ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #10 : 🍁THANKSGIVING SPECIAL🍗

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 61


    Thanksgiving Special

    How to cook that dish again?

    (Modern Day AU)

     

     




           “ไก่งวงอยู่ไหนวะ...” มือเรียวไล่ชี้ดูของในตู้แช่แข็งที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนสัตว์

     

           “โลกิ!! ไหนอ่ะไก่งวง” หันไปร้องหาคนที่อยู่ห่างไปไม่กี่ชั้นวาง

     

           “ว่าไงนะ?” โลกิ ลาฟฟี่ซันขมวดคิ้วพลางยื่นหน้าออกมาจากส่วนที่ติดป้ายว่า ไวน์ลดราคา

     

           “ไก่งวง!!” สคาดิ เธียสซีดอทเทียร์ทำหน้าจนปัญญาขณะที่ชี้ลงไปที่ตู้ข้างกายที่มีแต่ไก่ทั้งตัวแช่แข็ง

     

           “มันมีแต่ไก่ว่ะ เอาไงดี”

     

           “เฮ้ย จริงดิ?” ร่างเพรียวขนาดที่ผู้หญิงยังอายของชายหนุ่มรีบเร่งเคลื่อนตัวมาข้างเธอและก้มลงไปเช็คในตู้

     

           “ไม่มีทางอ่ะ” เขาพึมพำพลางควานลงไปทั่วบริเวณ

     

           “เฮีย!!! เอาไงดี?” ทั้งสองหันไปหาอีกร่างหนึ่งที่หอบของพะรุงพะรังเดินมาหา

     

           “ไม่มีไก่งวง? มันต้องมีสิ” สตีฟ โรเจอร์สตรงเข้ามาค้นหาไก่งวงไปพร้อมๆกับเธอและโลกิ

     

           “แล้วถ้ามันไม่มีล่ะเฮีย?” สคาดิกอดอก

     

           “มันมีอยู่แล้ว” เสียงทุ้มๆของชายหนุ่มผมทองดังขึ้นด้านหลัง ในมือของเขามีห่อกระดาษสีน้ำตาลอยู่

     

           “ว่าไงนะธอร์?” ชายหนุ่มผมดำขมวดคิ้ว

     

           ธอร์ โอดินสันเลิกคิ้วแล้วชูห่อกระดาษในมือไปมา

     

           “ก็ตัวสุดท้ายมันอยู่กับฉันไง”

     

           หญิงสาวหนึ่งเดียวของกลุ่มในตอนนี้อดเผยสีหน้าโล่งใจไม่ได้ เธอก้าวขายาวๆไปหาเขาแล้วรับไก่งวงแช่แข็งขนาดพอกินทั้งครอบครัวมาจากชายร่างยักษ์

     

           “ด้วยความยินดี” เขางึมงำเมื่อเธอเพียงแค่เอาไก่ไปโดยไม่พูดอะไร

     

           สคาดิยักคิ้วและโยนสิ่งที่อยู่ในห่อให้สตีฟที่ทำหน้าที่เป็นคนเข็นรถใส่ของ

     

           “เอาล่ะ...ไก่งวง, เรียบร้อย...ไธม์กับโรสแมรี่ล่ะ?” โลกิคว้าเช็คลิสต์มาขีดฆ่า

     

           “อยู่นี่แล้ว” ธอร์ว่า

     

           “แป้งกับไข่?”

     

           “เช็ค” สคาดิหยิบถุงแป้งขึ้นมา

     

           “เนย?”

     

           “เช็ค” สตีฟกอดอก

     

           “ที่เหลือก็...เช็ค” โลกิพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

     

          

     




           “แคด” ปีเตอร์ ควิลล์ ชายร่างใหญ่ที่เป็นรองเพียงธอร์โยนผ้ากันเปื้อนให้เธอ หญิงสาวยกมือขึ้นรับและคลี่มันออกพร้อมกับผูกสายรัดด้านหลังอย่างชำนาญ

     

           “มันฝรั่งอยู่ที่เธอป่ะแนต?” หญิงสาวผมสีเข้มร้องถามนาตาชา โรมานอฟ หญิงสาวผมแดงที่อยู่ไม่ไกลนักและกำลังง่วนอยู่กับการผสมแป้งกับเนยเย็นๆ

     

           “อยู่กับโทนี่นู่นน่ะ” อีกคนหันมาบุ้ยใบ้ไปทางร่างเล็กของโทนี่ สตาร์คที่กำลังจับจองพื้นที่บริเวณโต๊ะด้านหน้าเคาน์เตอร์เพื่อปรุงรสไก่งวง

     

           “โทนส์”

     

           เขาเหลือบมามองเธอแวบหนึ่ง และยื่นชามบรรจุมันฝรั่งให้โดยที่ยังคงจดจ่ออยู่กับไก่

     

           สคาดิเทมันฝรั่งที่ปอกเปลือกเรียบร้อยลงในหม้อต้มที่เต็มไปด้วยครีมและส่วนผสมอื่นๆ มือเรียวหมุนปุ่มปรับไฟในเตาเพื่อเร่งไฟให้แรงสุด เมื่อครีมเดือดได้ที่แล้วจึงยกลง

     

           “หูยยย...หอมว่ะ” ทีชัลล่า อูดาคู เจ้าของสถานที่ผู้กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับผักสดเต็มตะกร้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้พลางสูดกลิ่นของครีมเข้าไปเต็มปอด

     

           “เฮ้ย...” แคดร้องพลางผลักใบหน้าของชายหนุ่มผิวเข้มออกห่างจากถ้วยมันฝรั่งต้ม

     

           “อย่าดิ เดี๋ยวเชื้อโรคลง”

     

           “อู้ววววว” เดอะแก๊งที่ต่างกำลังทำอาหารอยู่ส่งเสียงอย่างพร้อมเพรียงกัน

     

           “แรงส์” แนตห่อปาก

     

           พวกเขารู้จักกันครั้งแรกตอนเกรดเจ็ดเมื่อโลกิถูกปีเตอร์แกล้ง สคาดิและธอร์ เพื่อนรักของเขาบุกไปต่อยตีกับคนที่แกล้งเขาถึงที่ ทำเอาทุกคนที่พยายามเข้าไปห้าม(สตีฟ, ทีชัลล่า, นาตาชา, โทนี่, วานด้าและปิเอโตร แฝดจอมเผือก, โรห์ดี้, และบรูซ)ติดร่างแหไปด้วย ทุกคนในสถานการณ์อันโกลาหลนั้นถูกสั่งกักบริเวณทุกวันตอนเย็นจนถึงหกโมงเป็นเวลาหลายเดือน

     

           ยังไงก็คุ้ม เมื่อธอร์ต่อยหน้าปีเตอร์จนตาเขียวไปเป็นวัน

     

           และการกักบริเวณนี้เองที่ทำให้พวกเขาสนิทกันมากขึ้นจนถึงขนาดไปค้างบ้านกันและกันเมื่อพ่อแม่ไม่อยู่หรือไปเที่ยวด้วยกันช่วงวันหยุดยาวได้

     

           มิตรภาพนี้ยาวนานจนถึงตอนที่พวกเขาเข้ามหาวิทยาลัย...ซึ่งก็บังเอิญเข้าที่เดียวกันจนได้

     

           “บอกฉันทีว่าวานด้าจะมาช่วยเราทำอาหาร” โทนี่ขมวดคิ้วและเปิดเตาอบที่อุ่นไว้แล้ว เตรียมจะใส่ไก่งวงทั้งตัวเข้าไปในนั้น

     

           “มาแน่แหละ แต่น่าจะมากินเฉยๆ เพราะเห็นว่าติดงาน เดี๋ยวจะมากับวิชั่นแฟนเขา...คงจะมาช่วยแจมแค่ปิเอโตรคนเดียว” แคดใช้ไม้พายบดมันฝรั่งหอมนิ่มผ่านกระชอนเพื่อให้ไม่เหลือส่วนที่เป็นก้อน

     

           “ส่วนโรห์ดส์น่าจะใกล้ถึงละ...นายบอกเขาแล้วใช่ป่ะว่าให้เอาแครนเบอร์รี่ของฟาร์มแม่เขามาด้วย ฉันขี้เกียจไปซื้ออีก”

     

           “ถึงไม่บอก มิสซิสโรห์ดส์ก็ฝากมาอยู่ดีนั่นแหละ” โทนี่เช็ดมือลงกับผ้าที่เหน็บไว้ข้างเอวด้วยมาดเชฟมากประสบการณ์ (ทั้งๆที่ความจริงเข้าครัวไม่กี่ครั้งในชีวิต)

     

           ทันใดนั้น จมูกของหญิงสาวก็ได้กลิ่นแปลกๆโชยมาจากในครัวเปิดด้านนอก มือเรียวที่กำลังหย่อนก้อนเนยใส่มันฝรั่งและเทส่วนผสมที่ใช้ต้มมันฝรั่งใส่ในพูเรสีเหลืองครีมเนื้อนุ่มเนียนหยุดชะงักพลางหันขวับไปทางนั้น

     

           เป็นเวลาเดียวกันกับที่ธอร์เดินออกมาจากมุมครัวเปิด

     

           “แคด...”

     

           สคดิไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงดีเมื่อเห็นกระทะในมือของเพื่อนร่างยักษ์ที่เต็มไปด้วยอะไรบางอย่างซึ่งมีสีดำ ควันโขมง และส่งกลิ่นที่คล้ายจะบอกว่า...

     

           ‘กินแล้วตายนะจ๊ะ’

     

           “นั่น...”

     

           “มันอะไรฟะ?” ทีชัลล่าทำหน้าเหมือนกับเจอเอเลี่ยนพลางยื่นหน้าเข้ามาแทรกระหว่างบทสนทนา

     

           “ฉัน...แค่พยายามจะทำเกรวี่อ่า...” ธอร์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

     

           เหรอ? จริงดิ?

           นั่นมันเกรวี่จริงๆใช่ม้ายยยยยยย?

     

           สคาดิรู้สึกอยากกรีดร้อง

     

           “ฉัน...ให้ฉันทำเองดีกว่านะ” สตีฟว่า พลางค่อยๆหยิบเอากระทะควันโขมงที่เต็มไปด้วยเศษซากของสิ่งที่ควรจะเป็นเกรวี่ออกจากมือใหญ่ของเพื่อน

     

           “อือ...” ธอร์ทำหน้าหมดอาลัยตายอยาก จนชายหนุ่มผู้มีเชื้อแอฟริกันต้องเดินมาตบไหล่

     

           “นายมาช่วยฉันทำน้ำสลัดเหอะ”

     

           “ฮืออออ ขอบใจนะ” ชายร่างยักษ์ทำหน้าซาบซึ้งแล้วเดินตามเพื่อนออกไปจัดการสลัด

     

           ไม่กี่นาทีต่อมา แคดก็ต้องหันไปหาสตีฟอีกครั้งเมื่อเขาร้องถาม

     

           “เกรวี่ทำยังไงนะ?”

     

           พระเจ้าช่วยลูกด้วยยยยยยยย

     

           “นายละลายเนยก่อน...” หญิงสาวผมสีเข้มร้องสั่งขณะวางมือจากมันฝรั่งบดสูตรพิเศษแล้วรีบรุดไปยังเตา

     

           “อ่าฮะ” ชายผมทองเจ้าของรอยยิ้มที่ทำสาวๆใจละลายใส่เนยลงในกระทะและปล่อยให้มันละลาย

     

           จากนั้น เธอก็ใส่แป้งข้าวโพดลงไป เมื่อสตีฟคนมันจนเข้ากันแล้ว น้ำซอสที่เหลือจากการหมักไก่งวงก็ถูกเทลงไป เพิ่มความหอมด้วยโรสแมรี่ และพอสิ่งที่อยู่ในกระทะก้นลึกสำหรับทำซอสเดือดแล้ว มันก็ข้นขึ้นอย่างรวดเร็ว

     

           “ว้าว นี่มัน...สุดยอดไปเลยว่ะแคด” เขาทำตาเป็นประกายขณะที่สคาดิเทเกรวี่ข้นๆสีน้ำตาลลงในเหยือกซอสสีขาวทำจากเซรามิค

     

           “ชิมป่ะ?” หญิงสาวใช้ช้อนเล็กๆปาดซอสขึ้นมาและยื่นให้

     

           ชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักและอ้าปากงับช้อนนั้น

     

           “พระเจ้า อร่อย...อร่อยโคตร”

     

           เธอยักคิ้ว

     

           “จำสูตรไว้ด้วยนะ เดี๋ยวจะทำกระทะไหม้เหมือนธอร์”

     

     

     




           “เฮลโหลชาวโลกกกก” ปิเอโตร แม็กซิมอฟฉีกยิ้มขณะที่เขาเดินผ่านประตูเข้ามา ผ้าพันคอสีส้ม-น้ำตาลถูกคลายออกเมื่อชายหนุ่มผมสีบลอนด์ซีดถอดรองเท้าที่ชั้นวางรองเท้า

     

           “ไอ้หัวขาววววว” แคดหัวเราะร่าพลางสวมกอดเขา

     

           “เมนูวันขอบคุณพระเจ้าเรามีอะไรบ้างล่ะเนี่ย?” เสียงอันคุ้นเคยของเจมส์ โรห์ดส์ หรือที่ทุกคนเรียกว่าโรห์ดี้ดังขึ้นตามหลังร่างสูงของคนที่กำลังกอดอยู่กับหญิงสาวผมสีเข้ม

     

           “โรห์ดี้!!” โทนี่ร้องทักมาจากในครัว

     

           “เฮ้บิ๊กที ฮัลโหลโทนส์” ชายหนุ่มร่างเพรียวชะลูดผิวเข้มทักทายทีชัลล่าที่กำลังโยนแพร์ฝานบางใส่ถ้วยสลัดและหันมาโบกมือให้โทนี่ที่นอนเล่นอยู่บนโซฟา

     

           “เดี๋ยวอีกซักพักหัวแดงกับแฟนมันก็ถึงแล้วล่ะ” ปิเอโตรว่าพลางวางกระเป๋าเป้ลงบนเก้าอี้โซฟาแถวนั้น

     

           ถึงแม้ว่าวานด้าจะเป็นแฝดกันกับเขา แต่เธอก็เกิดหลังชายหนุ่มผมซีดอยู่เกือบสิบสองนาที—เป็นเหตุให้เขาชอบแหย่เธอหรือล้อผมสีแดงของเธอที่แตกต่างจากผมของเขาอย่างสิ้นเชิงด้วยฉายา ‘ผมแดง (redhead)’

     

           “ดีเลย เรากำลังต้องการคนช่วยทำพายอยู่พอดี” สคาดิลากเขาเข้าไปในครัว ที่ซึ่งโรห์ดี้กำลังล้างแครนเบอร์รี่อยู่

     

           “นายหยิบฟักทองต้มที่ฉันพักไว้ตรงนั้นมาบดผ่านกระชอนนะ” หญิงสาวสั่งและหยิบแอปเปิ้ลออกมาฝานบางเพื่อทำพายทั้งสามไส้

     

           “ครับเชฟ” ปิเอโตรฉีกยิ้มล้อเลียนขณะที่ดึงถ้วยออกมา

     

           แอปเปิ้ลที่ฝานบางแล้วถูกแช่ในน้ำร้อนจนนิ่ม แล้วจึงถูกนำไปคลุกเคล้ากับซินนามอน น้ำผึ้งและส่วนผสมอีกสองสามอย่าง มือเรียวหยิบแป้งพายสำเร็จรูปออกมาคลึงให้บางและกรุลงไปในพิมพ์ เธอเทแอปเปิ้ลใส่ลงไปและคลึงแป้งปิดทับ ท้ายสุด มีดถูกจรดลงไปบนพายและกรีดเป็นริ้วเพื่อระบายไอน้ำในพายและเพื่อป้องกันไม่ให้พายระเบิด

     

           “บิ๊กที!! ใครก็ได้ บอกฉันทีว่ายังเหลืออะไรให้ฉันทำบ้าง” ชูรี อูดาคู น้องสาวคนเดียวของทีชัลล่าแทบจะกระโดดลงจากบันไดมาที่ห้องโถงเมื่อเห็นคนเต็มไปหมด

     

           “ชูรี เฮ้” แนตโบกมือให้

     

           “ทุกคนนนนน” โทนี่ร้องมาจากห้องนั่งเล่น

     

           “ปีเตอร์กับเสตรนจ์มาแล้ว”

     

           “พีทตี้!!” เด็กสาวผิวเข้มโห่ร้อง

     

           “ยังพอมีแป้งข้าวโพดเหลืออยู่น่ะ ทำคอร์นเบรดสิ” สคาดิแนะนำขณะที่ผสมฟักทองที่บดแล้วกับเครื่องเทศ

     

           “เยี่ยมไปเลย ขอบคุณค่ะ”

     

           ปีเตอร์ พาร์คเกอร์เข้ามาในครัวพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักตามแบบฉบับของตน เขาช่วยชูรีหยิบแป้งและส่วนผสมอื่นๆแล้วมาจับจองที่ทำขนมแถวๆโต๊ะใกล้แคด

     

           “เดี๋ยวก่อนนะ...บิ๊กที คอร์นเบรดทำไงอ่ะ?” เธอหันไปถามพี่ชาย

     

           ทีชัลล่านิ่งไปซักพัก แล้วส่ายหัวดิก

     

           “สตีฟ?”

     

           ส่ายหัว

     

           “โทนี่?”

     

           ส่ายหัวเหมือนกัน

     

           “ชิบละ...” เด็กสาวหน้าเจื่อน

     

           “พีท...บอกฉันทีว่านายรู้”

     

           เด็กหนุ่มทำหน้ารู้สึกผิดสุดชีวิตพลางส่ายหน้า

           “เค้าขอโต๊ดดดดดด”

     

           และท้ายที่สุด...หน้าที่สอนเด็กทำอาหารก็ตกลงที่โลกิ

     

           “พี่ว่าพี่พอรู้วิธีทำอยู่นะ ย่าเคยสอน” เขาลูบคางตัวเอง

     

           “กี่ปีมาแล้วอ่ะ?” ปีเตอร์ถามขึ้น

     

           “แน่ใจนะว่าจำได้?” ชูรีเลิกคิ้ว

     

           “ไม่มีใครเชื่อใจพี่เลยไง๊?” เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตกุมขมับ ส่วนสคาดิที่กำลังเทฟักทองใส่แป้งพายหลุดขำพรืด

     

           ในที่สุด คอร์นเบรดฝีมือของทั้งสามก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมกับสมูทตี้ฟักทองและเครื่องเทศหอมหวานที่ก็...คงทำไม่ได้ถ้าสคาดิไม่คอยมาคุม

     

           เตาอบส่งเสียงดังติ๊ง ทำให้แคดหันไปหยิบไก่งวงร้อนๆควันฉุยออกมาวางบนเขียงไม้ หญิงสาวตักมันบดใส่ในถ้วยข้างๆและจัดกะหล่ำดาวอบไว้เป็นเครื่องเคียง เหยือกเซรามิกสีขาวใส่เกรวี่ถูกวางไว้ข้างๆ

     

           “ไก่งวงเสร็จแล้วนะทุกคน” เธอตะโกนเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกันอยู่พร้อมแก้วสมูทตี้ในมือของแต่ละคน

     

           “เฮ้สแคดดี้” บรูซ แบนเนอร์โบกมือทักทายน้อยๆ

     

           “บอกกี่ครั้งแล้ว่าอ่านว่า สคาดิ” เธอแยกเขี้ยว

     

           “งั้นฉันจะจัดโต๊ะนะ เธอไปเอาไก่มาเหอะ” โลกิวางแก้วสมูทตี้ในมือลงแล้วผุดลุกขึ้นยืนอย่างกระฉับกระเฉง

     

           “ฉันไปด้วย” สตีเฟ่น สเตรนจ์ผละออกจากโซฟาและเดินตามชายหนุ่มผมดำยาวไป

     

           “อ้าวหมอ หวัดดีจ้ะ” แคดร้องขึ้นมาคล้ายว่าเพิ่งเห็นคุณหมอรูปร่างสูงโย่งที่กำลังเดินเข้ามาในครัว

     

           “เออ ทักพรุ่งนี้เลยก็ได้นะ” เขากรอกตา

     

           “โทดที เพิ่งเห็นจริงๆอ่ะ...ได้ข่าวว่างานยุ่งนี่ ผอ. โรง’บาลไม่ขึ้นเหรอที่พี่หมอหนีมากินข้าวเนี่ย?” หญิงสาวผมเข้มฉีกยิ้ม

     

           สตีเฟ่นหรือพี่หมอเสตรนจ์เป็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่มหา’ลัย เขาได้ถูกจับรวมเข้าแก๊งเมื่อจับพลัดจับผลูได้มาเจอกับกลุ่มของเธอที่กำลังนั่งติวหนังสือกันอย่างเงียบๆ(?)และพบว่าโทนี่ที่พอรู้จักกันนั้นอยู่ด้วย ตั้งแต่นั้นมา พี่หมอจึงรับหน้าที่ติววิชาชีวะให้กับพวกเธอไปโดยปริยาย

     

           โดยคนที่สนิทกับเขาที่สุดน่ะเหรอ?

           สคาดิไง

     

           เมื่อเธอเข้าเรียนวิชาสัตวศาสตร์เพื่อเป็นสัตวแพทย์ วิชาชีววิทยาจึงสำคัญอย่างมาก

     

           นั่นทำให้ช่วงเรียนมหา’ลัย เธอมักแวะไปคุยกับพี่หมอหลังเรียนเสร็จที่ตึกคณะแพทย์ฯที่อยู่ไม่ไกลนักจากตึกคณะสัตวศาสตร์ทุกเย็นเพื่อขอให้เขาช่วยสรุปบทเรียนให้

     

           ที่จบมาเนี่ย ได้พี่หมอสตีเฟ่นช่วยล้วนๆ//กราบพี่หมอ

     

           “ผอ. ไม่ว่า’ไรหรอก และถ้าฉันจะมาใครก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว” ชายหนุ่มผมน้ำตาลยักไหล่

     

           นั่นล่ะพี่หมอ อินดี้สุดขีด

     

          

           “เฮ้ย นั่นพายแครนเบอร์รี่ใช่ป่ะ?” เสตรนจ์ชะโงกหน้าเข้าไปดูถาดพายอบใหม่ที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ

          

           “อือฮึ” หญิงสาวกอดอก

     

           “แม่โรห์ดี้ฝากมาอ่ะ...อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะหมอ รอกินข้าวเสร็จก่อน” เธอพูดต่อราวกับคาดเดาได้

     

           พี่หมอชอบกินแครนเบอร์รี่มาก ถ้าให้เขาจัดการพายไปก่อน เย็นนี้คงไม่มีพายแครนเบอร์รี่เหลือให้คนอื่นกิน

     

           “เกลียดแกว่ะแคด” ชายหนุ่มร่างสูงขึงตาใส่แล้วเดินตามโลกิเข้าไปหยิบช้อนส้อมและจาน

     

           วานด้าและวิชั่น แฟนหนุ่มของเธอมาถึงในตอนที่ทุกคนประจำที่เตรียมสวาปามรียบร้อยแล้ว

     

           “ฮายหัวแดง” ปิเอโตรสวมกอดน้องสาวฝาแฝด

           “เฮ้” หญิงสาวยิ้มพลางกอดตอบ

     

           “วิสสสส ไงเพื่อน” โทนี่ไฮไฟว์กับชายหนุ่มข้างวานด้า

     

           “ไงโทนส์” วิชั่น แมคจาร์วิสตบไหล่เพื่อนเบาๆและดึงเก้าอี้ออกให้แฟนสาวและตัวเองนั่งลง

     

           “เอาล่ะ...” ทีชัลล่าประสานมือเข้าด้วยกัน

     

           “เรามาเริ่มกันเถอะ...ดูเหมือนว่าพีทกับชูรีจะทนหิวไม่ไหวแล้วเนี่ย”

     

     

     



           “บายทุกคน” สคาดิกอดเพื่อนในแก๊งขณะที่ทุกคนมาส่งเธอที่หน้าประตูบ้านของทีชัลล่า

     

           เธอมีงานที่โรงพยาบาลสัตว์พรุ่งนี้ เคสนี้เป็นสุนัขที่มาพักอดน้ำอดข้าวครบหนึ่งคืนเรียบร้อย รอเพียงให้เธอไปผ่าตัดทำหมันให้มันเท่านั้น

     

           “ฉันจะต้องคิดถึงเธอแน่แคด” นาตาชาว่าด้วยดวงตาสีฟ้าเศร้าๆ

     

           “มา กอดแบบกลุ่ม” หญิงสาวผมเข้มกางแขนออก

     

           ทุกคนโผเข้ามาหาและโอบแขนรอบกันและกัน ธอร์แทรกเข้ามาด้านในสุด ตามด้วยพี่หมอ, ปีเตอร์ ควิลล์, และโลกิ

     

           ให้ตายเถอะ เธอเกลียดการกอดแบบหมีรัดของพวกเขาที่สุด

     

           สคาดิเลื่อนตัวขึ้นนั่งบนเบาะรถแท็กซี่ที่เพิ่งโบกมา ดวงตาสีฟ้าเทาหันไปมองชูรีและพีทตี้ที่โบกมือหย็อยๆอยู่หน้าประตู

     

           รอยยิ้มบางๆจุดขึ้นบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของเธอขณะที่นึกถึงตอนที่โทนี่กล่าวสุนทรพจน์ด้วยสำนวนแย่ๆแต่ซึ้งใช่ย่อยและเปิดขวดไวน์ ฉากหวานชวนเลี่ยนของวานด้ากับวิชั่น ความเด๋อของพีทที่เข้าใจว่าเบียร์คือโค้กละลายด้วยน้ำเปล่า รวมถึงตอนที่สตีฟและธอร์โห่ร้องราวกับเชียร์บอลตอนดูหนังเน็ตฟลิกซ์

     

           เธอก็จะคิดถึงพวกเขาเหมือนกัน

     

           ไม่ใช่ทุกเดือนหรอกนะที่เราจะได้มาอยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้

     

           เฮ้อ...

     

           นี่มันเป็นวันขอบคุณพระเจ้าที่เพอร์เฟ็คต์จนน่าหมั่นไส้เลยล่ะ

     

    TALK WITH FM

    Happy thanksgiving day นะคะทุกคนนนน

    ในฐานะที่ไรต์เป็นคริสเตียน ที่...เอ่อ...ถึงแม้จะไม่มีวันขอบคุณพระเจ้าของครอบครัว แต่ก็ยังพอรู้จักว่ากิจกรรมนี้คืออะไร ขอให้พระเจ้าของไรต์อวยพระพรให้ทุกคนมีความสุขและมีความอุดมสมบูรณ์ในชีวิตนะคะ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ชีวิตรัก และสุขภาพค่ะ

    ด้วยรัก, ถุงกาวและไก่งวงอบใหม่

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

     
    BABY ❤ KISS
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×