คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Short Fic. || Only One (Stony) → ᴘᴀʀᴛ 1
Title: Only
One
Genre: Short
Fiction (part 1/2)
Author: FengMii
Pairing:
Stony
Note: จะมีใครที่ช่วยเยียวยาจิตใจของโทนี่ได้ไหมเนี่ยยยยย
ป๋าเฮิร์ทหนักเกินไปแล้วน้าาาาา
only
one
P A R T 1
ร่างเล็กที่โซเซลงมาจากยานรูปร่างแปลกตาทำให้สตีฟชะงักแทบหยุดหายใจ
โทนี่...
ชายหนุ่มร่างสูงไม่รู้ว่าตัวเองก้าวเข้าไปตั้งแต่ตอนไหน
หรือรับร่างของคนที่เขาเฝ้าคิดถึงเข้ามาในอ้อมกอดเมื่อไหร่
เขารู้แต่ว่าตอนนี้โทนี่อยู่ที่นี่...กับเขา
ไม่ใช่แค่ภาพฝัน
“เฮ้โทนี่”
ไร้การตอบสนอง
มีเพียงไหล่ที่สะท้านไหวของคนตัวเล็กเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่าเขากำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง
ไม่มีแม้แต่มุกตลกห่วยแตกหรือภาษาวิบัติตามฉบับมิสเตอร์สตาร์ค
นี่มันแปลกไป...
“สตีฟเหรอ?”
โทนี่ถามเบาๆพลางดึงตัวออกมาและมองไปทั่วร่างของสตีฟราวกับหาร่องรอยการบาดเจ็บ
ดวงตาสีน้ำตาลคลอหน่วยไปด้วยน้ำตา
“ขอบคุณพระเจ้าที่นายไม่เป็นไร”
เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
“จิตใจเขาได้รับการกระทบกระเทือนหนักเอาการ”
เสียงแปร่งๆที่ทำให้ร่างสูงนึกถึงอัลตรอนดังขึ้น
เรียกความสนใจจากทีมอเวนเจอร์สที่ยืนอยู่บนพื้นหญ้าของวากานด้า
ผู้พูดนั้นเป็นผู้หญิง
ร่างสูงโปร่ง ผิวสีฟ้า และดูคล้ายกับว่าครึ่งหนึ่งของเธอถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหุ่นเหล็ก
รวมๆแล้วก็...สวยแบบ...น่าขนลุกเอาการ
โดยเฉพาะดวงตาสีดำปลอดราวกับหินอ๊อบซิเดียนขัดมันนั่น
“หวัดดี
ข้าเนบูล่า ธิดาแห่งธานอส” เธอกล่าว
ทันใดนั้น
ธอร์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก็ทำท่าเหมือนจำอะไรบางอย่างได้
เขายกนิ้วขึ้นมาชี้ไปที่เธออย่างใช้ความคิด
“เดี๋ยว
งั้น...เจ้าก็รู้จักกับกาโมร่าน่ะสิ”
เนบูล่าผงกหัว
“นางเป็นพี่สาวข้า”
หญิงสาวตัวฟ้าก้าวเท้าลงมาจากยานด้วยท่วงท่านิ่งสงบ
“และนางตายแล้ว...สตาร์ลอร์ดก็ด้วย”
“เห็นแก่นอร์นเถิด”
อดีตราชาแห่งแอสการ์ดลูบหน้าตนเอง
ดวงตาสีดำน่าขนลุกของเธอตวัดมาทางสตีฟ
“โทนี่
สตาร์คของเจ้าต้องมองดูพวกเขาสลายไปเป็นเถ้า
จนกระทั่งในดาวไททันนั่นเหลือแค่ข้ากับเขา...”
พระเจ้า
นี่มันเลวร้ายกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ
“ใครบ้าง?”
เขาถามเบาๆ พลางแตะไหล่ของคนตัวเล็ก
โทนี่หรุบตาลง
ขมวดคิ้วคล้ายจะร้องไห้
ร่างนี้ดูบอบบางยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยเป็นมา
ราวกับทำมาจากแก้วที่หากแตะนิดเดียวอาจแตกสลายคามือ
“โทนี่...” กัปตันอเมริกาพยายามจะเอ่ยขึ้น แต่ดันถูกตัดบทซะก่อน
“สตาร์ลอร์ด,
กาโมร่า, แดรกซ์, สเตรนจ์, ปีเตอร์” ร่างเล็กว่าเสียงสั่นเครือคล้ายจะปล่อยโฮ
“ปีเตอร์...”
เจ้าตัวพึมพำอีกครั้งราวกับจะสลักชื่อนั้นลึกลงไปในความทรงจำ
“ฉัน...ฉันไม่น่าดึงเขาเข้ามาเกี่ยวตั้งแต่แรกเลย”
น้ำตาใสๆกลิ้งผ่านแก้มของเขาลงมา
โทนี่สะอื้นเบาๆ
“ถ้าฉันไม่ชวนเขามาเข้ากลุ่มอเวนเจอร์ส
เขาคงไม่...ไม่...”
ร่างสูงดึงตัวไอรอนแมนเข้ามากอดแน่น
ปล่อยให้ความชื้นจากน้ำตาของอีกคนซึมผ่านชุดเกราะสีเข้มเข้ามา
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
สตีฟไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าขอบตาของเขาเริ่มร้อนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“นาย...อยู่บ้านแล้ว”
และประโยคนั้นทำให้คนตัวเล็กสะอื้นหนักกว่าเก่า
“ใช่...และทางนี้ก็สูญเสียไปไม่แพ้นายเลย”
บรูซกัดปากและกล่าวขึ้นในที่สุด
โทนี่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ก็นะ...ฝ่าบาททีชัลล่า,
พวกทหารโดรามิลาเจและเผ่าของเอ็มบาคูบางส่วน, ร็อคเก็ต, กรู๊ท, วานด้า, วิชั่น,
แล้วก็...” เดอะฮัลค์สบตาร่างสูงข้างๆเขาอย่างขออนุญาต
เมื่อได้รับการพยักหน้าเป็นการตอบ
ดอกเตอร์เจ้าของเกียรตินิยมกว่าสิบใบก็สูดหายใจลึกก่อนพูดต่อ
“บัคกี้
บาร์นส์”
ดวงตาสีน้ำตาลตวัดมาหาคนข้างตัวทันที
“เขา...”
“ใช่...ต่อหน้าต่อตาฉันเลย”
สตีฟกอดอก
โอเค...โทนี่ชักจะเริ่มคิดแล้วว่าการกระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับเขา
เจ้าหญิงชูรีร้องไห้แทบขาดใจทันทีที่พวกเขาแจ้งข่าวการตายของพี่ชายผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและเจ้าเหนือหัวของเธอ
ชายร่างเล็กอดจะกำมือแน่นไม่ได้เมื่อเห็นภาพของเด็กสาวนักวิทย์ที่ปกติจะยิ้มและร่าเริงอยู่ตลอดเวลาทรุดลงกับพื้นบริเวณหน้าวังโดยไม่มีท่าทีรังเกียจเศษฝุ่นและดินที่จะเลอะขาและเริ่มปล่อยโฮด้วยความเจ็บปวด
“เรื่องนี้มันไม่น่าเกิดขึ้นเลย...”
เธอพึมพำ ใบหน้าอ่อนเยาว์เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา
โอโคเย
หัวหน้ากลุ่มโดรามิลาเจถอนหายใจพลางช่วยกันกับนาเคียพยุงร่างเพรียวของเจ้าหญิงกลับไปสงบสติอารมณ์ในห้อง
โทนี่หรุบตาลง
ไพล่นึกไปถึงตอนที่เขาเกือบจะถอดถุงมือมาจากธานอสได้แล้ว
ถ้าตอนนั้นเตะสตาร์ลอร์ดออกไปไกลๆก่อนก็คงจะดี
“เฮ้...”
เขาตื่นจากภวังค์เมื่อมือใหญ่ของกัปตันอเมริกาแตะเข้าที่ไหล่
“ว่าไงแคป?”
“เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ
ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
ทั้งสองก้าวเข้าไปภายในวังที่มีร่องรอยการโดนทำลายโดยสมุนบางส่วนของธานอสและตรงไปที่ห้องที่ไร้คนอยู่ในมุมหนึ่ง
ภายในนั้นคือบาร์เล็กๆ
ที่ประดับประดาไปด้วยเศษเล็กเศษน้อยจากกำแพงวังพากันที่ร่วงกราวกันลงมาเมื่อแตะ
โทนี่ก้าวเข้าไปหลังบาร์ในขณะที่อดีตคู่หูคู่กัดเลื่อนตัวขึ้นไปบนเก้าอี้สูงหน้าบาร์
“มาร์ตินี่”
ร่างสูงสั่งและเท้าแขนลงกับบาร์ที่ขัดมันจนเงาวับ
คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำและหยิบวัตถุดิบออกมาเทใส่แก้ว
เพียงไม่นาน
มาร์ตินี่ในแก้วธรรมดาๆก็ถูกส่งมาให้ ประดับด้วยใบมิ้นต์ที่ดูเรียบขนาดที่เกือบนึกว่าเป็นแค่น้ำมะนาวที่ใส่มิ้นต์
แต่ทำไมมันอร่อยจังนะ?
ไอรอนแมนจุ่มปากแก้วทรงสูงลงในเกลือเพื่อทำมาร์การิต้าในขณะที่พูดไปด้วย
“มีอะไรก็ว่ามา”
“ฉันขอโทษนะ”
สตีฟจิบน้ำแอลกอฮอล์ในมือ
มือเรียวสีแทนของบาร์เทนเดอร์จำเป็นชะงักกึกไปชั่วขณะหนึ่ง
“...ฉันไม่รู้ว่านายพูดถึงเรื่องอะไร”
“ไม่เอาน่าสตาร์ค”
ร่างสูงโน้มตัวข้ามขอบที่กั้นส่วนลูกค้าและบาร์เทนเดอร์ของบาร์ไปใกล้จนแทบได้ยินเสียงหัวใจที่ชะงักไปของอีกคน
“นายก็รู้ว่าฉันพูดถึงเรื่องอะไร”
ดวงตาทั้งสองสีสบกันและกัน
เนิ่นนานราวกับเวลาหยุดนิ่ง
“โอเค
รู้อะไรมั้ย...ฉันไม่ได้โกรธนาย...ไม่เคยโทษเรื่องบ้าๆนี่เลย”
สตีฟช่วยไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้าง
“แต่ๆๆ”
คำต่อมาทำให้รอยยิ้มของเขาจางลงอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่ว่าฉันจะลืมมันได้หรอกนะ”
“โธ่
โทนี่...”
ร่างเล็กยกมือขึ้นห้ามพลางกรอกตา
“นายทรยศฉัน...ทรยศทีม
สตีฟ...ใช่ เราไม่โกรธ
แต่จะขอให้เราลืมมันไปเหมือนกับเป็นแค่วันโง่ๆวันหนึ่งไม่ได้หรอกนะ”
เจ้าของตึกสตาร์คเทน้ำผลไม้ลงในแก้วและผสมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกสองสามอย่าง
“โทนี่ ฉันเสียใจจริงๆนะ” เป็นครั้งแรกในอายุกว่า 90
ปีของสตีฟ(ที่ตัดออกไปประมาณ 70 ปีเนื่องจากการถูกแช่แข็ง)
ที่เขารู้สึกพูดไม่ออก เหมือนลิ้นพันกันไปหมด
“จะให้ทำไงนายถึงจะเชื่อ?”
“ไม่รู้สิ”
ไอรอนแมนยกคิ้วและกระดกมาร์การิต้าเข้าไปอึกใหญ่
“ถ้า...ถ้าฉันแสดงให้เห็นได้ว่าแคร์นายขนาดไหน
นายจะหายโกรธฉันไหม?” ชายหนุ่ม(ที่อายุไม่หนุ่ม)ตัดสินใจถามออกไป
บังเกิดความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้องหลายวินาที
ในที่สุด
โทนี่ก็ถอนหายใจออกมา
“ก็...ไม่รับประกันหรอกนะ”
ทั้งคู่นั่งดื่มกันไปเรื่อยๆจนรู้ตัวอีกที
แก้วก็วางเต็มเคาน์เตอร์ไปหมด ใบหน้าของโทนี่เริ่มมีริ้วสีแดงปรากฏขึ้นจางๆ ในขณะที่ร่างสูงก็เริ่มเอนหัวไปมาด้วยความมึนเมา
“นายรู้อะไรป่ะ?”
คนตัวเล็กถามเสียงยานคาง
“หืมมม?”เสียงทุ้มครางในลำคอ
“ฉันคิดถึงนายนะ...คิดถึงเรื่องบ้าๆที่เราเคยทำด้วยกัน
ให้ตายสิ...อยากย้อนเวลากลับไปตอนนั้นเป็นบ้าเลยว่ะ
ถ้าฉันแย่งไทม์สโตนมาจากไอ้ไททั่นหัวมันม่วงนั่นได้ก็ดี”
สตีฟหัวเราะหึๆแล้วยิ้ม
“ฉันก็คิดถึงนายเหมือนกัน
โทนี่”
แขนแกร่งเท้าเข้ากับบาร์ขณะที่เขาโน้มตัวลงไปใกล้โทนี่
จมูกโด่งห่างจากจมูกสีแทนของคนตรงหน้าเพียงไม่กี่มิลลิเมตร
“แล้วก็...รู้อะไรมั้ย?”
“อ-อะไร...”
ร่างเล็กพยายามรวบรวมสติแล้วขยับออกมา แต่ราวกับร่างกายเจ้ากรรมจะไม่ยอมฟังคำสั่ง
ทั้งยังตอบสนองกับมือใหญ่ที่ยกขึ้นมาลูบแก้มเบาๆด้วยการแนบใบหน้าเข้าใกล้มือข้างนั้นอีกด้วย
วันนี้เขาเป็นบ้าอะไรเนี่ย?!!
“เรื่องคืนนั้นที่นิวยอร์ก...ฉันยังพอจำได้อยู่นะ”
ลมหายใจอุ่นร้อนของสตีฟ
โรเจอร์สเป่ารดที่กกหูเมื่อชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามากระซิบ
“และฉันก็ชักจะลืมแล้วสิ
ว่านายทำยังไงฉันถึงได้ติดใจนายหัวปักหัวปำขนาดนั้น”
“ช่วยทวนความทรงจำให้หน่อยสิครับ...ว่าคืนนั้นเราสนุกกันได้มากขนาดไหน :) ”
TALK
WITH FM
เรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นิวยอร์กน้าาา?
//ยิ้มอย่างมีเลศนัย
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
:)
เฟิงมี่ค่ะ >3<
ความคิดเห็น