คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : Broken Throne S3 || Ch 1
|| B
R O K E N T H R O N E ||
s e
a s o n 3
----------------------------
CHAPTER 1
ห้องโถงของปราสาทเป็นสีขาว...ขาวสะอาด
นั่นคือสิ่งแรกที่เข้ามาในหัวของสคาดิ
และในวินาทีต่อมา
เธอก็พบว่ามันไม่เชิงเป็นสีขาวซะทีเดียว
ออกจะเป็น...ฟ้าซีดด้วยซ้ำ
หญิงสาวละสายตาจากเพดานโค้งเป็นโดมสวยๆนั่นแล้วกวาดมันลงมาที่พื้นสีซีดที่ดูทรงแล้วน่าจะทำจากหินอ่อน
เก้าอี้เป็นแถวตั้งอยู่ระหว่างเสาทรงกระบอกสองสามต้น
มันนำไปที่ยกพื้นสูงตรงสุดโถงซึ่งเป็นบันไดขั้นสั้นๆขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงลานสีขาวเรียบๆ
และที่ตั้งเด่นอยู่บนนั้นคือบัลลังก์สีเดียวกัน
เท้าแขนทั้งสองข้างถูกสลักเป็นรูปมังกร...หนึ่งในสัตว์ในตำนานของเอลฟ์น้ำแข็งที่ว่ากันว่าจะปกป้องกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์
ติดอยู่อย่างเดียว...
ผู้ที่นั่งบนนั้นไม่ใช่เธอ
เทพีแห่งเหมันต์เชิดหน้าขึ้นแล้วย่างก้าวข้ามโถงไปตรงหน้าบันได
ทำให้สายตานับสิบคู่ของบรรดาขุนนางจ้องตรงมาที่เธอ
แล้วเธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นหน้าของผู้ที่อยู่บนนั้น
สคาดิจำช่วงเวลาก่อนที่เธอจะไปอยู่ที่แอสการ์ดได้ลางๆ
แต่เธอจำวันที่ผู้เป็นบิดาแย้มยิ้มกว้างพร้อมกับอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งเข้ามาในห้องของเธอได้แม่น
ราชาธยาสซียื่นร่างเล็กในห่อผ้าสีขาวลงในอ้อมแขนของเธอ
สคาดิ
นี่คือน้องชายของลูก เขาว่า
เธอยังเห็นสีหน้านิ่งเรียบเดาอารมณ์ของมารดาที่ยากจะพบในห้วงความทรงจำจนทุกวันนี้
ท่านแม่ไม่ได้ท้อง...
เธอในวัยไม่กี่ร้อยปีขมวดคิ้ว
เขามาได้ยังไงคะ?
ท่านพ่อคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ
มือใหญ่ลูบหัวเธอด้วยความรัก
ไม่สำคัญว่าแม่ของเขาคือใครหรอกจ้ะ
ลูกสัญญาได้ไหมว่าจะรักน้อง?
เขาจะได้เป็นรัชทายาทรึเปล่าคะ?
ไม่จ้ะ ไม่ เขายิ้ม
ยังไงลูกก็ยังเป็นลูกคนแรกของพ่อ
ตามกฎแล้วลูกก็คือรัชทายาทที่ถูกต้อง
ค่ะ
เธอสำรวจใบหน้ากลมป้อมของน้องชายตัวน้อยที่กำลังหลับสบาย
งั้นลูกจะรักเขาค่ะ
เมื่อกลับมาทบทวนฉากวันนั้นอีกที
เธอคิดว่าเธอเห็นสันกรามที่ขบกันของท่านแม่
ในวันที่อาณาจักรของเธอล่มสลาย
เด็กชายคนนั้นหายตัวไปและเธอก็คิดว่าเขาตายไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเธอคิดผิด
บนบัลลังก์น้ำแข็งนั้นคือร่างของเด็กชายคนหนึ่ง
ดวงตาสีฟ้าเทาที่คล้ายกับของเธออย่างไม่น่าเชื่อก้มลงมองเธอด้วยความฉงน
เขาไม่เคยรู้จักเธอ
และเธอก็ไม่เคยรู้จักเขาจริงๆก่อนที่อาณาจักรจะแตกสลาย
พวกเขาทั้งคู่คือคนแปลกหน้า...ทั้งที่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้น
ลมหายใจของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่สำรวจใบหน้าของร่างเล็กนั้น
...ช่างเหมือนคนผู้นั้นเหลือเกิน
ดวงตาของเธออ่อนลงหลายส่วน
แต่ก็กลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิมเมื่อได้ยินเสียงผ้าเสียดสีกันข้างบัลลังก์
หญิงงามในชุดยาวสีทองเลื่อมข้างๆเขาเหลือบมองผู้เป็นราชาอีกครั้ง
ก่อนจะหันมาหาเธอ
“ว่าธุระของท่านมา”
เธอว่า เสียงทรงพลังสะท้อนไปทั่วโถงน้ำแข็ง
สคาดิเอียงคอ
มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นบางๆ
ส่วนหญิงผู้นี้ก็ยังไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว
“ข้าอุตส่าห์กลับมาเยี่ยม”
ร่างเพรียวเจ้าของดวงตาสีฟ้าเทาโต้ตอบด้วยน้ำเสียงกังวานเรียบเย็น
“ใจคอจะไม่ทักทายหน่อยเลยรึ
อิดุนน์?”
เจ้าของชื่อสะดุ้ง
ก่อนจะเขม้นมองเธอด้วยดวงตาสีเทาที่เขียนขอบดำเสียจนเข้มทึบคู่นั้น
“เป็นไปไม่ได้...”
สีหน้าของเธอซีดเผือดลงอย่างทันควัน
“เป็นไปได้แล้ว”
หญิงสาวที่อยู่ด้านล่างเชิดหน้าขึ้นสูงกว่าเดิม มุมปากบิดโค้งเป็นรอยยิ้ม
“คราวนี้...จะถอนสายบัวให้ข้าได้รึยัง?”
“ข้า...ข-ข้า
ท่าน...”
สคาดิเลิกคิ้ว
“เจ้าหญิงรัชทายาทมาถึง
เจ้าก็ควรจะให้เกียรติกันสักหน่อยสิ
อย่ามัวแต่ยืนบื้อเหมือนที่เจ้าชอบทำเวลาท่านพ่อข้าไม่ยอมไปห้องเจ้า”
เป็นแค่นางสนมแท้ๆ
กล้าเหิมเกริมทำเป็นลืมกฎโบราณที่มีมากว่าหมื่นปีเชียวรึ?
สีหน้าของอิดุนน์ครึ้มลงราวกับว่าเธอเพิ่งเดินขึ้นไปกระชากชุดสีทองนั่นออกมาจากร่าง
แล้วเธอก็ยอบกายลงถอนสายบัวในที่สุด
“องค์หญิงสคาดิ”
อดีตสนมในรัชสมัยของราชาธยาสซีเค้นเสียงลอดไรฟันขณะก้มลงมองพื้น
“ตามสบาย”
สคาดิพยักหน้าเบาๆ
วันนี้ได้ทุบสนมปลายแถวคนนี้สักทีก็ถือว่ามาไม่เสียเที่ยวแล้ว
“เท่าที่ข้าจำได้...”
เสียงเล็กๆที่แม้จะไม่ทรงพลังแต่ก็ใสกังวานดังขึ้น
เรียกความสนใจจากร่างเพรียวให้หันกลับไปมองร่างบนบัลลังก์อีกครั้ง
“ท่านพี่ของข้าถูกพวกชิทอรีสังหารไปแล้วเมื่อหนึ่งพันปีก่อน”
ดวงตาสีฟ้าเทามองไปที่ใบหน้าของเด็กชาย
คิ้วเข้มเลิกขึ้นพร้อมกับปากที่บิดลงเล็กน้อย
“ชิทอรีสังหาร?”
เธอทวนคำเบาๆ
“ว้าว
นี่เองสินะที่ทำให้พวกเจ้าลบชื่อข้าออกจากประวัติศาสตร์”
เสียงของเธอสั่นเล็กน้อยตรงปลาย
ก่อนที่มันจะกลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิม
สคาดิสูดหายใจลึกแล้วก้าวขึ้นบันได
“เมื่อพันปีก่อน...”
เดินขึ้นไปอีกก้าว
“ก่อนที่ข้าจะถูกชิทอรีพวกนั้นจัดการ...เหมือนกับท่านพ่อของข้า”
ดวงตาสีฟ้าปรายมามองน้องชายต่างมารดาเล็กน้อย
“เหมือนกับท่านพ่อของเรา”
ขาเรียวขยับก้าวขึ้นอีกครั้ง
“โอดินก็มา”
ทั่วทั้งโถงเงียบวังเวง
สะท้อนคำพูดทุกพยางค์ของเธอ
“เขานำข้ากลับไปที่แอสการ์ดในฐานะธิดาบุญธรรม”
อีกก้าวหนึ่ง
“และเมื่อเร็วๆนี้...”
และอีกก้าว
“ข้าได้ข่าวมาว่ามีกลุ่มเอลฟ์น้ำแข็งเหลือรอด”
และอีกก้าว
“ข้าเลยตั้งใจจะกลับมาเยี่ยม”
ก้าวสุดท้ายพาเธอขึ้นไปบนแท่นขาวที่มีบัลลังก์ตั้งอยู่
ร่างเพรียวหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับเหล่าขุนนาง
“...และทวงสิทธิของข้า”
“ไม่มีสิทธิอะไรทั้งนั้น”
เอลฟ์ตนหนึ่งลุกขึ้นยืน
“เจ้าเอาอะไรมาพูดว่าเป็นรัชทายาท?”
หญิงสาวแสยะยิ้ม
กอดอกแล้วเอียงคอ
“ถ้าข้ามี...แล้วเจ้าจะทำไม?”
มือเรียวเอื้อมลงไปในอกเสื้อของตน
แล้วปลดสร้อยคอเส้นบางที่ไม่เคยอยู่ห่างกายออกมา
“ดูสิ่งที่ข้าถือดีๆซิ
ท่านลอร์ด” เธอชูมันขึ้น
เสียงฮือฮาดังขึ้น
“นั่นมัน...อะไรกัน?”
เขาเสียงสั่น
หญิงสาวเลิกคิ้ว
“ท่านควรจะรู้ดีนะ”
“ทำไมน่ะเหรอ...”
เธอหันไปมองอิดุนน์ที่มีสีหน้าอดกลั้น
“เพราะมันคือสร้อยที่ท่านพ่อของข้าสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษยังไงล่ะ”
ตั้งแต่ที่ได้สร้อยเส้นนี้มาแล้ว เธอก็แทบไม่เคยถอดเลยนอกจากจะจำเป็นจริงๆ
ทำให้เวลามีใครเห็นเธอ พวกเขาก็มักจะพบเห็นสร้อยและจี้สีเข้มสวยคล้องอยู่ที่คอของเธอเสมอ
แม้แต่ในรูปวาดเก้าในสิบส่วนของเธอก็จะมีสร้อยนี้อยู่ด้วย
ทั้งโถงเงียบไปอย่างจนปัญญา
“หากท่านเป็นพี่สาวของข้าแล้วจริงๆ”
เด็กชายบนบัลลังก์ว่า ทำให้เธอหันกลับไปมองหน้าเขาชัดๆ
“เช่นนั้น
ที่ท่านมาเพราะต้องการบัลลังก์อย่างนั้นหรือ?”
สคาดินิ่งไปครู่หนึ่ง
“จริงๆก็...ไม่หรอก
น้องชาย”
เธอเชิดหน้าขึ้นอีกครั้ง
“ข้าแค่อยากมาดูเฉยๆว่าตกลงใครกันแน่ที่ถูกจับลัดคิวข้าขึ้นไปนั่งบนนั้น...แล้วก็อยากรู้ด้วยว่าพวกเจ้าเป็นอย่างไรกันบ้าง”
ความจริงก็ยอมรับแหละ
ว่าตอนแรกตั้งใจจะเดินดุ่มๆเข้ามาจับใครก็ตามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ขาวๆนั่นเขวี้ยงลงพื้น,
หยิบมงกุฎมาสวมให้ตัวเองแล้วประกาศเอาหน้าด้านๆเลยว่าเธอคือใคร มาทำอะไร
และตอนนี้เป็นราชินีของอาณาจักรน้ำแข็งแล้ว
แต่พอเห็นหน้าน้องก็...ตัดใจทำไม่ลง
ไม่รู้ว่าเพราะส่วนหนึ่งในใจลึกๆคิดถึงน้องชายร่วมบิดาที่ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไงมาตลอดพันกว่าปี
หรือว่าเห็นว่าเขาหน้าเหมือนธยาสซี บิดาของทั้งเขาและเธอเลยใจอ่อน
ร่างเพรียวหรุบตาลงก่อนจะเหลือบมองมังกรคู่บนบัลลังก์นั่น
...ช่างมันเถอะ
ไม่เอาแล้วก็ได้
ตอนนี้เธอมีทั้งน้องชาย
ทั้งประชาชน
มันควรจะพอแล้ว...
ดวงตาสีฟ้าของเขามองเข้ามาในตาของเธอ
“เช่นนั้น
อาณาจักรเราก็ขอต้อนรับท่านกลับมา”
หญิงสาวมองใบหน้าที่เหมือนบิดาราวเคาะพิมพ์ของผู้เป็นน้องชาย
แล้วยิ้มบางๆ
“ขอบใจสำหรับการต้อนรับ
เบรดิ”
TALK WITH FM
กลับมาแล้วค่าาาาา
ช่วงนี้พยายามอยู่บ้านไม่ออกไปไหน
เลยมีเวลาปั่นมากกว่าเดิม(ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี(?) ถถถถถถถ)
รีดเดอร์ทุกคนระวังตัว
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
เราจะต้องผ่านมันไปด้วยกันค่ะ
ตอนนี้คนไทยต้องช่วยกันแล้วนะคะ
อย่าเพิ่งสร้างดราม่า อย่าเพิ่งเหน็บแนมด่าทอกัน ช่วยกันสู้ก่อนค่ะ
เมื่อไหร่สงบแล้วค่อยรบกันเองต่อ(555555//ขำค้าง)
น้องชายสคาดิโผล่แล้วนะคะ
ความจริงไม่ได้อยากจะให้ชื่อเหมือนกันเลย แต่ว่าไปนั่งอ่านปกรณัมนอร์สเกี่ยวกับเด็จน้องเล็กแล้วพบชื่อนี้ที่ฟังดูใช้ได้ที่สุดแล้ว
แล้วก็มีความเกี่ยวข้องบางส่วนกับสคาดิ เลยเอามาใส่ค่ะ
เจอกันตอนหน้าเน้อ
ด้วยรัก,กุงกาวและหน้ากากอนามัย
เฟิงมี่ค่ะ>3<
ความคิดเห็น