ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #21 : Broken Throne S2 || Ch 6

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 411
      23
      18 ธ.ค. 62

    || B R O K E N T H R O N E ||

    s e a s o n 2

    ----------------------------

    CHAPTER 6

     

     

     

           มือเรียวกระชับคันศรในมือแน่นพลางมองไปที่พี่ชายทั้งสอง

     

           โลกิกำลังเหม่อมองเข้าไปในถ้ำสีมืดด้านหน้า ในขณะที่ธอร์กำลังแตะเนื้อแตะตัวเจนอยู่อย่างห่วงใย

     

           นางมนุษย์น่ารำคาญนี่อ่อนแอชะมัด

     

           แถมยังทำให้แก๊งของพี่คนโตตกที่นั่งลำบากไปด้วย

           ถ้าโอดินรู้...ซึ่งเขาก็ต้องรู้อยู่แล้ว พวกเขาต้องแย่แน่ๆ

     

           ไอ้พี่บ้าทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังเอ้ยยย

     

           กระโดดถีบหัวพี่ชายให้ตกยานเผื่อความคิดจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนนี่ผิดมั้ยนะ? สคาดิอยากรู้จริง

     

           นี่ถ้ารู้ว่าจะไปเอาพี่ผมดำออกจากคุกเพราะจะใช้เป็นตัวนำทางไปหาดาร์กเอลฟ์นะ เธอจะไม่มีวันช่วยเด็ดขาด

     

           “ไม่สบายใจเหรอ?” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นจากมุมเหนือหัว

     

           หญิงสาวขมวดคิ้วและปรายตาขึ้นไปมองคนในเกราะสีทองข้างกาย

     

           “จะว่าแบบนั้นก็ได้”

     

           เธอมองตามสายตาของเจ้าของดวงตสีมรกตเข้าไปในปากถ้ำที่ทั้งมืดมิดและดูน่ากลัว

     

           รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ

     

           ร่างเพรียวหันกลับมาทันทีที่ไดยินเสียงการถกเถียงกันของพี่ชายต่างสายเลือดทั้งสองคน

     

           เธอแทบยกมือขึ้นกุมขมับ

           ให้ตายเหอะ

     

           ภาษามิดการ์ดเรียกว่าอะไรนะ?

           พ่อแม่แง่งอน?

     

           โทนี่ สตาร์คเหอะ

           พ่อแง่แม่งอนต่างหาก

     

           “ท่านแม่คงไม่อยากให้เราทะเลาะกัน” เสียงของเทพสายฟ้าทำให้เธอชะงักกึก

     

           ว่าไงนะธอร์?

     

           หญิงสาวแค่นหัวเราะ แยกยิ้มจนเห็นฟันขาวและเขี้ยวอย่างเย้ยหยัน

     

     

           “กล้าดียังไง?” เสียงเย็นเยียบถูกเปล่งออกมา

     

           พี่ชายผมทองดูสับสนกับความหมายของคำถาม

     

           “กล้าดียังไงที่พูดถึงนาง?!!” ครั้งนี้สคาดิคำรามจนรู้สึกว่าเนื้อตัวสั่นไปหมดด้วยแรงโทสะ

     

           “หึ...ทั้งๆที่เป็นต้นเหตุให้นางตายแท้ๆ...” เธอยิ้ม...ยิ้มอย่างขมขื่น

     

           “น้องข้า...”

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาตวัดมอง เย็นชาและน่ากลัว

           “นอกจากจะโง่แล้ว ท่านยังไร้สำนึกผิดชอบด้วยหรือนี่...พี่ข้า?”

     

           โลกิลุกขึ้นยืน

     

           “พอได้แล้วสคาดิ” ดวงตาสีเขียวหม่นเศร้า

           “อย่างน้อย...อย่างน้อยเขาก็เป็นพี่เรา”

     

           สคาดิพยักหน้าน้อยๆและเชิดคางขึ้น

     

           “...เราจะไปกันได้รึยัง?”

     

           ร่างโปร่งในชุดเขียวดำจ้องตาเธอ

           “...ไปกัน”

     

           ยานขนาดกะทัดรัดพุ่งฉิวเข้าไปในร่องระหว่างหน้าผาที่ถ้าไม่ดูดีๆก็คงไม่เห็น ทะยานสู่ความมืดและชะตากรรมที่คอยท่าอยู่

     

           ธอร์และโลกิเริ่มคุยกันถึงแผนการ พวกเขานั่งหันหน้าเข้าหากันตรงอีกฝั่งของพื้นที่ มือวางลงใกล้จนเกือบจะสัมผัสกัน

     

           “ข้าอยากให้ท่านรู้...” เทพคำลวงกล่าวขึ้นหลังจากความเงียบอันยาวนานของแผนที่ว่านี้

     

           “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่ได้หันหลังไปเข้ากับศัตรู”

     

           มือใหญ่ของพี่ชายคนโตแตะเข้าที่บ่าเล็กอย่างคนที่กรำศึกอยู่กับหนังสือมากกว่าอาวุธ

     

           “ข้าเชื่อใจเจ้า โลกิ”

     

           หญิงสาวจ้องมองพวกเขาเงียบๆและตัดสินใจว่าจะพักสักหน่อย

     

           หลับตาลงและเอนหัวไปพิงกับขอบยาน มือเรียวกระชับกายตนเองเมื่อพบว่าอุณหภูมิเริ่มเย็นลง

     

           ทันใดนั้น ความอบอุ่นบางอย่างก็เข้าห้อมล้อมร่างเอาไว้

     

           หญิงสาวลืมตาและพบว่าชายหนุ่มผมทองด้านข้างหยิบผ้าคลุมสีทองของเขาที่ปลดออกเรียบร้อยมาคลุมร่างที่ขดขาเข้ามาชิดอกของเธอ

     

           ดวงตาสีฟ้าใสมองมาที่เธออย่างเป็นห่วงขณะที่ปากคมได้รูปนั้นเม้มเข้าหากันอย่างชั่งใจ

     

           “...ขอบใจ”

     

           ไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาก็มาถึงดินแดนที่ทั้งรกร้างและมีบรรยากาศที่...ภาษามิดการ์ดคงเรียกมาคุ

     

           “ถึงแล้วเหรอ?” ดวงตาสีฟ้าเทาลืมขึ้นในวินาทีที่ยานหยุดนิ่ง

     

           พี่ชายพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

     

           “งั้น...” เธอเลิกผ้าคลุมบนกายออกและขยับกายยืดเส้นยืดสาย

     

           “ไปจบมันกันเถอะหนุ่มๆ”

     

     

     





     

     

           แผนของโลกิคือการเบี่ยงเบนความสนใจของพวกดาร์คเอลฟ์ไปจากธอร์และเธอ

     

           สคาดิแนบกายลงกับยานรูปลิ่มน่าเกลียดพอๆกับเผ่าพันธุ์เจ้าของของมัน สัมผัสถึงความเรียบลื่นและเย็นชืดของโลหะผ่านเสิ้อทูนิคสีเทาของตนเอง

     

           เธอใช้เวทเคลื่อนย้ายพาตนเองมาหลบที่นี่เพื่อรอเวลาออกไปกระทืบพวกเทเลทับบี้เวอร์ชั่นฝันร้ายนั่น

     

           วีดาร์ยืนอยู่ตรงนั้น ข้างๆโลกิ

     

           ส่วนเจน

     

           เจน...นังมิดการ์เดี้ยนแสนน่ารำคาญที่ไม่มีดีอะไรเลยนอกจากพอมีความรู้ในหัวและมีเอเธอร์ในตัวนั่นถูกประคองอยู่อย่างทะนุถนอมโดยธอร์

     

           คิ้วเรียวขมวดเป็นปมเมื่อเห็นร่างในเกราะสีดำของมาเลคิธเดินออกมาจากยานและเข้าไปหากลุ่มของเทพสายฟ้า

     

           ในที่สุด...

     

           ในที่สุดไอ้เลวนี่ก็โผล่หัวออกมาจากกระดอง

     

           มือเรียวกำคันธนูและดาบในมือแน่นขึ้น ลมหายใจเริ่มหนักหน่วงจนเกือบลืมว่ากำลังซ่อนตัวอยู่

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาจ้องมองอย่างเงียบเชียบในขณะที่ทั้งสองฝ่ายทำการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

     

           ธอร์ถูกตัดมือออกโดยพี่ชายผมดำ

     

           และถ้าจะมีใครมองกลลวงของโลกิออกล่ะก็

           นั่นคือภาพลวงตาที่ทำให้มาเลคิธเชื่อว่าเทพมุสาอยู่ข้างเขา

     

           แผนสูงจริงนะ พี่ข้า

     

           ปากอิ่มเม้มเป็นเส้นตรง ดวงหน้างดงามอ่อนเยาว์นิ่งงันและเย็นชา ตาสีเมฆฝนหรี่ลงน้อยๆ เฝ้ารออย่างใจเย็น

     

           จนถึงวินาทีที่เอเธอร์ถูกดึงออกมา สคาดิก็สะดุ้งสุดตัว

     

           หัวใจในอกเต้นกระหน่ำราวกับกลองรบ ปวดหนึบจนต้องแยกเขี้ยวและยกมือขึ้นกดหน้าอกเอาไว้ หวังจะบรรเทาความเจ็บ

     

           นึกไม่ถึงว่าสสารแดงๆน่าเกลียดนั่นจะมีดีกว่าที่เห็น

           ขนาดเอลฟ์น้ำแข็งอย่างเธอที่แข็งแกร่งยังโดนมันเล่นงานเลย


           มาเลคิธใช้มันรุกรานดินแดนอื่นๆในนพโลก

           โดยเฉพาะแดนเอลฟ์ที่ดำรงอยู่ด้วยพลังบริสุทธิ์และไม่สามารถอยู่ใกล้ไอความมืดได้...รวมถึงเอเธอร์

     

           ด้วยเอเธอร์นี่แหละ

           มันบุกเข้ามาในอาณาจักรของเธอ

     

           สังหารหมู่ผู้เคราะห์ร้ายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เด็กและผู้เฒ่า

     

           ทหารเกือบทั้งหมดถูกฆ่าเรียบ...เพราะไม่อาจต้านทานพลังของสสารมืดที่แผ่ไพศาลอยู่เหนือสนามรบได้

     

           บิดามารดา...

     

           อาจารย์ นางกำนัล นางสนองพระโอษฐ์

     

           ทุกคนที่เธอรู้จักหายไปในกองซากศพและเลือด

     

           สคาดิสูดหายใจเข้าลึก ริมฝีปากสั่น

     

           ...เธอต้องทำให้มันจบ...

     

     

     

    ดวงตาสีฟ้าเทากวาดไปรอบตัว

     

    ความสับสนอลหม่านบนดินแดนรกร้างแห่งนี้ทำให้เธอขมวดคิ้ว

     

    จากหางตา ร่างของธอร์กำลังตะลุมบอนอยู่กับนักรบผิวขาวราวกระดาษภายใต้เกราะกลวงๆสีดำและดวงตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึกสีเดียวกัน โลกิและเจนหมอบหลบอยู่ไม่ไกลนัก

     

    ร่างของผู้ที่เธอเกลียดที่สุดในชีวิตกำลังยืนอยู่หน้ายานของมัน

     

    จังหวะนี้แหละ...

     

    จงเลือก” เสียงแหบแห้งกระซิบวนเวียนอยู่ในหู ส่งกระแสความรู้สึกขนหัวลุกให้แผ่ไปทั่วแผ่นหลัง

     

    เป็นธิดาแห่งโอดิน...”

     

    มือเรียวคว้าธนูคู่ใจมากระชับไว้ในมือแน่น

     

    เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ความกลัวก็ไม่เหลือแม้แต่ร่องรอยในนั้นอีกต่อไป

     

    หรือเป็นราชินีแห่งเผ่าพันธุ์ของเจ้า

     

    สูดหายใจลึกก่อนจะพุ่งทะยานออกไป

     

    จงเลือก...สคาดิ

     

     

    ร่างเพรียวทะยานไปปักดาบเข้ากลางหลังเทเลทับบี้สายสยองตัวหนึ่ง หยุดยั้งมันจากการวิ่งเข้าใส่พี่ชาย

     

    ให้ตายเหอะ พอมีเอเธอร์ที่กระจายฟุ้งไปฟุ้งมาเนี่ย พลังเธอลดลงเยอะมาก

     

    หญิงสาวพุ่งตัวไปที่ร่างของมาเลคิธ

     

    และคงจะได้เชือดคอเขาทิ้งแล้วถ้าไม่ถูกเหวี่ยงออกไปโดยอะไรบางอย่างซะก่อน

     

    ใครมันกล้า...

    ดวงตาสีฟ้าเทาตวัดไปมองและหรี่ลงอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะเบิกกว้าง

     

    ...โอ๊ะโอ

     

    ดูซิใครมา

     

    สารเลวเอลฟ์มืดที่เป็นคนเสียบดาบใส่แม่เธอไง

     

    เยี่ยม กำลังคิดอยู่เลยว่าทำไมไม่เห็นหัวมัน

    ทั้งๆที่มาเลคิธที่มันเทิดไว้เหนือเกล้านั่นกำลังอยู่กลางการตะลุมบอน

     

    กัดฟันกรอด สคาดิทะยานเข้าไปตะบันหน้าจอมทัพแห่งเผ่าพันธุ์ทมิฬ ดาบยาวสะท้อนแสงแสบตา คันธนูฟาดลงทำหน้าที่คล้ายโล่และเครื่องสังหารในเวลาเดียวกัน

     

    ทั้งสองผลัดกันรุก ผลัดกันรับ

    และในที่สุด เวลาของเธอก็มาถึง

     

    มือเรียวกำเป็นหมัด เสยเข้าไปที่คางของสิ่งมีชีวิตตัวมหึมานั่น ส่งให้มันกระเด็นออกไปไกลและปะทะเข้ากับหินสีน้ำตาลแข็งๆ

     

    มันสะบัดหัวอย่างอารมณ์เสียและพุ่งกลับเข้ามา

     

    กำปั้นที่มีขนาดใหญ่กว่าหน้าของเธอฟาดเข้าที่ใบหน้าซีกขวา สคาดิหน้าหัน แล้วจึงรีบหันกลับมาเพื่อรับการโจมตีต่อ

     

    ทันใดนั้น เธอเห็นอะไรบางอย่างแวววาวอยู่ในมือมัน

     

    แค่เสี้ยววินาทีก่อนที่จะต้องใช้ดาบปัดป้องมันออก เธอเบิกตากว้างด้วยความตระหนก

     

    ทำไมมีดสีดำนั่นถึงมีไอแดงๆเกาะอยู่ล่ะ?

     

    ก่อนที่จะได้ทันคิดอะไรอีก ความรู้สึกอย่างหนึ่งก็เข้าจู่โจมอย่างกะทันหัน แผ่ลามไปทั่วร่างกาย

     

    อ่อนแรง...

     

    ร่างในชุดสีเทาทรุดลงไปกองกับพื้น ดาบและคันศรคู่ใจหลุดออกจากมือ

     

    หรือว่า...

     

    เอลฟ์มืดตัวนั้นตะครุบเข้าที่ลำคอและยกเธอขึ้น ส่งผลให้หญิงสาวตะกายขาไปมาในอากาศด้วยความทรมาน ปากอ้าพะงาบๆออก พยายามสูดอากาศเข้าไปในปอด แต่ไม่มีครั้งไหนที่ทำสำเร็จ

     

    มือใหญ่โตเป็นปุ่มปมน่าเกลียดที่กำด้ามมีดอยู่พุ่งมาที่เธอ สสารสีแดงที่เคลือบใบมีดเรืองแสงวาวเมื่อพบแหล่งพลังงานแสงที่เป็นปฏิปักษ์กับมันและแผ่ไอมืดออกมาเพิ่มมากขึ้นเพื่อกำจัดสิ่งนั้น

     

    เอเธอร์

     

    ไอ้พวกเวรนี่มันเคลือบเอเธอร์ไว้กับมีด

     

    แต่...

    ได้ไง?

     

    ไม่ใช่ว่ามันเพิ่งถูกดึงออกมาจากตัวเจนเหรอ?

     

    ขณะที่กำลังคิดหาคำตอบนั้น โลหะสีดำเย็นเยียบก็เสียบเข้ามาในร่าง ตรงกลางท้องพอดีเป๊ะ

     

    หวังว่าไอ้ดาร์คเอลฟ์พวกนี้จะเรียนกายวิภาคมานะ เธอจะได้ตายแบบไม่ทรมาน

     

    หูแว่วเสียงตะโกนเรียกชื่อของโลกิและคำว่าไม่ของธอร์

     

    ไม่นะ

     

    เสียงใคร?

    มีใครอีกคนเหรอที่สามารถสื่อสารกับเธอทางจิตได้?

     

    ...วีดาร์?

     

    ทุกอย่างดับวูบ พร้อมกับความรู้สึกที่เหมือนกับถูกแบกขึ้นโดยอะไรบางอย่าง

     

     

     





     

     

    ความเจ็บแปลบตรงใบหน้าซีกขวาทำให้วีดาร์ขมวดคิ้ว

    ไม่มีใครต่อยเขานี่?

     

    ทันใดนั้น เหมือนมีอะไรบางอย่างมากระตุก ใบหน้าคมหันไปรอบตัว

     

    ...สคาดิ?

     

    เธออยู่ตรงนั้น กำลังถูกยกขึ้นมาโดยดาร์คเอลฟ์ตัวหนึ่ง มือของมันกำอยู่รอบคอในขณะที่อีกมือหนึ่งชูมีดสีดำสนิทขึ้น

     

    นอร์นช่วย

    ไม่นะ

     

    เขาพยายามจะฝ่ากองทัพพวกน่าเกลียดนี่ไปให้ถึงเธอ แต่มันมีเยอะเกินไป

     

    เทพแห่งการล้างแค้นรู้สึกราวกับเวลาหยุดหมุนเมื่ออาวุธในมือของไอ้ตัวใหญ่นั่นถูกผลักเข้าไปในร่างเพรียวของหญิงสาวผมสีเข้ม

     

    ไม่นะ

     

    ไม่

     

    ไม่

     

    ไม่

     

    เขาเจ็บจุกที่บริเวณช่องท้องอย่างกะทันหัน


    ไม่

     

    รู้สึกราวกับลมหายใจหยุดลง ดวงตาสีฟ้าสั่นระริกขณะมองดูร่างของเธอถูกแบกไปผ่านช่องว่างของพวกกองทหารเกราะดำผิวซีด

     

    วีดาร์รู้แล้ว

     

    ...สคาดิคือโซลเมตของเขา

     













     

     

    TALK WITH FM

    เรากลับมาล้าววววววว

    คิดถึงเรามั้ยยยยยยย?????

    เราขอโทษนะทุกคนนน อย่าเพิ่งปาระเบิดใส่เรานะ ขอเวลาเตรียมหลุมหลบภัยก่อน

    คือไรท์ต้องให้สคาดิถูกแทงจริงๆ

    อย่าเพิ่งโกรธไรท์น้าาา

    เรามีความเชื่อมั่นว่าน้องดิเราอึดพอที่จะไม่ตาย55555

    เจอกันตอนหน้านะคะ

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

         
    Z y c l o n
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×