คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : Short Fic. || H O M E (Odinson Family feat. Thorki)→ ᴘᴀʀᴛ 1
Title
: H O M E
Auther
: Fengmii
Pairing
: None (Odinson Family)...with a little bit of (Thorki)??
Genre
: Short Fiction (1/?)
Note
: After Asgard was burnt and Thanos snapped his fingers…
H O M E
o d i n s o
n . f a m i l y
[i]
home,
the place where i can go
to
take this off my shoulders
someone take me home
yeah someone take me home
สงครามคือความสูญเสีย
ใครที่บอกว่าสงครามคือชัยชนะ...
คนผู้นั้นไม่เคยรู้ซึ้งถึงสงครามเลย
สคาดิมองร่างของพี่ชายคนโตที่ทรุดอยู่บนพื้นหญ้าแห่งดินแดนวากานด้าด้วยดวงตาสีฟ้าเทาคู่นั้น
เธอไม่ได้เข้าไปลูบหลังเขาหรือปลอบใจเขาหลังจากรู้ข่าวพี่ชายคนรองแต่อย่างใด
กลับกัน เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เดินผ่านประตูมิติจากอาณาจักรเอลฟ์น้ำแข็งเข้ามาแล้ว
ร่างโปร่งตัดสินใจถอนหายใจยาวและพูดออกมาเป็นประโยคแรกนับตั้งแต่กลับมามิดการ์ด
“ลุกขึ้น ธอร์”
สตีฟที่ยืนอยู่ใกล้ๆเลียริมฝีปาก
“สคาดิ ฉันว่า--”
“ลุกขึ้น”
หญิงสาวไม่สนใจเสียงค้านจากเพื่อนร่วมทีม เธอยกแขนขึ้นกอดอกและกล่าวย้ำด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นกว่าเดิม
เขาจะมานั่งหมดอาลัยตายอยากแบบนี้ไม่ได้
เธอไม่ยอม
พี่ชายผมสั้นกุดที่ได้ข่าวว่าเป็นฝีมือของแกรนด์มาสเตอร์แห่งดาวซาคาร์ยังคงนั่งนิ่ง
หันหลังให้กับทั้งกลุ่ม
ไหล่กว้างสั่นนิดๆขณะที่เสียงสะอื้นเบาๆดังขึ้นชัดเจนเนื่องจากความเงียบงันรอบด้าน
“ลุกขึ้น” หญิงสาวเดินเข้าไปใกล้ขึ้นอีกก้าวหนึ่ง
“ร้องไห้ไปโลกิก็ไม่ฟื้นหรอกนะ”
นั่นทำให้พี่ชายตัวโตผุดลุกขึ้นมาอย่างเดือดดาล
ดวงตาสีฟ้าเข้มวาวโรจน์ขณะที่เขาชี้หน้าเธอด้วยความโมโห
“เจ้าจะไปรู้อะไร?!!!”
“...เหรอ?” สคาดิเชิดหน้าขึ้นและถามย้ำ
ธอร์นิ่งงันไป
ขายาวก้าวข้าไปอีกจนแทบชิดร่างของเขา
“...พูดอีกทีซิ?”
นาตาชาเม้มปากละกลืนน้ำลายเบาๆ
เอาล่ะสิ
“ข้า...จะไปรู้อะไร...งั้นเหรอ?”
หญิงสาวแค่นเสียงเหอะ
“เจ้าลืมไปรึเปล่า พี่ข้า?”
“ว่าข้าน่ะ...สนิทกับโลกิมากกว่าท่านอีกหลายเท่า?”
เทพสายฟ้าสะอึก
“ลืมไปแล้วรึไงว่าข้าน่ะรู้จักเขามาเกือบทั้งชีวิตของข้า?”
“สคาดิ--”
“เคยคิดบ้างไหม...”
เมื่อเห็นเขาพยายามก้าวถอยหลัง เธอก็ก้าวตาม
ดวงตาสีฟ้าเทานิ่งเรียบราวกับบ่อน้ำลึกที่ยากหยั่งถึง
“เคยคิดบ้างไหมว่าข้าก็รู้สึกไม่ต่างกับท่านตอนได้รู้ว่าพี่ชายคนเดียวที่ข้าสนิทได้ตายลง...เพียงเพราะพยายามปกป้องท่าน!!!” เทพีเหมันต์แทบจะตะโกนใส่หน้าเขา
รอบด้านเงียบสงัด
อเวนเจอร์สที่เหลืออยู่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ทีนี้...” สคาดิสูดหายใจลึก
“จะเข้าไปข้างในได้รึยัง?”
“เป็นไงบ้าง?”
กัปตันอเมริกาถามเมื่อเธอออกมาจากห้องหลังจากการพาพี่ชายไปนอนพักเหนื่อย
สคาดิส่ายหน้าเบาๆ
“...ดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ไม่”
“เขาไม่ค่อยจิตตกแล้วนี่?”
หญิงสาวในชุดรัดรูปสีดำกอดอก
“ถ้าโตมากับเขาแล้วจะรู้ว่ามันไม่ใช่เลย”
เธอถอนหายใจ
“เขามักจะพยายามปกปิดความเจ็บปวดไว้เบื้องหลังความบ้าบอเสมอ
มันเป็นนิสัยที่แก้ไม่เคยหายของเขา”
ทั้งสามเดินไปด้วยกันในทางเดินวังของวากานด้า
“หายไปไหนมาตั้งหลายปี?”
ชายหนุ่มผมทองถามขึ้นในที่สุด
“เหมือนกับนายนั่นแหละ โรเจอร์ส
หายหัวไปไหนมา? หนวดขึ้นจนแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมอยู่แล้ว”
สตีฟสะอึกเมื่อเจอสกิลการตอกหน้าของเธอเข้าไป
“มีหลายเรื่องเกิดขึ้นเลยล่ะ”
หญิงสาวผมสีเข้มขบริมฝีปาก
“ตอนนี้ฉันเป็นราชินีของอาณาจักรน้ำแข็งในอัลฟ์ไฮม์”
“ฉันต้องเรียกเธอว่าฝ่าบาทอีกคนมั้ยเนี่ย?”
นาตาชาขมวดคิ้ว
“แค่นี้ก็เกร็งจะแย่อยู่แล้ว”
สคาดิหัวเราะเบาๆในลำคอ
“ไม่หรอก”
“ฉันครองราชย์ไม่กี่ปี รอน้องชายต่างแม่โตก่อนแล้วค่อยสละบัลลังก์”
“จะว่าไป ผมใหม่เธอเฟี้ยวดีนะนาตาชา”
สายลับสาวเลิกคิ้ว
“จริงดิ? ขอบใจนะ”
พวกเขาเดินมาถึงแล็บขององค์หญิงแห่งวากานด้าและพบว่าเด็กสาวผิวเข้มกำลังนั่งหันหลังให้พวกเขาอยู่
ไหล่บางๆของเธอสั่นน้อยๆอย่างพยายามอดกลั้นเสียงสะอื้น
ความสูญเสียมีให้เห็นทุกที่
แม้แต่ในตาของกัปตันอเมริกาคนเก่ง
ได้ข่าวว่าเขาเสียบัคกี้ บาร์นส์ไป
แถมโทนี่ก็ไม่ได้ติดต่อมาเลย
“องค์หญิงชูรี” ชายหนุ่มเรียกเบาๆ
ส่งผลให้เธอหันขวับมาอย่างตกใจ ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“อ...พวกคุณนี่เอง” เช็ดน้ำตาออกไปลวกๆ
ชูรีรีบเลื่อนตัวลงมาจากโต๊ะสีขาวที่กำลังนั่งห้อยขาอยู่และวางของที่อยู่บนตักลง
ดวงตาสีฟ้าเทามองตามและพบว่ามันคือรองเท้าแตะหนังสีดำคู่หนึ่ง
“แล้ว...คุณคือ...”
“สคาดิ เทพีแห่งเหมันต์”
หญิงสาวผมสีเข้มยื่นมือออกไปข้างหนึ่งและยิ้มบางๆให้
“ยินดีที่ได้รู้จัก องค์หญิง”
“ชูรี อูดาคู” เจ้าหญิงน้อยนักวิทย์จับมือตอบและเขย่าเบาๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
“นั่นของแฟนคุณเหรอ?” สคาดิเลิกคิ้ว มองรองเท้าคู่นั้น
“ของ...” ชูรีอึ้งไปครู่หนึ่ง
“ของพี่ชายฉันน่ะ ทีชัลล่า
กษัตริย์แห่งวากานด้า...อย่างน้อยก็เคยเป็น” เธอถอนหายใจ
“เขาเรียกมันว่ารองพระบาทราชประแตะ”
ดวงตาสีดำกลมโตมีน้ำตารื้นคลอหน่วยขณะที่เธอพูดประโยคนั้นออกมาอย่างยากลำบาก
“เสียใจด้วย” เทพีเม้มปาก
รู้มาว่าทีชัลล่าเองก็สลายไปเหมือนกัน
หญิงสาวพรูลมหายใจออกและเอนตัวพิงกับระเบียง
จ้องมองท้องฟ้าสีเข้มที่ประดับด้วยดวงดาวด้านนอก
ดวงตาของเธอกวาดมองความเสียหายตรงสนามหญ้าด้านล่าง
ธานอสก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้
เท่าที่เธอฟังข้อมูลมา
ถุงมือนั่นพังไปแล้วและเขาก็คงต้องหาภาชนะใหม่ที่จะรองรับพลังของอินฟินิตี้สโตนทั้งหกเม็ดให้ได้
โดยเร็วด้วย
ก่อนที่เธอจะบุกไปฟัดเขาถึงที่
สคาดิเล่นกับนิ้วตัวเอง
คิดถึงแววตาโศกเศร้าปนคั่งแค้นของพี่ชายคนโตก่อนที่เขาจะหลับไปด้วยเวทย์ของเธอ
ขาเรียวในรองเท้าบู๊ทหนังพาร่างโปร่งเข้าไปในทางเดินอีกครั้ง
เธอเข้าไปในห้องนอนของพี่ชายและคงจะหาฟูกมาปูรองนอนเฝ้ากันไม่ให้เขาทำอะไรบ้าๆ(เช่น
ฆ่าตัวตาย...โอเค ฟังดูงี่เง่าจริง แต่มันก็เกิดขึ้นได้)แล้วถ้าร่างบนเตียงไม่พลิกตัวไปมาอย่างกระสับกระส่ายและพึมพำชื่อของใครคนหนึ่งออกมา
“...โลกิ...”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
มือชะงักค้างอยู่ในท่าวางฟูกหนานุ่มลงบนพื้น
อดไม่ได้ที่จะปล่อยให้ความหม่นเศร้าแล่นผ่านดวงตา
พี่ชายผมดำ...
ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ?
เขาจะอยู่ที่วัลฮัลลาหรือเฮลไฮม์?
ฟอล์กแวนเกอร์*น่ะเหรอ? ไม่อยู่แล้ว
นั่นมันที่สำหรับพวกวาเนียร์
หญิงสาวล้มตัวลงนอน
หัวหนุนหมอนที่คว้ามารองไว้ทัน
เปลือกตาปิดลง กล่อมตนเองให้เข้าสู่นิทรา
แอสการ์ด...หรืออีกคำหนึ่งคือเศษซากของอาณาจักรแอสการ์ดลอยละล่องอยู่ในห้วงอวกาศ
แต่ส่วนใหญ่ยังกระจัดกระจายอยู่ที่เดิมที่มันเคยตั้งตระหง่านอยู่
นครแห่งทวยเทพที่ทั้งยิ่งใหญ่และสวยงาม
เป็นเลิศด้านวิทยาการและวิวัฒนาการ
...สุดท้ายก็ยังเหลืออยู่แค่นี้...
สคาดิพบร่างของคนที่ไม่สามารถเรียกได้เต็มปากว่ามิตร
และไม่สามารถเรียกได้เต็มปากว่าศัตรูเช่นกันนั่งอยู่ตรงซากที่ยังคงมีลายของพื้นหินและเสาโค้งชัดเจนอยู่
เป็นเศษซากที่มีชิ้นใหญ่ที่สุดแล้ว
หญิงสาวผมสีเข้มที่กำลังลอยตัวอยู่ใช้พลังดันหินที่ขวางทางร่อนลงออกไปและลงจอดบนพื้นหินอย่างนุ่มนวลเงียบเชียบ
“ข้าชอบมานั่งตรงนี้”
ผู้นั่งอยู่มาก่อนแล้วว่า
“ตั้งแต่ข้ายังเด็ก...และยังไร้เดียงสา”
สคาดิสืบเท้าเข้าไปใกล้
“ตรงนี้เคยมีต้นแอปเปิ้ลอยู่”
มือขาวซีดตบปุๆลงตรงพื้นที่ว่างเปล่าใกล้ตัว
“ข้าเคยเด็ดผลของมันมานั่งกินและมองขึ้นไปยังหอคอยนั้น...”
คนผู้นั้นชี้ไปบนท้องฟ้าที่เวิ้งว้าง
“...จินตนาการว่าข้าบินได้และสามารถมองเห็นแอสการ์ดได้ทั้งหมดบนยอดนั่น”
“แล้วเจ้าเคยไหม...พี่ข้า?” ราชินีเอลฟ์น้ำแข็งถามขึ้นในที่สุด
“เคยได้...บินไปเหนือเมืองนี้ไหม?”
คู่สนทนาหัวเราะเสียงขึ้นจมูก
“ไม่...ข้าไม่เคย”
“มีธุระอะไรถึงมาที่นี่ สคาดิ?” เจ้าของดวงตาสีฟ้าซีดและเส้นผมยาวดำสนิทหันหน้ามาเล็กน้อยให้เห็นเพียงซีกหน้า
“นอนไม่หลับ เลยมาบินเล่นที่บ้านเก่า
เผื่อจะเจอเจ้า” หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มตอบกลับ
ผู้นั้นทำเสียงอืมเบาๆในลำคอ
“ข้าอยากให้เจ้าช่วย เฮล่า”
เฮล่าหรี่ตาลง
“ว่ามา”
“ในอาณาจักรของเจ้า
เจ้าเห็น...โลกิบ้างไหม?”
ราชินีแห่งแดนคนตายหันหน้ากลับไปถอนหายใจขึ้นเบื้องบน
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน
“ข้าจำคนไม่เก่งด้วยสิ”
“แล้วเจ้าจำเขาได้ไหม?”
ผู้เป็นน้องเดินมาใกล้
“แน่อยู่แล้ว” แทบไม่เสียเวลาคิด
ธิดาแห่งโอดินกระตุกยิ้มมุมปาก
“ใครเล่าจะมีดวงตาสีเขียวมรกตและหล่อเหลาเจ้าเล่ห์เช่นพี่ชายคนรองของเจ้า?”
“แต่เจ้าไม่เห็นเขาที่เฮลไฮม์?” สคาดิกลั้นใจถามออกไป
ขอล่ะ
ขอแค่ให้ได้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนกันแน่
“อืม...” นิ้วเรียวผอมๆของพี่สาวแตะลงที่คางอย่างครุ่นคิด
“ไม่ ข้าว่าเขาไม่อยู่
เพราะถ้าเจอกันอีกทีเขาคงหยอดมุกใส่ข้าอย่างที่มักทำ”
“เขาตายแล้ว?”
น้องสาวคนเล็กเม้มปากและพยักหน้าเบาๆ
“ใช่ ต่อหน้าต่อตาธอร์”
“เจ้าน้องแรงควายนั่นคงจิตตกไม่น้อย” หญิงสาวผมดำกระตุกยิ้ม
“แล้วตอนเขาตาย มือยังแตะอาวุธอยู่ไหม?”
“เท่าที่เห็นจากในหัวธอร์
เขาโดนธานอสบีบคอจนตาย...กริชที่เขาจะใช้แทงมันคงกระเด็นหายไปไหนต่อไหนแล้ว”
“ผู้ที่วางวายอย่างมีเกียรติในการต่อสู้และยังถืออาวุธอยู่ในมือขณะที่ตายจะไปที่วัลฮัลลาหรือฟอล์กแวนเกอร์
และผู้ที่ไม่จะไปที่เฮลไฮม์” เฮล่าเอียงใบหน้าที่งดงามปนน่ากลัวนั้นอย่างครุ่นคิด
“...เจ้าแน่ใจนะว่าเขาตาย น้องข้า?”
“เจ้าหมายความว่า?” ดวงตาสีฟ้าเทาสบกับสีฟ้าซีด
หญิงสาวผู้น้องอ้าปากค้าง
“โลกิเป็นเลิศด้านมายาและการลวงตา”
เทพีแห่งความตายย่นหัวคิ้วและมองหน้าน้องสาว
ร่างเพรียวในชุดสีดำและเขียวค่อยๆหันตามจนทั้งสองประจันหน้ากัน
“แถมยังเคยหลอกทั้งแอสการ์ดถึงสองครั้งสองคราว่าตายไปแล้ว”
“นอร์นช่วย” สคาดิเบิกตากว้าง
“เป็นไปได้ไหม...” คู่สนทนาลูบคางและเม้มปากอย่างชั่งใจ
“เป็นไปได้ไหมที่โลกิยังไม่ตาย?”
TALK WITH FM
ฟิคสั้นใหม่อันเป็นศูนย์รวมครอบครัวเทพสุดแปลกประหลาดเฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้วไฮเปอร์ไบโพล่าร์ยิ่งกว่าในเรื่องดิอัมเบรลล่าอะคาเดมี
(ในเน็ตฟลิกซ์นะทุกคน
สนุกมากบอกเลย)
น้องกิตายจริงรึเปล่าน้าาาา??
ทางมาร์เวลออกมาพูดทำนองว่ากิได้จากเราไปแล้ว
แต่ อย่างที่ทุกคนรู้...ค่ายนี้ชอบสับขาหลอกค่ะทุกคน
ฉะนั้น
ถ้าหนังยังไม่ออกเป็นตัวเป็นตน เราจะไม่เชื่อเด็ดขาดว่าน้องม่องด้วยสกิลการโช้คคอของนังหัวมันม่วงธานอสนะะะะ
เรามาลุ้นไปด้วยกันว่าตกลงมาร์เวลจะกระทำการอะไรกับโลกิของเรากันเถอะ
#กิต้องไม่ตาย
#กิตายไม่ได้
#ถ้ากิตายแล้วพี่ท้อจะคู่กับคร๊ายยยย
เจอกันตอนหน้าค่าาาา
ด้วยรักและถุงกาว
เฟิงมี่ค่ะ>3<
ความคิดเห็น