ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #15 : Broken Throne S2 || Ch 0

    • อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 62


    || B R O K E N T H R O N E ||

    s e a s o n 2

    ----------------------------

    CH 0

     

     

     

           “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน องค์หญิง” ตาแก่กล้ามล่ำผิวเข้มที่ดูเหมือนหุ่นแขวนเกราะทองอร่ามแสบตาทั้งร่างทรุดตัวลงตรงหน้าเธอและก้มหัวให้ ดวงตาที่เป็นสีขาวข้างหนึ่งมองมาที่เธอนิ่งๆ

     

           “ข้าต้องกล่าวขอบคุณใช่มั้ยไฮม์ดัล?” หญิงสาวกรอกตา รอยยิ้มบางๆปรากฎขึ้นที่มุมปาก

     

           เขาหัวเราะหึๆ

     

           “ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด”

     

           ร่างเพรียวยกยิ้มจนเห็นเขี้ยวขาวและโคลงหัวไปมา

     

           “พี่ข้าล่ะ?”

     

           “ท่านหมายถึงองค์โตหรือองค์รองกันแน่ สคาดิ?” ไฮม์ดัลยืดตัวขึ้นเต็มความสูง มือกระชับด้ามดาบที่เป็นกุญแจเปิดสะพานไบฟรอสต์

     

           “พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอกรึ? ข้านึกว่าธอร์จะไม่ยอมให้โลกิคลาดสายตาเสียอีก?” คิ้วสีเข้มของสคาดิเลิกขึ้น มือเรียวยกขึ้นมากอดอกตนเอง

     

           สีหน้ากระอักกระอ่วนของเทพผู้รู้เห็นไปทุกเรื่องทำเอาเธอใจไม่ดี

     

           “ตาแก่...พี่คนรองข้า เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”

     

           เทพอารักษ์ผิวเข้มเม้มปากและพยายามหลบสายตาของเธอ

     

           “ไฮม์ดัล?”

     

           ดวงตาที่สามารถมองเห็นได้เพียงข้างเดียวทำให้ทุกอย่างดูกดดันและหลอนเข้าไปอีก

     

           “ท่าน...อาจไม่ชอบคำตอบของข้าเท่าไหร่นัก องค์หญิง...แต่ขอให้ท่านจำเอาไว้ว่าทุกอย่างที่เทพบิดาของท่านทำลงนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของชาวแอสการ์ด...และของโลกิเอง”

     

           ...ขออย่าให้เป็นอย่างที่เธอกลัวเลย...

     

           สคาดิพยักหน้ารับ

     

           “บอกข้ามาเถอะ ข้าว่าข้ารับได้”

     

           “ตามบัญชา” เทพเฝ้าทวารคำนับรับคำ

     

           ทันทีที่เขาเล่าจบ สคาดิก็ผลุนผลันออกไปทันทีโดยไม่มีแม้แต่คำพูดที่หลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม

     

           มีเพียงดวงตาที่พร้อมจะฆ่าใครก็ตามที่เข้ามาขวางทางเท่านั้น

     

           โอดิน...

     

           เขากล้า...

     

           กรามสวยได้รูปขบกันแน่นจนรู้สึกปวดเมื่อย ขาเรียวในรองเท้าบู๊ตหนังสีน้ำตาลที่ปกปิดขึ้นมาถึงเข่าเดินไปเรื่อยๆ แต่ละก้าวหนักอึ้งและดุดันจนเกิดเป็นเสียง

     

           ดีที่ไม่ค่อยมีคนอยู่บนถนน

     

           อย่างไรก็ตาม ดวงตาหลายคู่ก็ถึงกับเบิกกว้างเมื่อเห็นชายแขนเสื้อสีเทาของเจ้าหญิง

     

           สคาดิไม่สนใจสีหน้าตระหนกของเหล่ายามหน้าประตู เธอย่ำไปที่ช่องประตูอันมโหฬารของท้องพระโรงและเดินเข้าไปด้านใน

     

           สรรพเสียงเริ่มเงียบลง และจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว

     

           ให้ตาย ไม่ใช่ดาราดังของมิดการ์ดนะโว้ย

           จ้องแบบนี้เธอก็เขินเป็นนะ

     

           เสียงพื้นรองเท้าหนังกระทบพื้นที่ถูกขัดจนมันวับ บังเกิดเสียงแกร๊กเป็นจังหวะ

     

           “สคาดิ...” ธอร์พยายามจะอ้าปากพูด แต่เธอก็ตัดบทอย่างเย็นชา

     

           “ไม่ต้องพูดอะไร” เธอหันหัวไปหาเขา กดดันด้วยเสียงลอดไรฟัน

           “เจ้าไม่มีสิทธิ์อธิบายอะไรทั้งนั้น”

     

           โอดินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ขยับกายเล็กน้อย ทำให้เทพีแห่งเหมันต์เบนสายตากลับมาหาเขาอีกครั้ง

     

           “ลูกพ่อ...”

     

           ข้าหาใช่ธิดาท่านไม่” น้ำเสียงเย็นเยียบเปล่งออกมา

     

           ทันใดนั้น ราวกับว่าท้องพระโรงถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศแห่งความหนาวเย็น เทพเทพีหลายองค์ยกมือขึ้นมากอดตนเอง แม้แต่ธอร์ก็ซ่อนมือกลับเข้าไปในเสื้อคลุม ลมหายใจกลายเป็นไออุ่นๆ

     

           “พลังเจ้ากล้าแข็งขึ้นแล้วนี่สคาดิ” เทพบิดรกล่าวทำลายความเงียบวังเวง

     

           “มีลูกสาวที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ธยาสซีคงภูมิใจ”

     

           “อย่าได้บังอาจกล่าวถึงบิดาข้า” หญิงสาวผมเข้มแยกเขี้ยว

     

           ทั้งท้องพระโรงตกอยู่ในความเงียบสงบอันน่าอึดอัดอีกครั้ง

     

           ค่อยๆเม้มปากเป็นเส้นตรงและเปล่งคำพูดที่อยู่ในใจมานานออกไป

           “...ทำไมกัน?”

     

           โอดินนั่งนิ่ง

     

           “ท่านหาเรื่องกักขังโลกิ...บุตรบุญธรรมของตน...อีกร้อยปีข้างหน้าท่านคงหาเหตุมาจับข้ายัดเข้าคุกใต้ดิน คุมขังไปชั่วกัปชั่วกัลป์เหมือนเขาสินะ” ปลายเสียงสั่นน้อยๆ ดวงหน้าสวยหวานที่แฝงความดุดันเชิดขึ้น ดวงตาสีฟ้าเทาเต็มไปด้วยความสับสน

     

           “หยุดกล่าวเรื่องไร้สาระได้แล้ว!!” จอมเทพแห่งแอสการ์ดตบพนักรองแขนของบัลลังก์ทองเสียงดังก้องก่อนที่เธอจะกล่าวจบประโยค

     

           “พี่ชายสุดที่รักของเจ้าแทบทำให้มิดการ์ดวายวอด เขาสมควรจะได้รับการลงโทษ” เขาปรับเสียงให้อ่อนลงมา

     

           “ความผิดเดียวของเขาคือเขาถูกเลี้ยงดูมาให้อยู่ใต้เงาอันแสนใหญ่โตของธอร์” ร่างเพรียวสูงผ่อนลมหายใจ

     

           “ความผิดเดียวของเขาคือความต้องการที่จะอยู่ในสายตาของท่าน...และเมื่อท่านไม่สนใจ เขาก็ใจสลายและรับข้อเสนอของธานอสเพื่อให้ท่านหันมาเหลียวแล!!” เสียงสั่นเครือเจือด้วยความร้าวรานดังก้องไปทั่วเพดานโค้งที่ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม

     

           “ความผิดเดียวของเขา...” สคาดิสูดหายใจลึก ข่มของเหลวอุ่นใสที่ทำท่าจะทะลักออกมาจากเบ้าตาอยู่รอมร่อ

     

           “คือการมีบิดาบุญธรรมที่ไม่เคยเห็นหัวเขายกเว้นแต่โอรสสุดที่รักอย่างธอร์จะไม่อยู่เช่นท่าน!!!”

     

           “สามหาว!!!!!” เทพบิดรคว้าหอกกุงเนียร์มาและผุดลุกขึ้น

     

           ทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่พักใหญ่

     

           เทพสายฟ้าที่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกลนักขยับตัวเล็กน้อย เผื่อว่าบิดาจะทำอะไรวู่วามเขาจะได้ช่วยทัน

     

           “ทหาร!!!” โอดินร้องลั่น

     

           ทหารแอสการ์ดที่ยืนประจำที่อยู่บริเวณโถงบัลลังก์กรูกันเข้ามาล้อมร่างของเจ้าหญิงเอาไว้

     

           “...นำตัวองค์หญิงไปที่ห้องชุดของนาง ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะครบสิบสี่วัน”

     

           ร่างบึกบึนของทหารผู้หนึ่งก้าวออกมาข้างหน้าและกำลังจะแตะชายเสื้อสีเทาในตอนที่ร่างเพรียวยกมือขึ้นปัดอย่างแรงเป็นเชิงห้าม

     

           เกล็ดน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนแขนของเขา ความเย็นกัดกินเข้าไปในเกราะและเข้าสู่เนื้ออย่างรวดเร็ว ปลายนิ้วที่โผล่พ้นเกราะออกมาเปลี่ยนเป็นสีม่วงและแข็งเย็น

     

           เขาสะดุ้งเฮือกและถอยห่างกลับไปในแถว

     

           สคาดิไม่ได้ปริปากอะไรออกมาอีกเลย เธอหันกลับไปมองเทพบิดรด้วยดวงตาตัดพ้อที่แดงก่ำและคลอไปด้วยน้ำตา ก่อนจะเดินฝ่ากลุ่มองครักษ์ออกไป

     

           หลายคนอาจบอกว่าเธอควรหนี

     

           ทำไมต้องหนี?

     

           เธอกลับมาเพื่อทำหน้าที่ของเธอ...เพื่อพยายามช่วยโลกิ และเธอก็พูดสิ่งที่เธอควรพูดไปหมดแล้ว

     

           หนีไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร

     

           เอาเวลาสองสัปดาห์นี้ไปคิดหาทางช่วยพี่ชายออกมาจากคุกไม่ดีกว่าเหรอ?



     

     



     

           ร่างเพรียวกำลังนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาและเปิดหนังสือนิยายเล่มโปรด—เพอร์ซีย์ แจ็กสันอยู่ในตอนที่เสียงเคาะประตูห้องชุดดังขึ้น

     

           สคาดิขมวดคิ้ว หยิบที่คั่นหนังสือที่เป็นแบบลิมิเต็ด เอดิชั่นลายแก๊งมนุษย์กึ่งเทพขึ้นมาทับหน้าหนังสือที่อ่านค้างเอาไว้

     

           เดินออกไปเปิดประตูโดยที่หนังสือเล่มหนายังอยู่ในมือ

     

           ธอร์

     

           “เจ้าดู...อ่า...” พี่ชายคนโตไล่สายตามองดูร่างของเธอตั้งแต่หัวยันเท้าขึ้นๆลงๆสองสามรอบ

     

           “เหมือนเทพโดนกักบริเวณดีนะ”

     

           ก้มลงมองตนเอง

     

           ก็...เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งแล้วก็กางเกงขาสั้นธรรมดานี่นา

     

           ทำไมไอพี่เบิ้มนี่ถึงมองเธอแปลกๆอย่างนั้นล่ะ?

     

           “เข้ามาก่อนสิ” เธอเปิดประตูออกกว้างขึ้นเพื่อให้ร่างหนาๆของเขาลอดเข้ามาได้สะดวกหน่อย

     

           พี่ชายที่ถือค้อนคู่ใจเข้ามาด้วยมองไปรอบด้านราวกับโคลัมบัสเพิ่งขึ้นเหยียบฝั่งอเมริกา

     

           แหงล่ะ ห้องชุดเธอที่ประกอบไปด้วยห้องสมุดไซส์มินิหนึ่ง ห้องอาบน้ำที่เป็นสระมีวิวสะพานไบฟรอสต์ ครัวที่มีพร้อมทั้งเตาอบและตู้เย็น ห้องนอนที่มีเตียงคิงไซส์ รวมไปถึงห้องฝึกซ้อมและคลังแสงเล็กๆของเธอด้วย

           ไม่อ้าปากค้างก็ให้มันรู้ไป

     

           “ชามั้ย? หรือจะเอากาแฟดี? สโคนข้าก็มีนะ” เธอทรุดตัวลงนั่ง

     

           “เจ้าไปเอาพวกของมิดการ์ดมาจากไหนกัน?” เขาถามขึ้น

     

           “ก็...” ยกมือขึ้นเท้าคางพลางลากเสียงยาว

           “พอดีว่าได้เรียนไอ้สิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์มาเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วน่ะ เลยมาลองใช้เสกพวกของแต่งบ้านหน่อย”

     

           “ทำไมท่านแม่สอนเจ้ากับโลกิ แต่ไม่สอนข้า?” ดวงตาสีฟ้าดูงุนงงไปเล็กน้อย

     

           “ก็พอดีเจ้าน่ะยุ่งอยู่กับการฝึกซ้อมรบทั้งวันเลย ท่านแม่จึงไม่เคยได้สอนแม้แต่การท่องคาถาสร้างเกราะ”

     

           “ตกลงพี่จะเอาสโคนไหม?”

     

           ธอร์พยักหน้ารับเบาๆและลากเก้าอี้ไม้มานั่งหน้าน้องสาวบุญธรรม

     

           นิ้วเรียวกระดิกไปมา ส่งกระแสพลังให้จานที่เต็มไปด้วยสโคน, ขวดแยม, และสำรับชาชุดหนึ่งลอยมาที่โต๊ะกระจกตรงหน้า

     

           ยกกาน้ำชาขึ้นมารินให้ร่างใหญ่ตรงหน้าและตนเอง

     

           “ว่าธุระมา พี่ข้า”

     

           เขาวางมโยลเนียร์ลงข้างตัว

     

           “สคาดิ...เรื่องท่านพ่อน่ะ...”

     

           “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันหน้าหนี

     

           ทำไมต้องมาคุยเรื่องนี้ด้วยเนี่ย?

           เธอก็รำคาญเป็นนะ

     

           “น้องข้า ฟังก่อน...เขาเพียงต้องการจะปกป้องโลกิจากชาวแอสการ์ด”

     

           “...และปกป้องชาวแอสการ์ดจากความคลั่งแค้นของโลกิ...งั้นสิ?” เธอแค่นเสียง

     

           ธอร์นิ่งไป

           ไม่มีคำตอบ

     

           “ท่านมาแค่เรื่องนี้ใช่ไหม?” เธอถอนหายใจยาวและจิบชา

     

           “ข้าไม่อยากให้เจ้าเครียดเกินไป” พี่ชายกอดอก

     

           หยิบสโคนมากัดคำใหญ่ ดวงตาสีฟ้าเทาปรายตามองร่างใหญ่โตราวกับควายที่กำลังนั่งจ้องหน้าตนอยู่

     

           “ไม่ต้องห่วง ธอร์ ข้าไม่เครียดตายหรือเป็นบ้าในเร็วๆนี้แน่”

     

           ดวงตาสีฟ้าของเทพผมทองกรอกไปมา

     

           ทันใดนั้น เครื่องจับเวลาก็ดังกริ๊งขึ้น ก้องกังวานไปทั่วห้องครัวและส่งมาถึงห้องนั่งเล่น

     

           “ข้าไปจัดการขนมปังก่อนนะ” ร่างเพรียวสูงผุดลุกขึ้นจากโซฟาและเดินลิ่วไปที่เตาอบ

     

           “กินด้วยกันมะ? ข้าว่าจะทำไข่เบเนดิกต์เป็นของว่างสักหน่อย”

     

           “ไม่ล่ะ” เขาปฏิเสธอย่างสุภาพ

           “ข้ามีซ้อมรบกับพวกซิฟ”

     

           เธอยืดตัวขึ้น

           “อ้อ ซ้อมให้สนุกนะ”

     

           สคาดิเดินไปส่งธอร์ที่ประตู

     

           ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากห้องชุดของเธอ เทพสายฟ้าหันมายีผมที่มัดเป็นมวยลวกๆไว้จนมันเสียทรง ทำเอาเธอร้องประท้วงดังลั่น

     

           “ผมเสียทรงแล้วโว้ยพี่ข้า!!!”

     

           เขาแยกเขี้ยวหัวเราะและกอดเธอ

     

           “มีอะไรก็เรียกข้าละกัน”

     

           “อือ รีบไปเหอะน่า” เธอพ่นลมเสียงเหอะ




     

     

     

    TALK WITH FM

    และนี่ก็คือ...//ตีกลองรัวๆ

    Broken Throne ซีซั่นสองค่าาาา

    ขอขอบคุณทุกแรงสนับสนุนนะคะ ไรท์ดีใจมากเลยมีคนติดตาม//ฮือออ

    ดีนะเนี่ย ช่วงนี้มีงานกีฬาสาธิตสามัคคี ไม่ต้องเรียน(ซ้อมแสตนอย่างเดียว) ไรท์เลยมีเวลามาปั่นต่อได้

    ยังไงก็...เจอกันตอนหน้านะคะ

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

    S
    N
    A
    P
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×