คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Broken Throne S2 || Ch 3
|| B
R O K E N T H R O N E ||
s e a
s o n 2
----------------------------
CHAPTER 3
สคาดิถูกปลุกออกมาจากเตียงด้วยเสียงอึกทึกโครมคราม
ตายจริง กี่โมงกี่ยามแล้ววะเนี่ย?
เธอหยีตาเมื่อม่านถูกเปิดออก
เผยให้เห็นแอสการ์ดที่แดดส่องสว่างค่อนข้างจ้าพร้อมกับยานรูปลิ่มหลายลำ
...เดี๋ยวนะ...
ยานรูปลิ่ม?
ชิบหายแล้วไง
หญิงสาวสบถเสียงดังลั่น
คว้าเสื้อเกราะมาเปลี่ยนด้วยความรีบร้อน
เธอกระแทกประตูเปิดออกละรีบวาร์ปไปหาธอร์ทันที
“ธอร์!!!”
พี่ชายที่กำลังวุ่นอยู่กับทหารในเกราะสีดำสองตัวหันมา
“โอ้ อรุณสวัสดิ์น้องข้า”
เห็นแก่นอร์นเถอะ
ร่างเพรียวยิงธนูออกไปเสียบหัวเอล์ฟมืดที่ทำท่าจะลอบกัดพี่ชายสองสามตัวจนสภาพศีรษะของมันตอนนี้ไม่ต่างจากแอปเปิ้ลที่ถูกโรบินฮู้ดยิง
“ข้านึกว่าเจ้าจัดการเอเธอร์เรียบร้อยแล้วซะอีก!!!” คำรามพลางหมุนตัวไปเสียบตาขวาสิ่งมีชีวิตตัวซีดอีกตัวหนึ่งที่วิ่งเข้ามาและใช้เท้ายันโครมมันออกไปห่างๆตัว
“ก็แหม...เดี๋ยวเจนจะเจ็บนี่”
ดวงตาสีฟ้าของพี่ชายเบิกกว้างเมื่อจบประโยคไปซักครึ่งวิ
“นอร์น...เจน!!!”
“ขอบคุณมากที่คิดถึงนางก่อนน้อง พี่ข้า!!” สคาดิกัดฟันตัดคอเอล์ฟมืดตนหนึ่งจนขาดกระเด็นและดีดนิ้วส่งใบมีดน้ำแข็งหลายอันไปปักคอพวกที่เหลือ
“ไม่ สคาดิ พวกมันต้องการเจน
รีบไป...เจนอยู่กับท่านแม่”
ดวงตาสีฟ้าเทาเบิกกว้าง
เทพีแห่งเหมันต์อ้าปากพะงาบๆคล้ายจะพูดบางอย่าง แต่ไม่มีเสียงออกมาจากลำคอ
ท่านแม่สู้เป็นก็จริง...
แต่ถ้าพวกมันเอาเอลฟ์ตัวใหญ่มาด้วย...
ไม่นะ
ไวเท่าความคิด
เธอสะบัดพวกกองทัพเอลฟ์สีดำที่เข้ามาเกาะขาหวังจะดึงเธอให้ล้มออกกย่างไม่ใยดีและรีบใช้เวทย์ย้ายร่างไปที่ห้องของฟริกก้าทันที
เธอได้ยินมาจากพวกทหารว่าในกองทัพมีอสูรกายมาด้วย
ท่านแม่
ลูกวอนขอกับเหล่านอร์นที่มองเห็นทุกอย่าง
...ขออย่าให้ท่านเป็นอะไร...
อดรู้สึกวูบโหวงไม่ได้
ทำไมวันนี้ลางสังหรณ์มันแปลกๆนะ...
เมื่อพันกว่าปีก่อนก็รู้สึกแบบนี้
วันที่พวกมันสังหารบิดามารดาบังเกิดเกล้าของเธอ
ได้โปรด
ขอให้มันผิดพลาด
สคาดิไปถึงหน้าห้องของเทพีแห่งท้องนภาในตอนที่ได้ยินเสียงโครมครามผสมกับเสียงดาบปะทะกันมาจากในห้อง
แย่จริง ท่านแม่ลงอาคมประตูห้องไว้
เธอไม่ได้เป็นอัจฉริยะทางเวทย์มนตร์อย่างโลกิที่จะไขมันได้ภายในอึดใจ
นิ้วเรียวสัมผัสมันและพยายามหาคาถาที่จะสลายมันลง
ธอร์มาถึงในตอนที่เธอสะเดาะกลอนอาคมได้พอดีเด๊ะ
เขารีบเข้าไป เธอสาดพลังน้ำแข็งกั้นลูกธนูสีดำของพวกมดปลวกเอลฟ์มืดเอาไว้แล้วถลันตามพี่ชายทันที
หูได้ยินเสียงท่านแม่กับเสียงคำรามของสิ่งที่น่าจะเป็นทหารเอกของกองทัพ
หญิงสาวดีดนิ้ววาร์ปไปยังแหล่งที่เกิดเสียง
ไม่ได้ผล
จริงสิ
ท่านแม่น่าจะลงอาคมไม่ให้มีการใช้เวทย์ได้ตรงหน้าประตู พอพวกเธอเหยียบเข้ามา คาถาก็เลยใช้ไม่ได้
ทนอีกนิด ท่านแม่
ลูกมาแล้ว
ร่างเพรียวเข้าไปในห้องที่แน่ใจว่าฟริกก้าและเจนน่าจะอยู่
เห็นเสื้อคลุมสีแดงของธอร์แวบๆว่าตามมาด้วย
ท่านแม่อยู่จริงๆ
ดวงตาสีฟ้าเทาจ้องมองร่างของราชินีแห่งแอสการ์ดที่กำลังสู้อยู่กับเอลฟ์มืดตัวใหญ่มหึมา
เกือบจะเข้าไปช่วยแล้วในตอนที่เห็นเจนที่กำลังจะถูกเอลฟ์มืดอีกตนหนึ่งลากไป
เธอยิงธนูไปที่มันและรีบเข้าไปดึงหญิงสาวชาวมิดการ์ดที่กำลังตัวสั่นด้วยความกลัวมาหลบหลังเสา
“อยู่เงียบๆ” สคาดิคำรามลอดไรฟัน
เมื่อมนุษย์คนนั้นพยักหน้ารับ
เธอก็รีบหันไปหาท่านแม่
เป็นจังหวะเดียวกับที่ดาบในมือเอลฟ์สารเลวเสียบเข้าไปในร่างของฟริกก้าพอดี
สคาดิรู้สึกหายใจไม่ออก
มันปล่อยท่านแม่ลงและหันไปตะลุมบอนกับธอร์ที่พุ่งเข้าไปหาด้วยความแค้น
ร่างเพรียววิ่งไปหามารดา
ราวกับสรรพสิ่งรอบตัวช้าลงหลายเท่า
เธอพยายามขยับให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่ทันใจเธอซักที
มือเรียวปล่อยดาบและคันธนูในมือลงจนมันกระทบกับพื้นเสียงดัง
หญิงสาวไม่ใส่ใจ
เอื้อมมือที่สั่นเทาออกไปประคองท่านแม่ขึ้นมา
ได้โปรด...
ท่านแม่...
“นางไม่หายใจแล้ว”
เสียงเล็กๆในหัวดังขึ้นเมื่อลมหายใจสุดท้ายของฟริกก้าหยุดลง
...อย่าทิ้งลูกกับโลกิไป...
ราวกับไร้เรี่ยวแรง
เธอค่อยๆวางร่างไร้วิญญาณของราชินีลง
“สคาดิ...” เสียงธอร์ดังขึ้นเบาๆ
ดวงตาแดงก่ำหันกลับไปมองพี่ชาย ส่งกระแสเย็นเยียบชวนขนลุกไปทั่วหลังของเขา
ร่างเพรียวหยิบดาบขึ้นมา คาดมันไว้กับเอว
และคว้าธนูก่อนจะผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปทางเทพสายฟ้าก่อนจะหยุดอยู่ห่างจากร่างของเขาไม่ถึงนิ้ว
เธอจ้องตาเจ้าชายรัชทายาทแห่งแอสการ์ด
“นางสิ้นแล้ว”
เป็นประโยคที่ยากที่สุดที่เคยพูดมา
“หวังว่าเจ้ากับนางมนุษย์ของเจ้าที่เจ้ากลัวเจ็บจนไม่กล้าดึงเอเธอร์ออกมาจะพอใจนะ”
เทพีแห่งเหมันต์ปรายตาไปทางเจนแวบหนึ่งแล้วเดินกระแทกไหล่ธอร์ออกไป
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
คนของโอดินก็มาแจ้งเธอว่าแขกของวานาไฮม์ที่จะมาร่วมงานศพของท่านแม่มาถึงแล้ว
ความหมายของข้อความนี้ก็คือเธอต้องออกไปรับแขกบ้านแขกเมือง...ตามหน้าที่เจ้าหญิง
สคาดิกลั้นใจลุกขึ้นจากเตียงที่เธอนอนแบ็บมาตั้งแต่หลังจากการกลับมาจากห้องของมารดาแล้วอาบน้ำแต่งตัว
ผมสีน้ำตาลเข้มถูกถักเป็นเปีย
รัดเกล้าสีเงินสวมทับ คาดหน้าผากเนียนเอาไว้ มือเรียวรับสนับแขนที่ฉลุลวดลายสวยงามจากนางกำนัลมาสวมใส่
ชุดยาวสีดำสนิทปักดิ้นเงินทอประกายแนบส่วนโค้งเว้าบริเวณเอวเนื้อบางเบาพลิ้วไหวทุกครั้งที่เธอขยับตัว
อา แขนเสื้อยาวชะมัด
หญิงสาวลองขยับมันนิดหน่อยให้รู้สึกคุ้นชิน
“ทรงงดงามแล้วเพคะ”
นางกำนัลสูงอายุผู้หนึ่งกล่าวขึ้นขณะที่เธอหมุนตัวไปมาหน้ากระจก
“ใช่...งดงาม”
เธอทวนคำเบาๆแล้วเดินลงมาจากตรงนั้น
“ความงดงามที่ไม่ควรมีในวันนี้”
เธอไม่อยากงดงาม
ถ้าความงดงามนั้นอยู่ในงานโศกเศร้า
ยิ่งเมื่อเป็นงานของมารดา
สคาดิชิงชังความงามของตน
ถ้าเพียงความงามนี้จะช่วยชีวิตไม่ให้มารดาสิ้นได้...
“ราชินีฟริกก้าคงไม่อยากเห็นท่านเศร้าแบบนี้”
เสียงอันคุ้นเคยทำให้เธอหันกลับไปที่ช่องประตู
เหล่านางกำนัลถอยออกไปเงียบๆ
ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว
“ไม่เจอกันนานนี่...” เธอทัก
“ยังห้าวเหมือนเดิมนะ เลดี้ซิฟ”
ซิฟยิ้มและโค้งหัวน้อยๆ
“สคาดิ”
“มีอะไร?” หญิงสาวเข้าเรื่อง
เธอเอียงคอและจ้องนักรบสาวแห่งแอสการ์ดนิ่งๆด้วยรอยยิ้มไร้ความรู้สึก
คู่สนทนาถอนหายใจ
“เทพบิดรให้ข้ามารับท่านไปที่ท้องพระโรง”
“ข้าว่าข้าอยู่ที่นี่นานพอที่จะจำทางไปได้
ขอบใจ” รอยยิ้มค่อยๆบางลง สคาดิก้าวไปหาซิฟ
“หรือพระบิดาของข้ากลัวข้าจะหนีไปถล่มพวกเอลฟ์มืดรึไง?”
หญิงสาวร่างสูงก้มหน้าลง
ดวงตาสีฟ้าเทาของเจ้าหญิงแห่งแอสการ์ดเย็นชา
“ลืมไปแล้วรึไง นั่นมันธอร์...ไม่ใช่ข้า”
นี่เขาคิดว่าลูกทุกคนจะเหมือนกันหมดงั้นเหรอ?
โอดินรู้จักลูกเพียงคนเดียวก็คือธอร์นั่นแหละ
ที่เหลือน่ะ...ที่โตได้ก็เพราะฟริกก้าเลี้ยง
ได้ข่าวว่าสองคนที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงแบบเทพบิดรฉลาดกว่ารัชทายาทนั่นด้วยนะ
“นำทาง” เธอสั่ง
ไร้ความรู้สึก ราวกับเป็นรูปปั้นที่พูดได้
ซิฟก้มหน้ารับคำและเดินนำเธอออกจากห้อง
ร่างโปร่งในชุดสีดำก้าวเข้าไปในท้องพระโรง
ปลายรองเท้าหนังสีเดียวกับกระโปรงกระทบกับพื้นเป็นจังหวะ
เหล่าเทพผินหน้ามาและแหวกทางให้
ถือว่าเป็นการให้เกียรติ
สคาดิพยักหน้ารับน้อยๆและเดินต่อไป
ซิฟประกบด้านขวาของเธอเยื้องไปด้านหลังหน่อย
ดวงตาสีฟ้าเทาชำเลืองไปด้านซ้าย
สบกับคู่สีฟ้าสว่างอีกคู่ที่กำลังเบนมาพอดี
ร่างสูงในเกราะสีเงินเหลือบทองหันมาหาเธอ
ไม่รู้ทำไม
ท่ามกลางท้องพระโรงแอสการ์ดที่คลาคล่ำไปด้วยเทพที่เปล่งรัศมีแข่งกันนั้น
ดวงตาสีอ่อนของเขากลับแลดูเด่นชัดท่ามกลางทุกสิ่ง
เผลอสบตากับเนตรคู่นั้นอยู่นาน
ทำไมกันนะ?
ใบหน้าคมคายภายใต้รัดเกล้าสีทองนั้นดูคุ้นเคยเหลือเกิน...
สคาดิสูดหายใจลึกและก้าวต่อไปจนถึงบัลลังก์ของตนที่อยู่ต่ำกว่าของธอร์เล็กน้อย
ร่างเพรียวหมุนตัวและนั่งลง
“เริ่มพิธี”
เสียงโอดินดังก้องขึ้น
และงานศพที่เศร้ายิ่งกว่างานศพไหนในแอสการ์ดก็ดำเนินขึ้น
TALK WITH FM
ความตายไม่เลือกเวลาที่แท้จริงหรอกค่ะ
มันเหมือนโจรที่เข้ามาในบ้านเมื่อเจ้าของบ้านยังไม่ทันได้เตรียมตัว
ไรท์เพิ่งทราบว่ายายของไรท์(ที่อีกแค่สี่วันจะอายุครบแปดสิบ)เสียเมื่อเช้า
ยายเลี้ยงไรท์มาตั้งแต่เด็กค่ะ
เราเป็นหลานยายคนเดียวของตระกูล
เราเคยบอกยายว่าจะเรียนให้จบปริญญา
แล้วเอาใบปริญญามาให้ยาย
นี่เราเพิ่ง ม.2
ใกล้จะขึ้น ม.3 เอง
คงไม่มีวันนั้นแล้วล่ะค่ะ
ตลกร้ายเนอะ เราเขียนตอนที่ฟริกก้าตายเสร็จเมื่อบ่าย
แล้วค่อยรู้จากแม่ว่ายายเสียในไม่ถึงชั่วโมงต่อมา
แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ไรท์ได้เรียนรู้บางอย่างค่ะ
ทำดีกับคนที่เรารักก่อนวันพรุ่งนี้จะมาถึง
เพราะเราไม่รู้ว่าวันไหนใครจะไป
ใครจะอยู่
และสำหรับคนที่เสียคนที่รักไปนะคะ
ไรท์เข้าใจพวกคุณค่ะ
คนอื่นอาจเสียใจแล้วร้องไห้
แต่ไรท์เสียใจแล้วเกิดอาการอยากเขียนนิยายค่ะ
555555
อยากให้ทุกคนรู้นะคะว่าการแสดงออกต่อความเสียใจของแต่ละคนมันต่างกัน
บางคนอาจฟังเพลงหนักขึ้น บางคนอาจฟูมฟาย มันไม่เหมือนกันหรอกค่ะ
อยู่เพื่อคนที่รักคุณนะคะ
ด้วยรัก,ความเข้าใจและกอดแบบหมีรัด
เฟิงมี่ค่ะ
ความคิดเห็น