คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ❀ เ ลื อ ด ห ย ด ที่ ห นึ่ ง.
เ
ลื อ
ด ห ย ด ที่ ห นึ่ ง
❈
ยามิอุตะ
ฮิซาเอะเกิดมาพร้อมกับความหวัง
ความหวังที่ว่าเธอจะเป็นผู้ชายและสืบทอดสายเลือดของตระกูล
ความหวังที่ว่าเธอจะเติบโตอย่างแข็งแรง
เธอเกิดมา
และทำลายความหวังเหล่านั้นเสียไม่มีชิ้นดี
ไร้บุตรชาย...คำที่หลอกหลอนมารดาผู้ให้กำเนิดมาตลอดหลายปีได้กลับมาย้ำในใจของนางอีกครั้ง
คราวนั้น
หนักหนาเสียจนท่านแม่ตัดสินใจจบชีวิตตนเอง
ในปีที่สิบของฮิซาเอะ
เธอเข้าใจในที่สุดว่าโลกนี้นั้นช่างโหดร้าย
มันเป็นปีที่เธอกลายเป็นเด็กกำพร้าแม่
แต่ท่ามกลางความเศร้าโศก
เด็กหญิงก็ค้นพบพลังในตัวเอง
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ไหน
เธอก็ยังยิ้มได้
เมื่อโรคร้ายของเธอกำเริบ
ทำให้เธอไอออกมาเป็นเลือดและเจ็บที่หัวใจจนจุกไปหมด
เธอก็ยังยิ้มแล้วบอกคนอื่นๆว่าไม่เป็นไร
เมื่อบิดาและญาติพี่น้องที่ทนยื้อชีวิตเธอไม่ไหวและสุดท้ายก็ทิ้งเธอให้ค่อยๆตายไปที่โรงหมอแห่งหนึ่งในปีที่อายุครบสิบหกปี
เธอก็ยังคงยิ้มแล้วบอกว่าพวกเขาแค่ไม่อยากเอาตัวภาระกลับไป
ในโรงหมอแห่งนั้นเอง
เธอได้พบกับคิบุทสึจิ มุซันเป็นครั้งแรก
...มันไม่ใช่การพบกันที่น่าอภิรมย์เท่าไหร่
เธอสำรอกเลือดออกมาในตอนที่เด็กหนุ่มผมดำคนนั้นเดินเฉียดไปพอดี
สีหน้าของเขาตอนนั้นน่ะ
เธอจำได้ไม่เคยลืม
เลือดสีแดงของเธอย้อมยูกาตะสีอ่อนของเขาเป็นด่างดวง
ดวงตาสีแดงสดผิดมนุษย์มนาคู่นั้นสั่นระริกขณะมองมาที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนของเธอ
“...ขอโทษด้วยนะคะ”
เขานิ่งค้าง
สุดท้าย
เธอก็บังคับเอายูกาตะเลอะๆชุดนั้นของเขามาซักให้จนได้
หลังจากนั้น
เธอก็ไม่ได้เจอเขาเลยจนถึงคืนต่อมา
ฮิซาเอะกำลังจะเอายูกาตะตัวนั้นที่ซักจนสะอาดและตากแห้งแล้วไปคืน
มือของเธอกำลังจะเคาะประตูนั้นในตอนที่ได้ยินเสียงของหนักตกพื้นมาจากด้านใน
คิ้วเรียวขมวด
เด็กสาวตบผ่านบานเลื่อนไปพร้อมกับร้องเรียก
“ขอโทษนะคะ
มีคนอยู่รึเปล่าคะ?”
ไร้เสียงตอบรับ
เธอเรียกอีกครั้ง
“ขอเข้าไปได้ไหมคะ?”
ยังคงไม่มีการตอบสนอง
เธอสูดหายใจลึก
ตัดสินใจแนบใบหูเข้ากับบานประตู
และเสียงที่ลอดออกมาก็ทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบ
มันเป็นเสียงของคนที่กำลังดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อจะหายใจ
ร่างบางขยับอย่างรวดเร็ว
ผลักบานเลื่อนออกแล้วพุ่งตรงเข้าไปในห้องของเขาทันที
มุซันนอนอยู่บนเสื่อทาทามิ
เขากำลังใช้มือตะกุยรอบคอคล้ายกับพยายามจะกระชากอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นบนนั้นออก
ร่างกายทุกส่วนเกร็งเครียด
“คุณพระช่วย!!”
เธอโยนยูกาตะทิ้งแล้วปราดไปดึงแขนของเขาไว้
“ท่านหมอ
ท่านหมออยู่ไหนกันคะ?!!!”
เด็กหนุ่มคนนั้นสูงกว่าเธอ
เรี่ยวแรงก็เยอะกว่า ฮิซาเอะรวบรวมกำลังทั้งหมดกดร่างที่กำลังดิ้นพราดของเขาเอาไว้
“ท่านหมอ!!”
หมอวัยกลางคนผู้ดูแลคนไข้ทั้งหมดวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
เมื่อเห็นสภาพของพวกเธอก็อุทานด้วยความตกใจ
“อีกแล้วรึนี่?!”
ผู้ช่วยอีกสองสามคนตามมากลุ้มรุมที่เขา
ฮิซาเอะถูกกันออกมานอกวงเงียบๆ
หลังผ่านไปพักใหญ่ๆ
เธอก็ได้ยินเสียงหอบหายใจเข้าเฮือกใหญ่มาจากกลางวง
ตามมาด้วยเสียงผ่อนลมหายใจของบรรดาหมอรอบๆ
พวกผู้ช่วยเก็บของแล้วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
เหลือเพียงเธอ, ท่านหมอใหญ่และคนที่ตอนนี้นอนอยู่บนฟูก
“ทำไม...”
เสียงของมุซันแผ่วเบา
“มันยังไม่ได้ผลล่ะครับ
ท่านหมอ?”
“เจ้าต้องใจเย็นๆ
พ่อหนุ่ม” ผู้อาวุโสกว่าตอบพลางเช็ดมือกับผ้าสะอาด
“ยาไม่ออกฤทธิ์ทันทีหรอก”
คู่สนทนาขมวดคิ้ว
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
“นี่
แม่หนู” เสียงเรียกทำให้เธอเงยหน้าขึ้น
“คะ?”
“เจ้าเองก็ต้องใจเย็นเหมือนกันนะ”
ดวงตาเจนโลกของท่านหมอใหญ่แฝงความเอ็นดู
รอยยิ้มที่ส่งมาให้นั้นอบอุ่นยิ่งกว่าของบุพการี
“โรคของพวกเจ้าสองคนนี่มันซับซ้อน
จะหายได้ต้องใช้เวลาเป็นสำคัญ...ไม่ต้องห่วง ข้าดูพวกเจ้าอยู่ทั้งคน”
เด็กสาวโค้งตัว
“ขอบคุณค่ะ
ท่านหมอ”
ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับแล้วเก็บอุปกรณ์ใส่ย่าม
“ข้าคงต้องขอตัวไปดูแลคนไข้คนอื่นๆก่อน”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
เธอค้อมส่ง
หลังจากที่ประตูบานเลื่อนนั้นปิดลง
เด็กสาวก็หันกลับไปหาคนที่นอนอยู่
“ข้าเอายูกาตะมาคืนค่ะ”
เขาแค่ทำเสียงอืมในลำคอ
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
ฮิซาเอะพยักหน้าเบาๆ
เดินไปวางชุดที่พับอย่างเรียบร้อยบนกองผ้าในตู้เก็บเสื้อผ้า
ดวงตาสีแดงคู่นั้นหรี่ลงคล้ายจะด่าเธอ
ยัยโง่
ข้าบอกให้วางไว้ตรงที่เจ้านั่งอยู่ยังจะดื้อไปที่ตู้อีก
“เรียบร้อย”
เธอหมุนตัวกลับมา
ในชั่วขณะที่คล้ายว่าเธอจะเดินออกไปนั้นเอง
เด็กสาวก็เปลี่ยนทิศทางกะทันหันแล้วมานั่งปุอยู่ข้างๆเขาแทน
มุซันขมวดคิ้ว
“อะไร?”
“เป็นยังไงบ้างคะ?”
คำถามที่ถูกยิงมาด้วยดวงตาใสแจ๋วนั้นทำให้เด็กหนุ่มสะอึกไปจังหวะหนึ่ง
“...”
ใบหน้าซีดขาวนั้นดูเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิม
“อ้าวๆ
อย่าโกรธสิ” เธอส่งยิ้มสดใสพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นส่ายไปมา
แล้วทันใดนั้น
สีหน้าของเธอก็นิ่งค้างไป
“เอ๊ะ
หรือว่าเจ็บแผล”
เขากะพริบตาปริบๆ
“ที่คอน่ะ
เจ้าเล่นตะกุยซะจนเลือดซิบเลย” ร่างบางโน้มตัวเข้ามาดึงคอเสื้อของเขาให้ต่ำลงมาเล็กน้อย
มุซันปัดมือนั้นออกไปทันควัน
ก่อนจะหลุดร้องออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกแสบๆที่ลำคอ
“อา”
ฮิซาเอะทำตาโต พยักหน้าช้าๆ
“เข้าใจแล้ว
เจ็บใช่ไหมล่ะ?”
“ไม่ได้เจ็บสักหน่อย-”
“งั้นเดี๋ยวข้าไปเอายามาให้แล้วกัน”
เจ้าหล่อนผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วรีบรุดออกจากห้องไป
“รอก่อนนะ”
“เฮ้ย
เดี๋ยว...”
ไม่นาน
เธอก็กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับกระปุกยาในมือ
“เอาล่ะ
ไหนแหวกเสื้อออกมาให้หน่อยสิ”
“ไม่”
“ทำเถอะค่ะ”
เด็กสาวลากเสียง
“เดี๋ยวจะยิ่งเจ็บแผลไปอีกนะคะ
ถ้ายังไม่ได้ทายาแบบนี้”
“อย่ามายุ่งน่า!”
ดวงตาสีแดงราวกับทับทิมเจิดจ้าด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ปลายเสียงสะบัดห้วนรุนแรง
ฮิซาเอะกะพริบตา
ตัวชาแข็งไปครู่หนึ่ง
เขาหอบ
มองเธอด้วยสายตาที่ทำให้เด็กสาวเข้าใจทุกอย่างทันที
มันทั้งเกรี้ยวกราด
ทั้งตื่นกลัว
...ทั้งเจ็บปวด
“เจ้าไม่เข้าใจหรอก”
เสียงนั้นแผ่วลง
ฮิซาเอะก้มลงมองมือตนเอง
ก่อนที่รอยยิ้มบางเบาจะประดับมุมปาก
“เข้าใจสิคะ”
เธอเงยหน้าขึ้น ยิ้มนั้นยังไม่หายไป
“เข้าใจดีเลยล่ะค่ะ”
ดวงตาสีเขียวอมฟ้าคู่นั้นเปล่งประกายขณะที่เธอพูดต่อ
“ข้าเองก็ป่วยเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้เหมือนกันค่ะ”
คนบนฟูกมองเธอนิ่ง
“ข้าเกิดมาเป็นหญิง
ซ้ำยังมีร่างกายอ่อนแอ...ไม่มีใครในตระกูลต้องการข้า
เมื่อไม่กี่เดือนก่อนก็เอาข้ามาไว้ที่นี่แล้วก็ไม่มีใครมาเยี่ยมข้ากันอีกเลย”
เสียงใสๆนั้นยังคงเจื้อยแจ้วต่อไปราวกับกำลังพูดถึงเรื่องที่ไม่สลักสำคัญอะไร
“พวกเขาเกลียดชังข้า
ถึงแม้แม่นมจะพยายามกลบเกลื่อนก็เถอะ...ข้าได้ยินพวกเขาด่าข้าคล้อยหลังตลอด”
มุซันจ้องเข้ามาในดวงตาของเธอ
คล้ายจะเจออะไรบางอย่างที่ทำให้ความสนใจของเขาไม่หายไปไหน
“เราเหมือนกันมากกว่าที่เราคิดนะคะ”
เด็กสาวยิ้ม
“ยามิอุตะ
ฮิซาเอะค่ะ”
ความเงียบโรยตัวไปสักพัก
ก่อนที่เขาจะเปิดปากตอบ น้ำเสียงนั้นอ่อนลงมาก
“คิบุทสึจิ...มุซัน”
และนั่นคือครั้งแรกที่เธอได้เห็นดวงตาที่เหนื่อยล้าคู่นั้นของเขา
วันต่อมา
ฮิซาเอะไปหาเขาแต่เช้า
สิ่งแรกที่เห็นหลังเปิดประตูเข้าไปก็คือร่างผอมสูงของเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนฟูก
ท่าทางเงอะงะของเขากับผ้าพันแผลแถบบางในมือทำให้เธอขำพรืด
มุซันตวัดสายตามา
ทำหน้าคล้ายจะเข้ามาขย้ำคอเธอเสียให้ได้
“ตายจริง”
เธอยิ้มร่า วิ่งปราดทีเดียวเข้าไปถึงตัวเขาแล้วทรุดลงข้างๆ
“เพราะเป็นแผลที่คอเลยพันไม่ถนัดสินะคะ”
เขาฮึดฮัดในลำคออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
เธอทำตาเป็นประกาย
แต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรต่อ
อะไรกัน
ยัยเด็กนี่...
หลังจากจ้องกันไปจ้องกันมาสักพัก
เขาก็ถอนหายใจยาวเหยียดแล้วส่งผ้าพันแผลให้เธอ
“...พัน...ให้หน่อยสิ”
ริมฝีปากที่ดูอมชมพูแม้จะซีดไปหน่อยนั้นยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้างไม่เห็นฟัน
“อื้ม!!”
มือบางเปิดกระปุกยาแล้วควักเนื้อยาในนั้นขึ้นมาทาบนลำคอขาวซีดของเขาแผ่วเบา
“นี่ๆ”
ดวงตาสีฟ้าเขียวมองหน้าเขา
“ปิดแผลไว้แบบนี้จะดีเหรอ?”
“หา?”
“ถ้าปิดเอาไว้
แผลจะไม่โดนอากาศ ทำให้แห้งช้าลงนะ”
เด็กสาวจิ้มรอยสะเก็ดเหล่านั้นเบาๆจนอีกคนจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด
เขามองตอบ
ขมวดคิ้ว
“กันน้ำเข้า”
“อ๋อ
งั้นเอง” ฮิซาเอะยิ้มร่า ประกบมือเข้าด้วยกัน
“ฉลาดจังเลยนะ
มุซันเนี่ย”
“ความรู้ทั่วไปเถอะ
แค่นี้เจ้าไม่รู้นี่แหละแปลก...แล้วก็อย่ามาเรียกชื่อจริง!” ปลายเสียงนั้นตวัดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ร่างบางหยุดยิ้มกว้าง
“เอ๋
ทำไมล่ะ?”
“เรายังไม่สนิทกันซะหน่อย”
เด็กหนุ่มเอียงคอให้เธอพันผ้าแถบยาวนั้นรอบแผลได้ถนัดขึ้น
“เดี๋ยวก็สนิท”
เสียงของเธอทำให้เจ้าของดวงตาสีแดงชะงักนิ่งไป
เขาก้มลงมองใบหน้าที่กำลังขะมักเขม้นกับการทำแผลของเธอ
“ก็เราน่ะ...มันเป็นพวกจะตายแหล่มิตายแหล่เหมือนกันนี่นา
เนอะ?”
“ใครจะตายแหล่มิตายแหล่กัน?”
เขาแยกเขี้ยว
“ปากเสีย”
“อ้าว
ไม่ใช่งั้นเหรอคะ?” เจ้าตัวปากเสียเลิกคิ้ว แล้วส่งยิ้มสดใสมาให้อีก
“งั้นแสดงว่าเมื่อคืนก่อนที่อยู่ๆก็หยุดหายใจไปน่ะมันไม่หนักหนาสินะ?
โล่งอกไปที”
“เฮ้ย
พูดบ้าอะไรน่ะ?” มุซันคำราม เกือบจะผลักเธอไปแล้วถ้าเด็กสาวไม่พูดต่อ
“ข้าน่ะ...อาการไม่ดีเอาซะเลยล่ะค่ะ”
“...หา?”
มือเรียวคู่นั้นผละออกจากคอของเขา
ดวงตาสีเขียวฟ้าหม่นลงเล็กน้อย...แต่ก็มากพอที่จะทำให้คนตัวซีดนิ่งแล้วขมวดคิ้ว
อะไรอีก?
ผีเข้ารึไง?
“เวลาโรคกำเริบ
มันเจ็บมากเลยล่ะค่ะ...ตรงนี้น่ะ” เนื้อผ้ากิโมโนตรงอกข้างซ้ายถูกขยุ้มขึ้นมา
“แล้วก็จะไอเป็นเลือดด้วย...ท่านหมอบอกว่าเป็นเพราะหัวใจสูบฉีดเลือดแรงเกินไปในหนึ่งจังหวะ
เส้นเลือดก็เลยปริทำให้เลือดไหลออกมาจากปากน่ะค่ะ”
เด็กหนุ่มมองเธอนิ่ง
ฮิซาเอะยิ้มบางๆ
“อย่างน้อยเนี่ย
มุซันเวลาโรคกำเริบก็ไม่ได้เจ็บเท่าข้า...อิจฉาจังเลยนะ”
ปากซีดๆคู่นั้นเผยอออกคล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่สุดท้ายก็หุบลงแล้วขมุบขมิบแทน
“ยัยโง่
พล่ามบ้าอะไรอยู่ได้”
เธอหัวเราะ
ฟันขาวสะอาดเรียงเป็นระเบียบ
“มุซันเองก็ตลกดีนะคะ”
“ว่าไงนะ?!”
และนั่น...คือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพของพวกเขา
มิตรภาพที่ในอีกหลายปีต่อมา
แม้จะมีเรื่องราวหลายอย่างเข้ามาคั่นกลางแต่ก็ยังคงมีเศษเสี้ยวของความทรงจำเหล่านั้นอยู่เลือนลาง
ปีเฮอันที่สองร้อยสิบสามนั้น...ชีวิตของยามิอุตะ
ฮิซาเอะ เด็กสาวที่จะตายแหล่มิตายแหล่ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
TALK WITH FM
ทำไมเขียนไปเขียนมาแล้วรู้สึกว่ามุซันมุ้งมิ้งขึ้น5555555
เจ๊คือแบบร่าเริงเว่อร์
ร่าเริงสุดๆ แถมเปลี่ยนมู้ดเก่งเสมอต้นเสมอปลายมาตั้งแต่เด็กๆจนตอนนี้แก่หง่อม555//โดนจิกหัวลากลงน้ำ
ช่วงตอนแรกๆนี้จะเป็นการย้อนเวลาไปก่อนนะคะ
เพราะความจริงแล้วยุคทันจิโร่นี่คือช่วงปีไทโชนู่นเลยค่ะ
รอก่อนน้า
อีกไม่นานจะกลับไปหาโยริอิชิแล้ววว
เจอกันตอนหน้าเน้อ
ด้วยรักและดาบนิจิริน
เฟิงมี่ค่ะ>3<
ความคิดเห็น