คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ผู้ชายขายน้ำ : Welcome to Park family (60%)
(Welcome to Park family)
ปึก..
“รีบไปเร็ว!” เสียงปิดประตูรถหรูที่มาจอดเทียบฟุตบาทหน้าคอนโดใหญ่ดังขึ้นแล้วตามด้วยเสียงพูดของคนที่อยู่ในรถดังออกมาเมื่อสายตาเขาเหลือบไปเห็นกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังแตกตื่นวิ่งมาทางนี้เมื่อเห็นคนที่มากับเขาลงไปจากรถ
เจ้าตัวที่ได้ยินรีบพยักหน้าเข้าใจก่อนจะรีบสับขายาวของตัวเองเดินเข้าไปทางคอนโดอย่างใจเย็นเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัยพร้อมกับจัดแว่นดำที่ร่นลงมาและหมวกให้เลื่อนลงมาปิดหน้าของตัวเองไว้ไม่ให้ใครเห็น
แต่ ระหว่างที่เขากำลังทำท่าจะผลักประตูคอนโดเข้าไปดวงตาคมของชายหนุ่มก็ต้องเบิกโตขึ้นเมื่อเขาดันเห็นกลุ่มคนที่เขาพยายามเดินหนีอยู่เมื่อครู่นี้กำลังนั่งออกันอยู่หน้าเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์โดยมีอาวุธที่สามารถฆ่าเขาได้ในพริบตาเดียวอยู่เต็มไปหมด
มึงไม่รู้หรอกว่าแสงแฟลชมันแสบตาแค่ไหน
นี่ถือเป็นโชคร้ายของปาร์ค ชานยอลก็ว่าได้ มันคล้ายๆสำนวนหนีเสือปะจระเข้ แต่อย่างเขานี่คงจะหนีเ_ย ปะ เ_ย แต่ก็ได้ทำแค่สบถในใจอย่างอารมณ์เสียก่อนจะรีบถอยออกห่างมาจากประตูเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุ แต่.. ชาติที่แล้วเขาคงจะทำกรรมกับเด็กไว้เยอะจน..
“แม่ฮะ พิชันยอน!”
พุธโธนะโมสังโฆ คนหล่อต้องไม่ทำร้ายเด็ก
หลังจากเด็กปากสว่านอายุประมาณเจ็ดแปดขวบที่บังเอิญเดินมาสวนทางกับเขาพูดขึ้นเสียงดัง พวกนักข่าวที่อยู่ข้างในก็หันมาตามเสียงแล้วชี้ออกมาทางนี้ก่อนจะแน่ใจว่าที่ยืนอยู่นี่ใช่ชานยอลแน่ๆจึงหยิบอาวุธร้ายกาจออกมาและวิ่งตรงมาทางนี้
หึ แต่ปาร์ค ชานยอลเร็วกว่า เขาฉวยโอกาสที่พวกนั้นกำลังแตกตื่นกันอยู่รีบหันหลังวิ่งออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าตอนวิ่งออกมาจากทางหน้าคอนโดสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มนักข่าวกลุ่มแรกที่ตามเขามาตอนลงจากรถไอพี่หาน แน่นอนว่ากลุ่มนั้นก็ต้องเห็นเขา เพราะฉะนั้นจะรอช้าอยู่ใยใส่ไฟติดเกียร์หมาแล้ววิ่งเถอะครับ..
“จะตามอะไรนักหนาวะ!” หันกลับไปตะโกนใส่กองทัพนักข่าวที่กำลังวิ่งตามเขามาติดๆ นี่เขาก็วิ่งมาไกลมากแล้วนะ ห่างจากคอนโดตั้งเยอะอ่ะแต่ซอมบี้ถือไมค์พวกนี้ก็ยังคงตามวิ่งตามท้ายเขามาตลอด นี่อยากจะหยุดวิ่งแล้วถามพี่ๆแกมากเลยว่าไม่เหนื่อยกันบ้างหรอ คือพวกพี่ไม่เหนื่อยผมเหนื่อยอ่ะ เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างสิครับ นี่คนไม่ใช่หอยทากเทอร์โบที่แม่งจะวิ่งเร็วขนาดมีไอแสงสีฟ้าตามหลัง :)
สองขานั้นยังวิ่งไปข้างหน้าต่อไปเรื่อยๆอย่างหยุดไม่ได้ถึงแม้ใจจริงตอนนี้อยากจะหยุดจนใจแทบขาด นี่ก็ไม่ใช่อายุน้อยๆแล้วให้วิ่งแบบร้อยเมตรต่อวินาทีนี่ก็ไม่ใช่ป่ะ ไอข้างหลังนี่ก็ใช่ว่าเด็กกว่าเขานักหรอกก็กลัวเข่าพี่ๆแกจะหลุดออกมาเหมือนกัน เพราะงั้นหยุดซักทีเถอะปาร์คขอ
“เห้ย!” ร้องขึ้นเมื่อจู่ๆขณะที่กำลังวิ่งหนีตายอยู่นั้น ร่างของเขาก็ถูกดึงเข้าไปในตรอกเล็กๆแคบๆระหว่างสองตึกด้วยแรงฉุดจากที่แขน พอเข้ามาก็เห็นร่างเล็กของเด็กผู้ชายในเสื้อยืดสีขาวผมสีน้ำตาลคนหนึ่งและแผ่นหลังเล็กนั้นที่กำลังวิ่งนำเขาไปข้างหน้าโดยมีมือเล็กของเด็กคนนั้นยังคงจับข้อมือของชานยอลไว้แน่นและฉุดวิ่งไปตามทางตรอกนี้ด้วยกัน
ใคร..?
ความสงสัยผุดขึ้นมาในหัวทันที แต่เขาก็ต้องเก็บมันไว้ก่อน ตอนนี้ไม่ว่าเด็กนี่จะเป็นใครแต่ที่ทำแบบนี้ก็คงจะหวังดี เพราะตรอกนี้ทำให้กลุ่มนักข่าวนั่นยุ่งยากทีเดียวที่จะเข้ามา พอหันหลังกลับไปดูก็มีไม่กี่คนที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเข้ามาตามเขาอยู่ติดๆ เพราะฉะนั้นเขาทั้งคู่จึงจำเป็นต้องวิ่งต่อไปเรื่อยๆ
หันกลับมาทางข้างหน้าอีกทีแสงแดดอ่อนๆจากดวงอาทิตย์ในยามเย็นก็สาดส่องเข้ามากระทบใบหน้าเขาจนชานยอลรู้สึกแสบตาไปชั่วขณะ แต่นั่นมันหมายถึงเรากำลังจะออกจากตรอกนี้ เด็กผู้ชายร่างเล็กข้างหน้าเขารีบวิ่งเลี้ยวออกไปโดยไม่ลืมที่จะกำชับข้อมือหนาที่กำลังจับอยู่ให้แน่นขึ้นเพราะกลัวว่าคนแก่ข้างหลังเขานี่จะหลุดและโดนนักข่าวนั่นรุมอีก
“ทางนี้” เสียงเล็กดังขึ้นก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อเห็นจุดที่พอจะหลบนักข่าวที่ตามมาได้ ชานยอลที่วิ่งตามมาเพราะแรงจูงได้ยินก็รีบวิ่งเร็วขึ้นอีกเช่นกัน ไม่นานจุดที่เด็กหนุ่มตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกก็ใกล้เข้ามา ทั้งสองร่างนั้นรีบเลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็กอีกตรอกแต่คราวนี้มันแคบกว่ามากจึงทำให้พวกนักข่าวที่มีอุปกรณ์เยอะแยะถึงกับหัวเสียเพราะเข้าไม่ได้และสบถมันออกมา
“เดี๋ยว.. เดี๋ยวหยุดๆ..หยุดก่อน” ชานยอลพูดขึ้นเสียงหอบแต่เท้าก็ยังจำเป็นต้องวิ่งไปเรื่อยๆเพราะคนข้างหน้ายังคงวิ่งต่อไปโดยไม่มีทีท่าที่จะหยุดวิ่งเลย
ตัวเล็กแค่นี้ไปเอาแรงมาจากไหน..
ร่างเล็กที่พึ่งรู้ตัวว่าวิ่งมานานแล้วได้ยินและหยุดวิ่งลงก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนคนถอนหายใจออกมาด้วยความหอบออกมาอย่างหนัก เมื่อหันไปดูก็เห็นผู้ชายตัวสูงที่เขาลากมาด้วยทรุดฮวบลงไปนั่งอยู่กับพื้นซะแล้ว ด้วยความตกใจเขาจึงรีบวิ่งเข้าไปนั่งลงอยู่ข้างๆเพื่อดูอาการ เพราะกลัวว่าคนๆนี้จะเป็นอะไรไป
แต่ก็ได้รับคำตอบมาว่าไม่เป็นไร เมื่อชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มออกมาก่อนจะทำมือปัดๆออกมา เขาจึงทำได้แต่พยักหน้ารับหงึกๆนั่งดูคนที่กำลังนั่งหายใจออกมาถี่ๆด้วยความเหนื่อยหอบอยู่นิ่งๆโดยไม่มองหน้ากัน ไม่รู้สิแต่ความรู้สึกเขามันบอกว่าเขาไม่ควรจะมองหน้าผู้ชายคนนี้ หรือมัอาจจะเป็นเพราะเรื่องที่เขาต้องการจะบอกคนตรงหน้าก็ได้ ในหัวของเขาตอนนี้มีแต่ความสงสัยไปหมด
คนนี้น่ะหรอ?
ปาร์ค ชานยอล จริงๆหรอ?
ทำไมจู่ๆ ตอนนี้เขาก็รู้สึกใจเต้นไปหมดขนาดนี้นะ
‖‖‖‖‖‖‖‖‖‖
“นี่ เราน่ะ” เสียงทุ้มของอีกฝ่ายดังขึ้นเรียกสติทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังก้มหน้าคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ที่ตรอกเดิมรู้สึกตัว เด็กหนุ่มค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกคนอย่างไม่กล้าสบตาซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่.. แบคฮยอนไม่ชอบอาการแบบนี้เลย
“อะไร” เสียงตอบกลับห้วนๆของเด็กคนนี้ทำให้ปาร์คชานยอลหลุดยิ้มออกมาพลางคิดในใจว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงได้พูดไม่มีลงท้ายกับผู้ใหญ่แบบนี้กัน
“ทำไมถึงช่วยกันแบบนี้ล่ะหื้ม ต้องการอะไรเปล่า ลายเซ็น?” เขาถามออกไปถึงแม้ไอเด็กคนนั้นยังไม่ยอมหันมามองหน้าเขาดีๆก็ตาม ก็รู้ว่าตัวเองหล่อเกินไป แต่ก็ไม่นึกไงว่าจะมีแฟนบงแฟนบอยกับเขาด้วย งี้
แต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิด
“ลายเซ็นแค่นี้ไม่อยากได้หรอก โหห.. ไรอ่ะนี่คิดว่าที่ผมอุสาห์ช่วยชีวิตจากไอนักข่าวพวกนั้นมาแบบนี้เพราะแค่อยากได้ลายเซ็นกากๆของป๊าหรอ!” แบคฮยอนพูดขึ้นอย่างมีน้ำโหในเมื่อเขาอุตสาห์ช่วยแต่ดันมาคิดว่าเขาต้องการลายเซ็นเหมือนแฟนคลับพวกนั้นน่ะหรอ! แต่เดี๋ยวนะ
เขาเผลอเรียกผู้ชายคนนี้ว่า ‘ป๊า’ ไปงั้นหรอ!
“ปะ.. ป๊าหรอ?”
ซวยแล้วไง
ทั้งๆที่เขาบอกพวกน้องๆว่าจะมาระยำผู้ชายคนนี้ด้วยกันแท้ๆแต่.. แบคฮยอนเอ้ย!!! ร่างเล็กได้แต่สบถในใจอย่างหงุดหงิดตัวเองอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งคนตัวสูงยื่นมือมาจับที่ไหล่เขาแล้วบีบมันเบาๆ
“นี่เป็นใครกันแน่ ห้ะ?”
ไม่ แบคฮยอนเราต้องไม่บอกไปก่อน….
รอถึงวันพรุ่งนี้ก่อนสิ…
จะทำเสียแผนรึไง..
“ตกลงนายเป็นใคร!“
“…”
“นักข่าวหรอ!? หรือซาแซง?”
“…” แบคฮยอนใกล้ใจที่จะไม่ตอบ
“โถ่ เว้ย!บอกมาเดี๋ย—“
“โอ้ยยยยยย! ก็เป็นลูกคุณไงล่ะ ปาร์ค ชานยอล!!”
‖‖‖‖‖‖‖‖‖‖
60%
ความคิดเห็น