ตอนที่ 3 : Ocean 03
Ocean 03
ธาลาสซาไม่เคยคิดเลยว่าตนจะมีวันที่ต้องมาเทคแคร์ชาวแอตแลนติสแบบนี้
เนื่องจากอาร์เธอร์และเมร่าต้องกลับไปแอตแลนติสเพื่อสะสางงาน และโธมัสก็ติดธุระที่บ้านญาติ ทำให้หญิงสาวที่ดันมาว่างช่วงนี้พอดีถูกเพื่อนรุ่นพี่ตัวเบิ้มลากมาคอยจับตาดูออร์ม
คิดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดีที่พ่อกับแม่เองก็เพิ่งไปต่างประเทศเพื่อท่องเที่ยวแบบไร้กำหนดกลับเมื่อสองสามวันก่อนหน้า ทำให้ภารกิจการดูแลนักโทษกิตติมศักดิ์นี้ไม่ได้ยากเย็นแสนเข็ญขนาดนั้น
“มีอะไรเหรอ?” เธอที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางของเขาเข้ามาในบ้านถามขึ้นเมื่อเห็นดวงตาสีไพลินจับจ้องไปที่เสกตบอร์ดสีขาวที่วางพิงบันไดอยู่ไม่วางตา
“แท่นนั่น...”
“อ๋อ เสกตบอร์ดน่ะ อยากลองมั้ย?” มือเรียวเอื้อมไปหยิบมันมายื่นให้
ออร์มรับมันมาพินิจอยู่ครู่หนึ่ง
“ไม่น่าจะเป็นไปได้...” เขาพึมพำ
เธอฟังไม่ถนัดเลย
“ห๊ะ?” หญิงสาวทวน ขยับมายืนข้างกายร่างสูง
“เมื่อคืนเธอใช้ไอ้แผ่นเล็กๆนี่แข่งกับรถของพี่ฉัน...มันไม่น่าจะเร็วได้ขนาดนั้นนี่?” เขาขมวดคิ้ว พยายามหาเครื่องจักรหรือตัวเพิ่มความเร็วที่อาจอยู่ตรงไหนซักที่ในเสกตบอร์ด
“อ๋อ” ธาลาสซาหัวเราะคิกคัก
“แหม นึกว่ารู้จักเทพแห่งท้องทะเลดีหมดทุกองค์ซะอีก”
“แค่เคยอ่านผ่านๆ” ชายหนุ่มแย้ง
ใครจะไปมีเวลาศึกษาเรื่องเทพขนาดนั้นล่ะ?
ท่านพ่อได้เคาะกะโหลกเขายุบพอดีถ้ามาเห็นเขาอ่านปกรณัมของชาวแอตแลนติสที่กล่าวถึงเทพแทนตำราการเมืองการปกครอง
“งั้นก็เก็บความรู้ใหม่ไว้ซะนะ” เธอยักคิ้ว
“แม่ฉันเป็นเทพีแห่งคลื่นลมและสามารถสงบทะเลที่กำลังคลั่งอยู่ได้”
“แล้ว?”
เธอเลิกคิ้วแล้วทำท่าเหมือนสอนเด็ก
“ก็หมายความว่าฉันที่เป็นลูกสาวของเธอสามารถควบคุมลมกับคลื่นเหมือนที่เธอทำได้ไง เด็กน้อย”
เขากรอกตา
“ฉันไม่ใช่เด็กนะ”
หญิงสาวผมสั้นยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ
“แต่นายก็ต้องการครูเพื่อเรียนรู้โลกเบื้องบนที่กว้างใหญ่นี่ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่เพิ่งหัดเดิน...หรือจะปฏิเสธล่ะ ฝ่าบาท?”
เขาเถียงเรื่องแบบนี้ไม่เก่ง
ออร์มพ่นลมหายใจและยกมือทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้
“แล้วเธอจะให้ฉันนอนที่ไหนล่ะ?”
ธาลาสซาทำหน้านึกได้และพาเขาเดินขึ้นสิ่งที่เรียกว่าบันไดไปที่ประตูห้องห้องหนึ่ง มันเป็นสีครีมเหมือนห้องอื่นๆ
“นี่ห้องนอนแขก นายนอนนี่ไปก่อน”
เขาพยักหน้าหงึกหงัก
“ตอนนี้เที่ยงครึ่งแล้ว” เธอเลิกแขนเสื้อขึ้นดูสายรัดที่น่าจะเรียกกันว่านาฬิกาข้อมือ
“นายลงมานั่งก่อน ฉันจะหาอะไรให้กิน”
ออร์มเดินลงมาที่โต๊ะสีขาวสะอาดในครัวและลากเก้าอี้มานั่งขณะที่ร่างบางผูกผ้ากันเปื้อนเข้ากับเอวและหยิบเขียงที่เขาเคยเห็นที่บ้านอาร์เธอร์ออกมาพร้อมกับสิ่งมีคมที่เรียกว่ามีด
“ชอบกินอะไรบ้าง?” ธาลาสซาถาม ยื่นมือออกไปจับเย็นตู้
บ้าจริง นั่นเรียกว่าตู้เย็น
“ปลา” ตอบไปอย่างไม่เสียเวลาคิด
ตอนยังเด็ก ท่านแม่เคยสอนเขาไว้ว่าการกินปลาทำให้ฉลาดขึ้น นั่นทำให้เขาเกิดอาการบ้าปลาทุกชนิดและกินพวกมันทุกครั้งที่มีโอกาส ส่งผลมาถึงการชอบกินปลาในทุกวันนี้
เพิ่งจะรู้มาจากกอาร์เธอร์นี่แหละว่ามันมาจากคำสอนของชาวบก
“โอเค ดูซิ...เรามีปลากะพงกับแซลมอนอยู่พอกินสองคน” เธอชะเง้อมองเข้าไปในนั้นและหันมาถามอีกครั้ง
“ไม่ชอบกินอะไร?”
“เหล้า” รสชาติฝืดเฝื่อนไร้ความโอชานั่นยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น
เธอหัวเราะและส่ายหน้า
“เปล่า ที่เป็นอาหารคาวน่ะ”
เขาส่ายหัวดิก
ของในทะเลเขากินหมดแหละ แต่ของบนบกเขายังไม่รู้ว่ากินอะไรไม่กินอะไรได้บ้าง
“งั้นทำเสต็กแซลมอนให้นายกินแล้วกันนะ” หญิงสาวสรุป ดึงชิ้นปลาสีส้มออกมาจากชั้นบนของตู้เย็นและหยิบของอีกสองสามอย่างมาจากชั้นล่าง
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มราวกับส่วนลึกที่สุดของมหาสมุทรจ้องมองเงียบๆขณะที่เธอทาเกลือและพริกไทยลงบนปลาและหั่นเห็ดสีน้ำตาลเป็นชิ้นๆ
ธาลาสซาอมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางตั้งอกตั้งใจของเขา
“ไม่ต้องตั้งใจขนาดนั้นก็ได้”
“เผื่อถึงวันที่ต้องทำกินเองจะได้รู้ว่าทำยังไง” เขาพึมพำตอบ ยกมือขึ้นเท้าคาง ดวงตายังไม่ละจากมือเรียวที่กำลังฝานผลไม้สีเหลืองที่ชื่อเลมอน
“ไม่มีวันนั้นหรอก” เธอว่า
“ฉันจะทำให้นายกินทุกมื้อเลย นายจะได้ไม่ต้องลำบาก”
ประโยคนั่นทำให้หัวใจของชายหนุ่มอุ่นวาบ
ไม่ใช่ทุกวันหรอกนะที่จะมีคนมาเสนอตัวทำอาหารชาวบกให้เขากิน
ออร์มก้มหน้าลง กลั้นยิ้มจนแก้มแทบปวดกับโต๊ะที่กำลังเท้าคางอยู่
หึ ธาลาสซา
...ขอบใจนะ...
หญิงสาวยิ้มบางๆ มองชายหนุ่มที่กำลังหมุนจานเซรามิกสีขาวไปมาราวกับเจอสิ่งแปลกใหม่
“ทำไมต้องเอาปลาไปใส่ในกระทะเหมือนเมื่อกี้ด้วย?”
“มันจะได้สุกไง” เธอยื่นช้อนส้อมและมีดเสต็กให้พลางรินน้ำเย็นๆใส่แก้วใสทั้งสองใบ
“กินแบบสุกดียังไงเหรอ?” ออร์มเอียงคอไปมา มองชิ้นปลาที่กลายเป็นสีชมพูอมส้มซีดๆควันฉุยหอมน่ากินและเห็ดที่หอมน่ากินไม่แพ้กันบนจาน
“ชาวบกไม่ค่อยคุ้นชินกับอาหารดิบ มันมีเชื้อโรคที่ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเราอยู่ เราจึงต้องเอามันมาทำให้สุกพอประมาณเพื่อฆ่าเชื้อด้วยความร้อนก่อนจะกินมันเข้าไป” เธออธิบาย ใช้ส้อมจิ้มเห็ดเข้าปาก
“แต่ถ้าเป็นพวกปลาที่สดและสะอาดจริงๆ ชาวบกหลายคนก็ชอบทานมันแบบดิบๆไปเลย...อร่อยดีเหมือนกัน”
ออร์มทำหน้าเข้าใจและมองผักลวกในจาน
“ไอ้สิ่งเขียวๆนี่อะไร?”
“ผักน่ะ เป็นสิ่งที่ดีต่อร่างกายพวกเรา ถึงจะขมบ้างแต่โดยรวมก็อร่อย” หญิงสาวตอบและจรดมีดลงบนเนื้อปลาแซลมอน
เมื่อเธอใช้ส้อมจิ้มมันขึ้นมาก็ต้องอมยิ้มเมื่อพบว่าชายหนุ่มผมสีซีดกำลังพยายามเลียนแบบลักษณะการกระทำของเธอ
เกือบหลุดขำเมื่อเขาจิ้มปลาที่แตกยุ่ยเป็นชิ้นๆขึ้นมาแต่มันร่วงกลับลงไปบนจาน
“มา ฉันสอน”
สงสัยเป็นเพราะเมื่อเช้าโธมัสทำข้าวต้มง่ายๆให้เขาทาน เขาจึงไม่ค่อยมีประสบการณ์กับส้อมหรือมีดเท่าไหร่นัก
รู้สึกเหมือนมาเลี้ยงเด็กเลยยังไงไม่รู้
ร่างบางเดินไปทางด้านหลังของอดีตราชาแห่งแอตแลนติสและวางมือลงบนมือแกร่งที่ค่อนข้างขาวเบาๆ
“นายต้องทำอย่างนี้” เธอค่อยๆบังคับมือของเขาให้ตัดปลาเป็นชิ้นและส่งมันเข้าปากบางเฉียบของชายหนุ่ม
หลังจากเคี้ยวไปสองสามที ดวงตาสีไพลินก็เบิกกว้างราวกับเด็กตัวน้อยๆที่ได้ลิ้มรสของอร่อย
ใช่
มาเลี้ยงเด็กจริงๆนั่นแหละ
สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อกำยำภายใต้เสื้อยืดบางๆ
เขามีกลิ่นของพายุฝนอ่อนๆ
ทำไมรู้สึกใจเต้นตึกตักแปลกๆ?
“...ขอบใจ” เขาพูดขึ้นในที่สุด
“เธอทำอร่อยดีนะ”
“ฉันเข้าครัวบ่อยน่ะ” เธอยิ้มและกลับไปนั่งที่เดิม
ทั้งสองนั่งกินต่อไปอย่างเงียบๆ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มหรุบลงตัดเสต็กปลาหอมๆอย่างตั้งอกตั้งใจ
ชายหนุ่มยิ้มกับจานและเนื้อปลา
เป็นรอยยิ้มกว้างที่ไม่เคยคิดว่าจะมีให้กับอะไรแบบนี้
ออร์มเพิ่งรู้ว่าอาหารชาวบกมันอร่อยกว่าที่เคยกินก็วันนี้นี่แหละ
หลังจากที่ทานเสร็จ เขาก็นั่งโง่ๆ มองดูร่างบางเก็บจานไปทำความสะอาดและช่วยเช็ดพวกมันให้แห้ง
“นายเรียนรู้ไวนะเนี่ย” เธอชมเมื่อเขาดูคุ้นเคยกับการเช็ดจานเหลือเกิน
“อาจารย์หลายคนก็ชมฉันแบบนั้นเหมือนกัน” เขายิ้มและวางจานที่แห้งเรียบร้อยแล้วลง
ดวงตาสีเขียวล้านเฉดเป็นประกาย
“เดี๋ยวเช็ดเสร็จแล้วนั่งรอให้อาหารย่อยสักพักก่อนนะ ฉันมีอะไรจะสอนให้นายทำ”
ทำไมรู้สึกไม่ค่อยดีกับท่าทางนั่นเหมือนกับตอนที่อาร์เธอร์จะพาเขาซิ่งเลยนะ?
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าจะไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการเมารถครั้งนั้นแล้วล่ะ
ธาลาสซาคงไม่ทำอะไรแบบนั้น
เมื่อเขาทิ้งตัวลงนั่งบนสิ่งที่เรียกว่าโซฟาแล้ว เธอก็เดินมาหา
“เอาอะไรมาทำตอนว่างๆมั้ย?” เธอยิ้ม
“สมุดวาดรูป? หนังสือ? หรือจะฟังเพลง?”
“สมุดวาดรูปกับหนังสือ ขอบใจ”
ธาลาสซาเดินขึ้นไปบนห้องและกลับมาพร้อมกับสมุดเสก็ตช์ปกสีน้ำตาลและหนังสือสองสามเล่ม
“คิดว่านายชอบพวกนิทานกับตำนานนะ ฉันมีแนวนี้เยอะมากเลย”
“ชอบสิ”
ชอบทุกอย่างที่เธอให้นั่นแหละ...
ออร์มมองรอยยิ้มกว้างนั้น
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขารู้สึกว่าโลกเบื้องบนนี่มันน่าอยู่ขึ้นนะ?
อืม...
คงตั้งแต่ที่เขาได้รู้จักกับหญิงสาวตาสวยที่ชื่อว่าธาลาสซา คลาวด์มั้ง
TALK WITH FM
มันก็จะละมุนๆหน่อยนะคะ
คิดว่าเรื่องนี้คงไม่เครียด ไม่ค่อยดราม่าเหมือนทางฝั่งสคาดิจาก Broken Throne เท่าไหร่หรอกค่ะ
เราจะมาดูกันว่าตอนหน้าลาสซาจะแกล้งอะไรน้องออร์มเราอีก
ด้วยรักและเสียงหวีดคิงออร์ม
เฟิงมี่ค่ะ>3<
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฮือออ น่ารักทุ้งคู่เลย
ออร์มกับการทานอาหารชาวบกครั้งแรก