กว่าฉันจะได้เป็น ‘นาง’
ผักตบ สาวหมวยตัวเตี้ย ร่างเล็กเจ้าของกิจการบ่อขยะที่นครปฐม รอคอยคนมาสอยจากคาน แต่กลับเป็นชายหนุ่มคู่ปรับที่มาคอยตอแย ชนาธิป หนุ่มหล่อ ปากร้าย หลงตัวเอง ที่ทีแรกผักตบคิดว่าเขามีอาชีพขายบริการ แต่เข้าใจผิด เขาหลอกใช้ผักตบเพื่อฮุบกิจการ แต่ถูกจับได้เสียก่อน
ผู้เข้าชมรวม
590
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ กว่าฉันจะได้เป็น ‘นาง’
ขอแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว ขอเชิญแขกผู้มีเกียรติทุกท่านกรุณายืนขึ้น พร้อมกับ กล่าว “ไชโย” ให้กับคู่บ่าวสาวที่เหมาะสมกันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยกคู่นี้ด้วยครั้บ
“ไชโย ไชโย ไช...โย” เหล่าแขกท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายทั้งเด็กน้อยไปจนกระทั่งผู้เฒ่าผู้แก่ต่างแต่งกาย ประโคมเครื่องเพชรกันมาราวกับเป็นงานประกวดเครื่องประดับโลก กระเป๋าหนังสัตว์ที่น่าสงสารทั้งหลายต่าง นั่งประชันหน้ากันสลอน ราวกับกำลังถามว่า “เธอมาจากทวีปไหนกัน” คู่บ่าวสาวจับมือกันแน่น เพลงรัก Pachabel Cannon ที่เปิดทุกงานแต่งก็ไม่พลาดในงานนี้เช่นกัน ภาพทุกหลืบของงานเต็มไปด้วยภาพคู่ที่รักกันปานจะกลืนกินของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ที่ถ่ายภาพทั้งแนว ยุโรป ทั้งที่ทั้งคู่ตาชั้นเดียวผิวขาวอมเหลืองแต่ใส่ชุดเหมือนพระนางมารี อ็องตัวแน๊ตเคียงคู่พระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกที่ตาชั้นเดียวเหมือนสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ถังเสียมากกว่า ดอกกุหลาบสีชมพู ดอกไม้ที่เจ้าสาวชอบเป็นพิเศษ ก็ถูกเหมามาหมดสวน กลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งงาน ชุดสีขาวบริสุทธิ์เข้ารูปกับลูกไม้ที่ลากกรุยกรายตามทาง พร้อมรองเท้าส้นสูงปี๊ด จนเจ้าบ่าวต้องคอยประคอง ลูกโป่ง น้ำแข็งแห้ง ต่างพากันแสดงตัวเพิ่มบรรยากาศให้กับงานมงคลสมรสให้เหมือนกับอยู่บนวิมาน เพื่อนเจ้าสาวแอบมองโต๊ะเพื่อนเจ้าบ่าวอย่างเหนียมอาย พลางพูดลับหลังกันว่าใครเป็นเกย์ ใครเป็นเก้ง คนนั้นหล่อ คนนี้เหียก เพื่อนเจ้าสาวต่างผลักไสคนโสดให้ไปรับช่อดอกไม้ที่เจ้าสาวมือใหม่ป้ายแดงกำลังจะโยนลงมาจากเวที ต่างคนต่างเกี่ยงกัน ไม่อยากลุก เพราะเหมือนเป็นการแสดงว่า ชั้นอยากมีสามีจนตัวสั่น แต่ในใจก็คิดว่า ชั้นจะจิกตบทุกคนที่เข้ามาแย่งช่อดอกไม้อมตะนี้เลยคอยดู ส่วนโต๊ะเพื่อนเจ้าบ่าวก็ยกแก้วแชมเปญจน์ราคาแพงขึ้นทักหญิงสาวที่หมายปอง พลางคิดว่า คืนนี้ คอนโดดี หรือโรงแรมดี เอ หรือในรถก็ประหยัดเงินดีเหมือนกัน ชีวิตก็แบบนี้ งานตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเพื่อเป็นการบอกชาวโลกว่า ชั้นเปลี่ยนคำนำหน้าเป็น “นาง” ไม่ใช่ “นางสาว” มันช่างลงทุนสูงเหลือเกิน
“ผักตบ... ผักตบ... เหม่ออะไรอยู่ยะ เราไปรับช่อดอกไม้กันเถอะ” เจนสาวอวบอ้วนชักชวนเธอไปรับช่อดอกไม้วิเศษอย่างกระตือรือร้น
ผักตบ มองกลุ่มสาวน้อยสาวใหญ่ที่ไปยืนรอรับช่อดอกไม้อย่างปลงๆ หากมันสามารถทำให้เธอลงจากคานได้จริง อย่าว่าแต่ไปแย่งกับคนอื่นเลย เธอจะฆ่าทุกคนให้ตายหมดเหลือเธอคนเดียวก็ยอม แต่ดูเธอสิ ตัวเตี้ยม่อต้อ ขนาดใส่ส้นสูงสี่นิ้ว ยังสูงได้ไม่ถึง 162 เซนติเมตร แถมยังเอวบางร่างน้อยจนแทบจะปลิว มีหวังออกไปแย่งช่อดอกไม้เธอได้เปลี่ยนจากคนเป็นกล้วยทับแน่ๆ เธอจึงปฏิเสธเจนเพื่อนรักอย่างนุ่มนวล แล้วปล่อยให้เพื่อนไปแย่งไอ้ช่อดอกไม้อาถรรพ์นี้คนเดียวละกัน ในหัวเธอพลางคิดถึงเพลงที่ลูกน้องเธอมักเปิดให้ฟังทุกวัน “...งานแต่งที่ใด เป็นได้แค่แขกรับเชิญ อยากแต่งกับเขาเหลือเกิน...”
“เฮ้อ...” ผักตบถอนหายใจยาวพลางคิดว่า ชีวิตนี้จะมีไหมวันที่เธอจะได้เป็นเจ้าสาวกะเขาบ้าง อายุก็ปาไป 32 ละ ชีวิตก็พร้อมเป็นทั้งเมียทั้งแม่ ขาดก็แต่ เมื่อไหร่เขาคนนั้นจะขอชั้นแต่งงานสักทีนะ คบกันมาสองปีแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าเขาจะขอเธอไปทำพันธุ์เลย เสื้อเดรสสีขาวก็แขวนเต็มตู้ เรียกได้ว่าพร้อมทุกเวลา หากเธออยู่อินเดีย เธอจะเหมาช้างสิบเชือกขี่ไปขอผู้ชายถึงบ้าน
ผักตบนึกพลางสะท้อนใจ ไม่มีอารมณ์สนุกกับงานรื่นเริงประเภทนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะรู้ว่าในความเป็นจริงงานแต่งงานมันก็แค่ฉากๆหนึ่งที่คนสองคนประกาศให้สังคมรับรู้ถึงสัมพันธภาพที่เปลี่ยนไป งานแต่งไม่ว่าจะใหญ่โตหรูหราก็ไม่ได้รับประกันว่า ทั้งคู่จะรักกันจนตาย บางคู่ไม่ถึงสามเดือนก็หย่ากันด้วยซ้ำ บางคู่ก็แต่งเพราะความจำเป็น บางคู่ก็แต่งเพราะท้อง แต่สำหรับเธอแล้ว จะแต่งเพราะอะไรเธอไม่สน ขอให้ได้แต่งพอ ต่อให้แต่งแล้วพรุ่งนี้หย่าเธอก็พอใจเรียกได้ว่านอนตายตาหลับแล้ว แต่ชีวิตมันไม่ง่าย “เฮ้อ...” เธอถอนใจยาวอีกครั้งพลางปลีกตัวออกจากงานอย่างเงียบๆ
ชายหนุ่มรูปงามในรถปอร์เช่สีแดงสด ใส่แว่นตาสีดำสนิททรงนักบิน ทั้งที่เป็นเวลากลางคืน เขาเปิดเพลงป๊อบชื่อดังเสียงสนั่นออกมาจากรถคันหรู เวลาเขาเร่งเครื่องทีเสียงยิ่งคำรามก้องบาดโสตประสาทของผู้คนในละแวกที่เขาผ่านทาง แต่ด้วยความที่ย่านที่เขาขับเป็นย่านธุรกิจกลางคืน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเห็นผู้ชายมาหาความสำราญทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน แม้แต่วัยชรา
เขาร้องเพลงคลอพลางโยกหัวตามบอกถึงความอารมณ์ดี คาดว่าวันนี้เขาอาจโชคดี ได้น้องๆ หนูๆ ชื่อเก๋ๆ ไปอุ่นเตียงเขาสักคนสองคนก็เป็นได้
“เฮ้ย...เปรี้ยง...” เสียงรถชนกันสนั่นจนคนแถวนั้นไม่วายหยุดกิจกรรมทุกอย่างที่กำลังทำออกมามองว่าเกิดอะไรขึ้นราวกับกำลังดูละคร รถสปอร์ตสีแดงสดยี่ห้อหรูชนท้ายเข้าอย่างจังกับรถเต่าสีชมพูจนหน้ารถสปอร์ตกันชนร่วงลงกับพื้นราวกับของไร้ราคา ส่วนรถคันสีชมพูหวานก็ยับยู่จนถึงห้องผู้โดยสารด้านหลัง เคราะห์ดีที่ไม่มีคนนั่ง
“ขับรถภาษา...ไรวะ อยากตายหรือไง” ชนาธิปเดินลงมาเอาเรื่องพร้อมลุยเต็มที่บังอาจขับรถมั่วๆ ทำให้น้อง “มิยาบิ” ชื่อรถของเขาต้องเจ็บตัว
ผักตบเปิดประตูรถมาในสภาพยังมึนงงเพราะหัวกระแทกนิดหน่อย เธอใส่แว่นตาหนาเตอะเพราะเวลากลางคืนเธอมักถอดคอนแทกเลนส์ออกเสมอ
ภาพที่ชายหนุ่มเห็นคือป้า ป้าหัวฟู แว่นหนาเตอะเหมือนเด็กเรียน ตัวเล็กผอมบาง ใส่สายเดียวกระโปรงพริ้วสีชมพูสีเดียวกับรถของเธอ ดูก็รู้ว่าเธอคงเพิ่งกลับจากงานเลี้ยง พอชนาธิปเห็นเป็นผู้หญิงก็ค่อยคลายอารมณ์ลงบ้าง
“ป้า... ขับรถภาษาอะไร ปาดหน้าผมมาตั้งสามเลน ต่อให้เบรคมาตั้งแต่สิบกิโลเมตรก่อนหน้าก็เบรคไม่ทันหรอก” เขายังบ่นเสียงดัง
“ป้า...ใครป้าแก... หยาบคายที่สุด ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลย ชั้นชื่อผักตบย่ะ” ผักตบเมื่อตั้งสติได้ก็ตอบกลับอย่างหัวเสีย พลางน้ำตาไหลพราก ไม่ใช่เพราะรถถูกชน แต่เพราะเพลงที่เปิดก่อนรถถูกชนมันเศร้ากินใจคนรอลงคานอย่างเธอจับใจ”
ชนาธิปตกใจคิดว่าเขาเป็นต้นเหตุทำให้เธอร้องไห้ เขารีบปลอบพลางพูดว่าเขาไม่เอาเรื่องแม้เธอจะเป็นฝ่ายผิดก็ตาม “ใจเย็นป้า... ป้า...อย่าร้อง ผมใจไม่ดี หมดอารมณ์พอดีวันนี้ เอาเป็นว่าต่างคนต่างไป ผมไม่เอาเรื่องก็แล้วกัน ต่างคนต่างซ่อมรถของตัวเองละกัน “โถ มิยาบิลูกพ่อ... ไม่ต้องกลัวนะ คราวนี้พ่อจะยกเครื่องใหม่ให้เหมือนทำรีแพร์เลยนะลูก” ชายหนุ่มพูดพลางพูดกับรถของตนเองราวกับเป็นผู้หญิงสาวสวยเซ็กซี่
เมื่อผักตบตั้งสติได้ เธอคิดว่าเขาก็เป็นคนดีเหมือนกันนะไม่เอาเรื่องเธอ ไม่อย่างนั้นคงเสียตังหลาย เธอรีบปาดน้ำตา ยกมือไหว้ แล้วมองเขาชัดๆ เธอถึงกับอ้าปากค้าง
ชายหนุ่มสูงยาว เข่าดี สไตล์เกาหลีอินเทรนด์ ใส่เสื้อเชิร์ตสีขาวโชว์แผงอกล่ำ ดูสุขภาพดี ขนาดยังไม่ถอดแว่นก็จินตนาการได้ถึงดวงตาคม กับรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ โอ้ย...บอกได้คำเดียว หล่อ เพอร์เฟคสุดๆ ผักตบยังอ้าปากค้าง
“ป้า... ป้า... ป้าฟังผมอยู่หรือเปล่า” ชายหนุ่มโบกมือไหวๆที่หน้าหญิงสาวที่เหมือนกับตกอยู่ในภวังค์ แต่เขาไม่ได้แปลกใจมากมายนักหรอก เธอไม่ใช่คนแรกที่เห็นเขาแล้วจะมีอาการเช่นนี้ ก็เขาหล่อลากดินขนาดนี้ ชนาธิปคิดอย่างคนหลงตัวเองสุดๆ
“งั้น ผมไปก่อนนะ” ชนาธิปรีบลา เพราะเห็นเขาเจ้าชู้ขนาดนี้แต่ก็ไม่ใช่ว่าคลำไม่มีหางก็เอาหมดนะ คนอย่างเขาต้อง สวย เซ็กซี่ 36 24 36 เท่านั้น ไม่เป๊ะไม่ผ่าน แล้วอย่างป้าก็ชราภาพเกินไป คงเหนียวน่าดู เคี้ยวไปก็ปวดฟัน ไปเคี้ยวพวกหญ้าอ่อนในสต๊อกเขาดีกว่า
“เดี๋ยวค่ะ...” ผักตบร้องเรียกพ่อเทพบุตร พอเธอตั้งสติได้ เธอรีบหยิบนามบัตร พร้อมส่งให้อย่างเขินอาย “ชั้นจะรับผิดชอบคุณ เอ้ย...รถคุณเองค่ะ”
ชนาธิปรับนามบัตรมาอย่างงๆ พอเขาขึ้นรถเขาก็โยนนามบัตรไปเบาะหลังอย่างไม่ใยดี
ในขณะที่ผักตบยังคงเคิบเคลิ้มราวกับต้องมนต์สะกดจนลืมไปว่าเธอเองก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว “หรือว่ามันจะเป็นพรหมลิขิต” ผักตบคิดเข้าข้างตนเองพลางทำหน้าชวนฝัน บิดตัวไปมา จนรถคันหลังบีบแตรด่าว่าทำไมเธอจอดขวางทางอยู่คันเดียวจนเธอเริ่มได้สติ เธอตัดสินใจขับตามพ่อเทพบุตรสุดหล่อไป
จนกระทั่งรถของทั้งคู่จอดสนิท “ไม่จริ๊ง” เสียงผัดกาดร้องกับตัวเองในรถ พลางผิดหวังถึงขีดสุด เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้าไปในอาคารสถานบันเทิงหรูยามค่ำคืนแห่งหนึ่ง
มันชื่อ “Happy Ending Host Club” ทั้งยังมีชายหนุ่มหล่อมากมายมารุมล้อมเขาอย่างสนิทสนม ทั้งยังมีสาวแก่แม่ม่ายมองเขาราวกับเป็นงูเหลือมอดอยากแทบจะกลืนกลินเข้าไปทั้งตัว เธอเห็นชนาธิปคว้าสูทสีดำสนิทมาใส่ เหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆ ราวกับเป็นยูนิฟอร์มขององค์กร
นี่เขาเป็น เป็น ผู้ชายอย่างว่าเหรอเนี่ย ผักตบช๊อค พลางมองพ่อเทพบุตรของเธอเดินลับตาไปในอาคาร
ผลงานอื่นๆ ของ นพิน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ นพิน
ความคิดเห็น