ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #18 : Broken Throne S2 || Ch 3

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 62


    || B R O K E N T H R O N E ||

    s e a s o n 2

    ----------------------------

    CHAPTER 3

     

     

           สคาดิถูกปลุกออกมาจากเตียงด้วยเสียงอึกทึกโครมคราม

     

           ตายจริง กี่โมงกี่ยามแล้ววะเนี่ย?

     

           เธอหยีตาเมื่อม่านถูกเปิดออก เผยให้เห็นแอสการ์ดที่แดดส่องสว่างค่อนข้างจ้าพร้อมกับยานรูปลิ่มหลายลำ

     

           ...เดี๋ยวนะ...

     

           ยานรูปลิ่ม?

     

           ชิบหายแล้วไง

     

           หญิงสาวสบถเสียงดังลั่น คว้าเสื้อเกราะมาเปลี่ยนด้วยความรีบร้อน เธอกระแทกประตูเปิดออกละรีบวาร์ปไปหาธอร์ทันที

     

           “ธอร์!!!

     

     

           พี่ชายที่กำลังวุ่นอยู่กับทหารในเกราะสีดำสองตัวหันมา

     

           “โอ้ อรุณสวัสดิ์น้องข้า”

     

           เห็นแก่นอร์นเถอะ

     

           ร่างเพรียวยิงธนูออกไปเสียบหัวเอล์ฟมืดที่ทำท่าจะลอบกัดพี่ชายสองสามตัวจนสภาพศีรษะของมันตอนนี้ไม่ต่างจากแอปเปิ้ลที่ถูกโรบินฮู้ดยิง

     

           “ข้านึกว่าเจ้าจัดการเอเธอร์เรียบร้อยแล้วซะอีก!!!” คำรามพลางหมุนตัวไปเสียบตาขวาสิ่งมีชีวิตตัวซีดอีกตัวหนึ่งที่วิ่งเข้ามาและใช้เท้ายันโครมมันออกไปห่างๆตัว

     

           “ก็แหม...เดี๋ยวเจนจะเจ็บนี่”

     

           ดวงตาสีฟ้าของพี่ชายเบิกกว้างเมื่อจบประโยคไปซักครึ่งวิ

     

           “นอร์น...เจน!!!

     

           “ขอบคุณมากที่คิดถึงนางก่อนน้อง พี่ข้า!!” สคาดิกัดฟันตัดคอเอล์ฟมืดตนหนึ่งจนขาดกระเด็นและดีดนิ้วส่งใบมีดน้ำแข็งหลายอันไปปักคอพวกที่เหลือ

     

           “ไม่ สคาดิ พวกมันต้องการเจน รีบไป...เจนอยู่กับท่านแม่”

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาเบิกกว้าง เทพีแห่งเหมันต์อ้าปากพะงาบๆคล้ายจะพูดบางอย่าง แต่ไม่มีเสียงออกมาจากลำคอ

     

           ท่านแม่สู้เป็นก็จริง...

     

           แต่ถ้าพวกมันเอาเอลฟ์ตัวใหญ่มาด้วย...

     

           ไม่นะ

     

           ไวเท่าความคิด เธอสะบัดพวกกองทัพเอลฟ์สีดำที่เข้ามาเกาะขาหวังจะดึงเธอให้ล้มออกกย่างไม่ใยดีและรีบใช้เวทย์ย้ายร่างไปที่ห้องของฟริกก้าทันที

     

           เธอได้ยินมาจากพวกทหารว่าในกองทัพมีอสูรกายมาด้วย

     

           ท่านแม่

     

           ลูกวอนขอกับเหล่านอร์นที่มองเห็นทุกอย่าง

     

           ...ขออย่าให้ท่านเป็นอะไร...

     

           อดรู้สึกวูบโหวงไม่ได้

     

           ทำไมวันนี้ลางสังหรณ์มันแปลกๆนะ...

     

           เมื่อพันกว่าปีก่อนก็รู้สึกแบบนี้

     

           วันที่พวกมันสังหารบิดามารดาบังเกิดเกล้าของเธอ

     

           ได้โปรด

           ขอให้มันผิดพลาด

     

           สคาดิไปถึงหน้าห้องของเทพีแห่งท้องนภาในตอนที่ได้ยินเสียงโครมครามผสมกับเสียงดาบปะทะกันมาจากในห้อง

     

           แย่จริง ท่านแม่ลงอาคมประตูห้องไว้

     

           เธอไม่ได้เป็นอัจฉริยะทางเวทย์มนตร์อย่างโลกิที่จะไขมันได้ภายในอึดใจ

     

           นิ้วเรียวสัมผัสมันและพยายามหาคาถาที่จะสลายมันลง

     

           ธอร์มาถึงในตอนที่เธอสะเดาะกลอนอาคมได้พอดีเด๊ะ

     

           เขารีบเข้าไป เธอสาดพลังน้ำแข็งกั้นลูกธนูสีดำของพวกมดปลวกเอลฟ์มืดเอาไว้แล้วถลันตามพี่ชายทันที

     

           หูได้ยินเสียงท่านแม่กับเสียงคำรามของสิ่งที่น่าจะเป็นทหารเอกของกองทัพ

     

           หญิงสาวดีดนิ้ววาร์ปไปยังแหล่งที่เกิดเสียง

     

           ไม่ได้ผล

     

           จริงสิ ท่านแม่น่าจะลงอาคมไม่ให้มีการใช้เวทย์ได้ตรงหน้าประตู พอพวกเธอเหยียบเข้ามา คาถาก็เลยใช้ไม่ได้

     

           ทนอีกนิด ท่านแม่

     

           ลูกมาแล้ว

     

           ร่างเพรียวเข้าไปในห้องที่แน่ใจว่าฟริกก้าและเจนน่าจะอยู่ เห็นเสื้อคลุมสีแดงของธอร์แวบๆว่าตามมาด้วย

     

           ท่านแม่อยู่จริงๆ

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาจ้องมองร่างของราชินีแห่งแอสการ์ดที่กำลังสู้อยู่กับเอลฟ์มืดตัวใหญ่มหึมา

     

           เกือบจะเข้าไปช่วยแล้วในตอนที่เห็นเจนที่กำลังจะถูกเอลฟ์มืดอีกตนหนึ่งลากไป

     

           เธอยิงธนูไปที่มันและรีบเข้าไปดึงหญิงสาวชาวมิดการ์ดที่กำลังตัวสั่นด้วยความกลัวมาหลบหลังเสา

     

           “อยู่เงียบๆ” สคาดิคำรามลอดไรฟัน

     

           เมื่อมนุษย์คนนั้นพยักหน้ารับ เธอก็รีบหันไปหาท่านแม่

     

     

           เป็นจังหวะเดียวกับที่ดาบในมือเอลฟ์สารเลวเสียบเข้าไปในร่างของฟริกก้าพอดี

     

     





     

     

           สคาดิรู้สึกหายใจไม่ออก

     

           มันปล่อยท่านแม่ลงและหันไปตะลุมบอนกับธอร์ที่พุ่งเข้าไปหาด้วยความแค้น

     

           ร่างเพรียววิ่งไปหามารดา

     

           ราวกับสรรพสิ่งรอบตัวช้าลงหลายเท่า เธอพยายามขยับให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ทันใจเธอซักที

     

           มือเรียวปล่อยดาบและคันธนูในมือลงจนมันกระทบกับพื้นเสียงดัง

     

           หญิงสาวไม่ใส่ใจ

     

           เอื้อมมือที่สั่นเทาออกไปประคองท่านแม่ขึ้นมา

     

           ได้โปรด...

     

           ท่านแม่...

     

           “นางไม่หายใจแล้ว” เสียงเล็กๆในหัวดังขึ้นเมื่อลมหายใจสุดท้ายของฟริกก้าหยุดลง

     

           ...อย่าทิ้งลูกกับโลกิไป...

     

           ราวกับไร้เรี่ยวแรง เธอค่อยๆวางร่างไร้วิญญาณของราชินีลง

     

           “สคาดิ...” เสียงธอร์ดังขึ้นเบาๆ

     

           ดวงตาแดงก่ำหันกลับไปมองพี่ชาย ส่งกระแสเย็นเยียบชวนขนลุกไปทั่วหลังของเขา

     

           ร่างเพรียวหยิบดาบขึ้นมา คาดมันไว้กับเอว และคว้าธนูก่อนจะผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปทางเทพสายฟ้าก่อนจะหยุดอยู่ห่างจากร่างของเขาไม่ถึงนิ้ว เธอจ้องตาเจ้าชายรัชทายาทแห่งแอสการ์ด

     

           “นางสิ้นแล้ว” เป็นประโยคที่ยากที่สุดที่เคยพูดมา

     

           “หวังว่าเจ้ากับนางมนุษย์ของเจ้าที่เจ้ากลัวเจ็บจนไม่กล้าดึงเอเธอร์ออกมาจะพอใจนะ”

     

           เทพีแห่งเหมันต์ปรายตาไปทางเจนแวบหนึ่งแล้วเดินกระแทกไหล่ธอร์ออกไป

     

          

     

     

           ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา คนของโอดินก็มาแจ้งเธอว่าแขกของวานาไฮม์ที่จะมาร่วมงานศพของท่านแม่มาถึงแล้ว

     

           ความหมายของข้อความนี้ก็คือเธอต้องออกไปรับแขกบ้านแขกเมือง...ตามหน้าที่เจ้าหญิง

     

           สคาดิกลั้นใจลุกขึ้นจากเตียงที่เธอนอนแบ็บมาตั้งแต่หลังจากการกลับมาจากห้องของมารดาแล้วอาบน้ำแต่งตัว

     

           ผมสีน้ำตาลเข้มถูกถักเป็นเปีย รัดเกล้าสีเงินสวมทับ คาดหน้าผากเนียนเอาไว้ มือเรียวรับสนับแขนที่ฉลุลวดลายสวยงามจากนางกำนัลมาสวมใส่ ชุดยาวสีดำสนิทปักดิ้นเงินทอประกายแนบส่วนโค้งเว้าบริเวณเอวเนื้อบางเบาพลิ้วไหวทุกครั้งที่เธอขยับตัว

     

           อา แขนเสื้อยาวชะมัด

     

           หญิงสาวลองขยับมันนิดหน่อยให้รู้สึกคุ้นชิน

     

           “ทรงงดงามแล้วเพคะ” นางกำนัลสูงอายุผู้หนึ่งกล่าวขึ้นขณะที่เธอหมุนตัวไปมาหน้ากระจก

     

           “ใช่...งดงาม” เธอทวนคำเบาๆแล้วเดินลงมาจากตรงนั้น

     

           “ความงดงามที่ไม่ควรมีในวันนี้”

     

           เธอไม่อยากงดงาม

           ถ้าความงดงามนั้นอยู่ในงานโศกเศร้า

     

           ยิ่งเมื่อเป็นงานของมารดา

     

           สคาดิชิงชังความงามของตน

     

           ถ้าเพียงความงามนี้จะช่วยชีวิตไม่ให้มารดาสิ้นได้...

     

           “ราชินีฟริกก้าคงไม่อยากเห็นท่านเศร้าแบบนี้” เสียงอันคุ้นเคยทำให้เธอหันกลับไปที่ช่องประตู

     

           เหล่านางกำนัลถอยออกไปเงียบๆ ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว

     

           “ไม่เจอกันนานนี่...” เธอทัก

           “ยังห้าวเหมือนเดิมนะ เลดี้ซิฟ”

     

           ซิฟยิ้มและโค้งหัวน้อยๆ

     

           “สคาดิ”

     

           “มีอะไร?” หญิงสาวเข้าเรื่อง เธอเอียงคอและจ้องนักรบสาวแห่งแอสการ์ดนิ่งๆด้วยรอยยิ้มไร้ความรู้สึก

     

           คู่สนทนาถอนหายใจ

           “เทพบิดรให้ข้ามารับท่านไปที่ท้องพระโรง”

     

           “ข้าว่าข้าอยู่ที่นี่นานพอที่จะจำทางไปได้ ขอบใจ” รอยยิ้มค่อยๆบางลง สคาดิก้าวไปหาซิฟ

     

           “หรือพระบิดาของข้ากลัวข้าจะหนีไปถล่มพวกเอลฟ์มืดรึไง?”

     

           หญิงสาวร่างสูงก้มหน้าลง

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาของเจ้าหญิงแห่งแอสการ์ดเย็นชา

           “ลืมไปแล้วรึไง นั่นมันธอร์...ไม่ใช่ข้า”

     

           นี่เขาคิดว่าลูกทุกคนจะเหมือนกันหมดงั้นเหรอ?

     

           โอดินรู้จักลูกเพียงคนเดียวก็คือธอร์นั่นแหละ

           ที่เหลือน่ะ...ที่โตได้ก็เพราะฟริกก้าเลี้ยง

     

           ได้ข่าวว่าสองคนที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงแบบเทพบิดรฉลาดกว่ารัชทายาทนั่นด้วยนะ

     

           “นำทาง” เธอสั่ง

           ไร้ความรู้สึก ราวกับเป็นรูปปั้นที่พูดได้

     

           ซิฟก้มหน้ารับคำและเดินนำเธอออกจากห้อง

     

     


     



     

           ร่างโปร่งในชุดสีดำก้าวเข้าไปในท้องพระโรง ปลายรองเท้าหนังสีเดียวกับกระโปรงกระทบกับพื้นเป็นจังหวะ

     

           เหล่าเทพผินหน้ามาและแหวกทางให้

     

           ถือว่าเป็นการให้เกียรติ

     

           สคาดิพยักหน้ารับน้อยๆและเดินต่อไป ซิฟประกบด้านขวาของเธอเยื้องไปด้านหลังหน่อย

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาชำเลืองไปด้านซ้าย

     

           สบกับคู่สีฟ้าสว่างอีกคู่ที่กำลังเบนมาพอดี

    ร่างสูงในเกราะสีเงินเหลือบทองหันมาหาเธอ

     

           ไม่รู้ทำไม ท่ามกลางท้องพระโรงแอสการ์ดที่คลาคล่ำไปด้วยเทพที่เปล่งรัศมีแข่งกันนั้น ดวงตาสีอ่อนของเขากลับแลดูเด่นชัดท่ามกลางทุกสิ่ง

     

           เผลอสบตากับเนตรคู่นั้นอยู่นาน

     

           ทำไมกันนะ?

     

           ใบหน้าคมคายภายใต้รัดเกล้าสีทองนั้นดูคุ้นเคยเหลือเกิน...

     

           สคาดิสูดหายใจลึกและก้าวต่อไปจนถึงบัลลังก์ของตนที่อยู่ต่ำกว่าของธอร์เล็กน้อย

     

           ร่างเพรียวหมุนตัวและนั่งลง

     

           “เริ่มพิธี” เสียงโอดินดังก้องขึ้น

     

           และงานศพที่เศร้ายิ่งกว่างานศพไหนในแอสการ์ดก็ดำเนินขึ้น

     

     

    TALK WITH FM

    ความตายไม่เลือกเวลาที่แท้จริงหรอกค่ะ

    มันเหมือนโจรที่เข้ามาในบ้านเมื่อเจ้าของบ้านยังไม่ทันได้เตรียมตัว

    ไรท์เพิ่งทราบว่ายายของไรท์(ที่อีกแค่สี่วันจะอายุครบแปดสิบ)เสียเมื่อเช้า

    ยายเลี้ยงไรท์มาตั้งแต่เด็กค่ะ เราเป็นหลานยายคนเดียวของตระกูล

    เราเคยบอกยายว่าจะเรียนให้จบปริญญา แล้วเอาใบปริญญามาให้ยาย

    นี่เราเพิ่ง ม.2 ใกล้จะขึ้น ม.3 เอง

    คงไม่มีวันนั้นแล้วล่ะค่ะ

    ตลกร้ายเนอะ เราเขียนตอนที่ฟริกก้าตายเสร็จเมื่อบ่าย แล้วค่อยรู้จากแม่ว่ายายเสียในไม่ถึงชั่วโมงต่อมา

    แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ไรท์ได้เรียนรู้บางอย่างค่ะ

    ทำดีกับคนที่เรารักก่อนวันพรุ่งนี้จะมาถึง

    เพราะเราไม่รู้ว่าวันไหนใครจะไป ใครจะอยู่

    และสำหรับคนที่เสียคนที่รักไปนะคะ ไรท์เข้าใจพวกคุณค่ะ

    คนอื่นอาจเสียใจแล้วร้องไห้

    แต่ไรท์เสียใจแล้วเกิดอาการอยากเขียนนิยายค่ะ

    555555

    อยากให้ทุกคนรู้นะคะว่าการแสดงออกต่อความเสียใจของแต่ละคนมันต่างกัน บางคนอาจฟังเพลงหนักขึ้น บางคนอาจฟูมฟาย มันไม่เหมือนกันหรอกค่ะ

    อยู่เพื่อคนที่รักคุณนะคะ

    ด้วยรัก,ความเข้าใจและกอดแบบหมีรัด

    เฟิงมี่ค่ะ

     

          

           
    Z Y C L O N
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×