ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #14 : 🎄CHRISTMAS SPECIAL☃️

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 61


    CHRISTMAS SPECIAL

    Once Upon a December

     

     

     





        


           ธันวาคมเป็นเดือนที่ดี

     

           นั่นคือสิ่งหนึ่งที่โลกิ ลาฟฟี่ซัน ชายหนุ่มตัวบางเจ้าของร้านขนมหวานรับรู้มาตลอดตั้งแต่ปีแรกที่เปิดร้าน

     

           ก็นะ...เมื่ออากาศเย็นลง ของกินที่อุ่นๆอย่างขนมปังอบใหม่ๆหรือช็อกโกแลตร้อนลอยมาร์ชเมลโล่ขาวนุ่มชิ้นโตสักชิ้นสองชิ้นก็เป็นที่ต้องการขึ้นมาอย่างมาก

     

           ยิ่งเมื่อใกล้ถึงวันคริสต์มาสแล้ว คุกกี้น้ำตาลที่ถูกตกแต่งด้วยรอยัลไอซิ่งหลากสีที่เข้ากับเทศกาลก็ยิ่งขายดี

     

           “กลับแล้วนะคะ” เสียงพนักงานคนสุดท้ายในคืนนี้--เรเน่ ดังขึ้นที่ประตู หญิงสาวเชื้อเอเชียที่ตัวเล็กนิดเดียวในสายตาของชาวอังกฤษอย่างเขายกกระเป๋าเป้แบรนด์อเนลโล่ขึ้นสะพาย

     

           “เมอร์รี่คริสต์มาสนะครับ” เขายิ้ม

     

           “อ่า...แล้วบอสจะกลับเมื่อไหร่เหรอคะ?” เธอถามขณะที่แตะมือลงบนประตูกระจก

     

           “เดี๋ยวก็กลับแล้วล่ะครับ ขอบคุณมากที่เป็นห่วง” โลกิตอบและปิดสมุดบัญชีในมือ

     

           ไม่ได้อยากจะโม้นะ แต่ว่ารายได้ปลายปีนี้เนี่ยเป็นกอบเป็นกำขนาดที่ว่ายอดเงินรวมตอนนี้สามารถซื้อรถเบนซ์แจกพนักงานได้คนละคันแล้ว แถมยังเหลือเงินให้เขาละครอบครัวใช้อย่างสบายๆไปอีกนาน

     

           “เจอกันนะคะ” เรเน่ยิ้มจนเห็นฟันอย่างสดใส

     

           “ครับ กลับดีๆนะ”

     

           “ค่าบอส” เธอผลักประตูออกและหายไปกับผู้คนที่เดินอยู่ตามฟุตบาทข้างถนนในลอนดอน

     

           ชายหนุ่มถอนหายใจ ยืนขึ้นและแก้สายผ้ากันเปื้อนก่อนจะพับมันลงและเก็บเข้าไปในล็อกเกอร์ที่เรียงรายเอาไว้เพื่อใช้เก็บอุปกรณ์ของพนักงานแต่ละคน

     

           มือเรียวยาวสีซีดดึงยางมัดผมออกจากหางม้าสีปีกกาและเสยมันเพื่อให้เป็นระเบียบมากขึ้น จากนั้นจึงเก็บเครื่องคิดเงินและเอกสารทั้งหมดลงในลิ้นชักและบิดกุญแจล็อก

     

           ร่างสูงโปร่งหยิบเสื้อโค้ตสีเข้มขึ้นมาใส่และพันผ้าพันคอสีเขียวสลับดำนุ่มๆรอบคอเพื่อเพิ่มความอบอุ่น จากนั้นจึงเดินไปที่หน้าร้านเพื่อปิดไฟ

     

           ดวงตาสีมรกตสวยเหลือบมองทั่วร้านเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงปิดสวิตช์ไฟและออกจากร้านไป

     

           เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อโค้ตของตนเองและเดินไปเรื่อยๆ หันซ้ายขวา จ้องมองผู้คนที่กำลังมีความสุขกับการเดินเล่นในช่วงคริสต์มาสเงียบๆ

     

           ...ดีจังเลยนะ...

     

           โลกิเดินขึ้นไปบนรถเมล์ประจำทางพร้อมกับกระเป๋าเป้คู่ใจและทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่าง

     

           โทรศัพท์สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง

     

           ชายหนุ่มรีบหยิบมันขึ้นมา

     

           เมื่อเห็นชื่อที่เด่นหราบนหน้าจอ เขาก็ขมวดคิ้วน้อยๆและปัดขึ้นไปด้านบนเพื่อรับสาย

     

           “ฮัลโหลครับ”

     

           [โลกิ พี่อยู่ไหนแล้วเหรอ?] เสียงของน้องสาวตัวดีดังขึ้นมาตามสาย

     

           “อยู่บนรถเมล์ละ อีกประมาณสิบห้านาทีก็คงถึงบ้าน”

     

           [โอเค เจอกันนะ]

     

           สายวางไปแล้ว

     

           อะไรของมันกันวะ?

     

           เร็วเกินไปละ

     

           แล้ว...เมื่อกี้

           ยัยน้องตะโกนคำว่าเร่งมือหน่อยแว่วๆก่อนจะวางสายไปใช่มั้ย?

     

           ช่างมันเถอะ

     

           เขานั่งเงียบๆมองทิวทัศน์โดยรอบจนกระทั่งรถค่อยๆหยุดลง

     

           โลกิจ่ายเงินค่ารถเมล์และเดินลงมา

     

           สองเท้าในผ้าใบสีดำ-ขาวขยับบนพื้นปูนซีเมนต์ พาให้เจ้าของร่างไปหยุดอยู่ตรงหน้าแฟลตแห่งหนึ่ง

     

           มือเรียวถูกยื่นออกมาจากภายในเสื้อโค้ตและขยับรั้วออกเพื่อให้ตนสามารถลอดเข้าไปภายในได้

     

           ไฟเปิดอยู่

     

           ปกติน้องเขามักจะกลับมาค่ำมืดนี่นา

     

           ชะเง้อมองและขมวดคิ้ว โลกิค่อยๆแตะมือลงกับลูกบิดประตูและเปิดมันเข้าไป เผยให้เห็นแสงไฟสีอ่อนภายใน

     

           ใครเอาของมาแต่งบ้านจนเป็นธีมคริสต์มาสเนี่ย?

     

           ร่างโปร่งสูงของเขาเคลื่อนตัวไปที่บันได มือบางวางกระเป๋าไว้บนโซฟาผ้าและแก้ผ้าพันคอมาคล้องไว้รอบบ่าแทน เสื้อโค้ตถูกถอดออกมาวางพาดพนักพิงโซฟา

     

           ชายหนุ่มไล้มือไปกับราวบันไดไม้ที่ถูกพันด้วยเครื่องประดับแนวกิ่งสนขณะเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง

     

           บนพื้นที่ปูพรมเรียบร้อยแล้วนั้น เขาเห็นมวยหลวมๆสีน้ำตาลเข้มโผล่ออกมาจากโซฟาที่หันหลังอยู่ เท้าคู่หนึ่งวางไขว้โผล่ออกมาจากด้านบนสุดของพนักโซฟา

     

           “...สคาดิ?”

     

           เจ้าของเท้าเด้งตัวขึ้นมา

           “โอ้ เฮ้”

     

           สคาดิ โอดินสัน น้องสาวของเขา

     

           โอเค เขารู้

           เขานามสกุลลาฟฟี่ซัน

     

           ตอนยังเด็กอยู่ โลกิถูกอุปถัมภ์โดยครอบครัวโอดินสันที่เป็นเพื่อนกับพ่อของเขาหลังจากที่พ่อเสีย

     

           หลังจากที่บรรลุนิติภาวะ ชายหนุ่มก็ทำเรื่องเปลี่ยนนามสกุลกลับ

     

           พื้นเพของโอดินสันเป็นชาวอเมริกัน

     

           แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่ลอนดอน?

     

           วงแขนแกร่งโอบหมับรอบเอวบางจากทางด้านหลัง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดบริเวณหลังหู ผมสีทองบางส่วนปรกมาที่บ่าของเขา

     

           นี่ไงคำตอบ

     

           “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ” ธอร์ โอดินสันยิ้มกว้าง

     

         

     

           เมื่อเขาและธอร์ขึ้นไฮสคูลปีสิบสอง ทั้งคู่เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น

     

           ความผูกพันที่มีเริ่มแปรเปลี่ยน จากสถานะพี่น้องกลายเป็นอย่างอื่นที่ล้ำลึกกว่านั้น

     

           กว่าเขาจะรู้ตัวอีกที โลกิก็ตกหลุมรักธอร์เสียแล้ว

           และดูเหมือนสวรรค์จะเป็นใจ เมื่อพี่บุญธรรมเองก็มีใจให้เช่นกัน

     

           แม้แต่สคาดิ, แม่และพี่สาวคนโตก็สนับสนุน

     

           คงมีแต่เพียงโอดินที่ไม่ยอมรับเมื่อพวกเขาทั้งคู่ประกาศคบกันอย่างเป็นทางการหลังเรียนจบ

     

           เขาจำได้ดีว่าใบหน้าของบิดาบุญธรรมนั้นแดงก่ำและบิดเบี้ยวด้วยโทสะ ชายวัยกลางคนถึงกับไล่ตะเพิดพวกเขาออกไปจากบ้านด้วยเสียงตวาดและมือที่ตบลงกับโต๊ะเสียงดัง

     

           แม่พยายามจะทำให้เขาใจเย็นลง แต่เขาไม่ฟัง

     

           ในเมื่อโอดินไม่อยากให้เขาอยู่ โลกิก็ไม่อยู่ให้รกหูรกตาหรอก

           วันต่อมา ชายหนุ่มเก็บข้าวของออกจากบ้านพร้อมกับธอร์

     

           ทั้งคู่มาลงหลักปักฐานที่ลอนดอน บ้านเกิดของเขาซึ่งพอมีเงินเหลืออยู่ในบัญชีของเขาและบัญชีของพ่อ(แท้ๆ)ของเขา เมื่อรวมกันแล้วก็สามารถซื้อที่แฟลทและร้านเบเกอรี่เก่าๆได้ร้านหนึ่ง

     

           เขาตัดสินใจทำธุรกิจร้านขนมและคอฟฟี่ชอปในขณะที่ธอร์รับงานเป็นช่างภาพอิสระ

     

           ก็ในเมื่อร้านของโลกิเพียงลำพังก็สามารถหารายได้เป็นกอบเป็นกำได้แล้ว จะรวยเกินไปก็ใช่ที พี่ชายผมทองจึงทำงานเบาๆให้พอมีรายได้เสริมซักเล็กน้อยก็พอ

     

           ประมาณสี่ปีต่อมาหลังจากที่สคาดิเรียนจบ เธอก็หอบข้าวหอบของตามมาอาศัยด้วยโดยสมัครงานเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดประชาชนของลอนดอน

     

           พี่น้องที่บ้านมากระจุกรวมตัวกันอยู่ที่อังกฤษที่เดียว

     

           จะขาดก็แต่...

     

           “คิดอะไรอยู่?” ธอร์ถาม ค่อยๆคลายอ้อมกอดออกและเดินมาด้านหน้าเขา

     

           “ก็...” เขากัดปาก

           “ถ้ามาอยู่กันครบสี่คน...ก็คงดีเนอะ”

     

           พี่สาวคนเดียวของพวกเขา

     

           คิดถึงจัง

     

           เธอเป็นคนเดียวในสี่ลูกบ้านโอดินสันที่จะอยู่ที่อเมริกาต่อไป

           อาจเพราะเธอโตสุด ทำให้ตัดสินใจแบกภาระทั้งหมดที่โอดินตระเตรียมไว้ให้แทนพวกเขา

     

           เธอเสียสละที่สุดแล้ว

     

           สคาดิหยุดมือที่กำลังง่วนอยู่กับการพิมพ์อะไรบางอย่างในไอโฟนและหันดวงตาสีฟ้าเทาใสแจ๋วมาหาพวกเขา

     

           เมื่อกี้...เธอกับพี่ชายสบตากันรึเปล่านะ?

     

           “เอ่อ...โลกิ ทำไมพี่ไม่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องซะก่อนล่ะ กลับมาเหนื่อยๆคงจะเหงื่อเต็มตัวแล้ว”

     

           กำลังจะอ้าปากท้วงเบาๆว่าวันนี้อากาศเย็น ไม่มีเหงื่อหรอกในตอนที่มือใหญ่สากๆของธอร์รุนหลังเขา

     

           “ไปเร็ว”

     

           อ่า...ไปก็ไป

     

           ร่างบางเดินเข้าในห้องนอนที่ตกแต่งโทนสีดำเขียวของตน มือเรียวปลดเสื้อฮู้ดกันหนาวลายสก็อตสีเขียวอ่อนออกและกำลังจะถอดเสื้อยืดด้านในสุดในตอนที่สายตาสะดุดกับอะไรบางอย่าง

     

           สิ่งแปลกปลอมนั่นอยู่ในผ้าห่มหนาๆที่นูนขึ้นเป็นโปงบนเตียงสี่เสา

     

           คิ้วเรียวสีดำขมวดน้อยๆและเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ขอบเตียงมากขึ้น

     

           เห็นส่วนที่น่าจะเป็นไหล่โผล่ออกมาจากผ้า

     

           สคาดิไม่น่าจะพาคู่นอนมานะ

           ส่วนธอร์...ถ้าพามาก็อย่าหวังว่าเขาจะยอมให้อยู่

     

     

           แขกเหรอ? ห้องนอนด้านล่างก็มีนี่

     

           ใคร?

     

           ร่างนั้นส่งเสียงงึมงำคล้ายบ่นอะไรบางอย่างและพลิกตัวมาทางเขา ใบหน้าที่พ้นออกจากกองผ้าห่มทำให้โลกิผงะ

     

           “อือ...” ดวงตาสีฟ้าค่อยๆลืมขึ้น

           “อ้าว ไง...ฮ้าววว...ไงบ้างน้องชาย”

     

           ชายหนุ่มผมดำสูดหายใจสั่นๆ

           “เฮล่า”

     

     

     

     

           หลังจากที่เขาออกจากบ้าน เฮล่าซึ่งเป็นลูกคนโตรับช่วงต่อธุรกิจส่วนตัวจากบิดา

     

           ชีวิตของเธอจะเป็นนักธุรกิจไฟแรงแสนร่ำรวยหรือหญิงสาวที่ถูกพ่อกดดันอยู่ตลอดเวลา โลกิก็ไม่แน่ใจ

     

           แต่เธอปลีกตัวมาที่ลอนดอนได้

           แค่นี้เขาก็ดีใจแล้ว

     

           “เป็นไงบ้าง?” พี่สาวคนโตวัยย่างสามสิบดึงเสื้อครอปทอปไหมพรมลงมาทับผิวสีขาวราวกระเบื้องที่ปกปิดไว้แล้วชั้นหนึ่งด้วยบราหลังจากที่เปลี่ยนชุดสูททางการหนักๆออก

     

           สอบถามได้ความว่าเนื่องจากความเหนื่อยจากการอยู่บนเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสมาจากอิสตันบูล และมาต่อการคมนาคมอื่นๆเพื่อลากสังขารตัวเองให้มาถึงแฟลทน้องชายที่เพิ่งเคยมาครั้งแรก ทำให้เฮล่าหมดสภาพและทิ้งตัวลงบนเตียงแรกที่เธอหาได้

     

           ซึ่งก็เผอิ๊ญ...เผอิญเป็นเตียงของเขา

     

           พี่บอกว่าเข้าใจว่าตรงนั้นเป็นห้องนอนแขก

     

           จังหวะจะพอดีเกินไปมั้ยเนี่ย?

           บอกทีว่ายัยน้องสาวไม่ได้วางแผนจะเซอร์ไพรส์เขาด้วยการหลอกพี่คนโตว่าห้องเขาเป็นห้องแขก

     

           “ก็ดี ผมไม่ได้ขัดสนอะไร” ชายหนุ่มโคลงหัวไปมา

     

           คิ้วสีเข้มที่ถอดแบบกันมาเปี๊ยบทั้งๆที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันของหญิงสาวเลิกขึ้น

     

           “ดีแล้วนี่”

     

           “แล้ว...” เขาแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตนเอง

           “พ่อรู้มั้ยว่าพี่มานี่?”

     

           เธอชะงักไป

     

           “ช่างหัวเขา เขาไม่มีสิทธิ์ห้ามฉันไม่ให้มาเจอน้องๆฉัน”

     

           “อู้ววว” สคาดิห่อปาก

           “นั่นเข้าข่ายท้าทายอำนาจมืดใช่ป่ะ?”

     

           ดวงตาสีฟ้าเขียวของพี่คนโตกลอกไปมา

           “ไปเล่นกับทอมมี่ไป๊”

     

           น้องเล็กทำหน้าเบื่อๆแล้วหันไปผิวปาก

     

           สุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนสีเข้มวิ่งฉิวออกมาจากช่องประตูและกระโจนใส่เธอจนเจ้าของผมมวยหลวมๆร้องเสียงหลงแล้วล้มลงไปบนพื้น

     

           “ทอมมี่ ไม่”

     

           ทอมมี่ สุนัขที่สคาดิบังเอิญเก็บได้หน้าห้องสมุดเมื่อปีก่อนในวันที่พายุเข้าเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว งดงามและแข็งแรงจนแทบไม่เหลือภาพลูกหมาตัวน้อยที่เปียกปอนและสั่นเทาที่อยู่ในกล่องกระดาษข้างเสาไฟฟ้าอยู่เลย จะมีก็แต่ความกลัวเสียงฟ้าร้องและซึมกะทือตอนฝนตกเท่านั้น

     

           “เฮ้ไอ้หนู” เขาลูบหัวมัน เจ้าหมากระดิกหางอย่างรัวเร็วจนสะโพกส่ายไปมาดูน่าขัน ดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วราวลูกแก้วเต็มไปด้วยความรักและเชื่อฟัง

     

           นอกจากมันแล้ว โลกิยังเลี้ยงแมวลายสีส้มชื่อคริสซี่ไว้ดวย ติดที่มันเป็นแมวอ้วนที่ขี้เกียจมาก จึงมีหน้าที่หลักๆเพียงแค่เป็นหมอนข้างให้กับทอมมี่เท่านั้น เฉพาะช่วงเวลาที่มันเกิดคึกอยากขยันขึ้นมาเท่านั้นมันถึงจะออกมาจากตะกร้าและมาพันแข้งพันขาเขา

     

           คืนนั้น สคาดิทำซันเดย์โรสต์และเกรวี่หอมๆ พร้อมด้วยเอ๊กน๊อกและคุกกี้ที่เอาไว้จุ่มทานคู่กัน

     

           ทีวีจอใหญ่ถูกเปิด ธอร์ที่แรงเยอะที่สุดในบรรดาพี่น้องลากโต๊ะเตี้ยมาวางไว้บริเวณพรมหน้าโทรทัศน์ โลกิที่ถือจานและช้อนส้อมเดินตามมาวางพวกมันลง

     

           “คริสต์มาสโครนิเคิลส์” น้องสาวว่า ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา

           “ออกใหม่ตั้งแต่เดือนสองเดือนที่แล้ว”

     

           “โอเค” ชายหนุ่มผมทองจัดการเปิดภาพยนตร์เน็ตฟลิกซ์ที่เธอเสนอแล้วจึงนั่งลงข้างแฟนหนุ่ม

     

           เฮล่าหยิบมีดขึ้นมาเฉือนเนื้ออบบางส่วนในจานโยนใส่ในชามข้าวของทอมมี่ที่รีบวิ่งหน้าตั้งมากินมันอย่างตะกละตะกลาม

     

           “หมาเห็นแก่กิน” เธอย่นจมูก

     

           พวกเขานั่งดูภาพยนตร์ด้วยกันจนเสร็จ จากนั้นจึงต่อด้วยซีรีย์ดังของช่องเอชบีโออย่างเกม ออฟ โธรนส์ ซีซั่นเจ็ด

     

           ไม่ทันไร สคาดิที่อาบน้ำแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ผล็อยหลับคาทีวีไป ส่วนพี่สาวผมดำนั้นไม่ต้องพูดถึง เธอขอตัวไปนอนหลังจากตอนที่สามจบลง

     

           ธอร์กับโลกิลุกขึ้นและห่มผ้าให้น้องสาว ทอมมี่ที่อยู่ล่างโซฟากระโดดขึ้นมานอนซบตัวของเจ้านายเมื่อเห็นว่าคนลุกไปแล้วอย่างประจบประแจงโดยยังไม่ทันสังเกตว่าเธอนั้นกำลังหลับอยู่และไม่เห็นการกระทำของมันเลย

     

           ชายหนุ่มร่างใหญ่ปิดทีวีและเดินขึ้นไปด้านบนพร้อมกับกุมมือขาวของคนรักไปด้วย

     

           ทันทีที่ปิดประตูห้องนอน เขาก็ดึงร่างบางเข้ามาจูบ

     

           ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอ่อนนุ่มของคนผมดำ มือหนารั้งเอวสอบลงไปทาบทับร่างของตนบนเตียง

     

           “อือ...น้องกับเฮล่านอนอยู่ข้างล่าง” โลกิหอบหายใจหลังจากที่ริมฝีปากของทั้งคู่ผละออกจากกัน

     

           “ไม่ต้องห่วงน่า เขาไม่ได้ยินกันหรอก” อดีตพี่ชายบุญธรรมกระซิบเสียงกระเส่า นิ้วสากสอดเข้าไปดึงเสื้อฮู้ดของเขาออก

     

           “น่า...พรุ่งนี้ก็คริสต์มาสแล้ว ขอหน่อยไม่ได้เหรอ”

     

           โคมไฟหัวเตียงส่องแสงสลัวมากพอที่จะทำให้เขาได้เห็นใบหน้าของโลกิขึ้นสีแดง

     

           “พูดอะไรไม่อายปาก”

     

           ธอร์กระตุกยิ้ม

     

           “แล้วตกลงได้มั้ยอ่ะ?”

     

           “ไม่ จูบกับกอดพอ” ปฏิเสธแบบไม่หยุดคิดด้วยซ้ำ

     

           ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายอย่างออดอ้อน พยายามโน้มน้าวใจของสุดที่รัก

     

           โลกิเลิกคิ้ว ดวงตาสีมรกตบ่งบอกว่ายังไงก็ไม่ยอม

     

           ในที่สุด เขาก็จนใจ ได้แต่ดึงร่างเปลือยท่อนบนของแฟนมากอดไว้แนบอกพลางทาบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง

     

           “เมอร์รี่คริสต์มาสนะครับ” เขากระซิบ

     

           คอยดูนะ ปีใหม่นี้เขาจะทบต้นทบดอกคนในอ้อมแขนให้ลุกไปไหนไม่ได้เลย...คอยดู!!

     

     

     

    TALK WITH FM

    เมอร์รี่คริสต์มาสจ้าาาา

    ขอให้ทุกคนมีความสุขในช่วงวันหยุดนี้นะคะ

    ปอลิง. ลองไปดูนะคะ หนังเรื่องคริสต์มาส โครนิเคิลส์ของเน็ตฟลิกซ์ สนุกมากกกกกกอไก่ล้านตัว

    แนะนำดูซับไทยนะคะ ได้อรรถรส(เพราะไรต์ดูหนังฝรั่งแบบมีซับอย่างเดียว แทบไม่เคยได้ดูแบบพากย์ไทยเลยค่ะ ฮา)

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×