ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #17 : Broken Throne S2 || Ch 2

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 62


    || B R O K E N T H R O N E ||

    s e a s o n 2

    ----------------------------

    CHAPTER 2

     

     

           มือเรียวค่อยๆเอื้อมไปเกาะหน้าต่าง

     

           ดวงตาสีฟ้าจ้องมองออกไป เห็นร่างสูงใหญ่ของพี่ชายที่กำลังคุยกับหญิงสาวชาวมิดการ์ด

     

           สคาดิเม้มปากและมองลงไปบนพื้น

     

           ธอร์เพิ่งพาเจนมาที่แอสการ์ด เขาบอกว่าในตัวของแฟนเขาน่ะมีพลังงานที่เรียกว่าเอเธอร์อยู่

     

           เอเธอร์...สสารของพวกเอลฟ์มืด

     

           “ยังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง” เสียงของฟริกก้าปลุกเธอออกจากห้วงความคิด

     

           “ข้าอุตส่าห์คิดว่าจะไม่เกิดเรื่องขึ้นอีก ท่านแม่” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน เธอปล่อยมือจากขอบหน้าต่างและหันกลับมาเผชิญหน้ากับเทพมารดร

     

           “ข้าเหนื่อยกับการทนอยู่ในสถานะแบบนั้น มันเจ็บปวดเกินไป”

     

           ราชินีแห่งแอสการ์ดยิ้มบางๆและแตะไหล่ของเธอ

     

           “เจ้าเติบโตขึ้น สคาดิ เจ้าไม่ใช่เด็กน้อยในวันวานอีกแล้ว”

     

           เด็กน้อยในวันวานที่ทั้งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวและเปื้อนเลือด

     

           เธอช้อนสายตาขึ้น

           “ข้าปกป้องไม่ได้แม้แต่พี่ชาย...ข้าไม่ได้เติบโตขึ้นเลยท่านแม่ กลับกัน...ข้ายังไม่สามารถทำใจเผชิญหน้าคนของข้าได้เลยด้วยซ้ำ”

     

           ฟริกก้าโอบเธอ

     

           “เจ้าเก่งกาจขึ้น ความคิดความอ่านเจ้าไม่ได้เป็นแบบเด็กๆอีกแล้ว สคาดิ...แม่เชื่อว่าเจ้าคู่ควรกับบัลลังก์น้ำแข็ง”

     

           เบนดวงตาไปมองธอร์อีกครั้ง

     

           “อีกไม่นาน พวกเอลฟ์มืดจะมาทวงเอาของพวกมันคืน”

           “และเมื่อเวลานั้นมาถึง ดินแดนเทพได้วายวอดแน่”

     

           “ดินแดนเทพจะต้องปลอดภัย” เทพีแห่งท้องนภาว่า

     

           สคาดิหรุบตาลง ถอนหายใจ

     

           “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

     

           ...ถ้าเอาไอ้สารบ้าบอนั่นออกมาจากตัวของเจนได้ทันน่ะนะ...

     

           หญิงสาวผมสีเข้มตัดสินใจหันหลังเดินออกจากห้องของมารดาโดยที่ไม่ลืมกอดแน่นๆครั้งหนึ่ง

     

           “แม่รักเจ้านะ สคาดิ เจ้าก็รู้”

     

           “ข้ารักท่านเช่นกัน ท่านแม่”

     

           เธอสาวเท้าเดินไปตามพื้นที่ถูกปูด้วยพรม เลี้ยวไปตามเส้นทางแยกต่างๆและเดินเข้าไปสู่สวนที่ถูกประดับไปด้วยหินอ่อนและน้ำตกจำลอง กลิ่นดอกไม้หอมเย็นโชยมา เสียงใบไม้เสียดสีดังเป็นจังหวะเมื่อลมเย็นพัดผ่านมา

     

           ร่างเพรียวทรุดลงนั่งใต้ต้นโอ๊คและร่ายเวทย์เรียกหนังสือที่อ่านค้างไว้เมื่อวันก่อนออกมาเปิด

     

           แต่ก่อนที่จะได้ทันอ่านครบหนึ่งหน้า ความเจ็บจี๊ดก็แทรกเข้ามาในหัวอย่างฉับพลัน

     

           สคาดิทิ้งหนังสือในมือลงและยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมหัว ข่มกลั้นเสียงกรีดร้องอันปวดร้าว ร่างทั้งร่างพลันอ่อนปวกเปียก โอนเอนลงซบกับโคนต้นไม้

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาเบิกกว้างด้วยความตระหนก ลมหายใจถี่กระชั้นและหนักหน่วง

     

           นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

     

           ทันใดนั้น ภาพบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัว

     

           เด็กชายคนหนึ่งนั่งอยู่ริมน้ำ ใบหน้าของเขานั้นเลือนรางเหลือเกิน ขาเล็กๆแกว่งไกวอยู่ในแม่น้ำสายนั้นอย่างเพลินใจ

     

           ...ใครกัน?

     

           ภาพเปลี่ยนไป ไหววูบราวกับแอ่งน้ำที่ถูกเด็กแตะเล่น

     

           เมื่อเธอรู้ตัวอีกที ก็เห็นมือของใครบางคนกระแทกเข้าที่หลังของเด็กคนนั้น

     

           ร่างเล็กๆของเขาปลิวหวือ ล้มคว่ำลงไปในแม่น้ำที่แลดูดำมืดอย่างฉับพลัน

     

           สคาดิรู้สึกราวกับว่าตนตกลงไปในน้ำซะเองแทนเด็กชาย

     

           ภาพเปลี่ยนไปอีกครั้ง

     

           หญิงสาวพบว่าตนเองกำลังดำดิ่งลงไปในแม่น้ำพร้อมกับร่างของเด็กคนนั้น

     

           ผมสีทองของเขาสยายไปตามกระแสน้ำ มือไขว่คว้าไปด้านบนที่ยังคงมีแสงริบหรี่

     

           แล้วทั้งหมดก็ดับวูบ

     

           สคาดิกะพริบตาสองสามทีและพบว่าตนเองยังคงคู้ตัวอยู่ตรงโคนต้นไม้ ลมเย็นๆยังคงไล้ไปบนผิวของเธอ ทำให้เหงื่อที่ผุดซึมออกมาจากไรผมเริ่มแห้ง

     

           นั่นมันอะไรกัน?

     

           เธอขมวดคิ้วและยันตัวขึ้น ร่ายเวทย์ให้หนังสือกลับไปอยู่ที่ห้องและเปลี่ยนชุดให้ดูทะมัดทะแมงยิ่งขึ้น

     

           มีเรื่องต้องไปสอบถามกับคนคนหนึ่ง

     

           ร่างเพรียวตัดสินใจดีดนิ้วร่ายเวทย์ย้ายตนเองออกจากแอสการ์ด

     

           นานแล้วสินะ ที่เธอไม่ได้ไปแกร่วแถวนั้น

     

           ...ไนดาเวลเลียร์...

     

     


     

     

           มือแกร่งชะงักอย่างทันทีทันใดจากการเช็ดดาบของตน

     

           ภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัวพร้อมกับความปวดจี๊ดจนต้องกัดฟันและคำรามในลำคอ

     

           ดีที่คนอื่นกลับกันไปหมดแล้ว

     

           เด็กหญิงตัวน้อยกำลังยืนอยู่ในโถงที่เต็มไปด้วยเลือด ผมสีน้ำตาลที่คงจะถูกทำเป็นเปียสวยหลุดลุ่ย ปรกลงมาพาดผ่านดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอค่อนข้างเลือนลางจนเขาเห็นแต่แววตากับริมฝีปาก

     

           ร่างเล็กกรีดร้องเมื่อมีอะไรบางอย่างกระโดดเข้ามาในบริเวณนั้น มือที่เปรอะเลือดแห้งกรังกำตุ๊กตาในมือแน่นและหันหลังออกวิ่งไป

     

           ...ใครกัน?

     

           คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันน้อยๆ

     

          

     


     

     

     

           ร่างเพรียวเดินเข้าไปในร้านเหล้าที่คลาคล่ำไปด้วยร่างหลายร่าง

     

           เธอเท้าแขนลงกับเคาน์เตอร์และโน้มกายลงไปหาคนที่อยู่หลังมัน

           “ข้ามาขอพบเทสเซเมียร์”

     

           ผู้ฟังเงยหน้าขึ้นมา

           “เทสเซเมียร์ยังไม่พร้อมพบใคร รอมาใหม่ในอีกสองชั่วโมงแล้วกันนะไอ้หนู”

     

           เมาแน่ๆ

           หน้าอกเธอก็มี ดูยังไงเป็นผู้ชายฟะ?

     

           สคาดิกรอกตา โยนถุงผ้าเก่าๆให้เขา

     

           ดวงตาเซื่องซึมสีน้ำตาลเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในนั้น

     

           “ข้ามาขอพบเทสเซเมียร์” หญิงสาวเอ่ยย้ำอีกครั้ง

     

           ไม่กี่นาทีต่อมา เธอก็ถูกนำไปที่ห้องห้องหนึ่ง ผ้าม่านและม่านที่ทำจากโซ่เหล็กปิดกั้นห้องจากโลกภายนอก

     

           “ได้ข่าวว่าท่านลัดคิวคนอื่น?” เสียงนุ่มนวลแต่ลึกลับดังขึ้นจากมุมหนึ่งของห้อง

     

           ร่างเพรียวยักไหล่

           “กระเป๋าหนักก็เงี้ย”

     

           “มีธุระอะไร?” หญิงสาวผิวซีดลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ

     

           สคาดิเชิดหน้าขึ้นและทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ โน้มตัวมาข้างหน้า เท้าคางลงกับมือบนโต๊ะ

     

           “เจ้าเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องของเผ่าพันธุ์และครอบครัวของข้าในตอนนี้ เทสเซเมียร์”

     

           เทสเซเมียร์โคลงหัวไปมา ส่งเสียงอืมในลำคอและเดินมานั่งด้านตรงข้ามเธอ

     

           “เมื่อไม่นานมานี้ ข้าเห็นภาพแปลกๆ...เหมือนกับข้าได้เข้าไปอยู่ในหัวคนอื่น หรือ...หรือได้จ้องมองความทรงจำของคนๆนั้นผ่านมุมมองของข้าเอง”

     

           ผู้ฟังลมหายใจสะดุด

     

           “ท่านเห็นภาพมากี่ครั้ง?”

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาหรี่ลงอย่างจับผิด

     

           “วันนี้เป็นครั้งแรก”

           “บอกข้าที มันเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี?”

     

           หญิงงามประจำบาร์ยันกายขึ้นและเดินไปหยิบภาชนะใส่สุรากลิ่นหอมอ่อนๆกับแก้วสองใบมาวางลงตรงหน้าสคาดิ

     

           “เคยได้ยินคำว่าโซลเมตมั้ย?” มือขาวซีดที่ประดับไปด้วยลวดลายสีดำอ่อนช้อยจากสนับแขนและสร้อยร้อยหลังมือถูกยื่นออกมาจับเหยือกเหล้าและรินมันลงในแก้วของเธอ

     

           นิ้วเรียวของหญิงสาวผมสีเข้มเคาะกับโต๊ะเป็นจังหวะเบาๆ ดวงตาคมปลาบช้อนขึ้นจ้องเจ้าของมือคู่นั้น

     

           “เล่าให้ข้าฟังอีกซิ”

     

           ร่างบางที่อยู่ใต้ชุดแพรบางเบาจนเห็นส่วนโค้งเว้าอย่างชัดเจนหัวเราะเสียงนุ่มนวล

     

           “แน่ใจนะว่าอยากฟัง?...”

           “ถ้าท่านให้ข้าเล่าเรื่องนี้จนจบ ท่านอาจเสียใจที่ร้องขอข้าเช่นนั้น”

     

           เทพีแห่งเหมันต์ขมวดคิ้ว

           “เล่ามา”

     

           เทสเซเมียร์ยิ้ม

     

           “หากท่านกล่าวเช่นนั้น รัชทายาทของข้า

     

           “อย่าได้เรียกข้าเช่นนั้น” เธอขัด

           “ข้าไม่ใช่รัชทายาท”

     

           “มันเป็นสิทธิ์ของท่านโดยกำเนิด” เอลฟ์สาวเตือน

     

           สคาดิส่ายหัวอย่างดื้อแพ่งและยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ

     

           เมื่อเห็นว่าทำยังไงหญิงสาวก็จะไม่ยอมพูดเรื่องนี้อีก เทสเซเมียร์จึงถอนหายใจยาว

     

           “โซลเมตคือคู่ชีวิตของเจ้า จักรวาลได้เลือกไว้แล้วตั้งแต่วินาทีที่พวกเจ้าเกิดมา เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง...พวกเจ้าจะสามารถถ่ายทอดความทรงจำให้แก่กันและกันได้”

     

           “จุดๆหนึ่ง...จุดๆไหนกันแน่?” ประสานมือเข้าด้วยกันและถาม

     

           “เมื่อชะตาของพวกเจ้ากำลังจะโคจรมาพบกัน” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำหรุบลงขณะที่ประคองแก้วน้ำเมาขึ้นมา

     

           “โซลเมตของท่านอยู่ใกล้แล้ว สคาดิ พวกท่านกำลังจะได้พบกัน มีเพียงพวกนอร์นเท่านั้นที่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกท่านทั้งสองจะจบลงแบบไหน”

     

           “หมายความว่า?” เธอเลิกคิ้ว

     

           เทสเซเมียร์เอนกายลงพิงขอบโต๊ะ

           “การเป็นโซลเมตคือการผูกจิตเข้าหากัน เมื่อพวกท่านเจอกัน การผูกจิตนี้จะสมบูรณ์...ท่านจะเห็นสิ่งที่เขาเห็น เขาจะเห็นสิ่งที่ท่านเห็น...ท่านรู้สึกอะไร เขาจะรู้สึกด้วย ท่านปีติ เขายินดี เขาเจ็บปวด ท่านรวดร้าว จิตพวกท่านจะกลายเป็นหนึ่งเดียวในวินาทีที่พวกท่านยอมรับสถานะโซลเมตของกันและกัน”

     

           “และผลร้าย...หากท่านรักเขา แต่เขาไม่ได้รักท่าน ท่านจะไม่อาจเลิกรักเขาได้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรกับผู้ที่เขารัก ท่านจะเห็น ท่านจะเจ็บปวด แต่ท่านจะไม่สามารถตัดสัมพันธ์นี้ได้นอกจากใช้ความตาย...หรือใช้วิธีอื่นที่ทำให้ท่านมีสภาพไม่ต่างจากคนตายทั้งเป็น”

     

           สคาดินิ่งไป

     

           โซลเมต...

           เด็กผมทองคนนั้น...สินะ

     

           “ท่านควรไปได้แล้ว” เทสเซเมียร์เตือน

           “ข้าต้องเตรียมตัวรับแขก”

     

           หญิงสาวโคลงหัวและวางแก้วลง

     

           “เหล้าอร่อย”

     

           แล้วเธอก็ดีดนิ้ว หายตัวออกไปจากห้องในบาร์

     

     

    TALK WITH FM

    ฮาโหลลลลล

    เมื่อวานนี้ไรท์ป่วย ไม่ได้ไปโรงเรียน เลยปั่นตอนใหม่มาให้อ่านทันค่ะ

    อากาศเปลี่ยนแปลงก็งี้แหละเนาะ

    ขอขอบคุณสำหรับทุก  แรงสนับสนุนนะคะ

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

    (C) ELIZIL
         
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×