ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Marvel || Broken Throne (OC feat. Thorki, Stony, Spideypool, etc.)

    ลำดับตอนที่ #2 : Broken Throne || Ch 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.12K
      142
      8 มิ.ย. 61

    Matcha
      || B R O K E N T H R O N E ||

    -----------------------------------

    CHAPTER 1

     

     

     

     

    ดวงตาสีฟ้าราวท้องนภาคู่เดิมของพี่ยังคงจ้องมาด้วยความรู้สึกเช่นเดิม...

    เอ็นดู

     

    ห่วงใย

     

    ห่วงหา

     

    สคาดิกลืนน้ำลายลงคอ

    “พี่ข้า...”

     

     

     

    ย้อนไปเมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อน

     

    เธอได้มีโอกาสพบกับฮีโร่รุ่นเก่าอย่างกัปตันอเมริกาผู้ซึ่งเพิ่งถูกขุดออกมาจากน้ำแข็งหมาดๆ

    รวมไปถึงเจ้าแม่จารชนเจ้าของฉายาแบล็ควิโดว์, ดอกเตอร์เจ้าของดีกรีปริญญากว่าสิบใบผู้สามารถเปลี่ยนสมองให้กลายเป็นมัดกล้ามได้อย่างไม่น่าเชื่อ--ดอกเตอร์แบนเนอร์ และพ่อหนุ่มตาดีดี๊ดีนามคลินท์ บาร์ตัน...หรือที่มีฉายาในวงการฮีโร่ด้วยกันว่าฮอว์คอาย

     

    กำลังแนะนำตัวเองด้วยชื่อและนามสกุลที่โทนี่ตั้งให้--สคาดิ แมคธยาสซี ตอนที่มีเจ้าหน้าที่สองสามคนเข้ามาแจ้ง ผอ.แห่งหน่วย...อะไรนะ...ชีลด์? ว่ามีชายผู้หนึ่งบุกรุกเข้ามาอ้างตัวว่าชื่อธอร์ และบลาๆๆๆๆ อีกหลายอย่างที่เธอจับความไม่ได้

     

    สมองเธอช็อตไปตั้งแต่คำว่า ‘ธอร์’ แล้ว

     

    อยากจะสบถว่าเห็นแก่นอร์นเถิด แต่มันก็...ไงๆอยู่

     

    ไอ้พี่แสนโง่เง่าและซื่อบื้อผู้ควรจะยังคงนั่งซึมกะทือเป็นนกป่วยอยู่ที่แอสการ์ด...ไหงมาโผล่นี่ได้วะ?

     

    ต่อมาไม่นานนัก ผอ.ก็ได้สั่งให้ปล่อยเขาออกมาจากคุกที่พวกชีลด์นำเขาไปขัง

    ธอร์เดินออกมาพร้อมค้อนคู่ใจ--มยอลเนียร์

    ทันทีที่เขาเห็นหน้าของน้องสาว(บุญธรรม)ที่หนีออกจากบ้านมาก็ถึงกับชะงักกึก

     

    สคาดิขมวดคิ้วน้อยๆขณะที่เชิดหน้าขึ้นสบดวงตาสีฟ้าเทาของตนตอบ

     

    เอาสิ...จ้องมันให้ทั้งวันเลย

    ดูซิว่าท่านจะยังกะพริบตาได้อีกไหม

     

    “สคาดิ...” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาในที่สุด

     

    ...คิดว่าได้ยินเสียงโทนี่หันขวับ และทุกคนที่เหลือลืมหายใจไปสักเสี้ยววินึงนะ...

     

    สูดหายใจลึกๆ กลืนน้ำลายลงคอ แล้วเปล่งเสียงตอบกลับไป

     

     

    “พี่ข้า...”

     

     

     

    ร่างสูงโปร่งเดินเคียงข้างเชษฐา ค่อยๆฟังเรื่องราวของพวกชิทอรีที่เขาเล่าพร้อมกับพยายามตัดเสียงจิ๊กๆแหลมๆของสตาร์คขี้บ่นออกไปจากโสตประสาท

     

    “เขาต้องมานี่แน่ๆ” นอกจากเรื่องของพลังตนเอง สคาดิไม่เคยมั่นใจอะไรในมิดการ์ดมากขนาดนี้มาก่อน

     

    “ข้าเชื่อเจ้า น้องข้า”

     

    “บอกฉันที ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นฮะสอง‘เด็จ?”

    ...จะทำเป็นไม่ฟังก็คงจะถูกเตะออกจากตึก กลายเป็นเจ้าหญิงโฮมเลสแน่แท้...

     

    “เรื่องส่วนตัวของครอบครัว...ไม่ต้องยุ่งได้ก็ดีนะคุณสตาร์ค” ปรายตาไปมองจิกรอบหนึ่ง ทำเอานายคนรวยสะดุ้งโหยงไปหนึ่งที

     

     

    แน่นอนว่าเธอรู้ว่าทำไมพี่คนกลางถึงมาบุกที่นี่

     

    มีใครในแอสการ์ดบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้าชายทั้งสององค์นั้นแตกต่างกันขนาดไหน

     

    แต่มีใครบ้าง...ที่รู้ว่าโลกิอยากเป็นคนสำคัญของครอบครัวเพียงใด

     

    นอกจากเธอแล้วก็...คงมีแค่ฟริกก้าเท่านั้นแหละ

     

     

    สคาดิรู้ว่าโลกิอยากเอาชนะธอร์...ในจิตใจของพี่มีแต่คำๆนั้น

    เขาถึงมาถล่มโลกไง

     

    ทุกๆอย่างที่ธอร์รัก ทุกๆอย่างที่ธอร์แคร์อยู่ที่มิดการ์ด

     

    โลกิอยากถล่มมันให้ราบเป็นหน้ากลอง...ด้วยสองมือ(และหนึ่งอภิมหากองทัพ)ของตนเอง

    เธอเข้าใจ...

    ความรู้สึกที่เหมือนไม่มีอะไรดีเลยในสายตาคนอื่น...

    เธอเข้าใจดี

     

    เพราะโอดินเองก็คาดหวังในตัวเธอไว้เยอะเหมือนกัน

    เขาคงอยากให้เธอเหมือนกับซิฟ...

     

    แข็งแกร่ง...กล้าหาญ

     

    แต่เนื่องจากเผ่าพันธุ์ของเธอไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักรบผู้ห้าวหาญ บุกตะลุยไปในแนวหน้าของสงคราม...เธอจึงไม่ฝืนสังขาร

     

    เรื่องอะไรต้องมาสร้างกล้าม ในเมื่อเอล์ฟน้ำแข็งอย่างพวกเธอเกิดมาเพื่อธนูโดยเฉพาะ

     

    คนอย่างเธอจึงไม่เคยอยู่ในสายตาของโอดินในฐานะลูกรัก

    และแน่นอนว่าไม่ใช่ลูกชัง

     

    ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ดั่งใจเทพบิดร

    แต่ก็ไม่เคยสร้างเรื่องหนักใจให้ต้องมาแก้ไขกันนานๆเลย

     

    แต่ชาวแอสการ์ดนั้นชื่นชมราชนิกูลที่เป็นนักรบและกล้าหาญ สคาดิจึงไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไหร่

     

    โลกิเองก็ไม่ต่างจากเธอ

    ...ยิ่งกว่าด้วยซ้ำ...

     

    เธอจึงสนิทสนมกับเขามากที่สุดไง

     

    และนั่น...ทำให้เธอเข้าใจเขามากที่สุด

     

    ไม่ว่าเขาจะมาสภาพไหน...เป็นยังไง...

     

    เขาก็ยังคงเป็นพี่ชายที่เธอรักและไว้ใจมากที่สุดอยู่ดี

     

     

     

    ไม่กี่วันต่อมาก็ได้ข่าวว่าเขาถูกคุมตัวได้แล้ว ทำเอาเธอโล่งใจ

     

    ...แต่แม้ว่าจะอยู่ในห้องขัง เทพแห่งกลลวงก็ยังคงเป็นเทพแห่งกลลวง...

     

    ไม่ว่าจะโลกิ...หรือแม้แต่สิ่งของของเขาก็อันตรายพอๆกันนั่นแหละ

    สคาดิไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าพี่ชายจะมอบตัวให้โดยดีโดยไม่คิดแผนสำรองหรือกลหลอกไว้

    นั่นมัน...ไม่ใช่เขาเลย

     

     

     

    เธอกำลังจะออกไปเยี่ยมเขาในคุกตอนที่ได้ยินเสียงระเบิดตูมตามมาจากฐานบัญชาการชีลด์ด้านบน

     

    เนื่องจากอยู่ด้านล่างของยานเซเฟอร์จึงไม่แน่ใจนักว่าแรงระเบิดนั้นมากขนาดไหน และมีใครติดอยู่ในชั้นนั้นบ้าง ทำเอาเธอกังวลไม่น้อย

     

    สคาดิกุมจี้อัญมณีสีฟ้าใสลายจักรวาลไว้แน่น มันเป็นสร้อยที่บิดาของเธอ--ธีอาสซีสั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ

     

    ...มันเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนความทรงจำดีๆที่เธอมี และให้กำลังใจเธอทุกครั้งที่รู้สึกกลัว หรือไม่มั่นใจ...

     

    ร่างโปร่งร่ายมนตร์สั้นๆขึ้นมาบทหนึ่ง

     

    แสงสีฟ้าอ่อนเรืองขึ้นมาห่อหุ้มตัวแล้วเคลื่อนย้ายพาไปถึงชั้นที่เกิดการระเบิด

     

    เธอมาถึงทันที่จะเห็นหลังเดอะฮัล์คไวๆ และนาตาชาที่นั่งจุกกุมท้องอยู่บนพื้น

     

    หลังจากที่ตรงเข้าไปช่วยสาวสายลับผมแดงแล้ว พวกเธอก็พากันไปที่บริเวณกรงขังของโลกิ เนื่องจาก ผอ.นิค ฟิวรี่ได้แจ้งมาทางเครื่องรับสัญญาณของแบล็ควิโดว์เป็นการด่วนว่ามีผู้บาดเจ็บ

     

    สังหรณ์ของสคาดิเตือนเธอว่าพี่ชายคนกลางน่าจะหนีไปแล้ว

     

    และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ...

     

    ตรงที่เคยมีกรงแบบทนทานอยู่นั้นว่างเปล่า

     

    บนลานหน้ากรงนั้นคือร่างของเจ้าหน้าที่ฟิล โคลสัน แห่งชีลด์ ซึ่งเธอเคยคุยด้วยสองสามครั้ง

     

    เจ้าหญิงแห่งแอสการ์ดยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้ด้วยรู้ว่าชายคนนี้น่าจะไม่รอด แต่ก็อดประหลาดใจไม่ได้เมื่อ ผอ.ฟิวรี่สั่งให้นำตัวโคลสันไปทำการรักษา...คืนชีพ?

     

    เห็นแก่นอร์นเถิด...

     

    คนพวกนี้ไม่รู้เลยรึไงว่าเล่นกับอะไรอยู่

     

    การจะกลับมาจากความตายนั้นย่อมเป็นไปได้...

    ขอเพียงแค่แลกอะไรบางอย่างไป มรณทูตก็จะยินยอมให้ชีวิตของคนผู้นั้นกลับมา

     

    ขอแค่มีอะไรให้แลก...ไม่ว่าจะสำคัญน้อยสำคัญมาก ก็จะต้องเสียไป...โดยที่จะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

     

    กำลังจะเอ่ยปากเตือน แต่ก็ยั้งคำพูดไว้ทัน

     

    ไม่ควรจะไปยุ่งกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง...

     

    เรื่องของสกูลด์*ก็ให้นางตัดสินใจเองเถิด...

     

    กวาดตามองไปไม่นานจึงค่อยรู้สึกถึงความผิดปกติ

     

    ถ้าโลกิหนีไปได้...เขาต้องออกมาจากกรงนั่นก่อน

     

    แล้วถ้าเขาออกมาแล้ว...

     

    ใครอยู่ในแคปซูลที่เพิ่งถูกส่งลงไปโหม่งพื้นมิดการ์ดนั่นล่ะ?

     

    “ธอร์...” เร็วกว่าที่คิด สคาดิร้องออกมาเบาๆ

     

    “มีใครเห็นธอร์มั้ย?”

     

    เงียบ...เงียบสนิท

     

    สติของเธอเริ่มแตก ปากเริ่มตะโกนหาพี่ชาย ความรู้สึกชาวาบแล่นตรงขึ้นมาจากปลายเท้าจนถึงหัวใจ

     

    “ธอร์?...ธอร์!!!!...ธอร์!!!!!!!! ธอร์ข้าไม่เล่นนะ!!! พี่อยู่ไหน?!!!!!” จากที่เรียกเสียงดัง...ค่อยๆกลายเป็นเสียงตะโกน...แปรเปลี่ยนกลายเป็นการกรีดร้อง

     

    “แมคธยาสซี...ใจเย็นๆ” แว่วเสียงท่าน ผอ.ตาเดียว

     

    “อ้อเหรอ?!!! ลองที่ตกลงไปเป็นพี่ชายของคุณแทนไหมห๊ะท่าน?!!!!!!”

     

    ณ จุดนี้ สคาดิไม่อยากฟังอะไรทั้งสิ้น

    พี่ชายของเธอตกลงไป...

     

    ธอร์เป็นอมตะไม่ใช่เหรอ?

    โอเค...อันนี้เธอรู้

     

    แต่เป็นอมตะไม่ใช่ว่าจะคงกระพันนะ

    เทพก็บาดเจ็บได้เหมือนกัน

     

    ยานเซเฟอร์เองก็อยู่สูงจากพื้นมาก...

     

    ถ้าธอร์เป็นอะไรไป สคาดิจะไม่ให้อภัยตนเองอีกเลย

     

     

     

     

     

    TALK WITH  FM

    และแล้ววววววววว ตอนใหม่ก็มาาาาา

    สวัสดีรีดเดอร์ทุกกกกกกกคนนะคะ

    เรื่องราวในพาร์ทสองพาร์ทนี้และในอีกสองสามพาร์ทต่อไปจะดำเนินอยู่ในหนังอเวนเจอร์สภาคแรกนะคะ

    พอดีว่าครั้งล่าสุดที่ไรท์ดูอเวนเจอร์สก็คือเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วด้วย

    ถ้าตกหล่นฉากอะไรในหนังไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ

    ด้วยรักและถุงกาว

    เฟิงมี่ค่ะ >3<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×