คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Intro Topfany
Top & Tiffany
เวลาห้าทุ่มครึ่งของคืนวันที่ 31 ธันวาคม ช่วงเวลาที่ทุกคนน่าจะมีความสุขอยู่กับการเฉลิมฉลองเพื่อต้อนรับศักราชใหม่ที่กำลังจะมาถึง แต่ด้านหน้าของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งใจกลางกรุงโซลกลับกำลังโกลาหลวุ่นวาย เนื่องมากจากรถยนต์คันหรูที่ไม่ต้องเห็นหน้าก็สามารถบ่งบอกถึงฐานะของผู้ใช้กำลังวิ่งเข้ามาจอดประทับอยู่ตรงลานรับส่งผู้ป่วยด้านหน้าประตูทางเข้า ชายชุดดำสามคนกำลังแบกร่างอันไร้สติของผู้เป็นเจ้านายเพื่อส่งให้กับบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงมารอรับอยู่ทางด้านหน้า
ทิฟฟานี่ คุณหมอสาวที่ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้มองตามด้วยสีหน้าระอากับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เธอคิดว่ามันควรจะเป็นเรื่องที่ชินตาได้แล้วสำหรับผู้คนที่อยู่ที่นี่ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้ชายคนนี้ถูกแบกมารักษา และก็ไม่ใช่ครั้งแรกในรอบเดือนนี้ซะด้วยสิ แล้วจะตกใจกันทำไมหนักหนาก็ไม่รู้
“คราวนี้เป็นอะไรมาอีกล่ะคะ” เธอเดินเข้าไปถามชายชุดดำซึ่งเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขา โดยไม่มีท่าทีรีบร้อนว่าจะต้องทำการรักษาผู้ป่วยให้เร็วที่สุดอย่างที่แพทย์ควรจะทำ
“คือว่า ก่อนหน้านี้พวกผมกับคุณซึงฮยอนไปดื่มฉลองปีใหม่กันที่ผับแห่งหนึ่ง แต่ว่าดันไปเจอคู่อริเข้า ก็เลยมีเรื่องกันนิดหน่อยครับคุณหนู”
“อือ พวกนายยืนรอคุณแม่ใหญ่อยู่ตรงนี้แหละ อีกไม่นานน่าจะมาถึง เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดูคุณซึงฮยอนก่อน ดูท่าทางไม่น่าจะเป็นอะไรมากนิคราวนี้” ทิฟฟานี่กล่าวกับบอดี้การ์ดของเขา แล้วก็พาตัวเองเข้าไปในห้องฉุกเฉินของทางโรงพยาบาล
“คุณแม่ใหญ่เลิกทำหน้ากังวลเถอะค่ะ ฟานี่บอกแล้วว่าคุณซึงฮยอนเขาไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ คุณแม่ใหญ่ไม่เชื่อฟานี่หรอคะ” ทิฟฟานี่บอกกับหญิงวัยกลางคนที่ถึงแม้จะมีอายุอานามมากพอสมควรแล้ว แต่ใบหน้าก็ยังคงความงดงามเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แม่ใหญ่ของเธอ หรือก็คือมารดาของผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงในห้องพักผู้ป่วยระดับวีไอพีของโรงพยาบาล
“ถ้าไม่เป็นอะไรมาก ทำไมถึงยังไม่ฟื้นอีกล่ะฟานี่”
“ก็เขาโดนตีเข้าที่ศีรษะนี่คะ แถมยังเจอฤทธิ์ยาเข้าไปอีก ฟานี่ว่าคืนนี้คงไม่ฟื้นแล้วแหละค่ะ”
“ถึงกับโดนตีหัว เรายังบอกว่าพี่เขาไม่เป็นอะไรมากอีกหรอ”
“โธ่ คุณแม่ใหญ่คะ ถ้าเทียบกับรอบอื่นๆที่คุณซึงฮยอนเข้าโรงพยาบาลมา รอบนี้ถือว่าจิ๊บๆเองนะคะ ก็แค่หัวแตก แขนหัก แล้วก็มีรอยฟกช้ำตามเนื้อตัวแค่ไม่กี่ที่เอง”
“ท๊อป แม่จะทำยังไงกับเราดีเนี่ย”
คุณนายชเวเดินไปลูบศีรษะของลูกชายที่มีผ้าพันแผลพันไว้รอบอยู่ พลางยืนนิ่ง จมอยู่กับความคิดของตัวเอง ทิฟฟานี่เห็นดังนั่นจึงพาตัวเองไปนั่งรอที่โซฟา ปล่อยให้คุณแม่ใหญ่ของเธอคิดหาวิธีที่จะทำให้ลูกชายไม่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นอีกต่อไป แต่เชื่อเธอเถอะ ไม่มีทางสำเร็จหรอก
“คุณหมอคะ ผอ. เชิญคุณหมอไปพบที่ห้องค่ะ”
“ได้แค่ ว่าแต่ไม่มีคนไข้แล้วใช่ไหมคะ”
“ค่ะ”
ทิฟฟานี่ถอดเสื้อกาวน์แขวนไว้ภายในห้อง ก่อนจะเดินไปขึ้นลิฟท์เพื่อตรงไปยังห้องของท่านผอ.ของโรงพยาบาล ระหว่างทางหญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะโปรยยิ้มให้คุณหมอคนอื่นๆ หรือแม้แต่พยาบาลที่กำลังทำหน้าที่กันอยู่ เธออดจะขำไม่ได้ เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้มีมากกว่าผู้ที่มาเข้ารับการรักษาหลายเท่า เพราะถึงแม้ว่าโรงพยาบาลนี้จะได้ชื่อว่าเป็นโรงพยาบาลอันดับต้นๆของเกาหลี แต่ด้วยค่ารักษาที่ถ้าเห็นเมื่อไหร่คงอยากจะกลับไปเกิดใหม่หลายๆรอบ ก็ทำให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการ มีแต่พวกเศรษฐีมีเงินที่ต่อให้ใช้ไปถึงขาติหน้าก็ไม่มีวันหมดเท่านั้น
เมื่อมาถึงห้องของ ผอ. ทิฟฟานี่ก็เคาะประตูอยู่สองสามที ก่อนจะยินเสียงอนุญาตให้เธอเข้าไปได้
“แม่ใหญ่เรียกฟานี่มา มีอะไรหรอคะ” ใช่แล้วแหละ แม่ใหญ่ของเธอนั่นแหละที่เป็นผู้อำนวยการ และเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้
“แม่ตัดสินใจแล้วฟานี่”
“ตัดสินใจเรื่องอะไรคะ”
“แม่จะให้ท๊อปแต่งงานกับฟานี่”
“อ๋อ จะให้คุณซึงฮยอนแต่งงานกับฟา... เฮ้ย อะไรนะคะแม่ใหญ่ เมื่อกี้ฟานี่ว่าฟานี่คงหูฝาดไปแน่ๆ ได้ยินที่แม่ใหญ่พูดไม่ค่อยชัดเลย” ทิฟฟานี่ตบหน้าตัวเองเบาๆสองที คิดว่าเมื่อกี้เธอคงจะเบลอๆ ถึงได้ยินคำพูดที่ชวนขนลุกนั่นออกมาจากปากของแม่ใหญ่ของเธอ
“เราได้ยินไม่ผิดหรอก แม่เป็นห่วงท๊อป เราก็รู้ว่าอาชีพของพี่เขามันเสี่ยงอันตรายมากแค่ไหน ส่วนเราก็เป็นหมอ แม่เชื่อว่าเราจะคอยดูแลพี่เขาได้เวลาที่พี่เขามีเรื่อง”
“แต่คุณแม่ใหญ่กับคุณป๋าก็สร้างโรงพยาบาลนี้ขึ้นมาเพื่อจะมารักษาเขาโดยเฉพาะอยู่แล้วไม่ใช่หรอคะ คงไม่ต้องถึงขนาดต้องจับเขามาแต่งงานกับหมอด้วยหรอกมั้งคะ ฟานี่ว่าเขาคงไม่ยอมหรอก”
“แม่พูดเรื่องนี้กับท๊อปแล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ถ้าฟานี่ตกลง อีกสองเดือน แม่จะจัดงานแต่งงานให้เราทันที” ทิฟฟานี่ตาโตกับคำบอกกล่าวของคุณนายชเว คำว่า ‘ถ้าฟานี่ตกลง’ ในความหมายของคุณนายชเวนั้นแปลว่าเธอต้องตกลงสถานเดียวนั่นแหละ ไม่ได้เธอจะไม่ยอมแต่งงานกับเขาเด็ดขาด เธอต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง เพราะเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้
ทิฟฟานี่เดินปึงปังเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยระดับวีไอพี พร้อมกับส่งสายตาพิฆาตให้ลูกน้องของเขาออกไปจากห้องให้หมด ท๊อปหันไปพยักหน้าให้ลูกน้อง ก่อนที่พวกเขาจะค่อยๆก้าวเดินออกไป แต่ก็ยังไม่วายส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นมาให้ เธอยืนจ้องหน้าเขาอยู่นานโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา จนเป็นเขาเองนั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน
“เธอจะเข้ามาเล่นเกมจ้องตากับฉันหรือไงมิยอง” เขาถามเธอ พร้อมกวนอารมณ์ของเธอให้หงุดหงิดมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัวด้วยการเรียกชื่อที่ไม่พึงประสงค์นั่น ชื่อที่พ่อแม่บังเกิดเกล้า ผู้ที่ไม่เคยเลี้ยงดูเธอเป็นคนตั้งให้ มันทำให้เธอสะอิดสะเอียนเหลือเกิน
“ทำไมคุณถึงไม่คัดค้านการแต่งงาน”
“แล้วทำไมฉันต้องคัดค้านด้วย แม่อุตส่าห์หาเมียมาให้ถึงที่ โดยที่ฉันไม่ต้องเสียแรงเลยสักนิด ฉันจะต้องไปปฏิเสธความหวังดีของแม่ทำไม” เขายักไหล่นิดๆ เหมือนจะบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกับการที่ถูกบังคับให้แต่งงาน
“แต่ฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณ”
“เหตุผลล่ะ”
“เพราะฉันไม่ได้รักคุณ” ทิฟฟานี่ตอบเสียงหนักแน่นในเหตุผลของตัวเอง เธอไม่ได้รักเขา แล้วเธอจะแต่งงานกับเขาได้อย่างไร คนที่จะเป็นเจ้าบ่าวของเธอ คนที่เธอจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย ต้องเป็นคนที่เธอรักเท่านั้น
“เหตุผลไม่เพียงพอ”
“คุณ..”
“เพราะเหตุผลที่เธอต้องแต่งงานกับฉัน ก็เพราะว่าเธอเป็นหนี้บุญคุณครอบครัวฉันอย่างมากมายมหาศาล ที่ชาตินี้ทั้งชาติก็ชดใช้ไม่หมด เธอลองคิดดูสิว่าใครกันที่เป็นคนรับเธอออกมาเลี้ยงดู แทนที่จะปล่อยให้เธออยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยไม่มีใครสนใจ ใครกันที่ส่งเสียให้เธอได้เรียนสูงๆ ใครกันที่ทำให้เธอได้เป็นหมอในโรงพยาบาลชื่อดังแบบนี้ ถ้าเธอตอบไม่ถูก ฉันจะตอบให้ คนที่ทำให้เธอมีทุกวันนี้ได้ ก็คือครอบครัวตระกูลชเว เหตุผลนี้เพียงพอไหมที่จะทำให้เธอแต่งงาน”
ทิฟฟานี่อึ้งไปกับเหตุผลของเขา เธอรู้ตัวดีว่าเธอมีทุกวันนี้ได้ก็เพราะคุณแม่ใหญ่กับคุณป๋า แต่นี่มันใช่เรื่องที่จะเอามาบังคับให้เธอแต่งงานได้หรือไงกัน วิธีการอื่นที่จะทดแทนบุญคุณมีอีกตั้งเยอะแยะ แต่ทำไมต้องเป็นวิธีนี้
“แล้วคุณล่ะ ทำไมคุณถึงยอมแต่งงานกับฉัน รักฉันหรือยังไง”
“เธอกำลังจะทำให้ฉันขำนะมิยอง ฉันน่ะหรอจะรักเธอ จริงๆแล้ว ฉันก็แค่อยากจะรู้ว่า เด็กในบ้านที่เห็นกันมาเกือบยี่สิบปีอย่างเธอน่ะ มันจะสักแค่ไหน” ท๊อปไล่สายตาไปตามเรือนร่างของทิฟฟานี่ พลางส่งสายตาเป็นประกายวิบวับไปให้ เท่านั้นทิฟฟานี่ก็ปรี๊ดแตกทันที
“ถึงฉันจะต้องแต่งงานกับคุณ แต่คุณไม่มีทางได้เห็นแม้แต่ขาอ่อนของฉันอย่างแน่นอน”
“อ๋อหรอ แต่ว่าตั้งแต่ตอนอายุ 15 ที่ฉันเริ่มแอบดูเธออาบน้ำ ฉันก็เห็นอะไรต่อมิอะไรของเธอไปหมดแล้วนะ”
“กรี๊ดดดดดดดดดด ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ไอ้...อุ๊บ อ่อยอั้นอะ” ริมฝีปากของทิฟฟานี่ถูกครอบครองอย่างรวดเร็วจากผู้ชายที่เธอกำลังส่งเสียงด่าปาวๆ ด้วยความตกใจ เธอจึงทำอะไรไม่ถูกได้แต่ทุบตีเขา พร้อมกับบอกเขาให้ปล่อยเธอ แต่นั่นก็เท่ากับเป็นการเปิดทางให้เขาเข้าไปสำรวจเธอได้มากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อเขาถนริมฝีปากออกไป ทิฟฟานี่ได้แต่ยืนหอบหน้าแดงก่ำ ไม่รู้จะด้วยความรู้สึกโกรธหรืออาย แต่ตอนนี้เธอแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงใดๆเหลืออยู่เลย แม้แต่การยืนทรงตัวให้ตรงก็ยังยากสำหรับเธอด้วยซ้ำ
“นี่เป็นการลงโทษที่ว่าที่เมียมายืนด่าว่าที่สามีปาวๆอย่างนี้นะจ๊ะ ว่าแต่ว่ารสชาตนี่มันเห่ยชะมัดเลย ว่าที่เมียควรต้องไปฝึกมาใหม่ด้วยนะ คืนเข้าหอว่าที่สามีจะได้ไม่หมดอารมณ์กลางอากาศไปซะก่อน”
เขาพูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงตามเดิม ทิฟฟานี่ที่ยืนฟังอยู่โกรธตัวสั่นเทิ้ม เธอคงจะกรี๊ดออกมาถ้าไม่มีพยาบาลเข้ามาซะก่อน ‘หนอย จูบฉันเห่ยอย่างนั่นหรอ แล้วจูบทำไมตั้งนานสองนานย่ะ ไอ้มาเฟียนิสัยไม่ดี ไอ้โรคจิต ไอ้หื่นกาม คราวหน้าถ้ามาโรงพยาบาลขอให้นายไม่แค่หัวแตก แขนหัก ขอให้นายถูกยิงทะลุ ปอด ม้าม ตับ ไต ลำไส้ใหญ่ ตายก่อนถึงโรงพยาบาลไปเลยยิ่งดี ฮึ่ยย’
มาแล้ว อินโทรเล็กๆน้อยๆ เรียกน้ำย่อย ต้อนรับปีใหม่
Happy New Year นะคะ
ขอให้มีความสุขมากๆ ขอให้เจอแต่สิ่งดีๆกันถ้วนหน้าค่ะ
© Tenpoints !
ความคิดเห็น