คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Broken Throne S2 || Ch 0
|| B
R O K E N T H R O N E ||
s e a
s o n 2
----------------------------
CH 0
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน
องค์หญิง”
ตาแก่กล้ามล่ำผิวเข้มที่ดูเหมือนหุ่นแขวนเกราะทองอร่ามแสบตาทั้งร่างทรุดตัวลงตรงหน้าเธอและก้มหัวให้
ดวงตาที่เป็นสีขาวข้างหนึ่งมองมาที่เธอนิ่งๆ
“ข้าต้องกล่าวขอบคุณใช่มั้ยไฮม์ดัล?”
หญิงสาวกรอกตา รอยยิ้มบางๆปรากฎขึ้นที่มุมปาก
เขาหัวเราะหึๆ
“ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด”
ร่างเพรียวยกยิ้มจนเห็นเขี้ยวขาวและโคลงหัวไปมา
“พี่ข้าล่ะ?”
“ท่านหมายถึงองค์โตหรือองค์รองกันแน่
สคาดิ?” ไฮม์ดัลยืดตัวขึ้นเต็มความสูง
มือกระชับด้ามดาบที่เป็นกุญแจเปิดสะพานไบฟรอสต์
“พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอกรึ?
ข้านึกว่าธอร์จะไม่ยอมให้โลกิคลาดสายตาเสียอีก?” คิ้วสีเข้มของสคาดิเลิกขึ้น
มือเรียวยกขึ้นมากอดอกตนเอง
สีหน้ากระอักกระอ่วนของเทพผู้รู้เห็นไปทุกเรื่องทำเอาเธอใจไม่ดี
“ตาแก่...พี่คนรองข้า
เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
เทพอารักษ์ผิวเข้มเม้มปากและพยายามหลบสายตาของเธอ
“ไฮม์ดัล?”
ดวงตาที่สามารถมองเห็นได้เพียงข้างเดียวทำให้ทุกอย่างดูกดดันและหลอนเข้าไปอีก
“ท่าน...อาจไม่ชอบคำตอบของข้าเท่าไหร่นัก
องค์หญิง...แต่ขอให้ท่านจำเอาไว้ว่าทุกอย่างที่เทพบิดาของท่านทำลงนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของชาวแอสการ์ด...และของโลกิเอง”
...ขออย่าให้เป็นอย่างที่เธอกลัวเลย...
สคาดิพยักหน้ารับ
“บอกข้ามาเถอะ
ข้าว่าข้ารับได้”
“ตามบัญชา”
เทพเฝ้าทวารคำนับรับคำ
ทันทีที่เขาเล่าจบ
สคาดิก็ผลุนผลันออกไปทันทีโดยไม่มีแม้แต่คำพูดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม
มีเพียงดวงตาที่พร้อมจะฆ่าใครก็ตามที่เข้ามาขวางทางเท่านั้น
โอดิน...
เขากล้า...
กรามสวยได้รูปขบกันแน่นจนรู้สึกปวดเมื่อย
ขาเรียวในรองเท้าบู๊ตหนังสีน้ำตาลที่ปกปิดขึ้นมาถึงเข่าเดินไปเรื่อยๆ
แต่ละก้าวหนักอึ้งและดุดันจนเกิดเป็นเสียง
ดีที่ไม่ค่อยมีคนอยู่บนถนน
อย่างไรก็ตาม
ดวงตาหลายคู่ก็ถึงกับเบิกกว้างเมื่อเห็นชายแขนเสื้อสีเทาของเจ้าหญิง
สคาดิไม่สนใจสีหน้าตระหนกของเหล่ายามหน้าประตู
เธอย่ำไปที่ช่องประตูอันมโหฬารของท้องพระโรงและเดินเข้าไปด้านใน
สรรพเสียงเริ่มเงียบลง
และจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว
ให้ตาย
ไม่ใช่ดาราดังของมิดการ์ดนะโว้ย
จ้องแบบนี้เธอก็เขินเป็นนะ
เสียงพื้นรองเท้าหนังกระทบพื้นที่ถูกขัดจนมันวับ
บังเกิดเสียงแกร๊กเป็นจังหวะ
“สคาดิ...”
ธอร์พยายามจะอ้าปากพูด แต่เธอก็ตัดบทอย่างเย็นชา
“ไม่ต้องพูดอะไร”
เธอหันหัวไปหาเขา กดดันด้วยเสียงลอดไรฟัน
“เจ้าไม่มีสิทธิ์อธิบายอะไรทั้งนั้น”
โอดินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ขยับกายเล็กน้อย
ทำให้เทพีแห่งเหมันต์เบนสายตากลับมาหาเขาอีกครั้ง
“ลูกพ่อ...”
“ข้าหาใช่ธิดาท่านไม่”
น้ำเสียงเย็นเยียบเปล่งออกมา
ทันใดนั้น
ราวกับว่าท้องพระโรงถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศแห่งความหนาวเย็น
เทพเทพีหลายองค์ยกมือขึ้นมากอดตนเอง แม้แต่ธอร์ก็ซ่อนมือกลับเข้าไปในเสื้อคลุม
ลมหายใจกลายเป็นไออุ่นๆ
“พลังเจ้ากล้าแข็งขึ้นแล้วนี่สคาดิ”
เทพบิดรกล่าวทำลายความเงียบวังเวง
“มีลูกสาวที่แข็งแกร่งเช่นนี้
ธยาสซีคงภูมิใจ”
“อย่าได้บังอาจกล่าวถึงบิดาข้า”
หญิงสาวผมเข้มแยกเขี้ยว
ทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบสงบอันน่าอึดอัดอีกครั้ง
ค่อยๆเม้มปากเป็นเส้นตรงและเปล่งคำพูดที่อยู่ในใจมานานออกไป
“...ทำไมกัน?”
โอดินนั่งนิ่ง
“ท่านหาเรื่องกักขังโลกิ...บุตรบุญธรรมของตน...อีกร้อยปีข้างหน้าท่านคงหาเหตุมาจับข้ายัดเข้าคุกใต้ดิน
คุมขังไปชั่วกัปชั่วกัลป์เหมือนเขาสินะ” ปลายเสียงสั่นน้อยๆ
ดวงหน้าสวยหวานที่แฝงความดุดันเชิดขึ้น ดวงตาสีฟ้าเทาเต็มไปด้วยความสับสน
“หยุดกล่าวเรื่องไร้สาระได้แล้ว!!”
จอมเทพแห่งแอสการ์ดตบพนักรองแขนของบัลลังก์ทองเสียงดังก้องก่อนที่เธอจะกล่าวจบประโยค
“พี่ชายสุดที่รักของเจ้าแทบทำให้มิดการ์ดวายวอด
เขาสมควรจะได้รับการลงโทษ” เขาปรับเสียงให้อ่อนลงมา
“ความผิดเดียวของเขาคือเขาถูกเลี้ยงดูมาให้อยู่ใต้เงาอันแสนใหญ่โตของธอร์”
ร่างเพรียวสูงผ่อนลมหายใจ
“ความผิดเดียวของเขาคือความต้องการที่จะอยู่ในสายตาของท่าน...และเมื่อท่านไม่สนใจ
เขาก็ใจสลายและรับข้อเสนอของธานอสเพื่อให้ท่านหันมาเหลียวแล!!”
เสียงสั่นเครือเจือด้วยความร้าวรานดังก้องไปทั่วเพดานโค้งที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม
“ความผิดเดียวของเขา...”
สคาดิสูดหายใจลึก ข่มของเหลวอุ่นใสที่ทำท่าจะทะลักออกมาจากเบ้าตาอยู่รอมร่อ
“คือการมีบิดาบุญธรรมที่ไม่เคยเห็นหัวเขายกเว้นแต่โอรสสุดที่รักอย่างธอร์จะไม่อยู่เช่นท่าน!!!”
“สามหาว!!!!!”
เทพบิดรคว้าหอกกุงเนียร์มาและผุดลุกขึ้น
ทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่พักใหญ่
เทพสายฟ้าที่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกลนักขยับตัวเล็กน้อย
เผื่อว่าบิดาจะทำอะไรวู่วามเขาจะได้ช่วยทัน
“ทหาร!!!”
โอดินร้องลั่น
ทหารแอสการ์ดที่ยืนประจำที่อยู่บริเวณโถงบัลลังก์กรูกันเข้ามาล้อมร่างของเจ้าหญิงเอาไว้
“...นำตัวองค์หญิงไปที่ห้องชุดของนาง
ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะครบสิบสี่วัน”
ร่างบึกบึนของทหารผู้หนึ่งก้าวออกมาข้างหน้าและกำลังจะแตะชายเสื้อสีเทาในตอนที่ร่างเพรียวยกมือขึ้นปัดอย่างแรงเป็นเชิงห้าม
เกล็ดน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนแขนของเขา
ความเย็นกัดกินเข้าไปในเกราะและเข้าสู่เนื้ออย่างรวดเร็ว
ปลายนิ้วที่โผล่พ้นเกราะออกมาเปลี่ยนเป็นสีม่วงและแข็งเย็น
เขาสะดุ้งเฮือกและถอยห่างกลับไปในแถว
สคาดิไม่ได้ปริปากอะไรออกมาอีกเลย
เธอหันกลับไปมองเทพบิดรด้วยดวงตาตัดพ้อที่แดงก่ำและคลอไปด้วยน้ำตา
ก่อนจะเดินฝ่ากลุ่มองครักษ์ออกไป
หลายคนอาจบอกว่าเธอควรหนี
ทำไมต้องหนี?
เธอกลับมาเพื่อทำหน้าที่ของเธอ...เพื่อพยายามช่วยโลกิ
และเธอก็พูดสิ่งที่เธอควรพูดไปหมดแล้ว
หนีไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร
เอาเวลาสองสัปดาห์นี้ไปคิดหาทางช่วยพี่ชายออกมาจากคุกไม่ดีกว่าเหรอ?
ร่างเพรียวกำลังนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาและเปิดหนังสือนิยายเล่มโปรด—เพอร์ซีย์
แจ็กสันอยู่ในตอนที่เสียงเคาะประตูห้องชุดดังขึ้น
สคาดิขมวดคิ้ว
หยิบที่คั่นหนังสือที่เป็นแบบลิมิเต็ด
เอดิชั่นลายแก๊งมนุษย์กึ่งเทพขึ้นมาทับหน้าหนังสือที่อ่านค้างเอาไว้
เดินออกไปเปิดประตูโดยที่หนังสือเล่มหนายังอยู่ในมือ
ธอร์
“เจ้าดู...อ่า...”
พี่ชายคนโตไล่สายตามองดูร่างของเธอตั้งแต่หัวยันเท้าขึ้นๆลงๆสองสามรอบ
“เหมือนเทพโดนกักบริเวณดีนะ”
ก้มลงมองตนเอง
ก็...เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งแล้วก็กางเกงขาสั้นธรรมดานี่นา
ทำไมไอพี่เบิ้มนี่ถึงมองเธอแปลกๆอย่างนั้นล่ะ?
“เข้ามาก่อนสิ”
เธอเปิดประตูออกกว้างขึ้นเพื่อให้ร่างหนาๆของเขาลอดเข้ามาได้สะดวกหน่อย
พี่ชายที่ถือค้อนคู่ใจเข้ามาด้วยมองไปรอบด้านราวกับโคลัมบัสเพิ่งขึ้นเหยียบฝั่งอเมริกา
แหงล่ะ
ห้องชุดเธอที่ประกอบไปด้วยห้องสมุดไซส์มินิหนึ่ง
ห้องอาบน้ำที่เป็นสระมีวิวสะพานไบฟรอสต์ ครัวที่มีพร้อมทั้งเตาอบและตู้เย็น
ห้องนอนที่มีเตียงคิงไซส์ รวมไปถึงห้องฝึกซ้อมและคลังแสงเล็กๆของเธอด้วย
ไม่อ้าปากค้างก็ให้มันรู้ไป
“ชามั้ย?
หรือจะเอากาแฟดี? สโคนข้าก็มีนะ” เธอทรุดตัวลงนั่ง
“เจ้าไปเอาพวกของมิดการ์ดมาจากไหนกัน?”
เขาถามขึ้น
“ก็...”
ยกมือขึ้นเท้าคางพลางลากเสียงยาว
“พอดีว่าได้เรียนไอ้สิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์มาเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วน่ะ
เลยมาลองใช้เสกพวกของแต่งบ้านหน่อย”
“ทำไมท่านแม่สอนเจ้ากับโลกิ
แต่ไม่สอนข้า?” ดวงตาสีฟ้าดูงุนงงไปเล็กน้อย
“ก็พอดีเจ้าน่ะยุ่งอยู่กับการฝึกซ้อมรบทั้งวันเลย
ท่านแม่จึงไม่เคยได้สอนแม้แต่การท่องคาถาสร้างเกราะ”
“ตกลงพี่จะเอาสโคนไหม?”
ธอร์พยักหน้ารับเบาๆและลากเก้าอี้ไม้มานั่งหน้าน้องสาวบุญธรรม
นิ้วเรียวกระดิกไปมา
ส่งกระแสพลังให้จานที่เต็มไปด้วยสโคน, ขวดแยม,
และสำรับชาชุดหนึ่งลอยมาที่โต๊ะกระจกตรงหน้า
ยกกาน้ำชาขึ้นมารินให้ร่างใหญ่ตรงหน้าและตนเอง
“ว่าธุระมา
พี่ข้า”
เขาวางมโยลเนียร์ลงข้างตัว
“สคาดิ...เรื่องท่านพ่อน่ะ...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
หญิงสาวหันหน้าหนี
ทำไมต้องมาคุยเรื่องนี้ด้วยเนี่ย?
เธอก็รำคาญเป็นนะ
“น้องข้า
ฟังก่อน...เขาเพียงต้องการจะปกป้องโลกิจากชาวแอสการ์ด”
“...และปกป้องชาวแอสการ์ดจากความคลั่งแค้นของโลกิ...งั้นสิ?”
เธอแค่นเสียง
ธอร์นิ่งไป
ไม่มีคำตอบ
“ท่านมาแค่เรื่องนี้ใช่ไหม?”
เธอถอนหายใจยาวและจิบชา
“ข้าไม่อยากให้เจ้าเครียดเกินไป”
พี่ชายกอดอก
หยิบสโคนมากัดคำใหญ่
ดวงตาสีฟ้าเทาปรายตามองร่างใหญ่โตราวกับควายที่กำลังนั่งจ้องหน้าตนอยู่
“ไม่ต้องห่วง
ธอร์ ข้าไม่เครียดตายหรือเป็นบ้าในเร็วๆนี้แน่”
ดวงตาสีฟ้าของเทพผมทองกรอกไปมา
ทันใดนั้น
เครื่องจับเวลาก็ดังกริ๊งขึ้น ก้องกังวานไปทั่วห้องครัวและส่งมาถึงห้องนั่งเล่น
“ข้าไปจัดการขนมปังก่อนนะ”
ร่างเพรียวสูงผุดลุกขึ้นจากโซฟาและเดินลิ่วไปที่เตาอบ
“กินด้วยกันมะ?
ข้าว่าจะทำไข่เบเนดิกต์เป็นของว่างสักหน่อย”
“ไม่ล่ะ”
เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ
“ข้ามีซ้อมรบกับพวกซิฟ”
เธอยืดตัวขึ้น
“อ้อ
ซ้อมให้สนุกนะ”
สคาดิเดินไปส่งธอร์ที่ประตู
ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากห้องชุดของเธอ
เทพสายฟ้าหันมายีผมที่มัดเป็นมวยลวกๆไว้จนมันเสียทรง ทำเอาเธอร้องประท้วงดังลั่น
“ผมเสียทรงแล้วโว้ยพี่ข้า!!!”
เขาแยกเขี้ยวหัวเราะและกอดเธอ
“มีอะไรก็เรียกข้าละกัน”
“อือ
รีบไปเหอะน่า” เธอพ่นลมเสียงเหอะ
TALK WITH FM
และนี่ก็คือ...//ตีกลองรัวๆ
Broken Throne ซีซั่นสองค่าาาา
ขอขอบคุณทุกแรงสนับสนุนนะคะ
ไรท์ดีใจมากเลยมีคนติดตาม//ฮือออ
ดีนะเนี่ย
ช่วงนี้มีงานกีฬาสาธิตสามัคคี ไม่ต้องเรียน(ซ้อมแสตนอย่างเดียว)
ไรท์เลยมีเวลามาปั่นต่อได้
ยังไงก็...เจอกันตอนหน้านะคะ
ด้วยรักและถุงกาว
เฟิงมี่ค่ะ>3<
ความคิดเห็น