คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : Short Fic. || H O M E (Odinson Family feat. Thorki)→ ᴘᴀʀᴛ 3
Title
: H O M E
Auther
: Fengmii
Pairing
: None (Odinson Family)...with
a little bit of (Thorki)??
Genre
: Short Fiction (3/?)
Note : After Asguard was burnt and Thanos snapped his fingers…
H O M E
o d i n s o
n . f a m i l y
[iii]
now tell
me how did
all my
dreams
turned to nightmares?
how
did i
lose it when i
was
r i
g h t
t h e
r e ?
ผ้าห่มถูกร่นลงไปกองที่เอวสอบเพรียวเมื่อร่างบางสะดุ้งตื่นและทะลึ่งตัวขึ้นมาจากเตียง
ดวงตาสีเขียวสั่นไหวอย่างรุนแรง
คลอไปด้วยม่านน้ำตาบางๆ
เหงื่อกาฬไหลหยดลงมาจากหน้าผาก
เคลื่อนตัวไปตามวงหน้าเนียน และหยดลงบนขาเรียวใต้กางเกงบ็อกเซอร์
แผ่นอกเปลือยเปล่ามีมัดกล้ามประดับจางๆและแผ่นหลังบางเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
หอบหายใจอย่างรุนแรงราวกับไปวิ่งมาเป็นกิโลฯ
มือบางซีดที่ยังคงสั่นอยู่ค่อยๆยกขึ้นและเสยผมสีดำสนิทที่ปรกอยู่เหนือดวงตาออกพลางลูบใบหน้าของตนเองแรงๆ
...ฝันร้ายอีกแล้ว...
เขาเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลข้างหัวเตียง
ตัวเลขสีแดงที่ขึ้นบนหน้าจอบอกเวลาตีห้า
ฟันขาวขบลงบนริมฝีปากบางเบาๆขณะที่เขาตวัดขาลงจากเตียง
มือบางเอื้อมไปเปิดประตูห้องน้ำ
แล้วสองเท้าก็พาร่างเข้าไปในนั้น
ดวงตาสีมรกตหรี่ลงน้อยๆเมื่อพบว่าขาของตนสั่นจนต้องยันวงกบประตูไว้เพื่อไม่ให้ล้มหน้าคว่ำ
เขาถอดบ็อกเซอร์ออกเหวี่ยงไปไว้บนอ่างล้างหน้า
ก้าวลงไปในส่วนของห้องอาบน้ำ ปิดประตูกระจกที่กั้นส่วนนั้น และเปิดน้ำจากฝักบัว
เปลือกตาบางหลับลง
ปล่อยให้ของเหลวใสๆที่มีอุณหภูมิค่อนข้างเย็นเหล่านั้นไหลอาบไปตามใบหน้าและร่างกาย
ภาพในฝันย้อนกลับขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
น่าแปลกที่มันแจ่มชัดยิ่งกว่าฝันครั้งอื่นๆ
ชายหนุ่มผมสีบลอนด์น้ำตาลที่มีวัตถุสีดำปิดตาข้างหนึ่งไว้มองมาที่เขาและตะโกนอย่างสิ้นหวังในขณะที่มือของเขายื่นก้อนอะไรบางอย่างสีฟ้าใสให้กับชายร่างใหญ่โตผิวสีม่วงเข้มอีกคนหนึ่ง
ซากศพของชายและหญิงที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงามกองอยู่โดยรอบ
เหตุการณ์ที่เขาจำได้แม่น
แต่เลือกที่จะฝังมันลงไปกับกาลเวลา
นี่ก็ล่วงเข้าครึ่งเดือนแล้ว
ไวเสียจริง
ป่านนี้พวกเขาจะเป็นยังไงกันบ้างนะ?
ดวงตาสีเขียวลืมขึ้นอีกครั้ง
เขาสูดหายใจลึกๆและอาบน้ำต่อจนเสร็จ
ภาพบนกระจกที่ขึ้นฝ้าเล็กน้อยเพราะอุณหภูมิคือชายหนุ่มดวงตาสีเขียวเจิดจ้า
เครื่องหน้าหวานและจมูกที่โด่งกำลังพอดีทำให้หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้หญิง
ประตูห้องน้ำเปิดขึ้นอีกครั้ง
ร่างบางที่เปลือยเปล่าแทบไม่มีอะไรปกปิดนอกจากบ็อกเซอร์ที่ถูกขยุ้มลวกๆและแปะบังไว้ตรงของสงวน
หยดน้ำพร่างพรายไปทั่วผิวสีขาวซีดราวกระเบื้อง
บางส่วนหยดติ๋งๆลงมาจากเส้นผมสีปีกกานั้น
เขาหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดร่างกายและแต่งตัว
ในไม่กี่นาทีต่อมา ร่างบางในเสื้อผ้าสีดำทั้งชุดยกเว้นเน็กไทสีเขียวคล้ายสีตาก็เดินเข้ามานั่งในร้านกาแฟ
พนักงานสาวในผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลตรงมารับออร์เดอร์เขาพลางยิ้มอย่างรู้ใจ
“เหมือนเดิม...คาปูชิโน่ร้อนหนึ่งที่
อิงลิชบิสกิตหนึ่งชุดใช่มั้ยคะ?”
เขายิ้มตอบอย่างสุภาพ
“ครับ”
“วันนี้อยากจะรับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ
มิสเตอร์โลกิ?”
มุมปากบางกระตุกเป็นรอยยิ้มบางๆ
“เอแคลร์เลมอนเคิร์ดเมอแรงก์อีกชิ้นก็ดีครับ
ขอบคุณมาก”
เธอยิ้มกว้างและจรดปากกาลงขีดเขียนในกระดาษโน้ตอีกไม่กี่วินาทีก่อนจะหมุนตัวและหายกลับไปหลังเคาน์เตอร์ที่เต็มไปด้วยพนักงาน
โลกิเอนตัวลงกับพนักเก้าอี้และไขว่ห้าง
มือบางหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากางเปิดเพื่ออ่านฆ่าเวลา
ความจริงเขาควรจะตายไปตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนในยานของแอสการ์ดแล้ว
โชคดีที่ธานอสรู้จักเขาน้อยไป
แน่นอนว่าเขามีลูกเล่นอยู่ใต้แขนเสื้อมากกว่าที่ใครๆคิดไว้
...แม้แต่สคาดิ
น้องสาวที่เขาสนิทด้วยมากที่สุด
ดวงตาสีเขียวมองพาดหัวข่าวเกี่ยวกับการหายไปอย่างเป็นปริศนาของผู้คนกว่าครึ่งโลกอย่างติดจะเย็นชา
ธานอสเอาจริง
กาแฟมาเสิร์ฟแล้ว
ชายหนุ่มผมดำหยิบอิงลิชบิสกิตขึ้นมาหักครึ่ง
ทาครีมและแยมสตรอว์เบอร์รี่ลงไป
เขามาอยู่นี่เงียบๆทำเหมือนกับว่าเป็นหนุ่มมาเที่ยว
แต่ความจริงเขากำลังพยายามกบดานอยู่ต่างหาก
ถ้านายเก่าเขารู้ล่ะก็ แย่แน่ๆ
ความจริงแล้วชายหนุ่มก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอก
แต่ว่ามันจะมีอะไรที่สำคัญไปกว่าชีวิตของเขา(และบางทีก็รวมถึงพี่น้องบุญธรรม)อีกล่ะ?
เขาหมายถึง
ถ้าธานอสเกิดสะกิดใจขึ้นมาว่าเขายังไม่ตาย หรือรู้ว่าเขายังไม่ตายและหาเขาไม่เจอล่ะ?
แน่นอนว่าเบาะแสที่ดีที่สุดคือการเค้นเอาจากครอบครัวเขา
นั่นคือธอร์ สคาดิ...และอาจรวมถึงพี่ใหญ่อย่างเฮล่าด้วย
เขาต้องการให้ไททั่นตนนั้นมั่นใจว่าเขาสิ้นแล้ว
ยิ่งให้ทุกคนที่รู้จักคิดว่าเขาตายไปเลยยิ่งดี...แบบนี้จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ลอบสะกดรอยพี่น้องที่จะมาหาเขาเพื่อจับเขาแบบในซีรีย์มิดการ์ดที่เห็นบ่อยๆ
แบบนี้แหละ ปลอดภัยที่สุดแล้ว
ทั้งต่อตัวเขาเอง และต่อครอบครัวของเขา
ฉะนั้น ธอร์และสคาดิ
...อย่าโกรธเขาให้มันมากละกัน...
เขาง้อคนไม่เก่ง
“แน่ใจนะว่าแถวนี้?”
“เจ้าถามเป็นรอบที่ล้านแล้วมั้ง สคาดิ”
เฮล่ากรอกตา
“เชื่อข้าสิ
สถานที่ที่พวกเราชาวแอสการ์ดมีความผูกพันด้วยมากที่สุดในโลกนี้คือที่นี่
ที่ที่เคยมีมนุษย์มากมายบูชาเรา”
“ก็ข้ากลัวว่าเขาจะไปหลบอยู่ที่อื่นน่ะสิ”
สคาดิกอดอกและนิ่วหน้า
“เจ้าคิดว่าคนอย่างเขาจะลดตัวไปอยู่ในสลัมแถวโมฮันโจดาโรหรือฮารัปปามั้ยล่ะ?”
หญิงสาวผมดำย้อนถาม
“เดี๋ยวนี้เขาเรียกที่นั่นว่าอินเดีย”
ดวงตาสีเทาฟ้ากรอกไปมา
“ท่านแก่เกินไปแล้ว พี่ข้า”
ป้าบ
“เฮล่า!!”
หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มกุมหัวและส่งสายตาขุ่นเขียวให้กับผู้เป็นพี่ที่เพิ่งตบเข้าที่หลังหัวเธอไป
ใช่...ที่เดียวกับตอนที่โดนในฟอล์กแวนเกอร์นั่นแหละ
“ข้าจะฟ้องธอร์!!”
“พี่เจ้าถูกข้าอัดกระเด็นที่แอสการ์ดครั้งก่อนที่ข้าจำได้”
“งั้นข้าจะ...ข้าจะฟ้อง...”
สคาดิดูหมดคำพูด
“ฮึ้ย!!”
โอดินก็สิ้นแล้ว ท่านแม่ก็ถูกส่งออกนอกแอสการ์ดเพื่อสลายขึ้นไปบนดวงดาวเป็นเวลาหลายปีแล้ว
ธอร์เหรอ...ขานั้นแค่เห็นพี่สาวก็คงขาสั่นแล้วล่ะ
ก็จะมีกี่คนกันที่สามารถซ้อมเขาจนหมดสภาพแถมยังทำให้เขากลายเป็นเทพตาเดียวแบบนี้ได้?
ส่วนโลกิ...อืม...
เธอคิดว่าเขารู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางพอที่จะไม่สอดมือหรือจมูกโด่งๆนั่นเข้ามายุ่งเวลาเกิดปัญหาระหว่างพี่คนโตกับน้องๆ
...ยกเว้นช่วงที่อยู่ๆความเป็นพี่ชายหรือน้องชายแสนดีมันพลุ่งพล่านขึ้นมาจนเกิดอยากช่วยน้องสาวคนโปรดหรือพี่ชายคู่กัด
ไม่ก็มีเหตุผลจำเป็นจริงๆ
พี่ชายคนนี้เป็นพวกชอบอะไรดราม่าอยู่แล้ว
สรุป
เธอไม่อยู่ในสถานภาพที่จหาใครช่วยได้เลย
พี่สาวเหยียดยิ้มและปรายตามองมาที่เธอ
ให้ตายเหอะ นั่นพี่เบะปากอยู่ใช่มั้ย?
เธออยากจะกรี๊ดให้ดังๆ
พี่ใครฟะ?
ทันใดนั้น
กลิ่นหอมของขนมจากเตาอบและกาแฟก็ดึงความสนใจจากหญิงสาวได้ชะงัด
ดวงตาสีฟ้าเหลือบไปขณะที่ใบหน้าอ่อนเยาว์หันขวับตามกลิ่นนั้น
“เฮล่า กินขนมกันเถอะ”
“อะไรนะ? ไม่ ข้าไม่ชอบ”
“เถอะน่าพี่ข้า”
มือเรียวพุ่งไปเกาะแขนผู้เป็นพี่แล้วเขย่าเบาๆคล้ายจะออดอ้อน
“สคาดิ เจ้าโตเป็นกระทิงแล้วนะ”
น้องสาวยื่นปากออกมาอย่างน้อยใจ
“เรื่องแค่นี้ก็ทำให้น้องไม่ได้ โธ่”
ดวงตาสีฟ้าซีดกรอกไปรอบๆเป็นเลขแปดและถอนหายใจ
“ข้ามีเงินไม่มากนะ”
สคาดิยิ้มแฉ่ง
“ท่านใจดีที่สุด”
นี่เธอมาตามหาน้องชายบุญธรรมหรือมาเลี้ยงเด็กไม่รู้จักโตที่พ่วงตำแหน่งน้อง(นอกไส้)คนเล็กนะ?
ร่างเพรียวของน้องสาวในเสื้อฮู้ดสีฟ้าและกางเกงเลกกิ้งสีดำวิ่งปรู๊ดปร๊าดเข้าไปในร้านกาแฟตรงข้างฟุตบาท
เฮล่าที่อยู่ในเสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ็คเกตหนังสีดำและกางเกงยีนส์สีเดียวกันส่ายหน้าเบาๆและเดินตามไป
ผู้เป็นน้องรีบจับจองที่ตรงกลางร้านที่เป็นกึ่งโซฟาพลางหยิบเมนูขึ้นมาเปิดดูและยิ้มให้กับพนักงานที่เข้ามารับออร์เดอร์
“สตรอว์เบอร์รี่มิลค์เชคกับอัลมอนด์เพรทเซลหนึ่งชุดค่ะ”
“เอาอะไร?”
เธอเลื่อนแผ่นเมนูให้กับหญิงสาวผมดำที่กำลังทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเธอ
“แล้วแต่ เลือกให้หน่อย” เทพีแห่งความตายทำหน้าเบื่อๆ
เบนดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์จนคมเฉี่ยวไปรอบด้าน
คนตรงข้ามถลึงตาใส่เป็นเชิงให้สั่งๆไปเถอะ
แต่เมื่อพบว่าไม่ได้ผลจึงถอนหายใจและเบ้ปากใส่รายการเครื่องดื่มและขนมหวานแทน
“งั้น...เอาแอฟโฟกาโต*มาชุดหนึ่งก็ได้ค่ะ”
“โอเคค่ะ”
พนักงานสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มดูอายุไม่เกินยี่สิบห้าอมยิ้มและจดลงในกระดาษโน้ต
ก่อนจะเก็บปากกาใส่กระเป๋าและขยับหัวโค้งให้เล็กน้อยด้วยความเร็วจนเส้นผมสีน้ำตาลทองที่ทัดไว้หลังหูหล่นออกมา
“สักครู่นะคะ”
เมื่อสั่งเครื่องดื่มแล้ว
ดวงตาสีฟ้าเทาจึงกวาดไปรอบๆร้านกาแฟ
“ที่นี่ดีไซน์สวยดีนะ ว่ามั้ยพี่ข้า?”
“ไม่ใช่รสนิยมข้า”
คู่สนทนาตอบสั้นๆและกอดอก
“แต่ก็ดูเก๋ดี”
คิ้วเข้มยักใส่พี่สาวสองสามทีขณะที่เทพีฤดูหนาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง
“ชอบไหมล่ะ เผื่อเกิดว่างจนเบื่อขึ้นมาจะได้เปิดคาเฟ่ให้วิญญาณของท่านในเฮลไฮม์”
“คิดอะไรแปลกๆ” ร่างสูงโปร่งกระตุกปาก
“ข้าเป็นราชินี
ไม่ลดตัวลงไปทำเครื่องดื่มพวกนั้นให้วิญญาณน่าเบื่อพวกนั้นหรอก”
“แต่พวกเขาก็เป็นประชากรของท่านนะ”
“เดี๋ยวสั่งให้พวกแม่ทัพข้าไปจัดการให้ก็ได้”
เฮล่าเสตาไปด้านข้างอย่างเนือยๆ
“มันไม่เหมือนทำเองหรอก เชื่อข้าสิ”
ก่อนที่ธิดาแห่งโอดินจะได้เอื้อมมือข้ามโต๊ะไปตบหน้ากวนๆของน้องสาวลงกับพื้นผิวมันเรียบนั้น
ร่างเล็กของพนักงานสาวก็เดินตรงมาพร้อมกับถาดกว้างที่ดูใหญ่เทอะทะสำหรับคนตัวเล็กๆอย่างเธอไปมาก
“ขออนุญาตเสิร์ฟนะคะ”
เธอวางถาดลงบนโต๊ะข้างๆที่ไม่มีคนนั่งและวางมิลค์เชคแก้วใหญ่พร้อมจานเซรามิคที่ใส่เพรทเซลหอมเกรียมดูกรอบนอกนุ่มในที่มีถ้วยใส่ซอสช็อกโกแลตและคาราเมลลงตรงหน้าเธอ
“สตรอว์เบอร์รี่มิลค์เชคกับอัลมอนด์เพรทเซลและแอฟโฟกาโตค่ะ”
ถ้วยแบนๆที่ดูชิคและวินเทจมากในสายตาของสคาดิถูกวางลงหน้าพี่สาวบุญธรรม
ในนั้นคือไอศกรีมวานิลลาสีนวลสองสามลูก
ข้างๆนั้นที่อยู่บนจานขาวเดียวกันคือแก้วมีหูใส่กาแฟเอสเปรสโซสีเข้มหอมกรุ่นควันฉุย
ทันทีที่พนักงานคนนั้นหายลับไปในเคาน์เตอร์
ดวงตาสีฟ้าซีดของพี่สาวที่กำลังพิจารณาสิ่งประหลาดตรงหน้าอยู่ก็ตวัดขึ้นมาหาเธอ
“กินยังไง?”
มือเรียวหยิบขนมอบรูปคล้ายคนสวดภาวนาขึ้นมาบิและจุ่มซอสคาราเมลก่อนส่งมันเข้าปาก
หลับตาลงซึมซับความกรอบนุ่มหนึบนิดๆของมันครู่หนึ่ง
“ในแก้วนั่นคือกาแฟเอสเปรสโซ ในถ้วยนั่นคือไอศกรีมวานิลลา
จะกินเดี่ยวๆก็ได้
แต่ปกติแอฟโฟกาโตคือการเทกาแฟร้อนๆลงไปในไอศกรีมเย็นๆและรีบกินก่อนที่มันจะละลายรวมกันจนหมด”
“งั้นข้าต้องเทมันรวมกัน?”
“อืม”
คนผมดำขมวดคิ้วเล็กน้อยและยกแก้วขึ้นมาชิมก่อนเล็กน้อย
“ขมจริง”
“กาแฟไง พี่ข้า” สคาดิดูดมิลค์เชคสีชมพูนวล
มือขาวซีดราวคนตายเทของเหลวสีดำอุ่นๆลงไปในถ้วยเย็นๆของไอศกรีมแล้วใช้ช้อนสีเงินตักพวกมันขึ้นมากิน
เธอหลับตาลงและใช้เวลาลิ้มรสครู่หนึ่ง
“เป็นไงบ้าง?” น้องสาวถามขึ้น
“อืม”
“อืมคือ?”
“ก็อร่อยดี” เฮล่าตักแอฟโฟกาโตขึ้นมากินอีกคำหนึ่ง
หญิงสาวผมสีเข้มยิ้มและละเลียดเพรทเซลสีน้ำตาลทองต่อ
ทันใดนั้น ดวงตาสีฟ้าเทาก็สะดุดกับบางอย่าง
“เฮล่า”
ใบหน้าคมของคู่สนทนาเงยขึ้นมาเมื่อพบว่าเสียงของน้องสาวฟังดูจริงจังกว่าเดิม
รอยยิ้มจางๆนั้นหายไปแล้ว ดวงหน้าของสคาดิมีหลายอารมณ์ผสมปนเปกัน
จ้องตรงไปที่มุมร้าน คิ้วเรียวขมวดน้อยๆและแม้แต่ลมหายใจก็ไม่มั่นคง
เธอรีบหันตามน้องสาว
แผ่นหลังในชุดสีดำสนิทที่ดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกกำลังผลักประตูกระจกของร้านออกสู่ภายนอก
เส้นผมสีดำยาวที่สยายออกกระทบกับแสงแดดเมื่อร่างสูงนั้นเริ่มออกเดินทำให้เฮล่าเบิกตากว้าง
“นอร์นช่วย”
ทั้งคู่สบตากัน
แลกเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงเสี้ยววินาที
ร่างเพรียวในฮู้ดดี้สีฟ้าของผู้เป็นน้องลุกขึ้นก่อน
ยัดเพรทเซลที่กำลังกินอยู่ใส่ปาก หยิบอีกสองชิ้นที่เหลือมาถือไว้และรีบรุดออกจากร้านไป
ตามด้วยเธอที่ลุกลี้ลุกลนควักเงินเกือบทั้งหมดออกมากองไว้บนโต๊ะ
“ไม่ต้องทอน”
หญิงสาวกระซิบลอดไรฟันให้กับพนักงานที่ยังงงอยู่และตามสคาดิออกไปด้วยความเร็วพอๆกัน
ในนาทีที่คนเบื้องหน้ารับรู้ถึงการติดตามอันไม่ได้คาดคิด
เขาก็ตื่นตัวขึ้นมาทันใด
ขายาวจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็วโดยที่ยังพยายามรักษาความสงบเอาไว้เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
เทพีแห่งเหมันต์หอบเหนื่อยและก้าวยาวๆตามเขาไป
เฮล่าโผล่มาจากไหนไม่รู้ด้านหลังเธอและเริ่มจะวิ่งเหยาะๆเพื่อให้ทันกันทั้งสามคน
เมื่อรู้สึกได้ว่าผู้ที่ตามมาไม่ได้มีคนเดียว
ชายหนุ่มที่เห็นเพียงแผ่นหลังเธอก็แน่ใจว่าต้องใช่คนนี้จึงยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง
เธอรู้จักลูกไม้ตื้นๆพี่ชายดีพอที่จะรู้ว่าเขากำลังจะสร้างภาพลวงตาและหนีไป
ร่างเพรียวตัดสินใจกระโจนออกไปด้วยมือที่กุมกัน
เอียงตัวเล็กน้อยและกระแทกไหล่เขาให้หน้าลงไปแนบพื้น
ถ้าผิดท่าคงจะไหล่หลุด
เจ้าของเรือนผมและชุดสีดำกัดฟันกรอด
พยายามดิ้นให้หลุด
ประทานโทษ
เธอน่ะเคยชนะเขาด้วยการดวลมือเปล่าแบบไม่ใช้เวทย์มนตร์
“...ปล่อยข้า” เขาคำรามลอดไรฟัน
เสียงอันคุ้นเคย
เมื่อเห็นว่าไม่มีการตอบสนอง ชายหนุ่มก็ขยับตัวขลุกขลักอีกครั้ง
“บอกให้ปล่อยไง ไอ้พวกลอบกัดเอ้ย”
“หลบ” เฮล่าสั่ง
เบาๆเรียบๆ
สคาดิไม่ลังเลที่จะทำตาม
มือขาวซีดของคนที่ตามมาติดๆตะปบลงบนหลังคอเสื้อของเขาและดึงเขาขึ้นมา
ส่งผลให้ร่างสูงบางสบถมากว่าเดิม
“ถ้าเจ้าเป็นคนของธานอส ข้า...ข้าพอมีเงินอยู่
เอาไปเลยแล้วบอกนายเจ้าว่าข้าตายแล้ว”
หญิงสาวผมสีดำอ้อมมือมาคว้าคอเสื้อด้านหน้าและหมุนตัวเขาให้กลับไปประจันหน้าเธอ
“เบิกตากว้างๆแล้วดูดีๆว่าข้าหน้าตาเหมือนเอโบนี
มาวไหม” เธอกระซิบเสียงเย็น
ดวงตาสีเขียวมรกตของคนชุดดำมองขึ้นๆลงๆ
ชายหนุ่มสูดหายใจลึก
ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะพ่นประโยคเบาๆออกมา
“ไม่เจอกันนานท่านดูเฟี้ยวขึ้นนะ”
เฮล่าจ้องมองเขานิ่งๆและทำเสียงชิในลำคอพลางเดาะลิ้น
“ยินดีที่ได้เจอเช่นกัน โลกิ”
SONGKRAN SPECIAL
What a Hot Place!
“โหยยย” ร่างเพรียวใต้เสื้อตัวบางสีสันสดใสชุ่มไปด้วยเหงื่อ
มือเรียวข้างหนึ่งกุมกระบอกปืนฉีดน้ำไว้แน่นขณะที่อีกมือวุ่นอยู่กับการปาดไรผมประดับเม็ดเหงื่อของตนเอง
“ร้อนฉิบ”
อีกร่างที่มีความสูงพอๆกับเธอรีบกุลีกุจอยื่นแก้วพลาสติกใสที่บรรจะสตรอว์เบอร์รี่โซดาเย็นๆมาให้
“นี่ฮะ เอาของผมไปกินก่อน”
“อืม ขอบใจ”
สคาดิอ้าปากงับหลอดและดูดเครื่องดื่มรสหวานซ่าชื่นใจไปสองสามอึกใหญ่ๆ
ถ้าประเทศไทยมันจะร้อนขนาดนี้...
เธอเริ่มรู้สึกผิดที่เสนอตัวมาดูแลปีเตอร์แทนโทนี่
สตาร์กเพียงเพราะเบื่อเสียงของฟรายเดย์
ฟรายเดย์ ขอโทษนะ
เรื่องมันเริ่มจากเจ้าเด็กน้อยสไปดี้ปิดเทอมและพบว่าตนเองหลงใหลอาหารไทยมากๆจนอยากมาลองให้ถึงที่
มิสเตอร์สตาร์คที่ยุ่งอยู่ไม่มีเวลาพาเขาไปทำให้เธอที่กำลังว่างไม่มีอะไรทำและได้แต่กลิ้งไปมาบนเตียงเสนอหน้าออกรับหน้าที่นี้แทน
ก็ใครมันจะไปรู้ฟะว่าประเทศนี้นี่ร้อนพอๆกับทะเลทราย?
น้ำเย็นๆถูดฉีดมาโดนเธอจนหญิงสาวหวีดร้องเล็กน้อย
ดวงตาสีฟ้าเทาตวัดไปมองตัวการ
“ไม่เอาน่าสคาดิ นี่สงกรานต์นะฮะ” ปีเตอร์
พาร์กเกอร์ยิ้มแฉ่ง ปืนฉีดน้ำในมือยังคงเล็งค้างมาที่เธอ
อย่างน้อยก็มีเทศกาลคลายร้อนนี่กันไม่ให้เธอแห้งตาย
เทพีเหมันต์ฉีกยิ้ม ดวงตาวาววับ
มือเรียวหันกระบอกปืนไปทางเด็กหนุ่มและฉีดน้ำกลับอย่างไม่ยอมแพ้
เรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้เป็นอย่างดี
ตอนนี้พวกเขากำลังฝ่าคลื่นมนุษย์ในถนนข้าวสารอยู่
ชาวยุโรปหลายคนกำลังสาดน้ำและประแป้งใส่กัน
ในขณะที่รถราต่างๆค่อยๆเคลื่อนตัวตามท้องถนนที่เปียกชื้นหรือเปียกโชกช้าๆ
กลิ่นของอาหารตามแผงลอยและร้านข้างทางเรียกความสนใจจากเด็กน้อยข้างเธอได้ดีเยี่ยม
“กินข้าวกันเถอะฮะ”
เขาทำท่าจะลากเธอเข้าไปในร้านอาหารริมถนนร้านหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนพลุ่งพล่าน
“อ้าว ไม่ใช่ว่าจะไปเดินให้ถึงตลาดท่าพระจันทร์อะไรนั่นหรอกเหรอ?”
เธอเอี้ยวตัวหลบร่างของผู้คนที่ต่างกำลังออกลายโยกย้ายส่ายสะโพกเต้นเพลงบีตมันส์ๆ
“เปลี่ยนใจแล้วฮะ”
ปีเตอร์นั่งลงตรงที่ว่างและเงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาเหมือนลูกหมาไซบีเรียนฮัสกี้ให้เธอนั่งลงตรงข้ามเขา
“อยากกินอะไรหน่อย นี่จะบ่ายแล้ว”
เด็กหนอเด็ก
วัยแบบนี้เจออะไรนิดอะไรหน่อยก็เขว
ถ้าเขวในทางที่ดีก็ดีไป
ถ้าเขวในทางที่ร้าย...งั้นหน้าที่สั่งสอนเด็กของผู้ปกครองอาจยากขึ้นหน่อย
สัมพันธ์กับสภาพความเขวของเด็กคนนั้นด้วย
ลองเธอสมัยยังอายุ(ตามการนับของชาวแอสการ์ด)เท่าเขาสิ
ตอนนั้นเธอน่ะหนักกว่าโลกิซะอีก
เรียกได้ว่าขวางอะไรได้เป็นขวาง
อารมณ์ไหนขึ้นได้ก็ขึ้นจนสุดโต่งจนเหมือนกับเป็นไบโพลาร์(จนถึงตอนนี้ยังอดอายตัวเองไม่ได้แม้จะผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว)
โอดินบอกไปซ้าย เธอก็จะไปขวา
เขาบัญชาให้เดินหน้า สคาดิก็วิ่งถอยหลัง ถ้าเทพบิดรกล่าวให้นั่ง เธอก็จะบิน
เรียกได้ว่าสมัยนั้นเธอเป็นเด็กนรกมหาประลัยที่ทุกคนไม่เว้นแม้แต่ฟริกก้าและโลกิยังต้องยกมือขึ้นกุมขมับ
ยังดีหน่อยที่พีทเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายพอตัวจึงไม่ต้องมีช่วงชีวิตแบบเธอ...ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างนานสำรับวัยรุ่นทั่วไป
แหงล่ะ อยู่แบบนั้นเป็นสิบๆปีจนชื่อเสียงความหัวกบฎเลื่องลือไปทั่วอาณาจักร
ใครยังมีสีหน้าชื่นชมอยู่ตอนได้ยินชื่อเธอยุคนั้นก็ให้มันรู้ไป
“ต้มยำกุ้ง กะหล่ำฉ่าน้ำปลา ปูผัดผงกะหรี่
กะเพราไก่...โอ้ๆๆ ลาบด้วย ลาบหมูอีกหนึ่งที่ครับ”
ดวงตาสีน้ำตาลของเขาเป็นประกายทำให้เธอนึกถึงเด็กที่ได้เห็นหิมะเป็นครั้งแรก
เด็กหนุ่มรัวชื่ออาหารจนพนักงานถึงกับต้องกะพริบตาปริบๆอยู่ครู่หนึ่ง
“โอ้...เอ่อ...”
สไปดี้คนเก่งหน้าเจื่อนไปเมื่อเห็นว่าลืมถามพี่เลี้ยงที่อุตส่าห์ถ่อมาเอเชียด้วยกัน
“สคาดิ เอาอะไรไหมฮะ?”
“อืม...” หญิงสาวพลิกเมนูไปมา
“แกงจืดเต้าหู้หมูสับ แล้วก็...ไข่เจียวสมุนไพรค่ะ”
“ข้าวสองจานนะครับ”
ปีเตอร์ยื่นแผ่นรายการอาหารคืน
พนักงานคนนั้นยิ้มรับและเดินหายไปในครัว
ครู่หนึ่งผ่านไป
สคาดิถอนหายใจและคนน้ำเปล่ากับน้ำแข็งในแก้วด้วยหลอด
“ฉันยังไม่ได้ถามเลย”
“ว่า?”
“ไอเทศกาลนี่มันยังไงกันน่ะ?”
เธอดูดเครื่องดื่มสีใสที่มีอุณหภูมิเย็นและเลียริมฝีปาก
“อ๋อ” เด็กน้อยตรงหน้ายิ้ม
ทำหน้าเหมือนรอจังหวะนี้มานานเต็มที
“เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงวันหยุดสำคัญช่วงหนึ่งของประเทศไทยเลยล่ะครับ
พวกเขาถือว่ามันเป็นวันปีใหม่ที่มีการฉลองกันมานาน
ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลโฮลีของอินเดีย แต่ใช้น้ำแทนการสาดสี ในช่วงสามวันนี้
ชาวไทยจะทำการสรงน้ำพระและรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ นอกนั้นจะมีการทำบุญที่วัด
และเล่นน้ำกันฮะ”
หญิงสาวเลิกคิ้วและเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อให้พนักงานวางจานอาหารลงได้ถนัด
“นายนี่รู้เยอะจริงนะ ปีเตอร์”
“ก็ผมชอบเมืองไทย”
เจ้าตัวยิ้มยิงฟันอย่างน่ารักน่าหยิก
ถ้าเทสเซเมียร์มาเห็นคงได้เป็นลมระทวยลงไปในอ้อมแขนเขาเป็นแน่แท้
ขานั้นน่ะไม่สนหรอกว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป
พรากผู้เยาว์ต้องเข้าคุก
ก็เทสเซเมียร์อยากได้ ใครจะทำไม?
สคาดิหยิบช้อนส้อมขึ้นมาและตักผัดผักหอมน่ากินมาวางบนข้าวสวย
“สคาดิ ทานลาบด้วยสิฮะ อร่อยนะ” สไปดี้เลื่อนจานที่เต็มไปด้วยลาบหมูปนกับพริกป่นแดงๆประดับใบมิ้นต์มาให้เธอและตักมันมาวางไว้บนข้าวให้
“อืม”
“ต้มยำกุ้งก็ไม่เลวนะ
นี่เดี๋ยวผมตักใส่ถ้วยให้”
“อืม”
“คุณแพ้ปูไหมฮะ?”
“ไม่”
“งั้นเดี๋ยวผมแกะเนื้อปูให้นะ”
“ปีเตอร์--” หญิงสาวกะพริบตาปริบๆเมื่อพบว่าตอนนี้จานของเธอเต็มไปด้วยกับที่แทบจะกลบข้าวหมดแล้ว
“กะเพราไก่อีกหน่อยไหมฮะ?”
“พีท--”
“โอ้ ผมลืมไป คุณยังไม่ได้กินแกงจืดเลยนี่
เอ่อ...เอาถ้วยผมไปละกันฮะ”
เทพีเหมันต์แตะหลังมือของเด็กหนุ่มเบาๆ
“แค่นี้ฉันก็กินแทบไม่ไหวแล้ว เธอนั่นแหละ
กินเยอะๆจะได้โตไวๆ”
เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะแห้งๆและยกมือขึนเกาท้ายทอย
“โทษทีฮะ ผมคงพูดเยอะไปหน่อย”
“ไม่ๆๆ” เธอโบกมือน้อยๆ
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ”
หลังจากที่ทานอาหารเที่ยง(ที่กว่าจะได้กินก็เกือบบ่ายสอง)เสร็จ
พวกเขาก็ออกเดินต่อไป
คราวนี้ปีเตอร์มุ่งมั่นมากว่าจะต้องไปเที่ยวตลาดท่าพระจันทร์ให้ได้
สคาดิหรี่ตาลงและพยายามลอดผ่านฝูงชนเพื่อตามแผ่นหลังในชุดสีแดงแปร๊ดลายใบไม้ของเด็กน้อย(พ่วงตำแหน่งความรับผิดชอบของเธอ)เบื้องหน้า
ทำไมเดินเร็วจังนะ?
“พีท...” หญิงสาวพยายามเอ่ยปากเรียก แต่พบว่าคลื่นมนุษย์กำลังเคลื่อนมาขวางระหว่างพวกเขาไว้
“ปีเตอร์ ปีเตอร์ช้าหน่อย...เฮ้!!”
เพียงพริบตาเดียว
เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลก็หายไปจากสายตา
“ปีเตอร์!!”
ก่อนที่จะทันได้ชะเง้อคอขึ้นไปมองหา
เธอก็ถูกนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ทำท่าจะประแป้งใส่และยื่นแก้วเหล้าให้เธอพลางหัวเราะแบบเมาๆไปด้วย
เธอที่อารมณ์เริ่มเสียอยู่แล้ว
เจอแบบนี้ไปก็แทบจะจับชาวมิดการ์ดโง่ๆพวกนี้หักคอทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด
แต่...ถ้าโทนี่รู้
เรื่องนี้ไม่มีทางจะจบสวย
เธอยังต้องการห้องกว้างๆที่ครอบคลุมทั้งชั้นและทีวีจอใหญ่ที่สามารถเติมเต็มอรรถรสในการดูหนังของเธอได้อยู่
จะใช้เวทย์ลอยตัวก็กลัวมีใครถ่ายเอาไปลงเฟซบุ๊ค
โว้ยยยยยยยย
ทำไงดีเนี่ยยยยยยยยยย
หญิงสาวเดินอย่างไร้จุดหมายไปตามระลอกการเคลื่อนตัวของผู้คนในตลาด
ดวงตาสีฟ้าเทาพยายามสอดส่องหาร่างในเสื้อฮาวายสีแดง
ไปอยู่ไหนนะ?
ล่วงเลยไปจนค่ำมืด
ร่างกายของสคาดิเปียกจนชุ่ม แต่จนแล้วจนรอด เธอก็ยังหาปีเตอร์ พาร์กเกอร์ไม่เจอ
หญิงสาวสะบัดเส้นผมสีเข้มที่เปียกลู่จนแนบกับต้นคอไปด้านหลังและตักยำลูกชิ้นรสเผ็ดร้อนปนเปรี้ยวสะใจขึ้นมากินอีกคำหนึ่ง
ไม่เอาน่าพีท
โผล่หัวมาให้ชื่นใจหน่อย
เธอหันไปหันมาและคอยชะเง้อคอหาเขาอยู่เกือบทุกสิบวินาที
ถ้าเด็กคนนี้หายหรือเป็นอะไรไป
มิสเตอร์สตาร์คเอาเธอตายแน่
ทันใดนั้น
เสียงเอะอะก็ดังมาจากฝั่งหนึ่งของตลาด ผู้คนเริ่มหันไปมอง ไม่เว้นแม้แต่ดวงตาสีฟ้าเทาของเทพีผมเข้ม
“ขอโทษนะคะ”
ร่างเพรียวพึมพำเบาๆขณะแทรกตัวผ่านชาวมิดการ์ดทั้งหลายไป
ภาพตรงหน้าทำเอาเธอถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ร่างที่ไม่สูงไม่เตี้ยเกินไปของปีเตอร์กำลังล้มกลิ้งไปบนพื้นถนนสีเทาที่ยังอุ่นๆอยู่จากแสงแดดเมื่อบ่าย
มุมปากของเขาบวมแดงและห้อเลือด โหนกแก้มขาวๆช้ำเป็นสีเขียวอมม่วง
ฉิบแล้วไง
เด็กวัยรุ่นชาวไทยคนหนึ่งที่ดูท่าว่าจะเมาได้ที่ส่งเสียงสบถด่าและตามมา
ทำท่าจะซัดเด็กหนุ่มบนพื้นซ้ำอีกครั้ง
ไวเท่าความคิด
ร่างเพรียวในเสื้อตัวบางเปียกๆโผเข้าไปดึงเขาขึ้นมาพลางก้มหัวน้อยๆให้กับเด็กกลุ่มนั้นเพื่อขอโทษแทนปีเตอร์
ฝ่ายเด็กไทยอีกสองคนที่น่าจะมากับเพื่อนที่เพิ่งส่งสไปดี้ลงไปโหม่งพื้นก็รีบรุดมาล็อกแขนร่างผอมๆสีแทนนั้นเพื่อไม่ให้เขาทำอะไรบ้าๆและยิ้มเจื่อนๆแทนคำขอโทษให้ฝั่งเธอเช่นกันก่อนจะลากคนเมาออกไปจากบริเวณ
“สคาดิ...”
“กลับ”
เธอตัดบทและลากเด็กหนุ่มผ่านกลุ่มคนไปโดยไร้คำพูด
ทันทีที่ถึงห้อง
หญิงสาวก็เอนตัวลงพิงกับขอบโต๊ะและกอดอก เลิกคิ้วเข้มขึ้นข้างหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ผมหลงกับคุณ”
“ไม่ใช่แค่นั้นแน่” ร่างเพรียวเดินตรงไปที่ตู้เย็น
หยิบน้ำแข็งในถาดออกมา เทมันใส่ในถุงพลาสติกและห่อด้วยเสื้อของตน
“เอาล่ะ หันหน้ามานี่”
เธอนั่งลงตรงปลายเตียง
ข้างๆร่างในเสื้อฮาวายแดงของเขา
“เจ็บหน่อยแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้มันระบม”
ปีเตอร์หลุดร้องโอ๊ยออกมาคำหนึ่งเมื่อมือเรียวค่อยๆประคบน้ำแข็งเย็นๆลงไปบนโหนกแก้มของเขา
“ผม...ผมหาคุณไม่เจอก็เลยเดินไปเรื่อยๆ
แล้วก็ดันไปชนกับวัยรุ่นเมาแอ๋คนนั้น ผมตกใจเลยรีบถอยออกมา ทำเขาล้มหน้าจูบพื้น เขาโมโหมากแล้วก็ด่าผมเป็นภาษาไทย...ที่ผมก็พอฟังออก...จากนั้นเขาก็
เอ่อ...คว้าคอเสื้อผมแล้วโยนผมข้ามโต๊ะจนกลายเป็นแบบที่เห็นนี่ล่ะ”
เธอพยักหน้าเบาๆและเลิกคิ้ว
“โอเค ก็ฟังขึ้น”
“คุณเชื่อผมจริงๆใช่มั้ยฮะ?”
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาเป็นประกายเหมือนลูกหมาเวลาเจ้านายชมไม่มีผิด
“ถ้าฉันไม่เชื่อป่านนี้คงโทรไปหาสตาร์คแล้ว”
เสียงเรียกเข้าวิดีโอคอลทำให้ทั้งคู่สะดุ้งเฮือก
มือเรียวหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาและสบถลอดไรฟันทันทีที่เห็นชื่อซึ่งเด่นหราอยู่กลางหน้าจอ
ซวยละ
“พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา”
“โจโฉไหนฮะ?” ปีเตอร์เอียงคอ
เด็กนี่จะอินโนเซนต์ไปไหนฟะ?
“ไอดอลสุดที่รักของนาย”
หญิงสาวหมุนหน้าจอไปทางเขาและเม้มปาก
“ถ้าเขาเห็นสภาพนายตอนนี้ล่ะก็
ฉันศพไม่สวยแน่”
“ถ้าไม่รับก็ค่าเท่ากันนะฮะ”
ปีเตอร์ทำหน้าปั้นยาก
“คุณรับสายไปก่อน
เดี๋ยวผมจะไปหาอะไรมาปิดหน้า”
สคาดิกลืนน้ำลายเอื๊อกแล้วตัดสินใจกดรับสาย
“ไฮ”
[เป็นไงกันบ้าง เล่นน้ำสนุกมั้ย?]
โทนี่ที่สวมแว่นตากำลังยุ่งอยู่กับอะไรบางอย่าง
เขาถามโดยที่เหลือบมามองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จ้ะ พ่อคนมัลติทาสก์*เก่ง
“ก็เปียก อาหารอร่อยใช้ได้
แล้วก็เดินกันเยอะมาก”
[อ้อ ปีเตอร์เป็นไงบ้างล่ะ?]
สคาดิอ้าปากพะงาบๆ
เกือบจะเค้นคำตอบออกมาได้แล้วในตอนที่เด็กหนุ่มผู้ถูกกล่าวถึงพุ่งมาขวางหน้ากล้อง
“อยู่นี่ฮะคุณสตาร์ค”
[อ้าว ทำไมใส่แมสก์ล่ะ? เป็นหวัดรึไง?]
เด็กหนุ่มที่ปิดครึ่งหน้าด้วยหน้ากากอนามัยสีขาวที่ก็ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหนยังไงหัวเราะสดใส
“รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อยอ่ะฮะ
มันร้อนมาก แล้วน้ำก็เย็น สคาดิเลยให้กินยาแล้วก็ใส่หน้ากากกันไว้ก่อน”
[อืมๆ ดีแล้วล่ะ] ไอรอนแมนยิ้ม
[กลับพรุ่งนี้ใช่มั้ย?]
“ใช่ฮะ” เด็กหนุ่มยิ้มตาหยี
“คิดถึงคุณสตาร์คจังเลย”
[ปากหวานอย่างนี้อยากได้อะไรอีกล่ะ?]
“ไม่นี่ฮะ ไม่อยากได้อะไรซักหน่อย”
ชายหนุ่มผิวแทนทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้
[โอ้ใช่ สคาดิ]
“ว่า?”
มือเรียวยื่นมาปัดพีทออกไปให้พ้นหน้ากล้อง
[ขอแยกส่วนธนูเธอหน่อยได้ป่ะ?]
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน สคาดิถลึงตามอง
“เพื่อ?”
[ทีพี่ชายเธอยังมีลูกเล่นค้อนล่อฟ้าบ้างเลย
อยากรู้ว่าเธอมีอะไรซ่อนไว้บ้าง]
“ไม่มี” เธอตอบเสียงขุ่น
[ไม่เอาน่า ฉันรู้ว่าเธอมี]
“ไม่มี” หญิงสาวย้ำ มองเขานิ่งๆ
“แล้วอย่าคิดว่าจะแอบทำลับหลังฉันได้นะ รู้ใช่มั้ยว่าฉันเปิดประตูมิติไปหานายได้ทุกเมื่อ
ที่จะกลับเครื่องบินแค่เพราะไม่อยากทิ้งปีเตอร์ไว้คนเดียว”
“ใครเรียกผม?”
เจ้าตัวดียื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ
เดี๋ยวนะ...
แมสก์เขาหายไปไหนล่ะนั่น?
[ปีเตอร์]
เสียงของคู่สนทนาเข้มขึ้นหลายเท่า
[หน้าไปโดนอะไรมา?]
เด็กหนุ่มอ้าปากพะงาบๆ
เพิ่งรู้ตัวว่าลืมปิดหน้า
ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน
แล้วทั้งคู่ก็รู้แล้วว่า
เรื่องนี้ไม่มีทางจบสวย
[...สคาดิ]
เสียงของโทนี่ส่งกระแสเย็นเยียบไปตามสันหลัง
หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่
เธออยากจะวิ่งออกไปที่นอกระเบียงห้องแล้วกระโดดลงไปซะเดี๋ยวนั้น
[เล่ามาให้หมด]
เลื่อนตั๋วกลับนิวยอร์กตอนนี้ยังทันมั้ยเนี่ย?
TALK WITH FM
สวัสดีปีใหม่ไทยย้อนหลังค่าาาาา
ขอให้ทุกคนมีความสุข
สุขภาพแข็งแรงมากๆนะ
สงกรานต์นี้ร้อนมากกกกกกกกกกกกก
ไรท์ออกไปข้างนอกตอนกลางวันแสกๆแทบไม่ได้เลย
รู้สึกเหมือนถูกย่างสด 5555555
ตอนนี้แก๊งเกิร์ลเพาเวอร์ได้ทำการล็อกคอน้องกิเรียบร้อยแล้ว
เรามาดูกันว่าเฮล่าจะทำยังไงกับน้องนอกไส้ตัวเองต่อไป
Endgame
เข้าพุธหน้านะทุกคน อย่าลืมไปดูล่ะ
ส่วนไรท์ว่าจะรอหนังเข้าสักพักก่อนค่อยไปดู
คนจะได้ไม่เยอะ แล้วก็จะได้นั่งที่นั่งวิวแจ่มๆ เห็นถนัดๆ
ใครดูมาแล้วสปอยล์ได้นะ
แต่อย่ามาก เพราะมันจะทำให้ไรท์นั้นหวั่นไหว 55555
เคานต์ดาวน์กันเลยดีมะ
ดีมะๆๆๆ
ช่วงนี้มีแต่โฆษณาอเวนเจอร์สจนไรท์ทบจะจำบทได้อยู่แล้วเนี่ย
555
เจอกันตอนหน้าเน้อออ
ด้วยรักและถุงกาว
เฟิงมี่ค่ะ>3<
ความคิดเห็น