ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #40 : Short Fic. || A Dragon's Affair (Thorki)→ ᴘᴀʀᴛ 5

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 63


    Title : A Dragons Affair

    Author : Fengmii

    Pairing : Thorki   

    Genre : Short Fiction (5/??)

    Notes : เทพนิยายมักจบลงด้วยเจ้าชายฆ่ามังกรแล้วแต่งงานกับเจ้าหญิง แต่ถ้า...มังกรที่ว่านี่ไม่ใช่สัตว์ร้ายบ้าคลั่งอย่างที่ทุกคนคิดล่ะ?

     

     


     

     

     

     

     

     



           มันเป็นสิ่งที่รู้กันดีในหมู่มังกรว่าโลกิแห่งป่าโยธันมีนิสัยแปลกแยก

     

           เขาไม่ชอบสุงสิงกับตัวอื่นๆนัก แถมยังไม่ได้เห็นทองแล้วใจเต้นตุ้บๆหรือชอบจัดการเหยื่อแบบเลือดสาดเหมือนกับตัวอื่นแต่อย่างใด

     

           แม้จะเกลียดความจริงที่ว่าการนอนบนกองสมบัติจะช่วยให้แผลสมานดีขึ้นก็เถอะ

     

           และอีกหนึ่งนิสัยอันโดดเด่นก็คือ เขาไม่ชอบให้มีใครมาปรนนิบัติพัดวี คอยหาโน่นนี่ให้เวลาไม่สบาย

     

     

           แต่ในวันนี้ โลกิแห่งป่าโยธันกลับไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงยอมนอนนิ่งๆให้มนุษย์ตัวจ้อยคนหนึ่งฉีกกระต่ายย่างป้อนเข้าปาก

     

           คงจะเป็นเพราะตาสีฟ้าที่ดูไปดูมาก็น่ารักดีนั่นล่ะมั้ง

     

           มังกรดำปรือตาอย่างเกียจคร้านขณะที่เคี้ยวเนื้อสุกชิ้นนั้น

     

           ปกติแล้วเขามักจะกินแบบสดๆ แต่แบบย่างก็หอมอร่อยดี

     

           ไม่นาน กระต่ายย่างตัวนั้นก็หมดเกลี้ยง

           ความจริง สัตว์ตัวเล็กแค่นี้ไม่สามารถเติมเต็มความหิวโหยของโลกิได้หรอก

     

           แต่พอเห็นกระต่ายที่เหลือเพียงน้อยนิดแล้ว แม้แต่เขาก็รู้ว่ามันทำให้ธอร์กับซิฟแค่พออิ่มเท่านั้น

     

           “เดี๋ยวข้าไปเอายามาให้” ชายหนุ่มผมทองลุกขึ้นจากขอนไม้แล้วเดินหายไป

     

           ฝ่ายซิฟเองก็ปลีกตัวไปเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ริมกองไฟเมื่อคืน

     

           คราวนี้ก็เหลือแค่เขากับสคาดิ

     

           มังกรขาวตัวนี้เป็นญาติห่างๆที่โตมาด้วยกันของเขาเองแหละ

     

           “แผลลึก เจ็บน่าดู...คงอีกนานกว่าจะสมานดี” หญิงสาวผมสองสี(ที่สีหนึ่งมากกว่าอีกสีอยู่เกือบสิบส่วน)เอนตัวมาข้างหน้า

           “ไปทำอีท่าไหนมาล่ะ?”

     

           ดู ดูมัน

           แทนที่จะไถ่ถามว่าอยู่นี่สบายดีมั้ย

     

           โลกิกรอกตา เลือกที่จะใช้โทรจิตที่สะดวกสบายกว่าการขีดเล็บลงพื้น

     

           มันหมาหมู่ข้า

     

           “โอ้” เธอเลิกคิ้ว

           “โลกิผู้เคยล้มฝูงอันธพาลมังกรได้ง่ายๆโดนหมาหมู่?”

     

           ข้าแก่แล้ว ไม่มีแรงสู้ไอ้พวกวัยรุ่นบ้าระห่ำพวกนั้น

     

           “เจ้าก็เคยเป็นวัยรุ่นบ้าระห่ำ” มือเรียวสีซีดยกขึ้นกอดอก

           “เดี๋ยวนี้รู้ตัวแล้วรึว่าแก่ ปีก่อนยังไปโวยวายแทบท้าต่อยกับบาลเดอร์ที่สภาอยู่เลย”

     

           ก็เจ้านั่นมันกวนตีน ข้าทนไม่ได้

     

           “ตายจริง ถ้ามันได้ยินน่าจะร้องไห้...บาลเดอร์เป็นห่วงเจ้าจะตายตั้งแต่เจ้าออกจากเกาะมาอยู่นี่”

     

           ไอ้ทานตะวันมันงี่เง่า

     

           หญิงสาวกระตุกยิ้มเมื่อจับความไม่จริงจังนักในน้ำเสียงจิกกัดของญาติชายได้

     

           ปรกติแล้ว เกาะมังกรซึ่งอยู่ในดินแดนทางเหนืออันไกลโพ้นจะทำหน้าที่เป็นสถานที่ฟักไข่,เลี้ยงดูลูกมังกร และจัดการประชุมสภามังกรประจำปี

           เมื่อลูกมังกรโตเป็นวัยรุ่นแล้ว ก็จะได้สิทธิในการออกไปสร้างรังของตนเองตามถ้ำและป่าต่างๆทั่วโลก(ส่วนใหญ่จะไปกระจุกกันอยู่ที่ทวีปมิดการ์ด) หรืออาจอยู่เกาะมังกรต่อก็ได้ในฐานะผู้ดูแลเกาะ

     

           และหนึ่งในกลุ่มมังกรรุ่นเดียวกับโลกิที่ตัดสินใจจะไม่ออกไปสร้างรังของตนเองที่ไหนก็คือบาลเดอร์ มังกรที่มีเกล็ดสีเฉดทองโทนนุ่มๆจนเพื่อนร่วมรุ่นถึงกับตั้งฉายาให้ว่าทานตะวันเนื่องจากความคล้ายคลึงกับสีกลีบดอกไม้ดังกล่าวจนหากลงไปนอนเล่นนิ่งๆในนั้นทั้งวันก็คงจะหาไม่เจอถ้าไม่ใช้ประสาทรับกลิ่นแบบมังกร

     

           “เดี๋ยวข้าจะออกไปหาอะไรมาให้กินเพิ่มแล้วกัน เผื่อเจ้าจะโมโหหิวแล้วเขมือบมนุษย์สองคนนั่นเข้าไป ข้ากำลังเริ่มถูกใจเจ้าหนุ่มผมทองนั่นแล้วเชียว”

     

           ข้าอิ่มแล้ว

     

           คิ้วสีเข้มเลิกขึ้น

           “เอาจริง?”

     

           มังกรดำปรายตามองเธอ

     

           ทันใดนั้น สคาดิก็มีสีหน้าคล้ายกับว่าคิดอะไรบางอย่างออก

     

           “เอ...” เธอหรี่ตา

           “สงสัยว่าอิ่มเพราะมีคนสำคัญป้อนให้”

     

           หุบปากไปเลย

     

           “แย่จริงน้า...” มังกรขาวเอียงคออย่างน่าหมั่นไส้ที่สุดที่โลกิเคยเห็นมา

           “ข้ากำลังเหงาพอดี ช่วงนี้ขาดหมอนข้างอุ่นๆที่อัลฟ์ไฮม์...ญาติที่แสนดีของข้าจะกรุณาให้ยืมมนุษย์คนที่ตัวล่ำๆกอดถนัดมือสักคนแถวนี้ได้ไหม?”

     

           เจ้าของดวงตาสีเขียวขู่ฟ่อ รู้สึกได้ถึงเปลวไฟที่กำลังก่อตัวในช่วงคอ เตรียมจะถูกพ่นออกมา

     

           รู้ทั้งรู้ว่ายังไงเจ้าน้องกวนตีนคนนี้มันก็หลบทัน แต่โลกิก็ยังปล่อยลูกไฟสีเขียวออกจากปากไปสองสามครั้งโดยที่กะไม่ให้โดนส่วนสำคัญของเธอ

     

           รอยยิ้มเย่อหยิ่งน่าตบกะโหลกของสคาดิยังคงประดับอยู่บนใบหน้า เธอทั้งกระโดด, ก้มและหมุนตัวตีลังกาขึ้นไปบนอากาศเพื่อหลบพวกมันก่อนจะร่อนลงพื้นด้วยท่วงท่าสง่างาม

     

           “รู้ใช่มั้ยว่ายังไงก็ไม่โดน” หญิงสาวกระดกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

     

           จะทำอะไรก็ไปทำ แต่ห้ามเอาธอร์กลับอัลฟ์ไฮม์ด้วยเป็นอันขาด

     

           “หืม?” ร่างเพรียวกอดอก

           “ไม่งั้นจะทำไม? บินไปเผารังข้างั้นรึ?”

     

           เจ้ามันน่ารำคาญ สคาดิ

     

           “เจ้ารู้มั้ย ญาติข้า” สคาดิทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากถ้ำไป

     

           “เจ้ากำลังทำตัวเหมือนหึงหวงมนุษย์นั่น”

           แล้วเธอก็ลับหายไปจากสายตา ทิ้งมันไว้กับอาการเห่อร้อนประหลาดบนใบหน้า

     

           โลกิสะบัดหัวไปมา ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในร่างมังกรจะยกมือขึ้นมาตบเรียกสติตนเองด้วย

     

           หึงบ้าหึงบออะไรเล่า?!!

     

     

     

     

     

     


     

           ธอร์คิดว่าเขารู้เหตุผลแล้วว่าทำไมช่วงนี้อากาศถึงเย็นผิดปกติ

     

           สคาดิไง

     

           มังกรขาวตัวนั้นปกครองเทือกเขาอัลฟ์ไฮม์อยู่ มันก็ไม่แปลกหรอกนะที่เธอจะพาลมหนาวจากทิศเหนือมาด้วย

     

           เขากำลังจะตากผ้าบางส่วนในตอนที่ญาติสาวของมังกรดำในถ้ำโผล่ออกมาจากพุ่มไม้

     

           ดวงตาสีฟ้าเต็มไปด้วยความมึนงงขณะมองเธอขึ้นๆลงๆ

     

           “อ้าว ไง” ซิฟหอบผ้าที่ตากจนแห้งเดินมาหา ก่อนจะเบิกตากว้าง

     

           “คุณพระช่วย นั่นเลือดนี่”

     

           สคาดิก้มลงมองเนื้อตัวที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบคาวๆสีแดงสดที่อยู่เต็มไปหมดไม่เว้นบางส่วรของใบหน้าและเส้นผมก่อนจะเลิกคิ้ว

           “โอ้ ใช่...ไม่นึกว่าจะเลอะเทอะขนาดนี้จนเจ้าทัก”

     

           หญิงสาวผมสองสีชี้นิ้วโป้งไปด้านหลัง

     

           “แล้วก็ มีกวางสองสามตัวอยู่ข้างหลัง...ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ากินเครื่องในกันรึเปล่าเลยควักออกมากองไว้ก่อน”

     

           ชายหนุ่มผมทองอ้าปากค้าง

     

           “เจ้าทำกวางเป็น...ใช่ไหม?” เธอกอดอก สีหน้าเคร่งขรึมลง

     

           “ก็ไม่เชิง” เขาตอบเสียงค่อย

           “ข้าเคยลองทำกวางบ้าง แต่ช่วงหลังๆนี้ไม่ค่อยได้เข้าป่า เลยไม่ได้แตะมีดทำครัวเลย”

     

           “เอาเถอะ” สคาดิถอนหายใจ

     

           “ขอแค่กินได้เป็นพอ ไม่ต้องอร่อยเลิศเลอหรอก”

     

           “เดี๋ยวข้าคอยดูให้แล้วกัน” ซิฟบอก

           “เจ้าไปอาบน้ำทำความสะอาดเถอะ สภาพแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ”

     

           “อ่า รู้แล้วน่า” มังกรขาวหรี่ตามอง

     

           “อย่าให้เขาทำกวางไหม้แล้วกัน ข้าเสียดาย”

     

           ระหว่างที่เธอไปชำระล้างร่างกายที่ลำธาร สองสหายก็เดินลัดไปด้านหลังเพื่อจัดการกับกวาง

     

           “ว้าว” เจ้าหญิงแห่งวานาไฮม์อุทานเมื่อเห็นสภาพของสัตว์ขนาดใหญ่สองตัวที่นอนทับกัน มีกองอะไรบางอย่างสีแดงๆวางอยู่บนใบไม้ใบใหญ่ข้างๆพวกมัน

           “นางจัดการควักไส้ควักพุงได้เกลี้ยงมาก”

     

           “เรื่องนี้ข้าเห็นด้วย” ร่างสูงเดินไปหากวางที่นอนอยู่บนพื้นอย่างไร้วิญญาณแล้วมองดูรอยแผลที่เกิดจากการกรีดด้วยกรงเล็บอันแหลมคมของมังกรจนเรียบกริบเป็นแนวยาวตลอดท้อง

           “ฝีมือดีจริงๆ”

     

           “เจ้าจัดการหนังไป” ซิฟถลกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางเตรียมพร้อมเต็มที่

           “ข้าจะไปหาฟืน”

     

           “ตามใจเจ้าเลย เจ้าหญิง”

     

           เธอกระดกคิ้วใส่เขา ก่อนจะหายลับเข้าไปในพงป่าที่อยู่ลึกเข้าไป

     

           ไม่นาน หญิงสาวตาสีเข้มก็กลับมาพร้อมกับกิ่บไม้แห้งกองใหญ่และสมุนไพรจำนวนหนึ่ง

     

           “ไหวมั้ยนั่น?” เธอหรี่ตาถามเมื่อเห็นเขาดูลำบากกับการตัดหนังที่หนาและเต็มไปด้วยขนสีน้ำตาลของกวาง

     

           “ไหว” ธอร์เค้นเสียงลอดไรฟันตอบ มือข้างหนึ่งกระชับมีดจนเจ็บข้อนิ้วขณะลงมือเถือหนังกวางอีกครั้ง

     

           “ข้าเชื่อเจ้านะ” สหายสาวว่าเดินเข้าไปในถ้ำ

           “ข้าไปเตรียมกองไฟกับสมุนไพรไว้หมักเนื้อก่อน เสร็จเมื่อไหร่ก็ตามมาล่ะ”

     

           “เข้าใจแล้ว”

     

           ในที่สุด เขาก็สามารถเลาะเนื้อซี่โครงและสันในของกวางทั้งสองตัวออกมาจนได้

     

           แม้ว่าจะไม่ค่อยหิว แต่ธอร์ก็รู้ว่าเนื้อห้าหกชิ้นนี้ไม่พออิ่มสำหรับมังกรดำที่นอนรักษาตัวอยู่ในถ้ำแน่...และอาจรวมถึงสคาดิด้วย ถ้าเธอยังไม่ได้กินอะไร

     

           เขาเลียริมฝีปากครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดเนื้อส่วนขาและส่วนอื่นๆออกมาจนหมด

     

           หลังจากนำไปให้ซิฟหมักด้วยสมุนไพรสามสี่อย่างผสมน้ำผึ้งแล้วห่อด้วยใบไม้ เขาก็ต้องทำหน้าที่ช่วยหญิงสาวที่แสนบอบบางอ่อนแอ(อย่างที่ซิฟเรียกตนเอง...ซึ่งชื่อนี้เขาไม่เห็นด้วยอย่างแรง คนบอบบางอ่อนแอที่ไหนจะเคยปีนกำแพงวังหนีไปเที่ยวงานเทศกาลของชาวบ้านตอนกลางคืนกันวะ?)หมกห่อเนื้อกวางเหล่านั้นลงไปในกองขี้เถ้าอุ่นร้อน แล้วปล่อยให้พวกมันค่อยๆสุกและชุ่มฉ่ำ

     

           ระหว่างที่รอหลายชั่วโมงนี้ เขาก็จัดการป้อนยาให้กับโลกิ

     

           “อีกอึกเดียวน่า” ธอร์โน้มน้าวสุดชีวิต มือยื่นถ้วยยาที่มีของเหลวสีเข้มเหลือเพียงเล็กน้อยให้กับเจ้าของดวงตาสีเขียวมรกต

     

           มันหรี่ตา ขมวดคิ้ว แล้วเบะปากลงพลางหันหน้าหนี

     

           เดจาวูยังไงไม่รู้เนอะ

     

           “เอาน่า” ชายหนุ่มถอนหายใจยาว

           “เดี๋ยวข้าแกะซี่โครงกวางให้กิน”

     

           โลกิสามารถกินซี่โครงได้โดยไม่ต้องแกะกระดูกออก หรือแม้แต่หั่นเป็นชิ้นด้วยซ้ำ แต่อะไรบางอย่างในตัวเขากำลังบอกว่านี่เป็นข้อตกลงที่น่าสนใจ

     

           มังกรดำจึงกลืนยาจนหมด

     

           หูได้ยินเสียงเหอะขึ้นจมูกเบาๆ ดวงตาเรียวยาวสีเขียวหันขวับและพบกับสีหน้าน่าจับกระทืบของญาติห่างๆ

     

           เหอะทำบ้าอะไร สคาดิ?

     

           เปล่า... เธอตอบกลับทางโทรจิตพลางทำสีหน้ากวนโอ๊ยกว่าเดิม

           แค่รู้สึกว่าเจ้าตอแหลดี

     

           มัน...มันกล้า?

     

           กล้าด่าเขาว่าตอแหลเชียวรึ?

     

           ปากเสีย

     

           มังกรขาวยิ้มร้ายกาจ และมันดูร้ายกาจขึ้นเป็นสิบเท่าในสายตาของโลกิ

     

           ได้มาจากใครล่ะ?

     

           ทันใดนั้น หญิงสาวผมสองสีก็ปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว ทำเอาใจโลกิกระตุกวูบ สัมผัสพิเศษบางอย่างบอกว่ามันต้องมีอะไรบางอ่างเกิดขึ้นเป็นแน่...และอะไรบางอย่างที่ว่าเนี่ยไม่น่าจะใช่เรื่องดี

     

           แล้วมันก็ถูก

     

           “ธอร์” สคาดิเรียก

           “เนื้อส่วนของเจ้าอร่อยมั้ย?”

     

           คู่สนทนาเลิกคิ้ว

     

           “ก็...อร่อยดี”

     

           “ขอลองสักนิดนึงสิ” เธอว่า

     

           “ของข้าเหมือนจะจืดไปนิด”

     

           “อาๆ ได้สิ” มือใหญ่ของเขาฉีกเนื้อสีน้ำตาลยื่นให้

     

           และเธอก็หยิบมันมาใส่ปากพลางมองญาติชาย มุมปากปรากฎรอยยิ้มที่ทำให้ดูหยิ่งมากขึ้นอีกเท่าตัว

           “อื้ม ของเจ้าอร่อยจริงๆ”

     

           “ข้าว่าซิฟหมักเนื้อเท่ากันนะ” คนผมทองขมวดคิ้วอย่างสงสัย

     

           เมื่อได้ยินดังนั้น มือเรียวสีซีดจึงยื่นเนื้อส่วนของตนให้บ้าง

     

           “เจ้าลองดูสิ”

     

           หลังจากธอร์ลองชิมเนื้อชิ้นนั้น เขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง

     

           “ก็อร่อยเหมือนของข้านี่”

     

           “สงสัยลิ้นข้าจะเพี้ยนล่ะมั้ง” สคาดิสรุป

           “กินต่อเถอะ”

     

           เนื้อกวางของเจ้าหนุ่มนี่อร่อยจริงนะ โลกิ ดวงตาสีฟ้าเทาเบนมาทางร่างใหญ่โตสีดำ

           อยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าของเนื้อจะอร่อยเหมือนกันรึเปล่า

     

           หุบปากซะ สคาดิ เขาขู่ในลำคอ เบาพอที่จะไม่ให้มนุษย์ได้ยิน แต่อยู่ในความถี่ที่มังกรสามารถรับเข้าไปในโสตประสาทได้

     

           เจ้าชอบเขาเข้าแล้วจริงๆ แทนที่จะกลัว สคาดิกลับหัวเราในลำคอ

           เจ้าไม่เคยหวงใครแบบนี้ แม้แต่ข้าหรือบาลเดอร์

     

           พูดเพ้อเจ้อ มังกรดำหลบตา

           ข้าไม่มีทางตกหลุมรักมนุษย์

     

           เจ้าของผมสองสีเลิกคิ้ว ส่งเสียงรับรู้เบาๆแล้วยิ้มในแบบที่โลกิคิดว่าน่าอกสั่นขวัญแขวนที่สุด

     

           ข้าจะคอยดูแล้วกัน ญาติข้า ดวงตาคู่นั้นวาววาบ ส่งประกายเย็นเยียบบางอย่างลงไปในสันหลังของคู่สนทนา

     

           ข้าจะคอยดู

     

     

     

     

     TALK WITH FM

    กลับมาแล้วทุกโค้นนนนนนนนนน

    ปิดเทอมอย่างเป็นทางการแล้ววววววววว

    ถ้ารร.ไม่ประกาศชื่อเราว่าติด ร ก็น่าจะจบ ม.3 ได้อย่างสบายใจไม่มีอุปสรรค//กระซิบเสียงเบามาก

    เราคงต้องเบรค A Dragon’s Affair ไปพักนึง เนื่องจากมันได้ฤกษ์ลง BT แล้ว(เลยไปนานแล้วด้วย 555//ขำค้าง)

    สคาดิในพาร์ทนี้คือตัวชง+นางร้ายเบาๆค่ะ แต่นางหวังดีกับนุ้งกินะ ยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลย

    ถ้ามีแรงพอ และถ้าไหว เราคิดว่าจะทำภาคแยกของสคาดินี่แหละค่ะ ความหยิ่งของน้องนางจะได้โดนลดไปบ้างซะที

    เจอกันตอนหน้าเน้อ

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×