ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #36 : Short Fic. || A Dragon's Affair (Thorki)→ ᴘᴀʀᴛ 3

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 62


    Title : A Dragons Affair

    Author : Fengmii

    Pairing : Thorki

    Genre : Short Fiction (3/??)

    Notes : เทพนิยายมักจบลงด้วยเจ้าชายฆ่ามังกรแล้วแต่งงานกับเจ้าหญิง แต่ถ้า...มังกรที่ว่านี่ไม่ใช่สัตว์ร้ายบ้าคลั่งอย่างที่ทุกคนคิดล่ะ?

     

     

     

     

     

     




     

     

           เป็นวันที่ห้านับตั้งแต่วันแรกที่เขาเจอตัวซิฟ...และได้รู้จักกับโลกิ

     

           ลำบากนิดหน่อย แต่ด้วยทักษะนายพรานอันยอดเยี่ยมของเขา(ซึ่งอันนี้ไม่ได้พูดเล่นๆนะ เขาเก่งจริง) ธอร์ก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว

     

           ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับเจ้ามังกรดำนั้น...

     

           “โลกิ กินยา”

     

           มันส่ายหน้า ทำปากยื่นเล็กน้อยอย่างดื้อด้าน

     

           “ไม่เอาน่า เจ้ากำลังทำตัวเหมือนเด็กห้าขวบ”

     

           ดวงตาสีเขียวมรกตตวัดมาเล็กน้อย ก่อนจะพ่นลมหายใจผ่านรูจมูกแล้วเลื่อนสายตากลับไป

     

           เจ้าชายหนุ่มกรอกตา

     

           “กิน”

     

           โลกิส่ายหน้าแรงกว่าเดิม

     

           “เจ้าเป็นมังกรประสาอะไร กินยาแค่นี้ก็ยังไม่กล้า”

     

           ปากของมันขยับไปมา ดวงตากรอกไปรอบๆเป็นวงกลมราวกับกำลังล้อเลียนคำพูดของเขา

     

           นี่มันยากยิ่งกว่ากล่อมให้เด็กสามขวบยอมกินยาซะอีก

     

           “เอางี้” ธอร์เม้มปาก

           “ถ้าเจ้ากินให้หมด ข้าจะออกไปเอาน้ำผึ้งมาให้เจ้า”

     

           มังกรดำขมวดคิ้วราวกับจะบอกว่าข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก

     

           “เรื่องจริง” เขาย้ำ

     

           “มีรวงหนึ่งอยู่ตรงต้นไม้หน้าถ้ำ ซิฟไม่กล้าตัดเข้ามาเพราะกลัวผึ้งจะรุมต่อยเรากันตัวบวมหมด”

     

           เท่านั้นแหละ ดวงตาสีเขียวก็สว่างวาบ มันรีบยื่นหน้าเข้ามาจุ่มปากลงในถ้วยยาอุ่นๆแล้วกระดกของเหลวพวกนั้นลงคอไปจนหมด

     

           “แหม...” เขาพึมพำ

           “ทีอย่างนี้ล่ะรีบเชียวนะ”

     

           มันเลิกคิ้ว แล้วเอียงคออย่างน่าหมั่นไส้

     

           ไอ้นี่กำลังทวงสัญญา

     

           ร่างสูงคำรามในลำคอด้วยความหงุดหงิด แล้วลุกขึ้นจากก้อนหินที่กำลังนั่งอยู่

     

           “เออๆ ใจเย็น ข้าพูดคำไหนคำนั้น”

     

           ธอร์เดินออกจากโถงหินที่มังกรนอนพักอยู่ แล้วหยุดลงตรงโถงใหญ่ซึ่งเขาเข้ามาเจอเป็นที่แรกตอนที่เข้ามาในนี้

     

           ซิฟกำลังนั่งขัดดาบอยู่ข้างๆกองไฟ ตรงที่ๆเธอเอนกายนอนมาตลอดหลายคืน ดวงตาสีน้ำตาลตวัดขึ้นมามองเขา

     

           “เขาเป็นไงบ้าง?”

     

           “โลกิน่ะนะ?” ชายหนุ่มชูถ้วยยาว่างเปล่าให้เธอเห็น

           “กินยาเสร็จแล้ว ข้าต้องออกไปเอาน้ำผึ้งให้เขา”

     

           เธอพยักหน้า

           “งั้นก็โชคดีกับการตัดรวงผึ้งนะ”

     

           “อืม” เขาเดินไปหาเธอ ดึงท่อนไม้ติดไฟออกมาจากกองไฟนั้นแล้วพามันออกจากถ้ำ

     

           รังผึ้งขนาดใหญ่สีเหลืองน้ำตาลอยู่บนคาคบไม้เหนือหัวของธอร์ไปสี่ห้าเมตร ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงเล็กน้อยเพื่อกะระยะก่อนจะเดินออกไปและเก็บกิ่งไม้และใบไม้แห้งมากองสุมรวมกัน จุดไฟด้วยไม้ที่เขาถือออกมาจากถ้ำแล้วเป่าออกให้มันเกิดควัน

     

           ธอร์เช็กจนแน่ใจว่าลมพัดพาควันพวกนั้นขึ้นไปที่รวงผึ้ง เขานั่งรออยู่ครู่หนึ่งจนคาดว่าผึ้งทั้งหลายคงจะได้รับควันเข้าไปจนเมาเรียบร้อย แล้วจึงปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ชายหนุ่มปาดเอาผึ้งที่เกาะอยู่บนนั้นรังผึ้งออก จากนั้นจึงควักมีดพกขึ้นมาตัดเอารวงวัตถุที่มีรูเป็นรูปหกเหลี่ยมเล็กๆต่อกันออกมาชิ้นหนึ่ง

     

           ทว่า ทันใดนั้นเอง

     

           รองเท้าบู๊ตของเขาที่กำลังเหยียบอยู่บนกิ่งไม้อย่างลวกๆก็เกิดลื่นไถล ส่งผลให้ร่างของเขาร่วงลงมาจากต้นไม้สูงโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว

     

           เจ้าชายผมทองหลุดเสียงร้องออกมา ก่อนจะตกกระทบกับพื้นดังอั้ก

     

           ให้ตายเหอะ

     

           เขารีบยันตัวขึ้นจากพื้น ปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าและมือที่เป็นรอยถลอกจนแสบซี้ด ก่อนจะถือรวงผึ้งชิ้นนั้นกลับเข้าไปในถ้ำ

     

           “คุณพระช่วย” ซิฟอุทานเมื่อเห็นสภาพเขา

           “ข้าคงจะโง่เกินไปจริงๆที่คิดว่าเจ้าฉลาดพอที่จะเก็บรวงผึ้งเองคนเดียวได้”

     

           “หุบปาก ซิฟ” เขาคำรามกลับในลำคอ

     

           “เกิดอะไรขึ้นกับเสื้อผ้าเจ้า?” เธอไม่สนใจเสียงรำคาญของเขาและถามต่อ

     

           ธอร์เม้มปาก ท่าทางชั่งใจว่าจะบอกดีหรือไม่

     

           “บอกมาเหอะน่า”

     

           เขากรอกตาอย่างเหลืออด ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

     

           “...ข้าลื่น”

     

           ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง

     

           “ข้าไม่ได้หูฝาดใช่ไหม? ธอร์ เจ้าแห่งการปีนต้นไม้ของเราตกจากที่สูงเนี่ยนะ?”

     

           เขาดูไม่สบายตัวมากขึ้นกว่าเดิม

           “เออ”

     

           “แล้วตรงนั้นน่ะแผลถลอกใช่ไหมนั่น?” เธอชะเง้อคอ มองดูแผลถลอกตรงฝ่ามือของเขา

     

           “ตาเจ้าไม่ได้บอด เจ้าเองก็น่าจะเห็นไม่ใช่รึไง? จะมาถามข้าให้มันได้อะไรขึ้นมา?” คนผมทองสวน

     

           “โอ๊ะโอ๋” เธอกระดกคิ้ว

           “เหมือนใครบางคนแถวนี้จะอารมณ์เสีย”

     

           “เดี๋ยวข้าทำแผลเอง เจ้าไม่ต้องยุ่ง” เขาตัดสินใจเดินหนีสหายแล้วเข้าไปในโถงหินเล็ก โดยที่ไม่ลืมหยิบถ้วยไม้มาใส่รวงผึ้งด้วย

     

           “โลกิ” เขาเรียกเบาๆ

     

           มังกรดำที่กำลังขดตัวนอนเพลินๆอยู่บนกองทอง(แบบที่ไม่ใช่คำเปรียบเปรย)สะดุ้งแล้วเบนสายตามาหาเขา มันเอียงคอเล็กน้อย

     

           “เอ้า” ธอร์ทรุดตัวลงนั่งข้างๆมัน มือใหญ่ใช้มีดพกตัดรวงผึ้งออกมาชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้มัน

     

           ดวงตาสีเขียวมรกตเบิกกว้าง มันไม่รอช้ารีบพุ่งเข้างับชิ้นรังสีเหลืองทองแล้วเคี้ยวกร้วมๆ โลกิหรี่ตาลงพลางครางในลำคออย่างเป็นสุขเมื่อกลืนมันลงคอ

     

           “เจ้านี่มันตะกละจริงๆ”

     

           มังกรตวัดสายตาขุ่นเขียวมองเขา

     

           “ก็ได้ๆๆ” เขายกมือขึ้นทั้งสองข้างเป็นเชิงยอมแพ้

           “ข้าถอนคำพูดๆ”

     

           มันโคลงหัวคล้ายจะบอกว่าเจ้าเองก็ใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า

     

           เจ้าชายแห่งแอสการ์ดถอนหายใจยาวพลางผ่อนคลายกล้ามเนื้อทั่วร่างลง เขาเฉือนรังผึ้งรสหวานบาดคอขึ้นมากินขณะที่อิงกายลงกับสีข้างของมัน

     

           ความเงียบโรยตัวลงระหว่างพวกเขาทั้งสอง

     

           ผ่านไปครู่ใหญ่ โลกิจึงค่อยๆขยับขนออกมา กรีดเล็บลงบนพื้นดินแล้วขีดเขียนตัวอักษรประกอบกันเป็นประโยคหนึ่ง

     

           ขอบคุณ

     

           ร่างสูงเอียงคอมองคำนั้น ก่อนจะเลิกคิ้ว

           “เรื่องอะไร?”

     

           มันกรอกตาเล็กน้อยราวกับเหนื่อยหน่ายกับเขาเต็มที

     

           ทำแผล ยา น้ำผึ้ง

     

           “อ๋อ” เขาทำปากเป็นรูปตัวโอ

     

           “เหลวไหลน่า ข้าทำตามหน้าที่”

     

           มันพ่นลมหายใจผ่านรูจมูกจนเกิดเสียงทีหนึ่งเป็นทำนองไม่เชื่อ

     

           ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองหัวใหญ่โตประดับด้วยหนามและพบว่ามุมปากของมันยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ

     

           และธอร์ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม

     

     

     

     









     

     

           โลกิมองมนุษย์ผมทองที่กำลังนั่งหลับพิงสีข้างของเขาเงียบๆด้วยดวงตาสีเขียวคู่นั้น

     

           นานมากแล้ว...นานมากแล้วจริงๆนับตั้งแต่วันที่เขาได้เจอกับมนุษย์ครั้งแรก

     

           และมันเป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

     

           เขายังจำความเจ็บปวดของบาดแผลจากธนูไฟและหอกตรงสีข้างได้อย่างชัดเจน รวมถึงความเจ็บปวดในการฟื้นตัวด้วย

     

           มังกรดำก้มหัวลงเล็กน้อยเมื่อนึกถึงร่างคนของเขา...ที่เขาจะยังไม่สามารถกลับไปสู่มันได้จนกว่าพลังของเขาจะฟื้นกลับมาจนเกือบหมด

     

           อา...อยู่แต่ในร่างมังกรใหญ่ๆเทอะทะแบบนี้ลำบากชะมัด

     

           แต่จะว่าไป เพื่อนของซิฟคนนี้ก็ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว

     

           เขาจำดวงตาสีฟ้าที่เต็มไปด้วยความกลัวและหวาดระแวงในวันที่เจอกับธอร์ครั้งแรกได้

           แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกเหล่านั้นก็ค่อยๆเหือดหายจนแทบไม่เหลืออยู่ในตาของเขาแล้ว

     

           นับว่ามีจิตใจที่กล้าหาญมาก

           น้อยคนนักที่จะได้พบกับมังกรตัวเป็นๆ น้อยลงไปอีกที่จะรอดชีวิตจากกรงเล็บของพวกเขา และแทบจะไม่มีใครเลยที่มีโอกาสได้ดูแลหรือใกล้ชิดกับมังกร

     

           “ยังไม่นอนรึไง?” เสียงของซิฟดังขึ้น

     

           ร่างบางในชุดทะมัดทะแมงเดินเข้ามาในโถงพร้อมกับผ้าจำนวนหนึ่ง เธอปูมันลงกับพื้นแล้วนั่งขัดสมาธิลงบนนั้น

     

           โลกิกะพริบตา

     

           “เอ้า รออะไรอีกล่ะ? จุดไฟสิ ข้าไม่อยากหนาวตายในนี้นะ”

     

           มือเรียวหยิบท่อนไม้ออกมากองหนึ่งจากอีกมุมหนึ่งของโถง ยักคิ้วให้เขาสองที

     

           มังกรดำเหลือกตาเล็กน้อย ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆแล้วพ่นลมหายใจที่ร้อนเป็นไฟออกมารดฟืนเหล่านั้น มันลุกพรึ่บในชั่วอึดใจต่อมา แผ่รังสีความอบอุ่นไปรอบๆ

     

           “เป็นไง เพื่อนข้าคนนี้?”

     

           มันเลิกคิ้ว

     

           ซิฟเอียงคอ สะบัดผ้าห่มในมือ

           “ธอร์ไง เขาเป็นไงบ้าง?”

     

           เขาขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขีดเล็บลงบนพื้น

     

           ก็ดี

     

           ดีคือยังไง?” เธอถามต่อ

           “ดีแบบดีเยี่ยม หรือดีแบบกลางๆ”

     

           จะเอาอะไร ซิฟ

     

           “ก็ไม่ได้จะเอาอะไรนี่” หญิงสาวหัวเราะคิก

     

           “แค่ถามเฉยๆ”

     

           ดวงตาสีเขียวมีประกายหงุดหงิดวาบผ่าน

     

           ไม่นอนรึไง ไปนอนไป

     

           “หึ” ซิฟกระตุกยิ้ม แล้วเอนร่างลงบนผ้าปู ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะหลับลง

     

           “เจ้ารู้มั้ย เพื่อเจ้า เขาปีนขึ้นไปตัดรังผึ้งบนต้นไม้ข้างหน้าจนพลัดตกลงมาเชียวนะ ไม่รู้ว่าจะได้ทำแผลถลอกตรงนู่นนิดนี่หน่อยรึยัง”

     

           ดวงตาสีเขียวมรกตนิ่งๆของเขาชะงักไป ก่อนจะอ่อนลงหลายส่วน แต่ก็ไม่ได้ขีดเขียนอะไรลงบนพื้นอีก

     

           “ฝันดีโลกิ” เจ้าหญิงแห่งวานาไฮม์พึมพำ ก่อนที่ลมหายใจจะสม่ำเสมอขึ้นและสงบลง

     

           เธอหลับไปแล้ว

     

           โลกิมองร่างเพรียว แล้วจึงละมามองร่างสูงที่กำลังพิงตัวเขาอยู่ครู่หนึ่ง

     

           ...เขาเองก็ควรจะนอนเหมือนกัน

     

           มังกรดำวางหัวลงบนพื้น ขดตัวเข้าหากันเล็กน้อยโดยให้แน่ใจว่าไม่ได้กำลังบดซี่โครงของธอร์อยู่ แล้วหลับตาลง

     

     

     

     

     



     

     

     

     

     

    TALK WITH FM

    เห่นโหลวววววว คิดถึงไรท์มั้ยคะรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคนนน

    อีกเดี๋ยวตัวละครที่เหลือในจักรวาล mcu จะค่อยๆโผล่ออกมามีบทบาทมากขึ้นนะคะ

    ส่วนน้องโลกินั้น...

    ฟิคนี้นางจะห่ามๆทื่อๆหน่อยนะคะ ไม่ค่อยมีความเจ้าเล่ห์แบบกิมาร์เวลเท่าไหร่ ส่วนอิพิท้อก็จะซึนๆ

    และแน่นอนว่าตำแหน่งนักชงมือวางอันดับหนึ่งของเราในอีพีนี้คือ...

    ซิฟนั่นเองค่าาาาา

    นางชงได้เนียนจริงๆ เนียนกว่าสมูทตี้อีก 5555 นับถือเลย

    ในอีกไม่นานนี้ ไรท์จะสอบปลายภาคแล้วนะจ๊ะ คงจะต้องหายต๋อมอีกรอบ

    เจอกันตอนหน้าเน้อ

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<


    ? cactus
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×