ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #24 : ❤️VALENTINE SPECIAL🌹

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.พ. 62


    VALENTINE SPECIAL

    Roses are Cliché

     



     

    ปล. เรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก CHRISTMAS SPECIAL นาจ๊ะ







     

           ร่างสูงๆในเสิ้อยืดธรรมดาๆที่ไม่สามารถปกปิดความโดดเด่นได้เดินเข้าไปในร้านเบเกอรี่ มือเรียวยาวแสนเพอร์เฟ็คผลักประตูให้เปิดออกและสาวเท้าเข้าไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่ว่าง

     

           “เดนิชลูกเกดกับคาปูชิโน่ร้อนที่หนึ่งครับ” ชายหนุ่มผมสีทองสว่างสั่งรายการกับพนักงานสาว

     

           เธอพยักหน้ารับยิ้มๆและจดลงไปในกระดาษโน้ตอย่างรวดเร็ว

           “สักครู่นะคะ”

     

           ร่างเล็กที่น่าจะมีเชื้อเอเชียอยู่ของเธอหันหลังและหายแว๊บเข้าไปในครัว

     

           เพียงไม่นาน ขนมปังเดนิชหอมกรุ่นและกาแฟสีอ่อนควันฉุยในแก้วเซรามิคก็ถูกนำมาเสิร์ฟ

     

           “ขอบคุณครับ” กล่าวรับและเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์เพื่อยิ้มให้ แต่กลับพบใครบางคนแทนเธอคนนั้น

     

           “ไง” ชายหนุ่มผมดำเสยผมที่ยาวประบ่าของตนและนั่งลงตรงข้ามเขา ดวงตาสีมรกตเจิดจ้าจ้องตรงมาทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

     

           ให้ตาย เจอมาไม่รู้กี่ครั้งก็ยังไม่ชิน

     

           “ไง” เจ้าของดวงตาสีฟ้าสว่างทักตอบ

           “อุตส่าห์มาเงียบๆแล้วนายยังรู้อีก ยอมใจจริงๆ”

     

           “เรเน่จำได้ว่าเห็นหน้านายผ่านๆจากในไอจีของสคาดิเลยไปบอกฉัน” คู่สนทนาเอียงคอ

           “ไหนบอกพี่เขยมาซิว่าวันนี้เกิดครึ้มอกครึ้มใจอะไรขึ้นมาถึงมากินขนมร้านฉัน”

     

           “พระเจ้า โลกิ” ชายหนุ่มใบหน้าคมคายสำลักกาแฟ ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีแดงชัดเจน

     

           “ผมกับแคดเพิ่งคบกันเองนะ”

     

           “เด็กห้าขวบดูก็รู้ วีดาร์” โลกิ ลาฟฟี่ซันเอนตัวข้ามโต๊ะมาหาเขา

           “นายกับน้องฉันน่ะมี...สายใยบางอย่างทำให้สนิทกันมาก พวกนายรู้แทบทุกอย่างของกันและกัน ต่อให้จัดงานแต่งพรุ่งนี้พวกนายก็คงจะโอเค แถมคงยังช่วยกันรวมหัวออกแบบงานให้ออกมาทั้งสวยและตรงกับแบบที่พวกนายชอบด้วย เชื่อฉันสิ”

     

           วีดาร์ แวนไชล์ดพยายามเสตาไปทางอื่นและพุ่งความสนใจไปที่ขนมปังในจานน่ารักตรงหน้าแทน

     

           ดูเหมือนโลกิจะหมดสนุกเร็วกว่าที่คิด ชายหนุ่มร่างเพรียวบางเด้งกายกลับไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ดังเดิม

     

           “เอาล่ะ กลับมาที่คำถามของเรา...นายมานี่มีธุระอะไร?”

     

           ริมฝีปากงดงามน่าจุมพิตของชายหนุ่มเม้มเข้าด้วยกัน ฝ่ามือทั้งสองแนบลงกับถ้วยกาแฟราวกับว่าไออุ่นจากนั้นจะช่วยให้เขามีความมั่นใจขึ้นมาบ้าง

     

           “อีกไม่กี่วันก็จะวาเลนไทน์แล้ว...”

     

           ชายหนุ่มเจ้าของร้านพยักหน้าเป็นสัญญาณว่ากำลังรับฟังเขาอยู่ มือสวยสีขาวซีดราวกับของผู้หญิงยื่นออกมาเท้าคาง ดวงตายังไม่ละจากว่าที่น้องเขยไปไหน

     

           “คือ...ผมจะมาถาม...ว่า...” ถึงจุดนี้ วีดาร์ก็เหมือนกับเป็นใบ้ไปดื้อๆ เขาพยายามใช้เวลาเค้นความกล้า

     

           “ว่า...” คนตาเขียวแทบไม่รู้เลยว่ากำลังจิกโต๊ะจนเจ็บนิ้วอยู่

     

           “สคาดิชอบกุหลาบสีอะไรเหรอ?” ชายหนุ่มผมทองพูดประโยคนั้นออกมารัวเร็วราวกับปืนกล ใบหน้าขึ้นสีอีกครั้ง

     

           คิ้วที่ขมวดกันของชายหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายของคนรักและแฟนของรุ่นพี่คลายลงในทันที

     

           เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาจากลำคอของโลกิขณะที่รอยยิ้มกว้างเริ่มปรากฎชัดขึ้น ในที่สุด เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

     

           “อ๋อ เรื่องนั้นนั่นเอง”

     

           “เฮ้ ผมซีเรียสนะ” วีดาร์ถลึงตา

     

           “โธ่ พ่อหนุ่มอินเลิฟเอ้ยยย” มือบางของคู่สนทนาเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมาของตนออกขณะที่หัวเราะไปด้วอย่างห้ามไม่อยู่

     

           “นายแพลนจะเอาดอกกุหลาบไปให้น้องฉันจริงดิ? ดอกกุหลาบเนี่ยนะ?”

     

           ดวงตาสีฟ้าอ่อนกรอกไปมา

           “ใครๆเขาก็ทำแบบนี้กันช่วงวาเลนไทน์”

     

           “เฮ้อ” โลกิถอนหายใจและทำท่าเป็นการเป็นงานขึ้นมา

     

           “ฟังพี่เขยนะไอ้น้องชาย กุหลาบน่ะมันน่าเบื่อ...สคาดิเอียนกับพวกมันมาตั้งแต่ตอนที่หนุ่มๆขนมันมากองไว้หน้าห้องเธอในวันวาเลนไทน์ช่วงที่เธออยู่ปีสี่ของมหาลัยแล้ว”

     

           “แล้วผมต้องเอาอะไรให้เธอ?” คิ้วเรียวสีเข้มขมวดเข้าหากันพลางงับเดนิชเข้าไปหนึ่งคำ

     

           “ก็นะ...” พี่แฟนยักไหล่

           “สคาดิชอบสีโทนเย็น ชอบอะไรเรียบๆไม่หวือหวาขนาดนั้น” นิ้วเรียวชี้ไปนอกหน้าต่างทำให้เขามองตาม เห็นกุหลาบช่อมหึมาอยู่ตรงแผงดอกไม้จากอีกฝั่งของถนน

     

           “นายลองไปหาดูละกันว่าจะมีดอกไหนที่พอจะส่งผ่านความรู้สึกถึงเธอได้ดีกว่ากุหลาบไหม”

     

           วีดาร์หรี่ตาลงและค่อยๆคิดตาม

     

           “เรียบๆ...ความหมายลึกซึ้ง...ส่งผ่านความรู้สึกได้ดีกว่ากุหลาบ...”

     

           ชายหนุ่มผมทองทำหน้าเหมือนคิดออกและรีบเก็บข้าวของ

           “ผมต้องไปละ มีร้านดอกไม้สองสามร้านที่ต้องแวะไปเช็คสักหน่อย”

     

           “แล้วได้คิดรึยังว่าจะพาเธอไปทำอะไรบ้าง?” คู่สนทนาถามขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้ร่างสูงที่เพิ่งกระดกกาแฟเสร็จนิ่งไปจังหวะหนึ่ง

     

           “อ่า...” เขาขมวดคิ้ว

           “โอ้ ยังเลย”

     

           “พาเธอไปที่ที่เธอไม่เคยไปแต่ชอบอะไรแบบนั้นมากๆ” นิ้วเรียวราวลำเทียนยกขึ้นมาให้คำแนะนำ

     

           “โอเคฮะ”

     

           รอยยิ้มบางๆถูกจุดขึ้นบนใบหน้าหวานของโลกิ เขาเอื้อมมือข้ามโต๊ะขณะที่ยืดกายขึ้นมาขยี้ผมสีทรายของแฟนน้อง

     

           “สู้ๆละกันนะวีดาร์”

     

           “ครับ” เขายิ้มตอบ งับเดนิชลูกเกดที่ยังไม่หมดเข้าปากและเดินออกไปนอกร้านอย่างเร่งรีบพร้อมกับตวัดแจ็คเกตขึ้นมาคลุมกาย

     

           “อ้อ เดนิชนี่ขอฟรีนะ อร่อยมากเลย”

     

           หน็อย

           ไอเด็กแสบ

     

     

     







     

     

     

     

           “แคด” ร่างสูงทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างกายแฟนสาว

     

           “หืม?” สคาดิละสายตาจากหนังสือประวัติศาสตร์อังกฤษและหันมามองพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูกี่ครั้งก็น่ารัก

     

           “วันนี้เหนื่อยจัง ขอนอนตักหน่อยได้มั้ย?”

     

           “เอาสิ” มือเรียวดึงหมอนใบเล็กมาวางบนตัก รองศีรษะของชายหนุ่มได้พอดิบพอดี

     

           วีดาร์ขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้นอนได้สบาย

     

           “วาเลนไทน์นี้มีที่ไหนอยากไปมั้ย?”

     

           หญิงสาวแตะคางและเอียงหัวที่ผมถูกมัดเป็นมวยหลวมๆแบบที่ชอบทำ ใบหน้าครุ่นคิด

     

           “ไม่มีนะ...อยู่กับนายดีกว่า”

     

           โกหก

     

           ดูก็รู้

           แฟนเขาโกหกไม่เคยเก่งเลย

     

           “อืม” ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม

     

           เธอยกหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ ปล่อยให้เขาพินิจกรอบหน้างดงามนั้นจากมุมแหงนไปเรื่อยๆ

     

           “ถ้าเธอจะไปนอนล่ะก็ ปลุกฉันด้วยนะ” เขาว่าพลางหลับตาลง เตรียมตัวจะหลับ

     

           “ได้สิ”

     

           สคาดิชอบประวัติศาสตร์...ชอบอะไรโบราณๆและมีเรื่องราว

           มีที่ไหนในลอนดอนบ้างที่พอจะตอบโจทก์นั้นได้?

     

           อืม...

     

           ที่นั่นจะคนเยอะไปไหมนะ?

     

           เธอไม่ชอบที่ๆแออัด มักจะบ่นกับเขาว่าหายใจไม่ออกและร้อนทุกครั้งที่ต้องไปอยู่กลางฝูงชน

     

           วันวาเลนไทน์ คู่รักส่วนใหญ่น่าจะไปที่สวนกัน

     

           ไม่ใช่สาวทุกคนหรอกนะที่จะชอบอะไรน่าขนหัวลุก

     

           ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่สคาดิเป็นหนึ่งในไม่กี่คนนั้น เพราะเขาคิดที่เที่ยวได้แล้วล่ะ...ประมาณสองสามที่

     

           ชายหนุ่มยิ้มบางๆและซุกหลังเข้าหาหน้าท้องแบนราบของเธอ สูดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ชวนให้ใจสงบนั้นเข้าไปและค่อยๆจมลงสู่นิทรา

     

     

     

     

           ดวงตาสีฟ้าอ่อนค่อยๆลืมขึ้นมาอีกครั้งในประมาณสองสามชั่วโมงต่อมา วีดาร์หันใบหน้าคมคายขึ้นไปมองหญิงสาวที่ยอมทำหน้าที่เป็นแท่นรองหัวให้เขา

     

           สคาดิหลับไปแล้ว

     

           ให้ตาย

           บอกแล้วว่าถ้าจะนอนให้ปลุกเขาด้วย

     

           ชายหนุ่มลุกขึ้นจากหมอนและค่อยๆหยิบหนังสือที่เปิดค้างไว้ออกจากมือเรียวแล้ววางมันลงบนโต๊ะข้างโซฟา เขาถอดแว่นตากรอบดำทรงกลมโตออกจากใบหน้าของเธอ วางมันไว้ข้างๆ

     

           มือแกร่งปลดมวยบนหัวของแฟนสาว ปล่อยให้เส้นผมสีเข้มสยายลงมาเต็มแผ่นหลัง เขาช้อนร่างเพรียวขึ้นมาแนบอกและเดินขึ้นบันไดไปบนห้องนอน

     

           ดีที่ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่บ้านของวีดาร์ ไม่อย่างนั้น หากรุ่นพี่ธอร์ของเขามาเห็นภาพน้องสาวถูกอุ้นท่าเจ้าสาวแบบนี้ เขาอาจถูกพี่แฟนผมทองผู้หวงน้องฉีกอกตาย

     

           เจ้าของผมสีทรายวางร่างเพรียวของเธอลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล

     

           ชายหนุ่มหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายสคาดิด้วยความอ่อนโยนและจุมพิตหน้าผากมนของเธอเบาๆ

     

           “ฝันดีนะครับ”

     

     

     

     

     

     

           สคาดิไม่เคยชอบวันวาเลนไทน์

     

           ไม่ตั้งแต่ที่เธอกลายเป็นเด็กป็อบประจำคณะตอนอยู่มหาลัยแล้วมีหนุ่มๆขนการ์ดบอกรักกับดอกกุหลาบที่น่าจะรวมกันแล้วหนักร่วมร้อยกิโลมากองไว้หน้าห้องจนรูมเมตอย่างเทสเซเมียร์ถึงกับบ่นไปเป็นวันว่าออกจากห้องไม่สะดวก

     

           วันแห่งความรักบ้าบออะไร

     

           วันที่เปิดโอกาสให้ผู้ชายมาตามสต็อล์กบอกรักสาวที่ปิ๊งน่ะสิไม่ว่า

     

           เธอกระชับผ้าพันคอที่กันลมหนาวไว้และก้าวฉับๆต่อไปตามทางเดิน มือทั้งสองสอดอยู่ในเสื้อโค้ตตัวยาว

     

           ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่ค่อยมีคนมาห้องสมุดเพื่ออ่านหนังสือ...เพราะเป็นที่แน่ชัดว่าส่วนใหญ่จะไปฉลองวาเลนไทน์กับคนรัก...แต่มันก็เป็นหน้าที่ของบรรณารักษ์อย่างเธอที่ต้องไปประจำอยู่ตรงเคาน์เตอร์และคอยดูแลเรื่องการจัดหนังสือ

     

           เธอเพิ่งได้พักเมื่อหัวหน้าบรรณารักษ์อนุญาตให้พนักงานไปทานอาหารเที่ยงได้ แต่ก็ต้องกลับมาภายในครึ่งชั่วโมง

     

           เธอไม่อยากเสี่ยงสายและกลายเป็นเป้าของยายป้าขี้บ่นนั่นแน่ๆ

     

           “สคาดิ” เสียงเรียกทำให้เธอหันไป

     

           เด็กหนุ่มผิวเข้มที่มีโครงหน้าแบบแอฟริกันปนกับอังกฤษเดินมาหาเธอ เขายืนถ่ายน้ำหนักไปมาราวกับกำลังชั่งใจอะไรบางอย่าง

     

           “แอรอน” หญิงสาวยิ้ม

           “วันนี้ไม่มีเรียนเหรอจ๊ะ?”

     

           “อ่า...ไม่มีฮะ” แอรอน นีลสันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงนักเรียนของเขา กระเป๋าเป้ที่อยู่บนหลังทำให้สคาดิรู้ว่าเขาเพิ่งมาจากโรงเรียน

     

           พ่อของแอรอน...ไฮม์ดัล นีลสัน...คือพี่เลี้ยงของเธอตอนที่เธอเพิ่งเข้ามาทำงานในลอนดอนใหม่ๆ บางครั้ง ไฮม์ดัลจะฝากเขาไว้กับเธอเพื่อให้เธอพาไปเที่ยว หรือทำกิจกรรมอะไรทำนองนั้น

     

           “วันนี้โรงเรียนเลิกเร็ว” เขาเลียริมฝีปาก

     

           สคาดิเห็นดอกกุหลายและสติกเกอร์รูปหัวใจอยู่เต็มกระเป๋าเป้สีดำขณะที่เขาเดินขึ้นมาที่ทางเดิน

     

           “เธอนี่ก็ป๊อบใช่ย่อยนะเนี่ย”

     

           “ไม่ขนาดนั้นหรอกฮะ ส่วนใหญ่คนที่มาให้ก็จะมีแต่พวกเพื่อนผู้ชายที่ทำรายงานด้วยกัน” เด็กหนุ่มไฮสคูลปีสี่ยิ้มอายๆ

     

           “พ่อให้มาหาฉันเหรอ?”

     

           “ฮะ พ่อบอกว่าให้ผมอยู่กับพี่จนเย็นๆโน่นเลย พ่อไปทำธุระที่เอดินบะระตั้งแต่เช้าแล้วฮะ” เขากระชับสายสะพายในมือ

     

           “เราจะไปกันเลยไหมฮะ?”

     

           “หวังว่าเธอจะยังไม่เบื่อหนังสือแล้วกันนะ” หญิงสาวผมสีเข้มยักไหล่

     

           “ห้องสมุดมันใหญ่นะฮะ คงต้องใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตของผมถ้าจะอ่านให้หมดทุกเล่ม” แอรอนยิ้มและขยับขาเดินไปเป็นจังหวะเดียวกับเธอ ผ่านทางเดินเข้าไปในห้องสมุดประชาชน

     

           ฤทธิ์ของวันแห่งความรักนั้นช่างรุนแรงเหลือเกิน

     

           เพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ดอริส ครอว์ฟอร์ด หัวหน้าบรรณารักษ์ก็ทำทีว่าจะออกไปทำธุระ หล่อนหันมาหาพวกเธอและกำชับด้วยสีหน้าจริงจังว่าให้ตั้งใจทำงานแล้วจึงรีบรุดออกไปจากออฟฟิศ

     

           คงยังไม่มีใครบอกเธอว่ารถมัสแตงสีแดงแปร๊ดของมิสเตอร์ครอว์ฟอร์ด สามีของเธอนั้นสะดุดตาราวกับประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่าทั้งคู่จะไปเดตกัน

     

           หญิงสาวกรอกตากับซินดี้ เพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง

     

           “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” เพื่อนสาวว่า ยังคงแค้นเคืองไม่หายเนื่องจากเมื่อตอนเช้า เป็นมิสซิสครอว์ฟอร์ดเองที่บ่นว่าวันวาเลนไทน์เป็นตัวทำให้ผู้ใช้ห้องสมุดหายไปแบบฮวบฮาบ

     

           “เอาน่า” ดวงตาสีฟ้าเทาทอประกายระอาใจ

           “อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีแล้ว เราควรจะชิน”

     

     

     

           ห้องสมุดปิดตอนบ่ายสองเนื่องจากมีประชุมผู้บริหาร

     

           ยายป้าครอว์ฟอร์ดตายแน่

           หล่อนลืมว่ามีประชุมเลยไปเที่ยวกับสามี

     

           ขณะที่กำลังฉีกยิ้มชั่วร้ายอยู่นั้นเอง โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่น

     

           สคาดิสะดุ้งและรีบหยิบมันออกมา

     

           ...วีดาร์?

     

           นิ้วเรียวเลื่อนปุ่มรับสายและยกไอโฟนเครื่องบางขึ้นมาแนบหู

     

           “ฮัลโหล?”

     

           [ไปเที่ยวกัน] เสียงของแฟนหนุ่มดังขึ้น กระชับ สั้น ได้ใจความ

     

           คิ้วเรียวขมวด

           “ฉันยังไม่เลิกงาน”

     

           [โดด] ชายหนุ่มมักจะดื้อดึงเสมอถ้าได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง

     

           “อีกชั่วโมงเดียวเอง”

     

           [มาเหอะนะ] สคาดิรู้ว่าเขากำลังพยายามอ้อนเธออยู่จากน้ำเสียงเอาใจสุดฤทธิ์นั้น

     

           ให้ตาย

           กะว่าจะไม่ใจอ่อนแล้วเชียว

     

           เขารู้ว่าถ้าใช้เสียงอ้อนๆแบบนี้เธอจะตามใจ

     

           คนเจ้าเล่ห์

     

           “อือ เดี๋ยวออกไป นายอยู่ไหน?”

     

           [มองลงมาตรงหน้าต่างสิ]

     

           ร่างเพรียวบางลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตนและเดินไปที่หน้าต่าง

     

           เนื่องจากอยู่ชั้นสอง ทำให้เธอเห็นอะไรๆได้ดีกว่าเดิม

           ดวงตาสีฟ้าเทามองลงไปตรงกระจก

     

           ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของผมสีทรายและใบหน้าคมคายเป็นเอกลักษณ์ยืนอยู่ตรงนั้น แหงนหน้าขึ้นมาและส่งยิ้มให้เธอ

     

           “ไปเถอะ” ซินดี้ที่กอดอกมองอยู่เงียบๆเอ่ยขึ้น

           “เดี๋ยวเรื่องงานที่เหลือฉันจัดการต่อเอง”

     

           เธอหันกลับไปที่ออฟฟิศ

           “แล้วแอรอน...”

     

           “ไม่ต้องห่วงฮะ” เด็กหนุ่มเชื้อสายแอฟริกันส่งยิ้ม

           “ผมอยู่ได้ ซินดี้ก็อยู่”

     

           หญิงสาวยิ้มอย่างซาบซึ้ง

     

           “ขอบใจนะ”

     

           “ยินดีย่ะ” เพื่อนร่วมงานทำหน้าตาภูมิใจ

           “พรุ่งนี้มาเล่าให้ฟังด้วยละกันว่าไหน...ไปทำอะไรกันบ้าง”

     

           “เล่าให้ผมฟังด้วยนะฮะ” แอรอนเผยสีหน้าชั่วร้ายและหันไปแปะมือกับซินดี้

     

           สคาดิอดหน้าเห่อร้อนไม่ได้

     

           “พวกเธอนี่มัน...ฉันไปดีกว่า”

     

           เสียงหัวเราะเล็กๆของทั้งสองคนดังไล่หลังขณะที่มือเรียวเก็บของลงกระเป๋าและจ้ำอ้าวออกจากห้องบรรณารักษ์

     

           เท้าในรองเท้าสีเข้มย่ำลงบันไดวนในห้องสมุดและตรงไปที่ประตู

     

           มือเรียวผลักมันเปิดออกและหันไปตรงตำแหน่งที่เขายืนอยู่

     

           วีดาร์อยู่ตรงนั้น กำลังรอเธออย่างอดทน

           เมื่อเขาเห็นเธอ ชายหนุ่มก็ยิ้มกว้าง

     

           ยิ้มที่เห็นทีไรก็ใจเต้น

     

           “พร้อมจะไปทัวร์พิเศษวันวาเลนไทน์รึยัง?” มือแกร่งเลื่อนมากอบกุมมือเรียวของเธอ

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาสบกับสีฟ้าอ่อน

     

           ลักยิ้มปรากฎขึ้นตรงแก้มของหญิงสาวเมื่อริมฝีปากอิ่มแยกออกเป็นรอยยิ้ม

     

           “อื้ม”

     









     

     

     

     

           พวกเขาก้าวลงจากรถเมล์และเดินเข้าไปในประตูรั้วสีน้ำตาล

     

           ดวงตาของสคาดิเบิกกว้าง

     

           ร่างสูงเดินมาหยุดข้างๆและก้มลงถามเบาๆ

     

           “ไง? ชอบไหม?”

     

           “นี่นายพาฉันมาบริติช มิวเซียมเหรอ?” ใบหน้างดงามหันขวับไปและพบว่าปลายจมูกโด่งของวีดาร์อยู่ห่างจากแก้มเพียงไม่กี่เซนติเมตร

     

           “แล้วชอบไหมล่ะ?”

     

           ทำไมใจสั่นจังเลยนะ?

     

           “ก็...โอเค ชอบสิ” เธอพยายามซ่อนใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำราวกับแอปเปิ้ลให้ห่างจากสายตาแฝงความนัยของเขา

     

           ในวินาทีนั้น เขาก็กดจมูกเข้ากับแก้มนวล สูดเอากลิ่นหอมน้ำผึ้งและกฤษณาอ่อนๆจนเต็มปอด

     

           “งั้นเราก็ไปกันเถอะ” เขาคว้ามือของเธอมาส่งผ่านไออุ่นและดึงร่างเพรียวเข้าไปด้านใน ผ่านผู้คนที่บางตาลงไปมากและตรงสู่ส่วนแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์

     

           สคาดิเกลียดที่จะยอมรับ แต่เธอหน้าแดงไปตลอดทาง อายสายตาประชาชนจนได้มองโลงศพมัมมี่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการฝังศพจากสมัยอียิปต์โบราณ

     

     

     

           ในที่สุด การทัวร์วันวาเลนไทน์นี้ก็จบลงเมื่อถึงเวลาปิดพิพิธภัณฑ์

     

           ชายหนุ่มพาเธอไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารชื่อวานาไฮม์ ซึ่งเป็นที่แรกๆที่พวกเขาเคยไปทานข้าวด้วยกัน

     

           เสต๊กกับยอร์คเชียร์พุดดิ้งของที่นี่ยังอร่อยเหมือนเดิม

     

           หลังจากจ่ายเงินค่าอาหารเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ออกมาจากร้าน

     

           “เดี๋ยวฉันมานะ” วีดาร์ว่าและเดินหายไป

     

           ดวงตาสีฟ้าละออกจากแผ่นหลังกว้างของแฟนหนุ่มและหันไปมองถนนด้านหน้า มือเรียวกระชับผ้าพันคอนุ่มอีกครั้ง

     

           ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าของผมสีทรายก็เดินกลับมาพร้อมกับถุงกระดาษขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กซึ่งเธอไม่ได้ใส่ใจว่าข้างในมันคืออะไร

     

           หนังสือมั้ง

     

           “กลับบ้านกัน” เขาชวน

     

           หญิงสาวผมสีเข้มพยักหน้า

           “อื้อ”

     

           รถแท็กซี่ถูกโบกและจอดลงตรงหน้า พวกเขาขึ้นไปบนนั้นและบอกที่หมาย เสียงเพลงรักเบาๆดังคลอไปตลอดทาง ดวงตาของเธอกวาดไปดูวิวทิวทัศน์สองข้างทางภายใต้แสงไฟข้างถนนของลอนดอนเงียบๆ ขณะที่เอนกายลงอิงไหล่แกร่งของเขา

     

           นิ้วมือยาวแข็งแรงของเขาสอดเข้ามาในอุ้งมือของหญิงสาวและซบแก้มลงกับหัวเธอ

     

           สายตาเอ็นดูของโชเฟอร์ที่มองมาจากกระจกหน้ารถนั้นทำให้เธอรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย

     

           ในไม่กี่สิบนาทีต่อมา พวกเขาก็ถึงบ้าน

     

           ร่างเพรียวถอดโค้ตสีน้ำตาลอ่อนออกและพาดผ้าพันคอสีฟ้าหม่นลงบนแผงติดตะขอแขวนทำจากไม้

     

           แฟนหนุ่มทำแบบเดียวกันและหันมาหาเธอ มือล้วงอะไรบางอย่างในถุงกระดาษสีน้ำตาล

     

           “สคาดิ”

     

           “หืม?” หญิงสาวเลิกคิ้ว

     

           เขาเดินมาใกล้ ซ่อนอะไรบางอย่างไว้ข้างหลังและก้มลงมา

     

           “แฮปปี้วาเลนไทน์นะ” ใบหน้าหล่อเหลายิ้ม ยกมือออกมาด้านหน้า เผยให้เห็นสิ่งนั้น

     

           ในมือแกร่งคือช่อดอกไม้ขนาดกลาง ดอกสีขาวแซมด้วยม่วงเข้มดูทั้งบอบบางและสวยงามไปในขณะเดียวกัน

     

           สคาดิยกมือขึ้นปิดปาก ในใจมีแต่อารมณ์ต่างๆที่ผสมปนเปกันไปหมด ดวงตาสีฟ้าเทาเบิกกว้าง

     

           “ดอกยิปโซหมายถึงรักแรกพบ ส่วนสแตติสคือความเป็นนิรันดร์” วีดาร์ยิ้มบางๆ

     

           “ฉันรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ...และจะรักตลอดไป”

     

           ทั้งสองสบตากัน

     

           หญิงสาวผมสีเข้มเขย่งตัวขึ้นและประทับริมฝีปากเข้ากับของเขา ชายหนุ่มวางช่อยิปโซและสแตติสลงบนโซฟาแล้วโอบเอวบางเข้ามาใกล้ บดขยี้ริมฝีปากลงไปอย่างลึกซึ้งและอ่อนโยน

     

           ในวินาทีที่ทั้งสองผละออกจากกัน เธอก็หอบ

     

           “ฉันรักนาย”

     

           แม่เคยบอกว่าคำพูดสำคัญกว่าการกระทำ

           เธอพูดผิดล่ะ

     

           การกระทำมันสำคัญกว่าทุกอย่าง

     

           เขาจูบเธออีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง

     

           สาบานได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเธอยื่นคำขาดว่าพวกเขาควรจะเก็บครั้งแรกของกันและกันไว้ในคืนวันแต่งงาน โลกิกับธอร์ก็คงจะมีหลานให้อุ้มไปแล้ว

     

           ดวงตาสีฟ้าสว่างจ้องมองใบหน้างดงามที่ขึ้นสีแดงก่ำในอ้อมแขน

     

           สคาดิคล้องแขนเข้ากับเอวสอบของเขาและกอดเขาพลางจุมพิตเข้าที่หว่างคิ้วของวีดาร์

     

           ทั้งคู่ส่งยิ้มหวานให้กันและกัน

     

           แฟนเขาน่ารักที่สุด

     

     

    TALK WITH FM

    แฮปปี้วาเลนไทน์สเดย์ค่ะทุกคนนนนน

    สำหรับใครที่มีคู่แล้วก็ขอให้รักกันนานๆ มีปัญหาก็อย่าด่วนตัดสินใจ รับฟังกันและกัน

    ส่วนใครที่ยังไม่มี(รวมถึงไรท์เอง)ก็จงหาต่อไป 5555

    คาดว่าตอนหน้าน่าจะได้ฤกษ์ลง Back to You ละ

    เห็นมีรีดมาเม้นท์อยากอ่านกันเหลือเกิน5555

    สัญญาค่ะว่าภายในตอนหน้าหรือสองสามตอนหน้าแน่นอน

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

           
    Z Y C L O N
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×