ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #30 : Short Fic. || H O M E (Odinson Family feat. Thorki)→ ᴘᴀʀᴛ 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 387
      16
      16 เม.ย. 62

    Title : H O M E

    Auther : Fengmii

    Pairing : None (Odinson Family)...with a little bit of (Thorki)??

    Genre : Short Fiction (3/?)

    Note : After Asguard was burnt and Thanos snapped his fingers

     

     

     

    H O M E

    o d i n s o n . f a m i l y

    [iii]

     

    now  tell  me  how  did  all  my

    dreams turned to nightmares?

    how did  i  lose  it  when  i was

    r   i   g   h   t     t   h   e   r   e   ?

     

     

     

     

           ผ้าห่มถูกร่นลงไปกองที่เอวสอบเพรียวเมื่อร่างบางสะดุ้งตื่นและทะลึ่งตัวขึ้นมาจากเตียง

     

           ดวงตาสีเขียวสั่นไหวอย่างรุนแรง คลอไปด้วยม่านน้ำตาบางๆ

     

           เหงื่อกาฬไหลหยดลงมาจากหน้าผาก เคลื่อนตัวไปตามวงหน้าเนียน และหยดลงบนขาเรียวใต้กางเกงบ็อกเซอร์ แผ่นอกเปลือยเปล่ามีมัดกล้ามประดับจางๆและแผ่นหลังบางเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

     

           หอบหายใจอย่างรุนแรงราวกับไปวิ่งมาเป็นกิโลฯ มือบางซีดที่ยังคงสั่นอยู่ค่อยๆยกขึ้นและเสยผมสีดำสนิทที่ปรกอยู่เหนือดวงตาออกพลางลูบใบหน้าของตนเองแรงๆ

     

           ...ฝันร้ายอีกแล้ว...

     

           เขาเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลข้างหัวเตียง

           ตัวเลขสีแดงที่ขึ้นบนหน้าจอบอกเวลาตีห้า

     

           ฟันขาวขบลงบนริมฝีปากบางเบาๆขณะที่เขาตวัดขาลงจากเตียง

     

           มือบางเอื้อมไปเปิดประตูห้องน้ำ แล้วสองเท้าก็พาร่างเข้าไปในนั้น

           ดวงตาสีมรกตหรี่ลงน้อยๆเมื่อพบว่าขาของตนสั่นจนต้องยันวงกบประตูไว้เพื่อไม่ให้ล้มหน้าคว่ำ

     

           เขาถอดบ็อกเซอร์ออกเหวี่ยงไปไว้บนอ่างล้างหน้า ก้าวลงไปในส่วนของห้องอาบน้ำ ปิดประตูกระจกที่กั้นส่วนนั้น และเปิดน้ำจากฝักบัว

     

           เปลือกตาบางหลับลง ปล่อยให้ของเหลวใสๆที่มีอุณหภูมิค่อนข้างเย็นเหล่านั้นไหลอาบไปตามใบหน้าและร่างกาย

     

           ภาพในฝันย้อนกลับขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

           น่าแปลกที่มันแจ่มชัดยิ่งกว่าฝันครั้งอื่นๆ

     

           ชายหนุ่มผมสีบลอนด์น้ำตาลที่มีวัตถุสีดำปิดตาข้างหนึ่งไว้มองมาที่เขาและตะโกนอย่างสิ้นหวังในขณะที่มือของเขายื่นก้อนอะไรบางอย่างสีฟ้าใสให้กับชายร่างใหญ่โตผิวสีม่วงเข้มอีกคนหนึ่ง ซากศพของชายและหญิงที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยงามกองอยู่โดยรอบ

     

           เหตุการณ์ที่เขาจำได้แม่น แต่เลือกที่จะฝังมันลงไปกับกาลเวลา

     

           นี่ก็ล่วงเข้าครึ่งเดือนแล้ว

     

           ไวเสียจริง

     

           ป่านนี้พวกเขาจะเป็นยังไงกันบ้างนะ?

     

           ดวงตาสีเขียวลืมขึ้นอีกครั้ง เขาสูดหายใจลึกๆและอาบน้ำต่อจนเสร็จ

     

           ภาพบนกระจกที่ขึ้นฝ้าเล็กน้อยเพราะอุณหภูมิคือชายหนุ่มดวงตาสีเขียวเจิดจ้า เครื่องหน้าหวานและจมูกที่โด่งกำลังพอดีทำให้หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้หญิง

     

           ประตูห้องน้ำเปิดขึ้นอีกครั้ง

     

           ร่างบางที่เปลือยเปล่าแทบไม่มีอะไรปกปิดนอกจากบ็อกเซอร์ที่ถูกขยุ้มลวกๆและแปะบังไว้ตรงของสงวน

     

           หยดน้ำพร่างพรายไปทั่วผิวสีขาวซีดราวกระเบื้อง บางส่วนหยดติ๋งๆลงมาจากเส้นผมสีปีกกานั้น

     

           เขาหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดร่างกายและแต่งตัว

     

           ในไม่กี่นาทีต่อมา ร่างบางในเสื้อผ้าสีดำทั้งชุดยกเว้นเน็กไทสีเขียวคล้ายสีตาก็เดินเข้ามานั่งในร้านกาแฟ พนักงานสาวในผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลตรงมารับออร์เดอร์เขาพลางยิ้มอย่างรู้ใจ

     

           “เหมือนเดิม...คาปูชิโน่ร้อนหนึ่งที่ อิงลิชบิสกิตหนึ่งชุดใช่มั้ยคะ?”

     

           เขายิ้มตอบอย่างสุภาพ

           “ครับ”

     

           “วันนี้อยากจะรับอะไรเพิ่มอีกไหมคะ มิสเตอร์โลกิ?”

     

           มุมปากบางกระตุกเป็นรอยยิ้มบางๆ

           “เอแคลร์เลมอนเคิร์ดเมอแรงก์อีกชิ้นก็ดีครับ ขอบคุณมาก”

     

           เธอยิ้มกว้างและจรดปากกาลงขีดเขียนในกระดาษโน้ตอีกไม่กี่วินาทีก่อนจะหมุนตัวและหายกลับไปหลังเคาน์เตอร์ที่เต็มไปด้วยพนักงาน

     

           โลกิเอนตัวลงกับพนักเก้าอี้และไขว่ห้าง มือบางหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากางเปิดเพื่ออ่านฆ่าเวลา

     

           ความจริงเขาควรจะตายไปตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนในยานของแอสการ์ดแล้ว

     

           โชคดีที่ธานอสรู้จักเขาน้อยไป

     

           แน่นอนว่าเขามีลูกเล่นอยู่ใต้แขนเสื้อมากกว่าที่ใครๆคิดไว้

     

           ...แม้แต่สคาดิ น้องสาวที่เขาสนิทด้วยมากที่สุด

     

           ดวงตาสีเขียวมองพาดหัวข่าวเกี่ยวกับการหายไปอย่างเป็นปริศนาของผู้คนกว่าครึ่งโลกอย่างติดจะเย็นชา

     

           ธานอสเอาจริง

     

           กาแฟมาเสิร์ฟแล้ว

           ชายหนุ่มผมดำหยิบอิงลิชบิสกิตขึ้นมาหักครึ่ง ทาครีมและแยมสตรอว์เบอร์รี่ลงไป

     

           เขามาอยู่นี่เงียบๆทำเหมือนกับว่าเป็นหนุ่มมาเที่ยว แต่ความจริงเขากำลังพยายามกบดานอยู่ต่างหาก

           ถ้านายเก่าเขารู้ล่ะก็ แย่แน่ๆ

     

           ความจริงแล้วชายหนุ่มก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอก แต่ว่ามันจะมีอะไรที่สำคัญไปกว่าชีวิตของเขา(และบางทีก็รวมถึงพี่น้องบุญธรรม)อีกล่ะ?

     

           เขาหมายถึง

     

           ถ้าธานอสเกิดสะกิดใจขึ้นมาว่าเขายังไม่ตาย หรือรู้ว่าเขายังไม่ตายและหาเขาไม่เจอล่ะ?

     

           แน่นอนว่าเบาะแสที่ดีที่สุดคือการเค้นเอาจากครอบครัวเขา นั่นคือธอร์ สคาดิ...และอาจรวมถึงพี่ใหญ่อย่างเฮล่าด้วย

     

           เขาต้องการให้ไททั่นตนนั้นมั่นใจว่าเขาสิ้นแล้ว ยิ่งให้ทุกคนที่รู้จักคิดว่าเขาตายไปเลยยิ่งดี...แบบนี้จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ลอบสะกดรอยพี่น้องที่จะมาหาเขาเพื่อจับเขาแบบในซีรีย์มิดการ์ดที่เห็นบ่อยๆ

     

           แบบนี้แหละ ปลอดภัยที่สุดแล้ว

     

           ทั้งต่อตัวเขาเอง และต่อครอบครัวของเขา

     

           ฉะนั้น ธอร์และสคาดิ

     

           ...อย่าโกรธเขาให้มันมากละกัน...

     

           เขาง้อคนไม่เก่ง

     

     










     

     

     

     

           “แน่ใจนะว่าแถวนี้?”

     

           “เจ้าถามเป็นรอบที่ล้านแล้วมั้ง สคาดิ” เฮล่ากรอกตา

           “เชื่อข้าสิ สถานที่ที่พวกเราชาวแอสการ์ดมีความผูกพันด้วยมากที่สุดในโลกนี้คือที่นี่ ที่ที่เคยมีมนุษย์มากมายบูชาเรา”

     

           “ก็ข้ากลัวว่าเขาจะไปหลบอยู่ที่อื่นน่ะสิ” สคาดิกอดอกและนิ่วหน้า

     

           “เจ้าคิดว่าคนอย่างเขาจะลดตัวไปอยู่ในสลัมแถวโมฮันโจดาโรหรือฮารัปปามั้ยล่ะ?” หญิงสาวผมดำย้อนถาม

     

           “เดี๋ยวนี้เขาเรียกที่นั่นว่าอินเดีย” ดวงตาสีเทาฟ้ากรอกไปมา

           “ท่านแก่เกินไปแล้ว พี่ข้า”

     

           ป้าบ

     

           “เฮล่า!!” หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มกุมหัวและส่งสายตาขุ่นเขียวให้กับผู้เป็นพี่ที่เพิ่งตบเข้าที่หลังหัวเธอไป

           ใช่...ที่เดียวกับตอนที่โดนในฟอล์กแวนเกอร์นั่นแหละ

     

           “ข้าจะฟ้องธอร์!!”

     

           “พี่เจ้าถูกข้าอัดกระเด็นที่แอสการ์ดครั้งก่อนที่ข้าจำได้”

     

           “งั้นข้าจะ...ข้าจะฟ้อง...” สคาดิดูหมดคำพูด

           “ฮึ้ย!!”

           โอดินก็สิ้นแล้ว ท่านแม่ก็ถูกส่งออกนอกแอสการ์ดเพื่อสลายขึ้นไปบนดวงดาวเป็นเวลาหลายปีแล้ว

     

           ธอร์เหรอ...ขานั้นแค่เห็นพี่สาวก็คงขาสั่นแล้วล่ะ

           ก็จะมีกี่คนกันที่สามารถซ้อมเขาจนหมดสภาพแถมยังทำให้เขากลายเป็นเทพตาเดียวแบบนี้ได้?

     

           ส่วนโลกิ...อืม...

           เธอคิดว่าเขารู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางพอที่จะไม่สอดมือหรือจมูกโด่งๆนั่นเข้ามายุ่งเวลาเกิดปัญหาระหว่างพี่คนโตกับน้องๆ

           ...ยกเว้นช่วงที่อยู่ๆความเป็นพี่ชายหรือน้องชายแสนดีมันพลุ่งพล่านขึ้นมาจนเกิดอยากช่วยน้องสาวคนโปรดหรือพี่ชายคู่กัด ไม่ก็มีเหตุผลจำเป็นจริงๆ

     

           พี่ชายคนนี้เป็นพวกชอบอะไรดราม่าอยู่แล้ว

     

           สรุป

           เธอไม่อยู่ในสถานภาพที่จหาใครช่วยได้เลย

     

           พี่สาวเหยียดยิ้มและปรายตามองมาที่เธอ

     

           ให้ตายเหอะ นั่นพี่เบะปากอยู่ใช่มั้ย?

     

           เธออยากจะกรี๊ดให้ดังๆ

           พี่ใครฟะ?

     

           ทันใดนั้น กลิ่นหอมของขนมจากเตาอบและกาแฟก็ดึงความสนใจจากหญิงสาวได้ชะงัด

     

           ดวงตาสีฟ้าเหลือบไปขณะที่ใบหน้าอ่อนเยาว์หันขวับตามกลิ่นนั้น

     

           “เฮล่า กินขนมกันเถอะ”

     

           “อะไรนะ? ไม่ ข้าไม่ชอบ”

     

           “เถอะน่าพี่ข้า” มือเรียวพุ่งไปเกาะแขนผู้เป็นพี่แล้วเขย่าเบาๆคล้ายจะออดอ้อน

     

           “สคาดิ เจ้าโตเป็นกระทิงแล้วนะ”

     

           น้องสาวยื่นปากออกมาอย่างน้อยใจ

           “เรื่องแค่นี้ก็ทำให้น้องไม่ได้ โธ่”

     

           ดวงตาสีฟ้าซีดกรอกไปรอบๆเป็นเลขแปดและถอนหายใจ

           “ข้ามีเงินไม่มากนะ”

     

           สคาดิยิ้มแฉ่ง

     

           “ท่านใจดีที่สุด”

     

           นี่เธอมาตามหาน้องชายบุญธรรมหรือมาเลี้ยงเด็กไม่รู้จักโตที่พ่วงตำแหน่งน้อง(นอกไส้)คนเล็กนะ?

     

           ร่างเพรียวของน้องสาวในเสื้อฮู้ดสีฟ้าและกางเกงเลกกิ้งสีดำวิ่งปรู๊ดปร๊าดเข้าไปในร้านกาแฟตรงข้างฟุตบาท

           เฮล่าที่อยู่ในเสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ็คเกตหนังสีดำและกางเกงยีนส์สีเดียวกันส่ายหน้าเบาๆและเดินตามไป

     

           ผู้เป็นน้องรีบจับจองที่ตรงกลางร้านที่เป็นกึ่งโซฟาพลางหยิบเมนูขึ้นมาเปิดดูและยิ้มให้กับพนักงานที่เข้ามารับออร์เดอร์

           “สตรอว์เบอร์รี่มิลค์เชคกับอัลมอนด์เพรทเซลหนึ่งชุดค่ะ”

     

           “เอาอะไร?” เธอเลื่อนแผ่นเมนูให้กับหญิงสาวผมดำที่กำลังทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเธอ

     

           “แล้วแต่ เลือกให้หน่อย” เทพีแห่งความตายทำหน้าเบื่อๆ เบนดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์จนคมเฉี่ยวไปรอบด้าน

     

           คนตรงข้ามถลึงตาใส่เป็นเชิงให้สั่งๆไปเถอะ แต่เมื่อพบว่าไม่ได้ผลจึงถอนหายใจและเบ้ปากใส่รายการเครื่องดื่มและขนมหวานแทน

     

           “งั้น...เอาแอฟโฟกาโต*มาชุดหนึ่งก็ได้ค่ะ”

     

           “โอเคค่ะ” พนักงานสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มดูอายุไม่เกินยี่สิบห้าอมยิ้มและจดลงในกระดาษโน้ต ก่อนจะเก็บปากกาใส่กระเป๋าและขยับหัวโค้งให้เล็กน้อยด้วยความเร็วจนเส้นผมสีน้ำตาลทองที่ทัดไว้หลังหูหล่นออกมา

           “สักครู่นะคะ”

     

           เมื่อสั่งเครื่องดื่มแล้ว ดวงตาสีฟ้าเทาจึงกวาดไปรอบๆร้านกาแฟ

           “ที่นี่ดีไซน์สวยดีนะ ว่ามั้ยพี่ข้า?”

     

           “ไม่ใช่รสนิยมข้า” คู่สนทนาตอบสั้นๆและกอดอก

           “แต่ก็ดูเก๋ดี”

     

           คิ้วเข้มยักใส่พี่สาวสองสามทีขณะที่เทพีฤดูหนาวยกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง

           “ชอบไหมล่ะ เผื่อเกิดว่างจนเบื่อขึ้นมาจะได้เปิดคาเฟ่ให้วิญญาณของท่านในเฮลไฮม์”

     

           “คิดอะไรแปลกๆ” ร่างสูงโปร่งกระตุกปาก

           “ข้าเป็นราชินี ไม่ลดตัวลงไปทำเครื่องดื่มพวกนั้นให้วิญญาณน่าเบื่อพวกนั้นหรอก”

     

           “แต่พวกเขาก็เป็นประชากรของท่านนะ”

     

           “เดี๋ยวสั่งให้พวกแม่ทัพข้าไปจัดการให้ก็ได้” เฮล่าเสตาไปด้านข้างอย่างเนือยๆ

     

           “มันไม่เหมือนทำเองหรอก เชื่อข้าสิ”

     

           ก่อนที่ธิดาแห่งโอดินจะได้เอื้อมมือข้ามโต๊ะไปตบหน้ากวนๆของน้องสาวลงกับพื้นผิวมันเรียบนั้น ร่างเล็กของพนักงานสาวก็เดินตรงมาพร้อมกับถาดกว้างที่ดูใหญ่เทอะทะสำหรับคนตัวเล็กๆอย่างเธอไปมาก

     

           “ขออนุญาตเสิร์ฟนะคะ” เธอวางถาดลงบนโต๊ะข้างๆที่ไม่มีคนนั่งและวางมิลค์เชคแก้วใหญ่พร้อมจานเซรามิคที่ใส่เพรทเซลหอมเกรียมดูกรอบนอกนุ่มในที่มีถ้วยใส่ซอสช็อกโกแลตและคาราเมลลงตรงหน้าเธอ

     

           “สตรอว์เบอร์รี่มิลค์เชคกับอัลมอนด์เพรทเซลและแอฟโฟกาโตค่ะ”

     

           ถ้วยแบนๆที่ดูชิคและวินเทจมากในสายตาของสคาดิถูกวางลงหน้าพี่สาวบุญธรรม ในนั้นคือไอศกรีมวานิลลาสีนวลสองสามลูก ข้างๆนั้นที่อยู่บนจานขาวเดียวกันคือแก้วมีหูใส่กาแฟเอสเปรสโซสีเข้มหอมกรุ่นควันฉุย

     

           ทันทีที่พนักงานคนนั้นหายลับไปในเคาน์เตอร์ ดวงตาสีฟ้าซีดของพี่สาวที่กำลังพิจารณาสิ่งประหลาดตรงหน้าอยู่ก็ตวัดขึ้นมาหาเธอ

     

           “กินยังไง?”

     

           มือเรียวหยิบขนมอบรูปคล้ายคนสวดภาวนาขึ้นมาบิและจุ่มซอสคาราเมลก่อนส่งมันเข้าปาก หลับตาลงซึมซับความกรอบนุ่มหนึบนิดๆของมันครู่หนึ่ง

           “ในแก้วนั่นคือกาแฟเอสเปรสโซ ในถ้วยนั่นคือไอศกรีมวานิลลา จะกินเดี่ยวๆก็ได้ แต่ปกติแอฟโฟกาโตคือการเทกาแฟร้อนๆลงไปในไอศกรีมเย็นๆและรีบกินก่อนที่มันจะละลายรวมกันจนหมด”

     

           “งั้นข้าต้องเทมันรวมกัน?”

     

           “อืม”

     

           คนผมดำขมวดคิ้วเล็กน้อยและยกแก้วขึ้นมาชิมก่อนเล็กน้อย

           “ขมจริง”

     

           “กาแฟไง พี่ข้า” สคาดิดูดมิลค์เชคสีชมพูนวล

     

           มือขาวซีดราวคนตายเทของเหลวสีดำอุ่นๆลงไปในถ้วยเย็นๆของไอศกรีมแล้วใช้ช้อนสีเงินตักพวกมันขึ้นมากิน

     

           เธอหลับตาลงและใช้เวลาลิ้มรสครู่หนึ่ง

     

           “เป็นไงบ้าง?” น้องสาวถามขึ้น

     

           “อืม”

     

           อืมคือ?”

     

           “ก็อร่อยดี” เฮล่าตักแอฟโฟกาโตขึ้นมากินอีกคำหนึ่ง

     

           หญิงสาวผมสีเข้มยิ้มและละเลียดเพรทเซลสีน้ำตาลทองต่อ

           ทันใดนั้น ดวงตาสีฟ้าเทาก็สะดุดกับบางอย่าง

     

           “เฮล่า”

     

           ใบหน้าคมของคู่สนทนาเงยขึ้นมาเมื่อพบว่าเสียงของน้องสาวฟังดูจริงจังกว่าเดิม

     

            รอยยิ้มจางๆนั้นหายไปแล้ว ดวงหน้าของสคาดิมีหลายอารมณ์ผสมปนเปกัน จ้องตรงไปที่มุมร้าน คิ้วเรียวขมวดน้อยๆและแม้แต่ลมหายใจก็ไม่มั่นคง

     

           เธอรีบหันตามน้องสาว

     

           แผ่นหลังในชุดสีดำสนิทที่ดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกกำลังผลักประตูกระจกของร้านออกสู่ภายนอก

     

           เส้นผมสีดำยาวที่สยายออกกระทบกับแสงแดดเมื่อร่างสูงนั้นเริ่มออกเดินทำให้เฮล่าเบิกตากว้าง

           “นอร์นช่วย”

     

           ทั้งคู่สบตากัน แลกเปลี่ยนความคิดอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงเสี้ยววินาที

     

           ร่างเพรียวในฮู้ดดี้สีฟ้าของผู้เป็นน้องลุกขึ้นก่อน ยัดเพรทเซลที่กำลังกินอยู่ใส่ปาก หยิบอีกสองชิ้นที่เหลือมาถือไว้และรีบรุดออกจากร้านไป ตามด้วยเธอที่ลุกลี้ลุกลนควักเงินเกือบทั้งหมดออกมากองไว้บนโต๊ะ

     

           “ไม่ต้องทอน” หญิงสาวกระซิบลอดไรฟันให้กับพนักงานที่ยังงงอยู่และตามสคาดิออกไปด้วยความเร็วพอๆกัน

     

           ในนาทีที่คนเบื้องหน้ารับรู้ถึงการติดตามอันไม่ได้คาดคิด เขาก็ตื่นตัวขึ้นมาทันใด ขายาวจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็วโดยที่ยังพยายามรักษาความสงบเอาไว้เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต

     

           เทพีแห่งเหมันต์หอบเหนื่อยและก้าวยาวๆตามเขาไป

     

           เฮล่าโผล่มาจากไหนไม่รู้ด้านหลังเธอและเริ่มจะวิ่งเหยาะๆเพื่อให้ทันกันทั้งสามคน

     

           เมื่อรู้สึกได้ว่าผู้ที่ตามมาไม่ได้มีคนเดียว ชายหนุ่มที่เห็นเพียงแผ่นหลังเธอก็แน่ใจว่าต้องใช่คนนี้จึงยกมือขึ้นมาข้างหนึ่ง

     

           เธอรู้จักลูกไม้ตื้นๆพี่ชายดีพอที่จะรู้ว่าเขากำลังจะสร้างภาพลวงตาและหนีไป

     

           ร่างเพรียวตัดสินใจกระโจนออกไปด้วยมือที่กุมกัน เอียงตัวเล็กน้อยและกระแทกไหล่เขาให้หน้าลงไปแนบพื้น

     

           ถ้าผิดท่าคงจะไหล่หลุด

     

           เจ้าของเรือนผมและชุดสีดำกัดฟันกรอด พยายามดิ้นให้หลุด

     

           ประทานโทษ เธอน่ะเคยชนะเขาด้วยการดวลมือเปล่าแบบไม่ใช้เวทย์มนตร์

     

           “...ปล่อยข้า” เขาคำรามลอดไรฟัน

     

           เสียงอันคุ้นเคย

     

           เมื่อเห็นว่าไม่มีการตอบสนอง ชายหนุ่มก็ขยับตัวขลุกขลักอีกครั้ง

           “บอกให้ปล่อยไง ไอ้พวกลอบกัดเอ้ย”

     

           “หลบ” เฮล่าสั่ง

           เบาๆเรียบๆ

     

           สคาดิไม่ลังเลที่จะทำตาม

     

           มือขาวซีดของคนที่ตามมาติดๆตะปบลงบนหลังคอเสื้อของเขาและดึงเขาขึ้นมา ส่งผลให้ร่างสูงบางสบถมากว่าเดิม

           “ถ้าเจ้าเป็นคนของธานอส ข้า...ข้าพอมีเงินอยู่ เอาไปเลยแล้วบอกนายเจ้าว่าข้าตายแล้ว”

     

           หญิงสาวผมสีดำอ้อมมือมาคว้าคอเสื้อด้านหน้าและหมุนตัวเขาให้กลับไปประจันหน้าเธอ

     

           “เบิกตากว้างๆแล้วดูดีๆว่าข้าหน้าตาเหมือนเอโบนี มาวไหม” เธอกระซิบเสียงเย็น

     

           ดวงตาสีเขียวมรกตของคนชุดดำมองขึ้นๆลงๆ

           ชายหนุ่มสูดหายใจลึก ดวงตาเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะพ่นประโยคเบาๆออกมา

     

           “ไม่เจอกันนานท่านดูเฟี้ยวขึ้นนะ”

     

           เฮล่าจ้องมองเขานิ่งๆและทำเสียงชิในลำคอพลางเดาะลิ้น

     

           “ยินดีที่ได้เจอเช่นกัน โลกิ”

     

     

     *แอฟโฟกาโต - ขนมหวานแบบอิตาลี เป็นการราดกาแฟเอสเปรสโซช็อตหนึ่งลงไปบนไอศกรีมวานิลลาหรือเจลาโต้ลูกหนึ่งแล้วกินก่อนที่มันจะละลายจนหมด

     












    - - - - - - - - - -



     







     

     

    SONGKRAN SPECIAL

    What a Hot Place!

     

     

     

           “โหยยย” ร่างเพรียวใต้เสื้อตัวบางสีสันสดใสชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือเรียวข้างหนึ่งกุมกระบอกปืนฉีดน้ำไว้แน่นขณะที่อีกมือวุ่นอยู่กับการปาดไรผมประดับเม็ดเหงื่อของตนเอง

     

           “ร้อนฉิบ”

     

           อีกร่างที่มีความสูงพอๆกับเธอรีบกุลีกุจอยื่นแก้วพลาสติกใสที่บรรจะสตรอว์เบอร์รี่โซดาเย็นๆมาให้

           “นี่ฮะ เอาของผมไปกินก่อน”

     

           “อืม ขอบใจ” สคาดิอ้าปากงับหลอดและดูดเครื่องดื่มรสหวานซ่าชื่นใจไปสองสามอึกใหญ่ๆ

     

           ถ้าประเทศไทยมันจะร้อนขนาดนี้...

     

           เธอเริ่มรู้สึกผิดที่เสนอตัวมาดูแลปีเตอร์แทนโทนี่ สตาร์กเพียงเพราะเบื่อเสียงของฟรายเดย์

           ฟรายเดย์ ขอโทษนะ

     

           เรื่องมันเริ่มจากเจ้าเด็กน้อยสไปดี้ปิดเทอมและพบว่าตนเองหลงใหลอาหารไทยมากๆจนอยากมาลองให้ถึงที่ มิสเตอร์สตาร์คที่ยุ่งอยู่ไม่มีเวลาพาเขาไปทำให้เธอที่กำลังว่างไม่มีอะไรทำและได้แต่กลิ้งไปมาบนเตียงเสนอหน้าออกรับหน้าที่นี้แทน

     

           ก็ใครมันจะไปรู้ฟะว่าประเทศนี้นี่ร้อนพอๆกับทะเลทราย?

     

           น้ำเย็นๆถูดฉีดมาโดนเธอจนหญิงสาวหวีดร้องเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าเทาตวัดไปมองตัวการ

     

           “ไม่เอาน่าสคาดิ นี่สงกรานต์นะฮะ” ปีเตอร์ พาร์กเกอร์ยิ้มแฉ่ง ปืนฉีดน้ำในมือยังคงเล็งค้างมาที่เธอ

     

           อย่างน้อยก็มีเทศกาลคลายร้อนนี่กันไม่ให้เธอแห้งตาย

     

           เทพีเหมันต์ฉีกยิ้ม ดวงตาวาววับ

     

           มือเรียวหันกระบอกปืนไปทางเด็กหนุ่มและฉีดน้ำกลับอย่างไม่ยอมแพ้ เรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้เป็นอย่างดี

     

           ตอนนี้พวกเขากำลังฝ่าคลื่นมนุษย์ในถนนข้าวสารอยู่

     

           ชาวยุโรปหลายคนกำลังสาดน้ำและประแป้งใส่กัน ในขณะที่รถราต่างๆค่อยๆเคลื่อนตัวตามท้องถนนที่เปียกชื้นหรือเปียกโชกช้าๆ กลิ่นของอาหารตามแผงลอยและร้านข้างทางเรียกความสนใจจากเด็กน้อยข้างเธอได้ดีเยี่ยม

     

           “กินข้าวกันเถอะฮะ” เขาทำท่าจะลากเธอเข้าไปในร้านอาหารริมถนนร้านหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนพลุ่งพล่าน

     

           “อ้าว ไม่ใช่ว่าจะไปเดินให้ถึงตลาดท่าพระจันทร์อะไรนั่นหรอกเหรอ?” เธอเอี้ยวตัวหลบร่างของผู้คนที่ต่างกำลังออกลายโยกย้ายส่ายสะโพกเต้นเพลงบีตมันส์ๆ

     

           “เปลี่ยนใจแล้วฮะ” ปีเตอร์นั่งลงตรงที่ว่างและเงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาเหมือนลูกหมาไซบีเรียนฮัสกี้ให้เธอนั่งลงตรงข้ามเขา

           “อยากกินอะไรหน่อย นี่จะบ่ายแล้ว”

     

           เด็กหนอเด็ก

     

           วัยแบบนี้เจออะไรนิดอะไรหน่อยก็เขว ถ้าเขวในทางที่ดีก็ดีไป ถ้าเขวในทางที่ร้าย...งั้นหน้าที่สั่งสอนเด็กของผู้ปกครองอาจยากขึ้นหน่อย สัมพันธ์กับสภาพความเขวของเด็กคนนั้นด้วย

     

           ลองเธอสมัยยังอายุ(ตามการนับของชาวแอสการ์ด)เท่าเขาสิ

     

           ตอนนั้นเธอน่ะหนักกว่าโลกิซะอีก

           เรียกได้ว่าขวางอะไรได้เป็นขวาง อารมณ์ไหนขึ้นได้ก็ขึ้นจนสุดโต่งจนเหมือนกับเป็นไบโพลาร์(จนถึงตอนนี้ยังอดอายตัวเองไม่ได้แม้จะผ่านมาเป็นร้อยปีแล้ว)

           โอดินบอกไปซ้าย เธอก็จะไปขวา เขาบัญชาให้เดินหน้า สคาดิก็วิ่งถอยหลัง ถ้าเทพบิดรกล่าวให้นั่ง เธอก็จะบิน

           เรียกได้ว่าสมัยนั้นเธอเป็นเด็กนรกมหาประลัยที่ทุกคนไม่เว้นแม้แต่ฟริกก้าและโลกิยังต้องยกมือขึ้นกุมขมับ

     

           ยังดีหน่อยที่พีทเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายพอตัวจึงไม่ต้องมีช่วงชีวิตแบบเธอ...ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างนานสำรับวัยรุ่นทั่วไป

           แหงล่ะ อยู่แบบนั้นเป็นสิบๆปีจนชื่อเสียงความหัวกบฎเลื่องลือไปทั่วอาณาจักร ใครยังมีสีหน้าชื่นชมอยู่ตอนได้ยินชื่อเธอยุคนั้นก็ให้มันรู้ไป

     

           “ต้มยำกุ้ง กะหล่ำฉ่าน้ำปลา ปูผัดผงกะหรี่ กะเพราไก่...โอ้ๆๆ ลาบด้วย ลาบหมูอีกหนึ่งที่ครับ” ดวงตาสีน้ำตาลของเขาเป็นประกายทำให้เธอนึกถึงเด็กที่ได้เห็นหิมะเป็นครั้งแรก เด็กหนุ่มรัวชื่ออาหารจนพนักงานถึงกับต้องกะพริบตาปริบๆอยู่ครู่หนึ่ง

     

           “โอ้...เอ่อ...” สไปดี้คนเก่งหน้าเจื่อนไปเมื่อเห็นว่าลืมถามพี่เลี้ยงที่อุตส่าห์ถ่อมาเอเชียด้วยกัน

           “สคาดิ เอาอะไรไหมฮะ?”

     

           “อืม...” หญิงสาวพลิกเมนูไปมา

           “แกงจืดเต้าหู้หมูสับ แล้วก็...ไข่เจียวสมุนไพรค่ะ”

     

           “ข้าวสองจานนะครับ” ปีเตอร์ยื่นแผ่นรายการอาหารคืน

     

           พนักงานคนนั้นยิ้มรับและเดินหายไปในครัว

     

           ครู่หนึ่งผ่านไป

     

           สคาดิถอนหายใจและคนน้ำเปล่ากับน้ำแข็งในแก้วด้วยหลอด

           “ฉันยังไม่ได้ถามเลย”

     

           “ว่า?”

     

           “ไอเทศกาลนี่มันยังไงกันน่ะ?” เธอดูดเครื่องดื่มสีใสที่มีอุณหภูมิเย็นและเลียริมฝีปาก

     

           “อ๋อ” เด็กน้อยตรงหน้ายิ้ม ทำหน้าเหมือนรอจังหวะนี้มานานเต็มที

           “เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงวันหยุดสำคัญช่วงหนึ่งของประเทศไทยเลยล่ะครับ พวกเขาถือว่ามันเป็นวันปีใหม่ที่มีการฉลองกันมานาน ได้รับอิทธิพลมาจากเทศกาลโฮลีของอินเดีย แต่ใช้น้ำแทนการสาดสี ในช่วงสามวันนี้ ชาวไทยจะทำการสรงน้ำพระและรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ นอกนั้นจะมีการทำบุญที่วัด และเล่นน้ำกันฮะ”

     

           หญิงสาวเลิกคิ้วและเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อให้พนักงานวางจานอาหารลงได้ถนัด

     

           “นายนี่รู้เยอะจริงนะ ปีเตอร์”

     

           “ก็ผมชอบเมืองไทย” เจ้าตัวยิ้มยิงฟันอย่างน่ารักน่าหยิก

     

           ถ้าเทสเซเมียร์มาเห็นคงได้เป็นลมระทวยลงไปในอ้อมแขนเขาเป็นแน่แท้

           ขานั้นน่ะไม่สนหรอกว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป พรากผู้เยาว์ต้องเข้าคุก

           ก็เทสเซเมียร์อยากได้ ใครจะทำไม?

     

           สคาดิหยิบช้อนส้อมขึ้นมาและตักผัดผักหอมน่ากินมาวางบนข้าวสวย

     

           “สคาดิ ทานลาบด้วยสิฮะ อร่อยนะ” สไปดี้เลื่อนจานที่เต็มไปด้วยลาบหมูปนกับพริกป่นแดงๆประดับใบมิ้นต์มาให้เธอและตักมันมาวางไว้บนข้าวให้

     

           “อืม”

     

           “ต้มยำกุ้งก็ไม่เลวนะ นี่เดี๋ยวผมตักใส่ถ้วยให้”

     

           “อืม”

     

           “คุณแพ้ปูไหมฮะ?”

     

           “ไม่”

     

           “งั้นเดี๋ยวผมแกะเนื้อปูให้นะ”

     

           “ปีเตอร์--” หญิงสาวกะพริบตาปริบๆเมื่อพบว่าตอนนี้จานของเธอเต็มไปด้วยกับที่แทบจะกลบข้าวหมดแล้ว

     

           “กะเพราไก่อีกหน่อยไหมฮะ?”

     

           “พีท--”

     

           “โอ้ ผมลืมไป คุณยังไม่ได้กินแกงจืดเลยนี่ เอ่อ...เอาถ้วยผมไปละกันฮะ”

     

           เทพีเหมันต์แตะหลังมือของเด็กหนุ่มเบาๆ

           “แค่นี้ฉันก็กินแทบไม่ไหวแล้ว เธอนั่นแหละ กินเยอะๆจะได้โตไวๆ”

     

           เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะแห้งๆและยกมือขึนเกาท้ายทอย

           “โทษทีฮะ ผมคงพูดเยอะไปหน่อย”

     

           “ไม่ๆๆ” เธอโบกมือน้อยๆ

           “ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือ”

     

           หลังจากที่ทานอาหารเที่ยง(ที่กว่าจะได้กินก็เกือบบ่ายสอง)เสร็จ พวกเขาก็ออกเดินต่อไป คราวนี้ปีเตอร์มุ่งมั่นมากว่าจะต้องไปเที่ยวตลาดท่าพระจันทร์ให้ได้

     

           สคาดิหรี่ตาลงและพยายามลอดผ่านฝูงชนเพื่อตามแผ่นหลังในชุดสีแดงแปร๊ดลายใบไม้ของเด็กน้อย(พ่วงตำแหน่งความรับผิดชอบของเธอ)เบื้องหน้า

     

           ทำไมเดินเร็วจังนะ?

     

           “พีท...” หญิงสาวพยายามเอ่ยปากเรียก แต่พบว่าคลื่นมนุษย์กำลังเคลื่อนมาขวางระหว่างพวกเขาไว้

     

           “ปีเตอร์ ปีเตอร์ช้าหน่อย...เฮ้!!”

     

           เพียงพริบตาเดียว เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลก็หายไปจากสายตา

     

           “ปีเตอร์!!”

     

           ก่อนที่จะทันได้ชะเง้อคอขึ้นไปมองหา เธอก็ถูกนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ทำท่าจะประแป้งใส่และยื่นแก้วเหล้าให้เธอพลางหัวเราะแบบเมาๆไปด้วย

     

           เธอที่อารมณ์เริ่มเสียอยู่แล้ว เจอแบบนี้ไปก็แทบจะจับชาวมิดการ์ดโง่ๆพวกนี้หักคอทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด

     

           แต่...ถ้าโทนี่รู้ เรื่องนี้ไม่มีทางจะจบสวย

     

           เธอยังต้องการห้องกว้างๆที่ครอบคลุมทั้งชั้นและทีวีจอใหญ่ที่สามารถเติมเต็มอรรถรสในการดูหนังของเธอได้อยู่

     

           จะใช้เวทย์ลอยตัวก็กลัวมีใครถ่ายเอาไปลงเฟซบุ๊ค

     

           โว้ยยยยยยยย

           ทำไงดีเนี่ยยยยยยยยยย

     

           หญิงสาวเดินอย่างไร้จุดหมายไปตามระลอกการเคลื่อนตัวของผู้คนในตลาด ดวงตาสีฟ้าเทาพยายามสอดส่องหาร่างในเสื้อฮาวายสีแดง

     

           ไปอยู่ไหนนะ?

     

     

     

     

     

     

     

     

           ล่วงเลยไปจนค่ำมืด ร่างกายของสคาดิเปียกจนชุ่ม แต่จนแล้วจนรอด เธอก็ยังหาปีเตอร์ พาร์กเกอร์ไม่เจอ

     

           หญิงสาวสะบัดเส้นผมสีเข้มที่เปียกลู่จนแนบกับต้นคอไปด้านหลังและตักยำลูกชิ้นรสเผ็ดร้อนปนเปรี้ยวสะใจขึ้นมากินอีกคำหนึ่ง

     

           ไม่เอาน่าพีท

           โผล่หัวมาให้ชื่นใจหน่อย

     

           เธอหันไปหันมาและคอยชะเง้อคอหาเขาอยู่เกือบทุกสิบวินาที

     

           ถ้าเด็กคนนี้หายหรือเป็นอะไรไป มิสเตอร์สตาร์คเอาเธอตายแน่

     

           ทันใดนั้น เสียงเอะอะก็ดังมาจากฝั่งหนึ่งของตลาด ผู้คนเริ่มหันไปมอง ไม่เว้นแม้แต่ดวงตาสีฟ้าเทาของเทพีผมเข้ม

     

           “ขอโทษนะคะ” ร่างเพรียวพึมพำเบาๆขณะแทรกตัวผ่านชาวมิดการ์ดทั้งหลายไป

     

           ภาพตรงหน้าทำเอาเธอถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

     

           ร่างที่ไม่สูงไม่เตี้ยเกินไปของปีเตอร์กำลังล้มกลิ้งไปบนพื้นถนนสีเทาที่ยังอุ่นๆอยู่จากแสงแดดเมื่อบ่าย มุมปากของเขาบวมแดงและห้อเลือด โหนกแก้มขาวๆช้ำเป็นสีเขียวอมม่วง

     

           ฉิบแล้วไง

     

           เด็กวัยรุ่นชาวไทยคนหนึ่งที่ดูท่าว่าจะเมาได้ที่ส่งเสียงสบถด่าและตามมา ทำท่าจะซัดเด็กหนุ่มบนพื้นซ้ำอีกครั้ง

     

           ไวเท่าความคิด ร่างเพรียวในเสื้อตัวบางเปียกๆโผเข้าไปดึงเขาขึ้นมาพลางก้มหัวน้อยๆให้กับเด็กกลุ่มนั้นเพื่อขอโทษแทนปีเตอร์

     

           ฝ่ายเด็กไทยอีกสองคนที่น่าจะมากับเพื่อนที่เพิ่งส่งสไปดี้ลงไปโหม่งพื้นก็รีบรุดมาล็อกแขนร่างผอมๆสีแทนนั้นเพื่อไม่ให้เขาทำอะไรบ้าๆและยิ้มเจื่อนๆแทนคำขอโทษให้ฝั่งเธอเช่นกันก่อนจะลากคนเมาออกไปจากบริเวณ

     

           “สคาดิ...”

     

           “กลับ” เธอตัดบทและลากเด็กหนุ่มผ่านกลุ่มคนไปโดยไร้คำพูด

     

           ทันทีที่ถึงห้อง หญิงสาวก็เอนตัวลงพิงกับขอบโต๊ะและกอดอก เลิกคิ้วเข้มขึ้นข้างหนึ่ง

     

           “เกิดอะไรขึ้น?”

     

           “ผมหลงกับคุณ”

     

           “ไม่ใช่แค่นั้นแน่” ร่างเพรียวเดินตรงไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำแข็งในถาดออกมา เทมันใส่ในถุงพลาสติกและห่อด้วยเสื้อของตน

           “เอาล่ะ หันหน้ามานี่”

     

           เธอนั่งลงตรงปลายเตียง ข้างๆร่างในเสื้อฮาวายแดงของเขา

           “เจ็บหน่อยแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้มันระบม”

     

           ปีเตอร์หลุดร้องโอ๊ยออกมาคำหนึ่งเมื่อมือเรียวค่อยๆประคบน้ำแข็งเย็นๆลงไปบนโหนกแก้มของเขา

     

           “ผม...ผมหาคุณไม่เจอก็เลยเดินไปเรื่อยๆ แล้วก็ดันไปชนกับวัยรุ่นเมาแอ๋คนนั้น ผมตกใจเลยรีบถอยออกมา ทำเขาล้มหน้าจูบพื้น เขาโมโหมากแล้วก็ด่าผมเป็นภาษาไทย...ที่ผมก็พอฟังออก...จากนั้นเขาก็ เอ่อ...คว้าคอเสื้อผมแล้วโยนผมข้ามโต๊ะจนกลายเป็นแบบที่เห็นนี่ล่ะ”

     

           เธอพยักหน้าเบาๆและเลิกคิ้ว

           “โอเค ก็ฟังขึ้น”

     

           “คุณเชื่อผมจริงๆใช่มั้ยฮะ?” ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาเป็นประกายเหมือนลูกหมาเวลาเจ้านายชมไม่มีผิด

     

           “ถ้าฉันไม่เชื่อป่านนี้คงโทรไปหาสตาร์คแล้ว”

     

           เสียงเรียกเข้าวิดีโอคอลทำให้ทั้งคู่สะดุ้งเฮือก

     

           มือเรียวหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาและสบถลอดไรฟันทันทีที่เห็นชื่อซึ่งเด่นหราอยู่กลางหน้าจอ

     

           ซวยละ

     

           “พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา”

     

           “โจโฉไหนฮะ?” ปีเตอร์เอียงคอ

     

           เด็กนี่จะอินโนเซนต์ไปไหนฟะ?

     

           “ไอดอลสุดที่รักของนาย” หญิงสาวหมุนหน้าจอไปทางเขาและเม้มปาก

     

           “ถ้าเขาเห็นสภาพนายตอนนี้ล่ะก็ ฉันศพไม่สวยแน่”

     

           “ถ้าไม่รับก็ค่าเท่ากันนะฮะ” ปีเตอร์ทำหน้าปั้นยาก

           “คุณรับสายไปก่อน เดี๋ยวผมจะไปหาอะไรมาปิดหน้า”

     

           สคาดิกลืนน้ำลายเอื๊อกแล้วตัดสินใจกดรับสาย

     

           “ไฮ”

     

           [เป็นไงกันบ้าง เล่นน้ำสนุกมั้ย?] โทนี่ที่สวมแว่นตากำลังยุ่งอยู่กับอะไรบางอย่าง เขาถามโดยที่เหลือบมามองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

     

           จ้ะ พ่อคนมัลติทาสก์*เก่ง

     

           “ก็เปียก อาหารอร่อยใช้ได้ แล้วก็เดินกันเยอะมาก”

     

           [อ้อ ปีเตอร์เป็นไงบ้างล่ะ?]

     

           สคาดิอ้าปากพะงาบๆ เกือบจะเค้นคำตอบออกมาได้แล้วในตอนที่เด็กหนุ่มผู้ถูกกล่าวถึงพุ่งมาขวางหน้ากล้อง

     

           “อยู่นี่ฮะคุณสตาร์ค”

     

           [อ้าว ทำไมใส่แมสก์ล่ะ? เป็นหวัดรึไง?]

     

           เด็กหนุ่มที่ปิดครึ่งหน้าด้วยหน้ากากอนามัยสีขาวที่ก็ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหนยังไงหัวเราะสดใส

           “รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อยอ่ะฮะ มันร้อนมาก แล้วน้ำก็เย็น สคาดิเลยให้กินยาแล้วก็ใส่หน้ากากกันไว้ก่อน”

     

           [อืมๆ ดีแล้วล่ะ] ไอรอนแมนยิ้ม

           [กลับพรุ่งนี้ใช่มั้ย?]

     

           “ใช่ฮะ” เด็กหนุ่มยิ้มตาหยี

           “คิดถึงคุณสตาร์คจังเลย”

     

           [ปากหวานอย่างนี้อยากได้อะไรอีกล่ะ?]

     

           “ไม่นี่ฮะ ไม่อยากได้อะไรซักหน่อย”

     

           ชายหนุ่มผิวแทนทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้

           [โอ้ใช่ สคาดิ]

     

           “ว่า?” มือเรียวยื่นมาปัดพีทออกไปให้พ้นหน้ากล้อง

     

           [ขอแยกส่วนธนูเธอหน่อยได้ป่ะ?]

     

           คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน สคาดิถลึงตามอง

           “เพื่อ?”

     

           [ทีพี่ชายเธอยังมีลูกเล่นค้อนล่อฟ้าบ้างเลย อยากรู้ว่าเธอมีอะไรซ่อนไว้บ้าง]

     

           “ไม่มี” เธอตอบเสียงขุ่น

     

           [ไม่เอาน่า ฉันรู้ว่าเธอมี]

     

           “ไม่มี” หญิงสาวย้ำ มองเขานิ่งๆ

           “แล้วอย่าคิดว่าจะแอบทำลับหลังฉันได้นะ รู้ใช่มั้ยว่าฉันเปิดประตูมิติไปหานายได้ทุกเมื่อ ที่จะกลับเครื่องบินแค่เพราะไม่อยากทิ้งปีเตอร์ไว้คนเดียว”

     

           “ใครเรียกผม?” เจ้าตัวดียื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ

     

           เดี๋ยวนะ...

     

           แมสก์เขาหายไปไหนล่ะนั่น?

     

           [ปีเตอร์] เสียงของคู่สนทนาเข้มขึ้นหลายเท่า

           [หน้าไปโดนอะไรมา?]

     

           เด็กหนุ่มอ้าปากพะงาบๆ เพิ่งรู้ตัวว่าลืมปิดหน้า

     

           ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน แล้วทั้งคู่ก็รู้แล้วว่า

           เรื่องนี้ไม่มีทางจบสวย

     

           [...สคาดิ] เสียงของโทนี่ส่งกระแสเย็นเยียบไปตามสันหลัง

     

           หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่

     

           เธออยากจะวิ่งออกไปที่นอกระเบียงห้องแล้วกระโดดลงไปซะเดี๋ยวนั้น

     

           [เล่ามาให้หมด]

     

           เลื่อนตั๋วกลับนิวยอร์กตอนนี้ยังทันมั้ยเนี่ย?

     

     

     

    TALK WITH FM

    สวัสดีปีใหม่ไทยย้อนหลังค่าาาาา

    ขอให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรงมากๆนะ

    สงกรานต์นี้ร้อนมากกกกกกกกกกกกก

    ไรท์ออกไปข้างนอกตอนกลางวันแสกๆแทบไม่ได้เลย รู้สึกเหมือนถูกย่างสด 5555555

    ตอนนี้แก๊งเกิร์ลเพาเวอร์ได้ทำการล็อกคอน้องกิเรียบร้อยแล้ว

    เรามาดูกันว่าเฮล่าจะทำยังไงกับน้องนอกไส้ตัวเองต่อไป

    Endgame เข้าพุธหน้านะทุกคน อย่าลืมไปดูล่ะ

    ส่วนไรท์ว่าจะรอหนังเข้าสักพักก่อนค่อยไปดู คนจะได้ไม่เยอะ แล้วก็จะได้นั่งที่นั่งวิวแจ่มๆ เห็นถนัดๆ

    ใครดูมาแล้วสปอยล์ได้นะ แต่อย่ามาก เพราะมันจะทำให้ไรท์นั้นหวั่นไหว 55555

    เคานต์ดาวน์กันเลยดีมะ ดีมะๆๆๆ

    ช่วงนี้มีแต่โฆษณาอเวนเจอร์สจนไรท์ทบจะจำบทได้อยู่แล้วเนี่ย 555

    เจอกันตอนหน้าเน้อออ

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

         
    Z y c l o n
       
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×