คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : Broken Throne S3 || Ch 0
|| B
R O K E N T H R O N E ||
s e
a s o n 3
----------------------------
CHAPTER 0
เมื่อหนึ่งพันปีก่อน
อาณาจักรของสคาดิได้ถูกทำลายลงโดยพวกเอลฟ์มืด
ใช่...มาเลคิธ
ไอ้เอลฟ์ผิวกระดาษเฮงซวยนั่นแหละ
โชคดีหน่อยที่มันแค่ต้องการแสดงแสนยานุภาพ
จึงเอาแค่พอให้กองทัพเอลฟ์น้ำแข็งเหลือเพียงแค่หยิบมือจากทั้งหมดหลายแสนที่เข้าสู่สงคราม
อาณาจักรอันบอบช้ำถูกทิ้งให้รักษาตนเองอย่างเงียบๆในขณะที่มาเลคิธมุ่งหน้าไปทุบเผ่าอื่นในอัลฟ์ไฮม์
ทว่าเวลาแห่งความสงบสุขมักไม่ยั่งยืน
หลังเหตุการณ์นั้นเพียงครึ่งปี
จู่ๆพวกชิทอรีก็บุกเข้ามาในอัลฟ์ไฮม์
อันนี้เธอก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
คงจะกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงสายพันธุ์ล่ะมั้ง
สมองสั่งการถึงยังไม่เสถียรนัก แล้วก็เลยเกิดคลั่งขึ้นมา
การโจมตีครั้งนี้หนักหนานัก
หนักหนาจนกระทั่งสามารถทำให้อาณาจักรน้ำแข็ง
หนึ่งในมหาอารยธรรมแห่งอัลฟ์ไฮม์พินาศจนเหลือเพียงซากปรักหักพัง
ประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ถูกฆ่าไปมากมาย
พวกที่เหลือรอดก็หอบผ้าหอบผ่อน จูงลูกจูงหลานหนีหายไป
...ส่วนเชื้อพระวงศ์นั้นถูกสังหารจนแทบเหี้ยน
ในวันมหาวิปโยคนั้น
สคาดิก็ได้อยู่ดูเป็นบุญตาด้วย
เธอกอดตุ๊กตาวิ่งหนีไปในโถงเปื้อนเลือด
ตามหลังองครักษ์คนสุดท้ายที่เหลือจากทั้งหมดเกือบสิบนายไปติดๆ
ภาพร่างไร้วิญญาณของบิดาและมารดาในโถงบัลลังก์ยังคงติดตา
ปากของเธอถูกกัดจนห้อเลือดเพื่อข่มกลั้นเสียงใดๆในขณะที่มือจิกตุ๊กตาผ้าเสียแน่น
จนกระทั่งเอลฟ์คนนั้นถูกเสียบทะลุด้วยฝีมือชิทอรีตัวหนึ่งนั่นแหละ
เธอถึงยอมเปิดปากกรีดร้องออกมาสุดเสียง
ตอนนั้นคิดจริงๆว่าคงต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว
แต่ก่อนที่มันจะได้ทิ่มดาบปลายปืนลงมาบนร่างของเธอนั้นเอง
โอดินก็ปรากฎตัวขึ้น
ถ้าจะมาช้าขนาดนี้...ไม่มาเลยก็ได้เนอะ
เขามาถึงบนหลังของเสลปเนียร์
ม้าแปดขาสุดที่เลิฟและถือหอกกุงเนียร์ที่ในปัจจุบันคงจะสนิมเกาะแล้วพร้อมกับแสงสว่างจ้าบาดตาของไบฟรอสต์
จากวันนั้น
สคาดิก็ถูกนำตัวกลับไปที่แอสการ์ดในฐานะธิดาบุญธรรมของเทพบิดร
ในช่วงปีแรกๆ
เธอพยายามหาทางติดต่อกับชาวเอลฟ์น้ำแข็งที่เหลือรอด
น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะส่งสารไปอย่างไร
ก็ไม่มีการตอบรับมาสักฉบับ
ไม่รู้ว่าไม่ได้รับ
หรือรับแล้วไม่ส่งกลับ
อย่างไรก็ตาม
หลังผ่านไปเกือบหนึ่งทศวรรษ
เธอก็ล้มเลิกความตั้งใจแล้วใช้ชีวิตต่อไปบนแดนเทพโดยพยายามลืมว่าสิทธิ์ในบัลลังก์เยือกแข็งเป็นของเธอโดยชอบธรรม
เชื่อว่าถ้าตัวเธอเมื่อร้อยปีก่อนมาเห็นสภาพของเธอในปัจจุบันคงจะนั่งขำ
สคาดิ
เจ้ามันโง่
เธอคงว่าอย่างนั้น
และเธอก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง
เปลือกตาของสคาดิหรี่ลงเพื่อป้องกันดวงตาสีฟ้าเทาคู่นั้นจากเกล็ดหิมะและลมหนาวที่เสียดแทงอย่างไม่ปราณี
กระชับห่อผ้าที่ผูกอยู่กับหลัง
หญิงสาวผมเข้มหันไปมองรอบตัว
หิมะ...
หิมะล้วนๆสุดลูกหูลูกตา
มันอยู่ตรงไหนเนี่ย?
เธอลอบหัวเราะในใจ
ไม่คิดเลยว่าหลังจากที่วิ่งหนีมันมานานเป็นเวลาหลายศตวรรษ
ในที่สุดเธอก็ต้องกลับมาตามหามัน
ฐานันดรศักดิ์บ้าๆที่ทำเธอเกือบถูกฆ่านั่นราวกับดึงดูดเธอเข้าสู่อันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า
และครั้งนี้ก็คงจะไม่ต่างกัน
สคาดิ
เจ้ามันไม่รู้จักจำ
หลังจากที่ขอให้ไฮม์ดัลวาร์ปเธอมาที่อัลฟ์ไฮม์
เธอก็ได้แต่ตามเส้นทางจากความทรงจำเพื่อหาทางขึ้นแดนเหนือ
สถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งบ้านของเธอเคยตั้งอยู่
ผลน่ะหรือ...
หลงทางไง
เธอถอนหายใจ
รู้งี้น่าจะเอาแผนที่มาด้วย
เทพีแห่งเหมันต์สูดหายใจลึก
มือเรียวยกขึ้นขยับเล็กน้อย กระแสเรืองวาบสีฟ้าห้อมล้อมนิ้วทั้งห้าของเธอเอาไว้
ท่ามกลางพื้นหิมะที่ขาวโพลนนั้น
ปรากฏทางน้ำแข็งสีเข้มขึ้นมา
เยี่ยม
เธอยังจำคาถาตามรอยสิ่งมีชีวิตในรัศมีสองกิโลได้
แค่หวังว่ามันจะไม่พาเธอไปเจอถ้ำเสือหรือฝูงกวางแล้วกัน
ร่างเพรียวย่ำไปตามทิศทางที่น้ำแข็งพาไป
ทำไมแม้หิมะหนาขนาดนี้เธอก็ไม่จมน่ะเหรอ?
ความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของเอลฟ์น้ำแข็งน่ะ
เผ่าพันธุ์ของเธอไม่จมลงไปในหิมะที่ทับถมกันหนาๆ
แถมยังตัวเบาอย่าบอกใคร
ไม่ได้จะอวดนะ
แต่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเนี่ย
ถ้าวัดกันตัวต่อตัวแล้วเอลฟ์น้ำแข็งสามารถเคลื่อนไหวได้เบาและรวดเร็วกว่าเอลฟ์ไพรที่ขึ้นชื่อเรื่องความว่องไวเลยแหละ
ส่วนเธอ...
ไม่ได้ฝึกนานจนชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าสัญชาตญาณนี่มันยังอยู่ในตัวเธอไหม
คิ้วเรียวกดลงเป็นรอยขมวดเมื่อหยุดการเคลื่อนไหวเหนือเนินหิมะ
ข้างล่างคือปากถ้ำขนาดใหญ่ที่ไม่น่าจะมีสัตว์อะไรเข้าไปอาศัยได้
ที่นี่น่ะหรือ?
หญิงสาวหรุบตาลงนิ่ง
ทบทวนเหตุผลของการมาที่นี่อีกครั้ง
หลังจากที่มาเลคิธพ่นเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับเอลฟ์น้ำแข็งที่เหลืออยู่และกำลังหลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในแดนเหนือของอัลฟ์ไฮม์
เธอก็รู้สึกสะกิดใจขึ้นมา
ธยาสซี
บิดาผู้ล่วงลับมักจะอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนไหล่ขณะที่กำลังยืนอยู่บนระเบียงเหนือปราสาท
ให้เธอมองวิวทิวทัศน์ของอาณาจักรน้ำแข็งอันกว้างใหญ่
วันหนึ่งทั้งหมดนี่จะต้องเป็นของลูก
สคาดิ เขาบอกแบบนั้น
เจ้าต้องจำไว้เสมอ...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
อย่าทอดทิ้งประชาชน
ท่านพ่อ
ข้าขอโทษ
เธออยากพูดประโยคนั้นออกมา
ติดที่ว่าผู้ที่เธอตั้งใจจะให้ฟังนั้นไม่อยู่บนโลกคนเป็นอีกแล้ว
...เขาจะผิดหวังในตัวเธอไหมถ้ารู้ว่าเธอทอดทิ้งชาวเอลฟ์น้ำแข็งที่อยู่ในปกครองมาเป็นพันปี
ดวงตาสีฟ้าเทาเหม่อมองถ้ำนั้นอยู่นาน
จนกระทั่งความหนาวเย็นเริ่มกัดกินเข้าไปในขา
เอลฟ์น้ำแข็งทนหนาวก็จริง
แต่ใช่ว่าจะหนาวไม่เป็นนะ
เธอกัดปากจนเลือดซิบ
แล้วตัดสินใจกระโดดลงไปด้านล่างเนิน
อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดล่ะวะ...
ขาเรียวในรองเท้าบู๊ตสีเข้มพาเธอเข้าไปในนั้น
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองทัศนียภาพในถ้ำ
ในโถงกว้างที่ดูคะเนแล้วไม่น่าจะน้อยกว่าสิบกิโลเมตร
บ้านที่ก่อสร้างในแบบของเอลฟ์น้ำแข็งเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
มีถนนทำจากหินสีเทาแทรกอยู่อย่างเป็นระเบียบ
และที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงสุดโถงนั้นก็คือปราสาทขนาดใหญ่สีขาวสะอาดที่ดูสง่างามปราณีตราวกับงอกขึ้นมาจากผนังถ้ำที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง
...คล้ายกับผังเมืองของอาณาจักรเธอเมื่อพันปีก่อน
สคาดิหรี่ตาลง
ไม่ผิดแล้วล่ะ
เธอรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจทุกครั้งที่เหลือบขึ้นไปบนยอดปราสาทนั้น
คงเป็นความรู้สึกผิดล่ะมั้ง
ดวงตาสีฟ้าเทาก้มลงมองถนน
แล้วตัดสินใจก้าวย่ำลงไปบนนั้น
คำถามในหัวดูจะมากมายเหลือเกิน
ทุกคนจะจำเธอได้ไหม?
ประชาชนของเธอจะยังยอมรับเธออยู่ไหม?
ผู้จงรักภักดีกับราชวงศ์ทั้งหลายจะยังมีชีวิตอยู่ไหม?
ใครกันที่อยู่ในปราสาทนั้น
และนั่งบนบัลลังก์ของบิดาเธอ?
และอีกสารพัดที่คอยบั่นทอนความมั่นคงในจิตใจของเธอ
เทพีแห่งเหมันต์สูดหายใจสั่นๆแล้วเชิดหน้าขึ้น
เธอเดินไปเรื่อยๆ
ดวงตาจับจ้องที่ประตูปราสาทที่ทำจากซี่น้ำแข็ง
เอลฟ์บางตนที่กำลังทำกิจกรรมอยู่ด้านนอกเห็นเธอ
บางตนกระซิบกระซาบกันพลางมองเธอ บางตนมีสีหน้าตื่นตกใจ
ไม่นานนัก
ด้านหลังเธอก็มีขบวนติดตามห้อยท้ายมาห่างๆ
ดูท่าที่นี่คงจะไม่ค่อยมีแขก
พอคนแปลกหน้าโผล่มาก็เลยรุมดูกันแบบนี้
“นางดูคุ้นๆนะ...”
เสียงของเอลฟ์สาวตนหนึ่งด้านหลังแว่วมาเข้าหู
“เหมือนข้าเคยเห็นในรูปวาด”
“นางหน้าคล้ายๆกับ...ราชาธยาสซียังไงไม่รู้”
“จะบ้ารึไง”
ผู้เป็นเพื่อนที่อยู่ข้างๆแหว
“องค์หญิงน้อยหายสาบสูญไปเป็นพันปีแล้ว”
“แต่นางเหมือนจริงๆนะ”
เธออ้อมแอ้ม เสียงเบาหวิว
ไม่มีใครรู้เลยเหรอว่าเธอถูกโอดินรับตัวไป?
รู้ตัวอีกที
รองเท้าบู๊ตของเธอก็หยุดลงตรงหน้าประตูวังแล้ว
ทหารยามทำท่าจะห้าม
แต่เมื่อเธอโบกมือ
ประตูน้ำแข็งนั่นก็ค่อยๆขยับคลายออกราวกับต้นไม้จนมันเปิดเป็นช่องให้เธอเดินได้
“ประตูนั่น...”
เสียงฮือฮาดังขึ้นในหมู่เอลฟ์มุง
“พลังนางแข็งกล้าจริงๆ”
“ถ้าทหารข้างในไม่เปิดให้
งัดให้ตายมันก็ไม่เคยเปิด แต่นี่...นางตัวบางแค่นี้ โบกมือทีเดียวก็ถึงกับ...”
“นางต้องเป็นองค์หญิงน้อยแน่ๆ
พลังแบบนี้เอลฟ์น้ำแข็งธรรมดาไม่มีวันทำได้”
“องค์หญิงน้อย...”
แล้วในทันใดนั้น
เสียงเอลฟ์ตนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา
“องค์หญิงสคาดิกลับมาแล้ว!!”
แล้วฝูงชนก็เริ่มส่งเสียงอย่างพร้อมเพรียง
“องค์หญิงสคาดิ!
องค์หญิงสคาดิ!”
เอาล่ะสิ...
หญิงสาวอุตส่าห์ว่าจะมาแบบไม่เอิกเกริกแท้ๆ
ใบหน้างดงามหันกลับไปมองชาวอาณาจักรน้ำแข็งเป็นครั้งแรก
“ขอบใจพวกเจ้ามาก”
นั่นคือสิ่งเดียวที่เธอเค้นออกมาได้
“องค์หญิงจริงๆด้วย”
เสียงกระซิบกระซาบกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง
“องค์หญิงทรงพระเจริญ...”
เธอสูดหายใจลึก
แล้วหันหลังเดินเข้าไปในบริเวณปราสาท
แปลกๆยังไงก็ไม่รู้เวลามีคนส่งเสียงเชียร์ขนาดนี้
แต่ก็อย่างที่เคยว่าไว้...มันเป็นสิทธิของเธอที่จะถูกเรียกแบบนั้น
และมันก็เป็นสิทธิของเธอที่จะนั่งบนบัลลังก์เยือกแข็งเหมือนกัน
เมื่อถึงประตูชั้นใน
ทหารที่อยู่ตรงหน้าก็ยื่นหอกออกมากันเธอเอาไว้
“ข้าไม่ได้มาร้าย”
เจ้าของดวงตาสีฟ้าเทาว่าพลางแตะหอกเหล็กเล่มนั้น
ไล้นิ้วเบาๆให้นายเอลฟ์ตนนั้นใจหายเล่นๆ
“แค่จะมาเยี่ยมเจ้าของปราสาทสักหน่อย”
“ฝ่า...ฝ่าบาททรงประชุมกับขุนนางอยู่”
เขาตอบ ตาไม่มองเธอและลมหายใจติดขัด
น่าแกล้งจริงๆ
“หน้าน่ะให้มันนิ่งๆหน่อย”
เสียงเฉียบขึ้นมาเล็กน้อย เธอตบลงที่หอกนั้น
“แล้วก็ควบคุมจังหวะการหายใจด้วย
มันดูออก”
เขากะพริบตาปริบๆ
ดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด
สคาดิหัวเราะหึๆ
“เอางี้ละกันเจ้าหนู
เข้าไปบอกคนข้างในนั้นหน่อยว่ามีใครมาหา”
ทหารหนุ่มมีสีหน้าปั้นยาก
เขารีบหันกายในชุดเกราะแล้วเดินย่ำเข้าไปด้านในทันที
ไม่กี่วินาทีต่อมา
เขาก็กลับออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม
“เข้าไปได้”
“ขอบใจเจ้าหนู”
เธอใช้หลังมือตบเกราะบ่าหนาๆสองทีก่อนจะเดินเข้าไปในช่องประตูที่ยามทั้งสองผลักให้แง้มออก
อยากรู้จริงๆว่าหลังจากราชวงศ์ย่อยยับไปแล้ว
ใครกันที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์เยือกแข็ง
TALK WITH FM
ในที่สุด ’เด็จน้องเล็กก็ได้กลับบ้าน
เฮฮฮฮฮ
ใครกันนะที่เป็นกษัตริย์ของอาณาจักรน้ำแข็ง
ขอโทษจริงๆสำหรับความล่าช้านะคะ
เลยกำหนดมานานมากเพราะว่าใจจริงเริ่มรู้สึกเอ็นดูน้องมังกรโลกิกับพี่พรานธอร์เข้าให้แล้ว
ซีซั่นสามนี้จะอยู่ในช่วงอเวนเจอร์สภาคสองนะคะ
เจอกันตอนหน้าเน้ออออ
ด้วยรักและถุงกาว
เฟิงมี่ค่ะ>3<
ความคิดเห็น