ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #28 : Short Fic. || H O M E (Odinson Family feat. Thorki)→ ᴘᴀʀᴛ 2

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 62


    Title : H O M E

    Auther : Fengmii

    Pairing : None (Odinson Family)...with a little bit of (Thorki)??

    Genre : Short Fiction (2/?)

    Note : After Asgard was burnt and Thanos snapped his fingers

     

     

     

    H O M E

    o d i n s o n . f a m i l y

    [ii]

     

    so    i    gotta    make   it   back,

    but  my  home  aint on the map

    gotta  follow  what  im  feeling

    to    discover    where    its    at

      

     





           “แล้วเขาจะไปอยู่ไหนได้?” สคาดิทำหน้าฉงน

     

           “มีโลกตั้งเก้าโลกให้เขาไปมุดหัว” เฮล่ากวาดมือไปรอบๆ

           “ลืมไป ตอนนี้มีแปด”

     

           “เราไปดูที่ฟอล์กแวนเกอร์กันดีไหม? เผื่อเขาแอบตีเนียนไปหลบในนั้น” เธอชวนพี่สาว

           “โลกิแอบเก่งนะ เขาชอบพูดกับข้าว่าที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดเช่นกัน”

     

           “ฟอล์กแวนเกอร์อันตรายยังไง?” ดวงตาสีฟ้าซีดหรี่ลง

     

           “ก็เทพวาเนียร์น่ะมันก็เทพเหมือนชาวแอสการ์ดป่ะ?” เทพีฤดูหนาวกระดกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

           “ธานอสน่าจะคิดถึงที่นั่นเป็นอันดับแรกๆ”

     

           “แต่อย่าลืมว่าเขายังไม่รู้ว่าโลกิยังไม่ตาย” พี่สาวผมดำทำหน้าเหนื่อยๆ

     

           “แค่อาจยังไม่ตาย และถ้าเกิดเขารู้ในระหว่างนี้ล่ะ?”

     

           เฮล่าคำรามและกรอกตา

           “ตามที่เจ้าว่าเลยละกันน้องข้า”

     

           หญิงสาวผมสีเข้มยิ้มมุมปากและตวัดแขนขึ้นมากอดอก

           ยกนี้เธอชนะ

     

           “เรามาภาวนากับพวกนอร์นกันเถอะว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ที่ไหนซักแห่งในจักรวาลนี้” มือขาวซีดราวกับคนตาย(...ซึ่งก็ไม่แปลกนักสำหรับเทพีแห่งความตาย)ยกขึ้น กระแสเวทย์สีดำสนิทฟุ้งออกมาจากฝ่ามือและก่อตัวเป็นประตูมิติ

     

           “ใช่...” เสียงของสคาดิแผ่วลงมาก

           “เรามาภาวนากันเถอะ”

     

           เฮล่าผินใบหน้ามามองน้องสาวนอกไส้ครู่หนึ่งก่อนจะถอนใจยาว

     

           “บางครั้งข้าก็อยากรู้ว่าทำไมเรื่องบ้าๆพวกนี้ถึงต้องเกิดขึ้นกับครอบครัวเรา”

     

           “...ข้าถามตนเองแบบนั้นเช่นกัน แต่ข้าไม่ต้องการคำตอบ” ร่างเพรียวในชุดสีเทาฟ้าหรุบตาลงมองพื้นหินและถ่ายน้ำหนักไปมาบนขาเรียวของตน

     

           “ดีแล้ว” เทพีแห่งความตายยิ้มมุมปาก

           “บางครั้งปล่อยให้มันเป็นคำถามต่อไปก็ดีกว่ารู้คำตอบแต่เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้”

     

           ทั้งคู่สบตากันเพียงครู่เดียวก่อนที่ร่างโปร่งเจ้าของสถานะราชินีแห่งแอสการ์ดจะเดินเข้าไปในประตูนั้น

     

           “ตามมาเร็วๆ” เธอหันมาเร่งน้อง

           “ข้าไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้”

     

           สคาดิกรอกตาและเดินตามเข้าไป รอยยิ้มจางๆปรากฏที่มุมปาก

     

           ...อย่างน้อยเฮล่าก็รักน้องชายอย่างโลกิพอที่จะไปเสี่ยงโดนทหารล้อมในฟอล์กแวนเกอร์...

     

     

     

           ทั้งสองมาโผล่ที่กลางสรวงสวรรค์ของเหล่าผู้วายชนม์ที่ถูกแบ่งออกมาจากพวกที่ไปวัลฮัลลาครึ่งหนึ่ง

     

           ทุ่งหญ้าเขียวขจีแผ่ไปกว้างสุดลูกหูลูกตา นักรบอินแฮร์ยาร์*ทั้งหลายนั่งชิลกันอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีอยู่ให้เห็นจนนชินตา บ้างก็หยิบขวานออกมาปาใส่หัวเพื่อนร่วมสวรรค์เล่น บ้างก็นั่งคุยกันกะหนุงกะหนิง(ในบ้างนี้มีทั้งคู่ชาย-หญิง, หญิงกับหญิง, และชายที่นั่งคุยกับชาย...สคาดิจะพยายามไม่คิดว่าคู่ที่สามเป็นอะไรที่ในมิดการ์ดเรียกว่าคู่วายละกันนะ) และบ้างก็เล่นดนตรีและกินอาหารว่าง

     

           “เอาล่ะ ข้าไม่อยากจะถามหรอกนะแต่แล้วไงต่อ?” ราชินีแห่งเฮลไฮม์หันมากอดอกถาม

     

           หญิงสาวผมสีเข้มเป่าปาก

           “อืม...ก็ไปคุยกับผู้ดูแลที่นี่ซักหน่อย”

     

           ดวงตาสีฟ้าซีดเหลือบมองเธอ สคาดิเห็นประกายความหวั่นใจในนั้น

     

           เฮล่าสูดลมหายใจลึกและมองไปที่อาคารสีทองที่อยู่ไม่ไกลออกไปนักจากเนินที่พวกเขายืนอยู่

     

           “บอกทีว่าเจ้าจะไม่เข้าไปคุยกับเฟรยา”

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาของผู้เป็นน้องเบนมาสบ คิ้วเข้มเลิกขึ้นในลักษณาการที่ธิดาคนโตแห่งโอดินขอลงความเห็นว่าโคตรกวนบาทา

     

           “นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าจะทำ พี่ข้า”

     

           “เฮ้!! เจ้าตรงนั้นน่ะ” เธอหันไปป้องปากตะโกน อินแฮร์ยีที่นั่งเป่าฟลุ๊ตอย่างสบายใจเฉิบใต้ต้นไม้ใกล้ๆพวกเขาคนหนึ่งสะดุ้งสุดตัวและทำเครื่องดนตรีตก เขาไอแค่กๆด้วยสำลักน้ำลายและยกมือขึ้นทุบอกไปมาเพื่อพยายามบรรเทาอาการนั้น ดวงตาของเขาเลื่อนมาหาหญิงสาวร่างโปร่งสูงทั้งคู่

     

           “ใช่ เจ้านั่นแหละ”

     

           “ขอ...แค่กๆๆๆๆ ขอรับ?”

     

           “นายหญิงของเจ้าอยู่ที่นี่ไหม?” สคาดิเท้าสะเอวและเอียงคอถาม

     

           “เอ่อ...” อินแฮร์ยีคนนั้นทำหน้าครุ่นคิด

           “น่าจะอยู่นะขอรับ”

     

           “ดี” หญิงสาวยิ้ม ร่างเพรียวในชุดสีเทาหันหลังเดินลงจากเนิน ตามด้วยพี่สาวนอกไส้

     

           “ขอบใจมากอินแฮร์ยี ขอให้เจ้ามีชัยในการรบนะ” เธอหันมาโบกแขนเรียวให้เป็นการลาและเดินหายไป

     

           “ข-ขอรับ...” ชายหนุ่มทำหน้าเหลอหลาและโบกมือตอบอย่างเก้ๆกังๆ เขากะพริบตาปริบๆและหันไปหยิบฟลุ๊ตขึ้นมาเป่าต่อ

     

           ...หวังว่าครั้งนี้จะไม่มีใครมากวนสมาธิเขาอีกนะ

     

           สองศรีพี่น้องเดินย่ำหญ้าฝ่าดงพุ่มไม้ วังสีทองที่เป็นที่อยู่ของเทพีเฟรยาในฟอล์กแวนเกอร์ดูใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ บ่งบอกระยะทางว่าใกล้ถึงเต็มที

     

           “เจ้าแน่ใจจริงๆนะว่าเฟรยาคือทางเดียวที่เราจะรู้ว่าโลกิอยู่ที่นี่จริงไหม?” พี่สาวถามขึ้น

     

           สคาดิเบะปากลงและยักไหล่เป็นทำนองว่าก็ไม่รู้สินะ

           “หรือท่านอยากจะบินไปทั่ว เที่ยวถามอินแฮร์ยาร์ว่ามีใครเห็นน้องข้าบ้างไหมและเสียเวลาไปวันสองวัน?”

     

           “ไม่ล่ะ ข้าโอเคกับทางนี้”

     

           ผู้ที่คนโตสุดในบรรดาบุตรธิดาแห่งโอดินกรอกตาจนกลัวว่ามันจะลอยหวือออกจากเบ้าและตกลงไปบนพื้นหญ้า

     

           “ข้าล่ะเหนื่อยใจกับเจ้าจริงๆ น้องข้า”

     

           “ทำไมท่านไม่ชอบเฟรยาล่ะ?” เธอหันมากระดกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม

     

           “ก็...ไม่เชิงไม่ชอบอ่ะนะ” เฮล่าทำหน้าปั้นยาก

           “เรียกว่าเราไม่ถูกกันจะดีกว่า”

     

           “นั่นมันไม่ต่างอะไรกันเลย พี่ข้า”

     

           “หุบปากน่าสคาดิ” หญิงสาวผมดำมองตาขวาง

     

           “ทำไมข้าต้องหุบ?” สคาดิพริ้มตาและยิ้มพร้อมเอียงคอ

           ได้กระตุกหนวดพี่สาวนี่มันสนุกดีจริง

     

           ราชินีแดนคนตายบิดริมฝีปาก

           “อย่าลืมนะว่าใครอัดพวกเจ้ากระเด็นครั้งล่าสุดในแอสการ์ด”

     

           “เซอร์เทอร์ไง” เทพีเหมันต์ยิ้มอ่อน

     

           มือเรียวขาวซีดของพี่สาวปะทะกับหลังหัวของเธอแรงๆครั้งหนึ่ง ส่งให้ร่างเพรียวถลาไปข้างหน้า

     

           “โอ๊ย!!! เฮล่า นี่น้องนะ!” เธอลูบหัวป้อยๆ

     

           “น้องบุญธรรม”

     

           ณ วินาทีนั้น สคาดิก็ชักจะสงสัยว่าตกลงโลกิหรือธอร์เป็นลูกเก็บมาเลี้ยงกันแน่

     

           มันจะเหมือนพี่ชายนอกไส้ของเธอกินไปแล้ว

     

     

     

     





     

     

     

     

           ใครก็ตามที่คิดว่าวังเซสรุมเนียร์ที่เปลี่ยนเป็นเรือได้ของเฟรยานั้นสวยล้ำเลิศอย่างหาที่เปรียบไม่ได้...

           คุณคิดถูก

     

           เซสรุมเนียร์สวยก็จริง แต่มันมีบรรยากาศแปลกๆ

     

           กำแพงโถงที่โค้งเข้ามาอย่างประหลาด(เนื่องจากต้องใช้เป็นท้องเรือในวันสิ้นโลก)นั้นทำให้สคาดิรู้สึกวิงเวียน ไม่นับสีทองที่ระยิบระยับ สำหรับมนุษย์มันคงเป็นที่สุดของที่สุด แต่สำหรับเธอ มันทำให้เธอเอียน

     

           เสียงเพลงที่พวกอินแฮร์ยาร์นี่กำลังดื่มด่ำอยู่ก็เหมือนกัน

     

           นักรบสวรรค์บ้าบออะไรฟังเพลงแร็ปก๊อดของเอมิเน็มฟะ?

     

           ยกพื้นสีเรืองรองอยู่ตรงสุดทางเดินที่ปูด้วยพรมราวกับงานรับรางวัลออสการ์ในมิดการ์ด เหนือบันไดที่มีหลายขั้นจนเธอสงสารเท้าของคนที่จะเดินขึ้นเดินลงนั้น บัลลังก์ทองคำตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่

     

           เหลือบไปเห็นดวงตาสีฟ้าซีดของพี่สาวแข็งขึ้นในทันทีที่ร่างบนนั้นเริ่มมองเห็นได้ชัดเจน

     

           “เด็กๆ” ผู้นั่งบัลลังก์ตบมือดังๆสองสามครั้ง เสียงดังกังวานไปทั่วโถง

     

           ทุกอย่างเงียบลงราวกับอยู่ๆมีใครมากดปิดเสียง

     

           รู้สึกเป็นแขกพิเศษจังเลยแฮะ

     

           “เรามีแขกแน่ะ” ร่างบางในชุดกระโปรงสีพาสเทลและเบจลุกขึ้น ดวงตาสีฟ้าใสที่น่าหลงใหลสำหรับผู้ชายทุกคนแต่กลับน่าหวาดระแวงสำหรับเธอมองมาที่ทั้งสอง

     

           “สคาดิ ข้าได้ยินว่าเจ้าได้บัลลังก์คืนแล้วนี่” เฟรยายิ้มในแบบที่สามารถทำให้เพศชายเกือบทั้งเก้าโลกหัวใจวายตายได้และเดินนวยนาดลงจากบัลลังก์ ชายกระโปรงสีมุกค่อยๆคลายตัวจากวงที่กองอยู่บนพื้นตรงที่เธอเคยนั่งอยู่และเคลื่อนตัวตามขั้นบันไดมาตามเจ้าของ

     

           “เฟรยา” สคาดิก้มหัวลงเป็นการทักทาย

           “ข่าวไปไวนะ”

     

           เทพีแห่งความรักประสานมือเข้าด้วยกัน เส้นผมสีทองสวยงามส่องประกายล้อกับทองคำในห้องโถง

     

           ให้ตาย ออกจากที่นี่ได้เธอคงต้องหาอะไรมากินบำรุงสายตาหน่อย

     

           “เฮล่า” หญิงสาวผมสีทองหันไปหาพี่สาวของเธอ

           “ไม่เจอกันนานทีเดียว เจ้าดู...” ดวงตาสีฟ้าใสกวาดขึ้นๆลงๆตามร่างเพรียวที่อยู่ในชุดรัดรูปสีเขียวดำ

     

           “เจริญวัยขึ้นนะ”

     

           เฮล่าหน้าตึงและพยายามเค้นรอยยิ้มที่ดูเหมือนการแยกเขี้ยวมากกว่า

     

           “ขอบใจที่ชมนะ เฟรยา”

     

           เทพีที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในบรรดาปวงเทพวาเนียร์และแอซีร์เอียงคอเล็กน้อยและเดินมาหยุดตรงหน้าทั้งสอง

     

           “มีอะไรให้ข้าช่วยรึ?”

     

           “เรามาตามหาคน” หญิงสาวผมสีเข้มว่า แขนเรียวยกขึ้นกอดอก

     

           “อู้วว” เจ้าของเรือนผมสีทองสุกปลั่งยกเรียวนิ้วขาวเนียนราวน้ำนมขึ้นมาแตะปาก

     

           “ชู้รักของเจ้ารึ?”

     

           เธอนิ่วหน้าอย่างฉงน

           “ห๊ะ?”

     

           “แหมๆ สคาดิที่รัก” ร่างบางหัวเราะร่วน

           “ไม่ต้องทำเป็นอายหรอกน่า ของอย่างนี้ใครก็มีกัน”

     

           ดวงตาสีฟ้าใสมองมาทางเธอและขยิบตา

           “เชื่อใจข้าได้ ข้าไม่เอาไปบอกวีดาร์หรอก”

     

           “ข้าซื่อสัตย์ต่อความรักของข้า เฟรยา” ดวงตาสีฟ้าเทาคมปลาบราวกับมีด

     

           “โอ้ งั้นคงเป็นคนรักของเจ้าสินะ เฮล่า?”

     

           พี่สาวบิดปากอย่างไม่สบอารมณ์และสลัดแขนทีหนึ่ง เรียกให้สสารสีดำข้นๆไหลออกมาตามแขนและรวมตัวกันเป็นอาวุธแหลมคม

     

           หญิงสาวผมดำก้าวรวดเดียวถึงตัวเฟรยาและจ่อคมหลาวดำนั้นกับคอของเทพี

           เฟรยาสะดุ้งเฮือกตัวแข็ง

     

           อินแฮร์ยาร์ทั้งหลายหยิบคว้าอาวุธและกรูเข้ามาล้อมพวกเขา

     

           “ถ้ายังพล่ามอยู่อีกล่ะก็...” เฮล่าแยกยิ้ม ดวงตาสีฟ้าซีดทอประกายหรรษาอย่างน่ากลัว สสารดำวาวที่แข็งตัวไล้ไปตามใบหน้าสวยงามของผู้ครองฟอล์กแวนเกอร์

     

           “ข้าเกรงว่ามือข้าอาจกระตุกจนทำให้ใบหน้าเจ้ามีรอยแผลเป็นได้”

     

           หญิงสาวผมทองขบกรามและสูดหายใจลึก

           “...ก็ได้”

     

           มือเรียวยกขึ้นเป็นสัญญาณให้นักรบสวรรค์ทั้งหลายถอยและวางอาวุธลง

     

           “ว่ามา พวกเจ้าจะหาใคร?”

     

           สคาดิมองหน้าของเธอ

           “โลกิ”

     

           “หา?” เฟรยาทำหน้าฉงน

           “โลกิเนี่ยนะ?”

     

           “เออสิ โลกิพี่ข้านั่นแหละ”

     

           “เขา...” เทพีผมทองกลืนน้ำลาย ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

           “เขาตายแล้วงั้นเหรอ?”

     

           “...ใช่” หญิงสาวผมดำเลียริมฝีปาก

           “เขาตายแล้ว...เท่าที่เรารู้”

     

           “แล้วอะไรทำให้พวกเจ้าคิดว่าเขาจะมาอยู่ที่ฟอล์กแวนเกอร์?”

     

           “ก็เขาไม่ใช่เทพที่ชอบอะไรวัลฮัลลานัก และเจ้าก็รู้ เขาไหลลื่นจะตาย คุยกับผู้คุมไม่กี่คำเขาก็ไปอยู่สวรรค์ไหนก็ได้แล้ว” หญิงสาวผมสีเข้มกรอกตา

     

           เฟรยาเม้มปาก

           “ได้ เดี๋ยวข้าจะลองเช็คให้”

     

           เธอหันไปทางมุมโถง และสคาดิก็เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าสัตว์เลี้ยงของเทพีองค์นี้น่ากลัวยิ่งกว่าเจ้าของตอนใส่เกราะนำทัพวัลคีรีออกบินเหนือสนามรบเสียอีก

     

           แมวตัวเขื่องจำนวนหนึ่งอยู่ตรงนั้น บ้างก็นอนกรน บ้างก็กำลังหยอกเล่นกัน และบ้างก็นอนหงายท้องขึ้นและเขี่ยปมไหมพรมอย่างสบายใจ

     

           คำว่าตัวเขื่องในที่นี่หมายถึงขนาดตัวที่ใหญ่พอที่จะให้คนสองสามคนเข้าไปนอนเล่นในนั้นได้เลย

     

           มิน่าเฟรยาถึงไม่เคยใช้ม้าเทียมรถศึก ใช้แต่แมว

     

           แมวมันตัวใหญ่กว่าม้านี่เอง

     

           “สัตว์เลี้ยงผู้น่ารักของข้า...” ดวงตาสีฟ้าซีดมองแมวตัวหนึ่ง

           “ไปเอาบัญชีคนตายที่อยู่ในฟอล์กแวนเกอร์มาให้ข้าหน่อยซิ ไม่เอาบัญชีผู้ที่ตายในสนามรบเหมือนคราวที่แล้วนะ บัญชีวิญญาณที่อยู่ในฟอล์กแวนเกอร์ เข้าใจมั้ยจ๊ะ?”

     

           แมวสามสีตัวหนึ่งลุกขึ้นมาครางรับและเดินหายไปในซุ้มประตูด้านหลังพวกมัน หางยาวๆนั้นหายลับเข้าไปในทางเดินครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาพร้อมกับหนังสือปกหนังเล่มหนาเตอะที่ดูเก่าแก่พอๆกับประวัติศาสตร์แอสการ์ดในปาก

     

           ใช่ ในปาก

     

           คิดว่าแมวจะเอาอวัยวะไหนถือของหนักล่ะ? หางรึไง? กระดูกได้หักกันพอดี

     

           “ขอบใจจ้ะ” เฟรยาดึงหนังสือบัญชีออกมาจากคมเขี้ยวสัตว์เลี้ยงของเธอ

     

           ดีที่มันยังแสนรู้พอที่จะใช้ริมฝีปากยึดสมุดเล่มนั้นให้อยู่กับที่แทนฟันแหลมคม ไม่งั้นคงได้คัดใหม่กันสนุกล่ะ

     

           แมวเขื่องตัวนั้นเอาหัวถูไถกับนายหญิงของมันอย่างรักใคร่และครางเบาๆในลำคอ เทพีผมทองหัวเราะด้วยเสียงกังวานที่สามารถพิชิตใจชายมานักต่อนักและเกาคางมันกลับ

     

           “ไหนดูซิ” นิ้วบางปัดผ่านหน้าหนังสือ บัญชาให้มันเปิดออกและพลิกไปถึงหน้าที่ต้องการในขณะที่มือข้างที่ว่างหยิบแว่นตาสีชมพูพาสเทลตรงแท่นข้างบันไดบัลลังก์ขึ้นมาใส่

     

           “อืม...เขาตายมากี่วันแล้ว”

     

           “ข้าว่าเขาน่าจะตายมาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์” สคาดิว่าและแอบชะเง้อมองขณะที่ร่างบางในชุดสีมุกกดนิ้วลงบนหน้ากระดาษและไล่ดูรายชื่อผู้อยู่อาศัยในสวรรค์ฝั่งวาเนียร์

     

           “เอ” เฟรยาเอียงคอ

           “ไม่มีนะ”

     

           “เจ้าแน่ใจนะ?” เฮล่ากอดอกและขมวดคิ้ว

           “เขาอาจแอบวาร์ปเข้ามากบดานอยู่ที่นี่ก็ได้”

     

           “ที่รัก” เทพีทำหน้าเนือยๆและเงยหน้าขึ้น

     

           “บัญชีนี่ลงอาคมไว้ ใครก็ตามที่เข้ามาอยู่ในนี้หรือออกจากที่นี่จะถูกบันทึกชื่อลงไปโดยอัตโนมัติ นั่นคือเหตุผลที่ทำไมไม่มีวาเนียร์องค์ไหนได้งานเป็นนักจดบัญชีของข้า”

     

           สองพี่น้องแลกสายตากัน

     

           แล้วโลกิจะไปอยู่ไหนได้ฟะ?

     

           “...เจ้าแน่ใจนะว่าเขาตาย?” เฟรยาถามอย่างระมัดระวัง

     

           “ก็ไม่แน่ไงถึงมาเช็คกับเจ้าว่าเขาหนีมาอยู่นี่รึเปล่า” หญิงสาวผมดำถ่ายน้ำหนักไปที่ขาอีกข้าง

     

           “โอ้ งั้นก็ขอให้โชคดีกับการตามหาเขานะ”

     

           “อืม” อดีตเจ้าหญิงแห่งแอสการ์ดพยักหน้ารับและหันหลังเตรียมเดินออกไป

           “ธุระพวกข้ามีแค่นี้แหละ ขอบใจสำหรับการช่วยเหลือ เฟรยา”

     

           “ด้วยความยินดีจ้ะ น้องสะใภ้ที่รัก”

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาตวัดมองพี่สะใภ้ และเฮล่าคิดว่าใบหน้าของน้องสาวขึ้นสีแดงเป็นริ้วจางๆ

           “ข้ากับเขายังไม่ได้แต่งงานกัน”

     

           “โอ้” เฟรยาห่อปากเป็นรูปตัวโอ ก่อนจะยิ้มอ่อน

           “เดี๋ยวก็ได้แต่ง”

     

           ขณะที่พวกเธอกำลังเดินออกจากเซสรุมเนียร์นั้นเอง เสียงของเทพีแห่งความรักและสงครามก็แว่วขึ้น กังวานไปทั่วโถงที่ออกแบบมาเพื่อให้เกิดเสียงสะท้อน

     

           “อ้อ และเฮล่า...หาคู่ครองให้ได้ไวๆล่ะ ข้าจะตั้งตารองานแต่งของเจ้านะ”

     

           ราชินีแห่งแอสการ์ดที่ครองราชย์ได้ไม่ถึงวันก็ถูกปีศาจไฟนรกทำลายอาณาจักรเบะปาก

     

           “หุบปาก เฟรยา”

     

           ผู้ถูกขู่ไม่ได้มีอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด หนำซ้ำยังหัวเราะคิกคักด้วยความหรรษา

     

           “ถ้ามีปัญหาความรักอะไรล่ะก็...ข้ารับปรึกษานะจ๊ะ”

     

           ดวงตาสีฟ้าซีดกรอกไปมาสามร้อยหกสิบองศา

           “...พวกเทพีผมทอง”

     

           มือเรียวของสคาดิตวัด สร้างกระแสสีฟ้าที่ขยายจนกลายเป็นประตูมิติ

     

           แล้วทั้งสองร่างก็หายลับไปจากฟอล์กแวนเกอร์

     



     


    *ฟอล์กแวนเกอร์ – สวรรค์ที่ปกครองโดยเทพีเฟรยา วิญญาณนักรบที่ตายในสนามรบทั้งหมด ครึ่งหนึ่งจะไปที่วัลฮัลลา และอีกครึ่งหนึ่งมาที่นี่ มีวังชื่อเซสรุมเนียร์ เมื่อวันสิ้นโลกมาถึงและเกิดน้ำท่วมใหญ่ทั่วทุกดินแดน วังนี้จะถูกพลิกขึ้น กลายเป็นเรือบรรทุกเหล่าอินแฮร์ยาร์เพื่อรอวันที่แผ่นดินใหม่โผล่พ้นน้ำ

    **อินแฮร์ยาร์ – วิญญาณที่ตายในสนามรบหรือตายโดยการสู้รบ(วิญญาณนักรบนั่นแหละ) เอกนามเรียกอินแฮร์ยี








     

     

     

     

     

    TALK WITH FM

    มาแว้ววววววววววววววววววววว

    เอ๊ะกิหาย กิจะไปอยู่ที่ไหนได้น้าาาา?????

    //กิไปมุดหัวอยู่ไหนลูก ตอบ!!

    แล้วตกลงสองศรีพี่น้องพลังหญิงจะไปควานหาน้อง/พี่ชายตัวดีจนเจอมั้ย?

    อิพิท้อล่ะ นางจะหายเฮิร์ทมั้ย?

    รออ่านกันต่อไปนะตัวเธออออออออออ

    เจอกันตอนหน้านาจ๊ะ

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×