากให้แก่หลวงศรีเทพวาจา ให้บอกแก่แม่หล่อนว่าเป็นน้ำใจจากเขา ชายหนุ่มรับมาพร้อมคลี่ภาพนั้นออก ก็ต้องตกตะลึงเพราะภาพนั้นงามเหลือเกิน ตอนนี้เขาช่างราวกับวิหยาสะกำที่หลงรูปนางบุษบา นั้นทำให้หมื่นศรีเทพวาจาตระหนักขึ้นมากกว่าเดิม ว่าจะยอมเสียแม่หญิงลออจันทร์ไม่ได้ เพราะยิ่งนานวันแม่หญิงผู้นี้มีความเสน่หา ที่บุรุษในพระนครฯต้องยื้อแย่งในไม่ช้า และเป็นจริงดังที่หมื่นศรีเทพวาจาคิดไว้ไม่มีผิด เมื่อหลวงศรียศ ได้ให้เจ้าพระยาศรีไสยหาญณรงค์ ผู้เป็นบิดามาสู่ขอแม่หญิงลออจันทร์กับบิดาของเขา สร้างความวิตกกังวลแก่เขาเป็นอย่างมาก เพราะอย่างไรเสีย อีกไม่นานหลวงศรียศ ก็จะได้รับตำแหน่งพระยา-จุฬาราชมนตรี เจ้ากรมท่าขวา แค่เพียงยศถาบรรดาศักดิ์ก็แตกต่างแล้ว เขาหวั่นเหลือเกินว่าแม่หญิงจะเลือกหลวงศรียศที่มีตำแหน่งใหญ่โตกว่าเขา ท่านมหาราชครูฯอึกอักไม่น้อย จึงบอกปัดไปว่า เขาขอถามหลานสาวก่อนว่าจะยินยอมแต่งงานกับหลวงศรียศหรือไม่  หลังจากเจรจากับหลวงศรียศเสร็จ หมื่นศรีเทพวาจา จึงเร่งบอกบิดาในทันทีว่าเขาอยากออกเรือนกับแม่หญิงลออจันทร์ให้เร็วที่สุด สร้างความพอใจแก่พระมหาราชครูเป็นอย่างมาก แต่จะให้คำตอบแก่ท่านพระยาศรีไสยหาญณรงค์ว่าบุตรชายของเขามีความประสงค์จักแต่งงานกับลออจันทร์มิได้ ท่านจึงคิดกลอุบายขึ้นเพื่อให้บุตรชายและลออจันทร์ได้เสียกันอย่างผิดประเพณีขึ้นมา เพื่อที่จะท่านเองจะได้ไม่เสียผู้ใหญ่เช่นกัน ว่าแล้วในวันต่อมา ท่านมหาราชครูฯ ได้นัดแนะให้ท่านเจ้าพระยาศรีไสยหาญณรงค์ ,หลวงศรียศ,พระยาอมเรนทร์ จางวางกรมอาสาจาม,ออกพญาศรีราชเดโช, แม่หญิงเรไร,และหมื่นเสน่ห์วาจา ชวนมารับประทานอาหารที่เรือน ซึ่งวันนี้คุณหญิงบัวและลอออรทำอาหารชาววังต้อนรับแขกผู้มาเยือน ท่านมหาราชครูเชื้อเชิญลอออรให้นั่งคุยกับเหล่าเสนาทุกๆคน ซึ่งเธอก็ยินดี พระยาอมเรนทร์ ชื่นชมลอออร เรื่องที่เธอได้ใช้วาจาในการสั่งสอนขุนท่าขวาจีน ที่เหยียดหยามคนสยามได้สาแก่ใจเขามากนัก สร้างความประหลาดใจแก่ท่านพระมหาราชครูอยู่ไม่น้อย ที่หลานสาวพูดภาษาจีนและวิลันดาได้ ลอออรยิ้มแหย ข่าวของเธอ ช่างเร็วเหมือนไฟล่ามทุ่งเหลือเกิน ไม่เพียงแค่หลวงศรียศเท่านั้นที่หมายปองในตัวแม่หญิง แต่ท่านจางวางเองก็มองหญิงสาวด้วยสายตาคมกริบ เมื่อแม่หญิงผู้นี้มิใช่มีแค่เพียงความงามเท่านั้น ปัญญาก็เป็นเลิศเหมาะที่จำนำมาเป็นแม่เรือนอย่างมากคงจักช่วยงานราชการเขาได้มากโข เมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จ เหล่าบรรดาขุนนางหนุ่มต่างรับสุราและกลับแกล้ม ท่านออกญาศรีราชเดโช จึงชวนเหล่าบรรดาขุนนางต่อโคลง กาพย์  กลอน  ท่านออกญาจึงให้แม่เรไรเป็นผู้เริ่มงามวงพักตร์สง่า     ดังสุริยัน    พักตร์ผ่องดั่งตะวัน   แจ่มจ้า   เดือนหรือจะหมายเคียงคู่     สุริยันได้   สุริยันลาลับฟ้า     เหลือเพียงจันทรา   ลอออรมองวงหน้าของแม่หญิงเรไรก็พอรู้ว่าเธอกำลังเอ่ยถึงหมื่นศรีเทพวาจา ชายหนุ่มก็ต่อโคลงนั้นทันใด แววตานั้นยังคงมองแม่หญิงเรไรด้วยความอ่อนโยนเสน่หาไม่รู้คลาย สุริยันลาลับ      ขอบฟ้า   เหมือนใจพี่นั้น   ลาลับไกล    มิได้เห็นวงพักตร์     จันทรา ใจพี่นั้นหนา      จักขาดอยู่รอนรอน  เหล่าขุนนางที่ต่างชื่นชมในการแต่งโคลงของทั้งสองว่าสูสีกันพอดู จึงคราวของหลวงสียศที่ขอแต่โคลงสั้นๆได้ใจ งามพักตร์ดั่งเดือนเพ็ญ   พักตร์งามเด่นดังเดือนฉาย   เดือนผ่องส่องแสงพราวพราย    พี่หมายเพียงแค่ละอองจันทร์ความหมายของบทกลอนที่หลวงสียศแต่ง หมายเพียงที่จะบอกความนัยแก่ลอออรนั้นเอง สร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้ฟัง เว้นแต่คู่หมั้นของเธอ ลอออรทำอะไรไม่ถูกเพราะโดนจีบซึ่งหน้า เธอจึงกล่าวตักเตือนชายหนุ่มไปอันอ้อยตาลหวานลิ้นก็สิ้นซาก  แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย  แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย  เจ็บจนตายนั้นเพราะเหน็บให้เจ็บใจ กลอนที่แม่หล่อนตอบไปนั้นทำให้หลวงศรียศและหลายๆคน ถึงกับชอบเป็นอย่างมาก เป็นเหน็บแหนมชายหนุ่มเป็นนัย ๆ ท่านมหาราชครูรู้สึกปลาบปลื้มในตัวหลานสาวที่สามารถแก้ต่างหลวงศรียศไปเพื่อเตือนสติ ว่าหล่อนไม่ใช่หญิงเบาปัญญาที่จะเชื่อลมปากชายใดได้ หลวงศรียศได้ทีจึงขอแม่หญิงลออจันทร์แต่งงาน ซึ่งนั้นทำให้ลอออรถึงกับพูดไม่ออก ไม่เพียงแต่ลอออรเท่านั้น หมื่นศรีเทพวาจาก็เช่นกัน ท่านได้แต่รอลุ้นว่าลออจันทร์จะตอบเรื่องนี้แก่หลวงศรียศอย่างไร ลอออรคิดหนักหากหล่อนต้องติดอยู่ที่นี้ตลอดไป การแต่งงานกับตระกูลเฉกอะหมัด ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะชีวิตเธอจะได้เป็นคุณหญิงไปตลอดชีวิต ด้วยบุรุษหลวงศรียศผู้นี้เป็นคนเก่ง นอกจากจะได้เลื่อนยศในภายภาคหน้าแล้ว เธอก็ไม่มีวันลำบากไปตลอดชีวิต แต่ติดตรงที่ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพระมหาราชครูฯจะยอมหรือไม่ เธอจึงได้แต่ตอบอ้อมๆไปว่า คงต้องแล้วแต่พระมหาราชครูฯ เพราะเธอนับถือท่านดุจดั่งบิดา ทุกอย่างจะขึ้นกับเธอไม่ได้ หลวงศรียศยังคงรุกต่อ ว่าหากท่านราชครูท่านยินยอม แม่ลออจันทร์จะยินยอมไหม ...ลอออรตอบไปทันควันว่ายังไม่พร้อม ด้วยว่าเธอยังไม่รู้จักหลวงศรียศมากพอ หากคิดจะรักหล่อนจริงๆก็ต้องรอเธอจนกว่าเธอจะพร้อม เพราะเธอไม่อยากผิดหวังและเสียใจเรื่องความรักอีก หลวงศรียศยิ้มอ่อน อย่างเข้าใจความรู้สึกของแม่หญิงลออจันทร์ คำตอบของลอออรทำให้หมื่นศรีเทพวาจา ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งใจที่ปฏิเสธหลวงศรียศไปแบบอ้อมๆ  ท่านมหาราชครูเองก็ยิ้มพึงใจกับคำตอบของหลานสาวอยู่ไม่น้อย เห็นทีคราวนี้พ่อเทพ คงต้องเหนื่อยเอาการ เพื่อแย่งชิงแม่หญิงลออจันทร์จากท่านหลวงศรียศ แต่ท่านราชครูก็มีแผนการสำหรับรวบรัดแม่ลออจันทร์ให้แก่ลูกชายไว้แล้ว หมื่นศรีเทพวาจา ดื่มสุราอย่างหนักจนหลับหมดสติไป ท่านราชครูฯได้ให้นายปั้นสุมไฟเพื่อวางยานอนหลับแก่ทุกคนในบ้าน โดยมีท่านราชครูฯ นายปั้น และนายชด ปิดจมูกและอุ้มร่างที่ไร้สติของหมื่นศรีเทพวาจาเข้าไปยังหอนอนของแม่ลออจันทร์ จนกระทั่งเช้าตรู่ลอออรที่ตื่นมา พบว่ามีร่างหนาๆของบุรุษหนึ่งนอนเคียงข้างเธอ ร่างหนาที่แสนคุ้นตาจะเป็นใครไม่ได้นอกจากหมื่นศรีเทพวาจา ลอออรกรี๊ดสุดเสียง ไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าย่ำยีเธอขนาดนี้ ลอออรคว้าผ้าห่มมาปิดร่างกายไว้ แม้ว่าร่างเธอนั้นจะมีเครื่องอาภรณ์ครบทุกชิ้นก็ตาม หมื่นศรีเทพวาจาตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่ในหอนอนของลออจันทร์ และเขาก็ไม่ได้ใส่เสื้อเสียด้วย ชายหนุ่มพยายามอธิบายให้ลออจันทร์ฟังว่าเขาไม่รู้เรื่องว่ามาอยู่ในหอนอนเธอได้อย่างไร ลอออรไม่ฟังชายหนุ่มได้แต่ทุบตีหมื่นศรีเทพวาจาไม่ยั้ง จนเขาต้องรวบรัดร่างน้อยๆไว้ในอ้อมอก เพื่อให้ฟังความจากเขาก่อน แต่ไม่ทันทีจะอธิบายอันใดท่านราชครูและคุณหญิงบัว ก็เข้ามาในหอนอนหญิงสาวเสียก่อน คุณหญิงบัวแทบจะเป็นลม เมื่อเห็นภาพที่บุตรชายกอดรัดแม่ลออจันทร์ไว้ ท่านราชครูฯทำหน้าดุ ก่อนจะเรียกบุตรชายให้ออกไปเจรจาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรต่อ คุณหญิงบัวเข้าไปกอดลออจันทร์อย่างสงสาร แล้วบอกแก่สามีว่าอย่างไรบุตรชายต้องรับผิดชอบแม่ลออจันทร์ ถึงแม้จะพลาดพลั้งเพราะความเมามายก็ตาม ซึ่งหมื่นศรีเทพวาจายินยอมที่จะจัดตามพระราชเพณีอย่างยินดี เพราะเขารอเวลานี้มาเนิ่นนาน ท่านมหาราชครูฯได้ให้นายปั้นและนายชดไปเรียนบอกผู้ใหญ่ ว่าแม่ลออจันทร์พลาดพลั้งเสียท่าให้แก่หมื่นศรีเทพวาจา เห็นทีจักรับการหมั้นหมายจากหลวงศรียศไม่ได้แล้ว ข่าวของแม่ลออจันทร์ไปถึงหลวงศรียศ ท่านจึงเกิดความแค้นจึงมาหาหมื่นศรีเทพวาจา จนเกิดการต่อสู้กัน หมื่นศรีเทพวาจาพลาดพลั้งโดนหลวงศรียศฟันโดนที่แขน แล้วลั่นวาจาว่าจะฆ่าหมื่นศรีเทพวาจาให้ตาย ลอออรเห็นเหตุการณ์จึงเข้าไปขวางแล้วบอกไปว่าหล่อนเต็มใจที่จักแต่งงานกับหมื่นศรีเทพวาจา ด้วยเหตุว่าเธอรักเขา เธอขอให้หลวงศรียศเห็นแก่เธอ อย่าทำร้ายคนที่เธอรักเลย ลอออรกอดร่างของหมื่นศรีเทพวาจาไว้แน่นทั้งน้ำตา หลวงศรียศจำยอมกลับเรือนด้วยความเจ็บช้ำ แต่อย่างไรเสียเขาก็จะรักแม่หญิงลออจันทร์ต่อไป ก่อนงานแต่งงานหมื่นศรีเทพวาจา ก็ได้ประทานยศเป็นขุนศรีเทพวาจา ทำงานในกรมขุนพรพินิต เจ้าฟ้าดอกมะเดื่อ  งานแต่งงานของลออจันทร์และขุนศรีเทพวาจา ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยพระมหาราชครูฯเป็นดั่งพระราชครูของพ่ออยู่หัวบรมโกศ จึงทำให้งานแต่งงานครั้งนี้มีเจ้าฟ้า ลูกยาเธอ มาร่วมงานเป็นอย่างมาก ในคืนเข้าหอขุนศรีเทพวาจาและลออจันทร์ ชายหนุ่มได้ให้คำสาบานแก่หญิงสาวคนรักว่า เขาจักรักและเทิดทูนมีแม่ลออจันทร์เป็นเมียเพียงคนเดียว ลอออรพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะนอนร่วมเรียงเคียงหมอนไปพร้อมกับชายหนุ่มที่เธอเลือกให้เป็นคู่ชีวิต แต่เมื่อทั้งสองได้เสียกัน ก็ต้องแปลกใจว่าเหตุใดเลือดพรหมจรรย์เธอถึงมี หญิงสาวจึงกระจ่างแจ้ง เมื่อครั้งที่ขุนศรีเทพวาจาเข้าหอนอนเธอนั้นเป็นเพียงกลอุบายของท่านราชครูอย่างแน่นอน ที่อยากตัดไฟตั้งแต่งต้นลม เพื่อต้องการตัดคู่แข่งของลูกชาย หล่อนได้แต่ยิ้ม ในใจนั้นก็อดที่จะบ่นเสียไม่ได้ หลังจากการแต่งงานของลออจันทร์กับขุนศรีเทพวาจานั้นไม่นาน พ่ออยู่หัวบรมโกศ ก็ทรงจับได้ว่าเจ้าฟ้ากุ้งผู้เป็นโอรสได้ลอบทำชู้กับเจ้าฟ้าสังวาล จึงมีการสั่งโบย จนเจ้าฟ้ากุ้งสิ้นพระชนม์  เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ลอออรจดลงในสมุดข่อยโบราณ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าเธอได้เดินทางมาเยือนอดีต และได้เห็นเหตุการณ์สำคัญในครั้งนี้ หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ ขุนศรีเทพวาจา ได้เลื่อนยศเป็นหลวงศรีเทพวาจา และไม่นานลอออรก็ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรสาวในเก้าเดือนต่อมา เธอตั้งชื่อบุตรสาวตามชื่อจริงของเธอว่า ลอออร เพราะอย่างน้อยๆลอออรจะได้มีตัวตน และเป็นเครื่องเตือนใจว่าเธอคือใคร แม้ว่าฟ้าได้ลิขิตให้เธอได้มาแทนที่ลออจันทร์ และได้พบรักแท้อย่างหลวงศรีเทพวาจามาครอบครอง แต่การเดินทางข้ามเวลามาสู่ยุคอดีตมันไม่ง่ายสำหรับชีวิตของลอออรเลย แต่วันนี้เธอก็ผ่านมันไปได้ด้วยสติ  และมีชีวิตที่สมบูรณ์ควรค่าแก่การอดทน และรอคอย ชีวิตของมนุษย์ล้วนไม่จีรังยั่งยืนอยุธยาก็เช่นกัน หลังจากนี้อีก 11ปี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เธอทำได้มากที่สุดนั้นคือการจับมือของผู้ร่วมชะตาชีวิตแล้วก้าวผ่านเวลาแห่งการสูญเสีย เพื่อมีชีวิตใหม่ในแผ่นดินใหม่อย่างสุขสมบูรณ์


    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น