ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #16 : Broken Throne S2 || Ch 1

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 62


    || B R O K E N T H R O N E ||

    s e a s o n 2

    ----------------------------

    CHAPTER 1

     

     

           ร่างเพรียวที่อยู่ในชุดเกราะตัวเก่งค่อยๆไต่ลงจากหน้าต่างห้องตนเองซึ่งมีกำแพงสูงลิบลิ่ว

     

           ให้ตาย จำเป็นต้องสูงขนาดนี้ด้วยเหรอฟะ?

     

           ดวงตาสีฟ้าเทากรอกไปมาอย่างระวังภัยพลางค่อยๆวางเท้าลงแนบกับพื้นเมื่อสิ้นสุดกำแพง

     

           หวังว่าพวกทหารน่ารำคาญที่ไม่มีดีอะไรนอกจากกล้ามบึ้กๆนั่นจะไม่รู้ตัวนะ...

     

           สคาดิผ่อนลมหายใจและหันซ้ายหันขวา พยายามมองหาใครก็ตามที่อาจตามเธอมา

     

           เยี่ยม ไม่มีใครให้ความสนใจเงามืดๆแถวใต้ปีกราชวัง

     

           หญิงสาวลัดเลาะไปตามเส้นทางลับและหลังคาส่วนต่างๆที่ไม่มีใครเคยรู้ไปอย่างเงียบเชียบ มือเรียวยกขึ้นมาร่ายคาถาเพื่อทำให้ร่องรอยของเธอบางเบาลงจนแทบระบุไม่ได้ว่าเป็นใคร

     

           เผื่อโอดินจะเล่นใหญ่ ขนนักเวทย์จากวานาไฮม์มาสะกดรอยเธอ

     

           เธอกลั้นใจกระโดดจากหลังคาหนึ่งลงไปยังพื้นดิน

     

           หวังว่าจะไม่มีใครดันมาอยู่ผิดที่ผิดเวลาในตอนนี้นะ ไม่งั้นเธอคงปล่อยไปไม่ได้แน่

     

           เทพีแห่งเหมันต์หยัดกายขึ้นจากท่าโน้มตัวเหนือพื้นและเดินเข้าไปในโรงม้าตรงหน้า มือเรียวปลดกลอนประตูอย่างไร้สุ้มเสียงแล้วจึงดันมันให้เปิด

     

           ต้องขอบคุณเกมซ่อนหากับวิ่งไล่จับที่พวกเธอสามพี่น้องเล่นกันตอนเด็กๆที่ทำให้สคาดิรู้จักเส้นทางหลายสายมากขึ้นภายในกำแพงวังแอสการ์ด

     

           เสียงกรนเบาๆของสัตว์หลายสายพันธุ์ดังกังวานอยู่ในอาคารขนาดใหญ่นี้

     

           ใช่ นี่มันเป็นโรงม้า

     

           แต่เทพแอซีร์ที่ไหนจะอยากขี่แต่ม้าน่าเบื่ออย่างเดียวล่ะ จริงไหม?

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาตวัดไปแวบหนึ่งเพื่อมองหาสิ่งที่เธอต้องการ

     

           ไม่ นั่นเสลปเนียร์

           ถ้าเธอขี่มัน โอดินต้องยัวะจัดแน่ๆ

     

           อืม...

           ตัวไหนจะเป็นผู้โชคดีของเธอกันนะ?

     

           อะไรที่เร็ว ไม่ทิ้งร่องรอย ไม่เล็กเกินไปที่จะเหนื่อยเมื่อเธอขี่ และไม่ใหญ่เกินไปจนไปสะดุดตายามกะกลางคืนเข้า

     

           ส่วนไฮม์ดัล...

     

           ยังไงตาแก่นั่นก็เห็นทุกอย่างอยู่แล้ว ลองเอาไปบอกโอดินสิ เธอจะแฉซะให้เรียบว่าวันๆเทพอารักษ์ตาเดียวเอาแต่ส่องดูเซเลน่า โกเมซกับอาเรียน่า กรานเด

     

           เอ๊ะ จำได้ว่าก่อนเธอจะลงไปที่มิดการ์ด เขาชอบติดตามดูจีจี้ ฮาดิดด้วยนี่

     

           กลับมาที่คำถามประจำค่ำคืนนี้

           เธอจะขี่อะไรดี?

     

           เดี๋ยวนะ...

           สคาดิคิดว่าตัวเองรู้คำตอบแล้วล่ะ

     

           ไม่กี่นาทีต่อมา ร่างเพรียวบนสัตว์พาหนะที่ตนเองเลือกไว้ก็บินฉิวขึ้นไปบนท้องนภา ทิ้งแอสการ์ดในยามราตรีไว้เบื้องหลัง

     

           อินทรียักษ์สีน้ำตาลโฉบลงไปด้านล่าง วิวของลำต้นอันแข็งแรงของต้นไม้ศักดิ์สิทธ์อย่างอิกดราซิลที่เป็นรากฐานของโลกทั้งเก้ารวมถึงดินแดนเทพแอสการ์ดชัดเจนขึ้น

     

           ลมเย็นพัดให้ผมของเธอปลิวไปด้านหลังในขณะที่เจ้านกที่เธอบังคับอยู่หักหัวดิ่งลงไปตามแนวต้นไม้แห่งโลก

     

           หวังว่าพวกนั้นจะยังอยู่ตำแหน่งเดิมนะ...

     

           เธอขี้เกียจใช้เวทหาพิกัดอีก มันเปลืองแรงและเวลามากเกินไป

     

           หญิงสาวผมสีเข้มหรี่ตาที่เริ่มรู้สึกชาจากการปะทะกับอากาศด้วยความเร็วลง

     

           กระตุกขนนกที่กำอยู่เพื่อให้มันหยุดดิ่งและบินอยู่กับที่

     

           แสงไฟที่ลอดออกมาจากช่องหน้าต่างเล็กที่อยู่ในอิกดราซิลทำให้เธอผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

     

           ดีเลย ไม่ต้องไปบินหาตามที่อื่นของต้นไม้นี่

     

           ร่างเพรียวกระโดดลงจากหลังอินทรียักษ์พลางใช้เวทเหยียบอากาศโรยตัวลงไปจนถึงแท่นไม้เล็กๆส่วนที่ยื่นออกมาจากต้น

     

           ประตูไม้เก่าๆที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนจะกลืนไปกับเปลือกไม้ของอิกดราซิล

     

           ถ้าไม่สังเกตดีๆก็คงไม่เห็นลูกบิดประตู

     

           สามคนนั้นยังคงความขี้แกล้งไว้เหมือนเดิม

     

           เหลือบมองพาหนะมีชีวิตที่กำลังบินเล่นแล้วก็รู้สึกอิจฉาพี่ชายคนโตขึ้นมาตงิดๆ

     

           นอกจากจะได้สิทธิ์ครองบัลลังก์และความชื่นชอบจากชาวแอสการ์ดแล้ว ไอ้พี่ทึ่มนั่นยังมีค้อนที่พาเขาบินได้ด้วย

     

           อ่า...อย่างน้อยเธอก็ร่ายเวทย์เป็น

     

           มือเรียวแตะลงบนบานประตูและดันมันเข้าไป สูดหายใจลึก

     

     


     

     

           “สกูลด์บอกว่าเจ้าจะมา” เสียงแหบนุ่มนวลของร่างในเสื้อคลุมสีดำดังขึ้น ร่างสูงนั้นขยับมาใกล้และยื่นแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำสมุนไพรกลิ่นชวนผ่อนคลายให้

     

           “นางเห็นทุกอย่าง” สคาดิตอบยิ้มๆ รับแก้วนั้นมาและจิบ

     

           เราเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังเกิดขึ้น และจะเกิดขึ้น” อีกเสียงหนึ่งที่เยาว์วัยกว่าแทรกเข้ามาในบทสนทนา

     

           “ไงสคาดิ” เจ้าของประโยคยิ้มและเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้สามขาใกล้โต๊ะไม้

     

           “สวัสดีเวอร์ดานดิ”

     

           เวอร์ดานดิ เทพีแห่งปัจจุบันกาลยิ้มรับ เธอชันแขนที่ประดับไปด้วยสร้อยข้อมือและกำไลขึ้นและวางคางลงบนมือ

     

           ในบรรดาพี่น้องทั้งสามนั้น สคาดิรู้สึกว่าเธอน่าคุยด้วยที่สุดแล้ว

     

           ไม่ได้จะว่าพี่น้องนอร์นอีกสองคนนะ

     

           “ว่าธุระมาเลย ธิดาแห่งธยาสซี” สตรีเสื้อคลุมดำเอียงหน้ามาทางเธอ ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ใหญ่ในบรรดาเทพีนอร์นหยัดกายขึ้นและเท้าแขนลงกับโต๊ะไม้ด้านหลังน้องสาว

     

           ก่อนที่หญิงสาวผมสีน้ำตาลจะทันพูดอะไร ร่างเล็กๆอีกร่างก็ปรากฎตัวขึ้นมาจากความมืดและจ้องมาทางเธอด้วยดวงตาใสแจ๋ว

     

           “นางต้องการรู้เกี่ยวกับโลกิ” สกูลด์ว่าเสียงฝันๆ

     

           อูรด์ผู้สวมเสื้อคลุมสีปีกกาเลิกคิ้ว

     

           “งั้นสิสคาดิ?”

     

           เทพีแห่งอนาคตดูเหมือนจะไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไป เธอหันไปทางตู้ไม้และชั้นวางต่างๆที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตเล็กๆและการทดลองต่างๆรวมถึงวัตถุดิบหายากที่เอาไว้ใช้ปรุงยา

     

           “ข้าไม่เคยซ่อนความคิดตนเองจากน้องสาวท่านได้ อูรด์” ถอนหายใจและจิบน้ำสมุนไพรอีกอึกใหญ่

     

           หญิงวัยค่อนไปทางกลางคนพยักหน้าพลางส่งเสียงอืมในลำคอเบาๆ

     

           “อยากให้ช่วยอะไรเกี่ยวกับพี่เจ้าล่ะ?”

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาหรุบลง

     

           “นี่ก็ล่วงเข้าวันที่เจ็ดนับจากที่ข้าถูกขัง ครึ่งเดือนแล้วที่โลกิอยู่ในคุกใต้ดิน...ข้าอยากรู้ว่าถ้าข้าแหกคุกช่วยพี่ ข้าจะทำสำเร็จไหม?”

     

           เวอร์ดานดิและพี่สาวสบตากันแล้วจึงเหลือบไปทางแผ่นหลังเล็กๆของน้องที่กำลังรดน้ำต้นไม้ซึ่งมีอยู่แน่นขนัดไกลออกเพียงเล็กน้อยจากส่วนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่

     

           “ข้าไม่แน่ใจว่าสกูลด์จะยอมช่วยไหม แม้แต่นางจะทำได้ไหมข้ายังไม่รู้เลย” พี่กลางจากสามพี่น้องกอดอก

     

           อูรด์ถอนหายใจเบาๆ

           “ของอย่างนี้ไม่ลองไม่รู้”

     

           เธอเรียกเด็กหญิงผมดำเบาๆ

           “สกูลด์”

     

           ผู้ถูกเรียกเบนดวงตาช่างฝันสีฟ้ามา

     

           “ข้าจะช่วยเท่าที่ข้าช่วยได้”

     

           “ขอบคุณ” สคาดิโค้งหัวน้อยๆ

     

           สกูลด์ยิ้มรับ และวางบัวรดน้ำในมือลงพลางผ่อนลมหายใจยาว ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีอำพัน

     

           “เจ้าจะไม่พาโลกิออกมาจากคุก เขาจะไปกับชายอีกคนหนึ่ง”

     

           “ชาย? คนไหน?” เทพีแห่งเหมันต์ขมวดคิ้วสีเข้มและวางแก้วควันฉุยลง

     

           “ผมทอง ถือค้อน” เด็กหญิงตอบเบาๆ

     

           ธอร์เหรอ?

     

           ทันใดนั้น ร่างเล็กก็แข็งค้างขึ้นมากะทันหัน

     

           “นางเห็นนิมิต” เวอร์ดานดิว่า

           “ไม่เคยมีแบบนี้มาเกือบพันปีแล้ว”

     

           ตาของสกูลด์สว่างเรืองอย่างที่สคาดิไม่เคยเห็นมาก่อน เทพีนอร์นองค์เล็กจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาว

     

           เด็กหญิงอ้าปากเอื้อนเอ่ย แต่เสียงที่ออกมากลับแหบแห้งน่ากลัว

     

           มีเหรียญสองด้าน มีทางสองทางให้เจ้าเลือก...”

     

           เธอสาวเท้าเดินมาใกล้อย่างเชื่องช้า

     

           มีตำแหน่งสองตำแหน่ง หนึ่งคือสิ่งที่เจ้าคุ้นเคย แต่จะช่วยเจ้าและคนที่เจ้าต้องการปกป้องไม่ได้มากเท่าไหร่ อีกหนึ่งคือสิ่งยิ่งใหญ่ที่เจ้าคิดว่าไม่คู่ควร ทรงพลังและหอมหวานสำหรับผู้อื่น แต่เป็นของเจ้าโดยชอบธรรม

     

           โอเค...

           สคาดิชอบสกูลด์ตอนยังเป็นเด็กตาฝันๆมากกว่าตอนที่เป็นเด็กเสียงแหบตาเรืองแสง

     

           จงเลือก...เป็นธิดาแห่งโอดิน เจ้าหญิงแห่งแอสการ์ด

     

           มือเรียวอดลูบแขนตนเองที่กำลังมีขนตั้งชันขึ้นไม่ได้

     

           หรือเป็นราชินีแห่งเผ่าพันธุ์ของเจ้า ปกครองบนบัลลังก์ที่เป็นสิทธ์โดยกำเนิดของเจ้า

     

           ทันใดนั้น เธอรู้สึกราวกับว่าลมหายใจสะดุดลง

     

           ได้โปรดเถอะ...เธอไม่อยากพูดถึงมัน

           อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในช่วงนี้

     

           จงเลือก...สคาดิ

     

           หลังากที่กล่าวประโยคสุดท้าย เด็กหญิงก็กะพริบตา ดวงตาที่เคยเป็นสีอำพันสว่างกลับมาเป็นสีฟ้าดังเดิม

     

           “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” สกูลด์ถาม แล้วร่วงลงไปกองกับพื้นโดยที่มีเวอร์ดานดิรี่เข้าไปประคอง

     

           “ข้าจะเตรียมชาร้อน น้องจะได้มีอะไรอุ่นๆดื่มตอนฟื้น” อูรด์ผุดลุกขึ้นและเด็ดใบไม้บางส่วนจากกระถางที่อยู่บนโต๊ะพร้อมทั้งคว้าโหลบรรจุวัตถุดิบสองสามอย่างไปด้วย

     

           “เจ้าถูกกักบริเวณไม่ใช่รึไง สคาดิ?” เธอหันมา

           “กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวเทพบิดรจะจับไต๋ได้”

     

           หญิงสาวพยักหน้าและลุกขึ้นยืน

     

           “ขอบคุณพวกท่านมาก”

     

           “ได้เสมอ” เวอร์ดานดิอ้าแขนกอดเธอและยิ้มกว้าง

     

           “ว่างก็มาอีกนะ”

     

           ร่างเพรียวครางอืมในลำคอ

     

     

     

           เมื่อออกมาจากบ้านของพวกนอร์นแล้ว เธอก็แหงนหน้าขึ้นไป

     

           เยี่ยม นกนี่ยังอยู่แฮะ

           นึกว่ากลับไปแล้ว

     

           สคาดิกระโดดขึ้นไปบนหลังมันอีกครั้ง มือเรียวกำขนนกและกระตุกเพื่อให้มันบินกลับไปที่แอสการ์ด

     

           หวังว่าจะถึงก่อนพระอาทิตย์ขึ้นแล้วกัน










    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -












    New Year Special

    A Midnight Resolution

     

     

     

           ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะมาทำอะไรแบบนี้

     

           หญิงสาวผมสีเข้มถอนใจยาว ยกพลุไฟในมือขึ้นมาและเหม่อมองไปในท้องฟ้ายามเที่ยงคืนของนิวยอร์ก

     

           “คิดอะไรอยู่?” เสียงทุ้มติดหวานดังขึ้น ร่างของพี่ชายต่างสายเลือดทิ้งตัวลงนั่งข้างกายเพรียวในเดรสสีฟ้า

     

           “ก็...ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมานั่งคิดปนิธานปีใหม่แบบนี้อ่ะ” เธอเม้มปากและตวัดขาขึ้นไขว่ห้าง

     

           “เอาน่า...” โลกิตบบ่าเธอเบาๆ

           “ถือซะว่าทำตามธรรมเนียมชาวมิดการ์ด”

     

           “พูดง่ายเนอะ” สคาดิปรายตาไปที่เขา

     

           “ข้าจะตั้งปนิธานปีใหม่ยังไงดี?”

     

           “ก็...อะไรที่คิดว่าควรจะทำได้แล้ว ไม่งั้นอาจไม่มีโอกาสทำอีกเลยไง” พี่ชายเสนอความคิด เขาเสยผมยาวประบ่าสีดำของตนและยิ้ม

     

           เธอขมวดคิ้วอย่างเครียดเคร่ง

     

           ดวงตาสีฟ้าเทาเบนไปด้านในอาคาร โทนี่ สตาร์คกำลังจู๋จี๋อยู่กับสตีฟ โรเจอร์ส นาตาชาและบรูซนั่งคุยเล่นกับครอบครัวของคลินท์ บาร์ตันอย่างสนิทสนม

     

           แม้แต่ฝ่าบาททีชัลล่าก็ยังมีคู่

           คู่ที่ว่าก็คือเอริค สตีเวนส์ ลูกพี่ลูกน้องของเขานั่นเอง

     

           ส่วนเสตรนจ์ก็มากับชายหนุ่มร่างสูงที่เห็นบอกว่าชื่อเลวี(ต่อมาหมอแปลกมากระซิบกับเธอว่าเขาคือผ้าคลุมแดงๆน่าหมั่นไส้ผืนนั้นนั่นเอง) และปีเตอร์ในตอนนี้ก็ถูกประกบไม่ห่างโดยชายที่ชื่อเว้ด วิลสัน

     

           แล้วธอร์ก็...

           แหงล่ะ จับคู่กับโลกิไง

     

           โอ้ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าอะไรคือความแตกต่าง

     

           สคาดิไม่มีคู่

     

           ปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้วนะ?

           รู้สึกว่าจะครบพันสี่ร้อยปีในอีกไม่กี่เดือนแล้วนี่

     

           คนวัยเดียวกันกับเธอก็มีคู่กันไปเกือบจะหมดแอสการ์ดแล้ว

           ไม่รวมซิฟนะ ขานั้นอายุเกือบพันห้าร้อยปีเข้าไปแล้วยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนซักที

     

           “ข้าว่าข้ารู้แล้วล่ะว่าจะตั้งปนิธานอะไร”

     

           ดวงตาสีเขียวของโลกิไล่ตามสายตาของเธอและเบิกกว้าง

     

           “เอาจริงดิน้องข้า?”

     

           เธอหันกลับไปหาพี่และฉีกยิ้มเห็นเขี้ยวให้เขา

     

           “ถือซะว่าทำตามธรรมเนียมมิดการ์ดนะพี่ข้า”

     

           ไม่นานหลังจากนั้น เทพคำลวงก็ผุดลุกขึ้นและขอตัวไปหาธอร์ ทิ้งให้เธอนั่งเฝ้าโซฟาคนเดียว

     

           เด็กสามขวบดูก็รู้ว่าสองคนนี้อยากมีเวลาส่วนตัวด้วยกันจะแย่แล้ว

     

           เฮ้อ...

           ขอให้มีลูกหัวปีท้ายปีนะพี่ๆข้า

     

           รู้ตัวอีกที มหาเศรษฐีเจ้าของตึกที่พวกเธอมาปาร์ตี้กันก็เดินมาพร้อมแก้วค็อกเทลสองใบและยื่นใบหนึ่งให้เธอ

     

           “ขอบใจ”

     

           “อะไรคือปนิธานปีใหม่ของเธอเหรอ?” โทนี่ถาม

     

           “ฉัน...จะสละโสด” เทพีฤดูหนาวว่ายิ้มๆ

           นี่ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนกับเธอจะไปฉุดผู้ชายก็ได้

     

           “เธอเล็งใครไว้บ้างเนี่ย?”

     

           “ก็...” เธอเท้าคาง

           “ยังไม่ได้คิดเสป็คไว้เลยอ่ะ”

     

           “โชคดีละกันนะ” ชายร่างเล็กส่งเสียงอืมในลำคอ กระดกน้ำเมาในมือเข้าปากจนหมดและวางมันกลับลงในถาดที่เด็กเสิร์ฟเดินมายื่นให้

     

           “อือ ขอบใจ”

     

           สคาดิผละออกจากโซฟาและเดินออกไปคุยกับอเวนเจอร์สคนอื่นจนเวลาล่วงเลยไปถึงเกือบเที่ยงคืน

     

           เธอรู้ตัวอีกทีเมื่อนาตาชาตะโกนเรียกจากระเบียง

     

           “สคาดิ มาเร็ว เราจะเคานท์ดาวน์กันแล้ว”

     

           “โอเค” หญิงสาวขานรับและวางแก้วค็อกเทลในมือลง รีบรุดไปเกาะราวระเบียงเคียงข้างพี่ชายบุญธรรมทั้งสอง

     

           ตึกรามบ้านช่องต่างๆเริ่มมีผู้คนทยอยออกมานับถอยหลังเริ่มต้นปีใหม่อีกปีหนึ่งตามหน้าต่างบ้าน ชานหน้าบ้าน และดาดฟ้า

     

           ทำไมเธอรู้สึกเหมือนถูกมองเลยนะ?

     

           ทันใดนั้น จากตึกข้างๆ สคาดิสังเกตเห็นร่างสูงๆร่างหนึ่งกำลังยืนพิงราวระเบียงอยู่(ตาชาวแอสการ์ดก็ดีอย่างเงี้ย)

     

           ดวงตาสีฟ้าสว่างของเขาสบกับเธออย่างพอดี

     

           สิบ

           ณ วินาทีนั้น ราวกับหญิงสาวได้พบสิ่งที่ตามหามานานแสนนาน

     

           เก้า

           เธอสูดลมหายใจลึก

     

           แปด

           ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นน้อยๆ

     

           เจ็ด

           เสียงทุกอย่างดูจะอื้ออึงไปหมด

     

           หก

           รู้สึกราวกับว่าจะได้ยินเสียงอวัยวะภายในอกด้านซ้ายเต้นเป็นจังหวะก้องชัดเจน

     

           ห้า

           ผมสีทองของเขาดูเหมือนกับเส้นไหมที่ทำมาจากทองคำ

           อยากรู้จังว่าจะรู้สึกยังไงเมื่อได้จับมัน

     

           สี่

           สันกรามของเขาดูคมคายเหลือเกิน

           อยากรู้จังว่าจะรู้สึกยังไงเมื่อได้ประคองมันไว้ในอุ้งมือ

     

           สาม

           ดวงตาของเขาราวกับมีประกายเฉดสีฟ้าเต้นรำอยู่ภายในนั้น

           อยากรู้จังว่าเธอจะเห็นกี่สีเมื่อจ้องมันใกล้ๆ

     

           สอง

           ริมฝีปากของเขาช่างน่าสัมผัส

           อยากรู้จังว่าจะเป็นยังไงเมื่อได้จูบมัน

     

           หนึ่ง

           เขา...

           คือใครกันนะ?

     

           แฮปปี้นิวเยียร์!!!!

           เสียงพลุไฟดังขึ้น แต่งแต้มท้องนภาให้สว่างเรือง

     

           เธอกะพริบตาสองสามครั้งเรียกสติกลับมาและเบนสายตากลับไปที่โลกิที่กำลังปรบมือ ยิ้มกว้าง และสวมกอดเธอ

     

           สคาดิเหลือบกลับไปมองร่างสูงตรงระเบียงอีกครั้ง

     

           แทบลมหายใจสะดุดเมื่อพบว่าเขาเองก็ยังมองมาที่เธอไม่วางตา

     

           “นั่นใครน่ะ?” ได้ยินเสียงตนเองถามออกไปเบาๆ

     

           “คนที่อยู่ตรงระเบียงฝั่งโน้นน่ะเหรอ?” พี่ชายผมดำมองตาม

           “หน้าคุ้นๆนะ...ธอร์ เจ้ารู้จักผู้ชายคนนั้นรึเปล่า?”

     

           “เอ๊ะ...” พี่ชายผมทองขมวดคิ้ว

     

           “อ๋อ จำได้แล้ว ข้าว่าเขาน่าจะเป็นรุ่นน้องคนหนึ่งของข้าน่ะ”

     

           “เขาคือใครเหรอ?” สคาดิหันไปมองชายหนุ่มปริศนาอีกครั้ง

     

           ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายของธอร์เบนมาทางเธอ

     

           “เขาชื่อ...”



    End.


      

    TALK WITH FM

    มาแล้วค่าาา

    สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ

    ช่วงวันหยุดนี้ไรท์มาบ้านปู่ ไม่ค่อยจะมีเน็ตเลย กว่าจะอัพได้ก็แทบหมอบเลยล่ะค่ะ

    ขอให้ปี 2019 นี้มีแต่ความสุข คิดเงินได้เงิน คิดทองได้ทอง สุขภาพแข็งแรง ใครอยู่ในวัยเรียนก็ขอให้เรียนเก่ง ได้เกรดสวยๆนะคะ(อันนี้คืออวยพรตัวเองด้วย//ฮา)

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<


    ? cactus
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×