ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ˹KNY˼ ❀古代の血 | เลือดบรรพกาล ⊳ giyuu t. x oc.

    ลำดับตอนที่ #1 : ❀ อ า รั ม ภ บ ท.

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 63


    อ า รั ม ภ บ ท

     

     


           น้ำในลำธารที่เย็นเฉียบและชื่นฉ่ำไม่ได้ช่วยทำให้ร่างบางที่โชกเลือดนั้นรู้สึกสบายตัวขึ้นอย่างเช่นทุกครั้ง

     

           ก็แหงล่ะ...เธอไม่เคยมาที่นี่ทั้งที่แผลเต็มตัวนี่นา

     

           หอบหายใจเหนื่อย มือบางขาวเนียนละเอียดค่อยๆวักน้ำขึ้นมาลูบหน้าลูบตา กิโมโนสีดำที่แช่อยู่ในน้ำถึงบั้นเอวนั้นคายสสารบางอย่างสีแดงออกมาจนทำให้ปลาที่ว่ายวนแถวนั้นต่างหนีไปอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยสีชาดที่เริ่มอาบย้อมสายน้ำ

     

           อา...เหนื่อยจัง

     

           เสียงของคาตานะที่แหวกผ่านอากาศมาอย่างเชื่องช้าจากทางด้านหลังทำให้ใบหน้างดงามล่มเมืองเงยขึ้น ดวงตาสีเขียวฟ้าค่อยๆหยีลงเป็นรูปจันทร์เสี้ยว

     

           “ว้า...ตามมาจนได้สินะ” เธอหันไปในที่สุดพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างเห็นฟันให้กับร่างสูงในฮาโอริสีส้ม

           “ไง ทสุกินิ หายากไหมล่ะ ข้าน่ะ?”

     

           ชายหนุ่มผมแดงเข้มเจ้าของชื่อทสุกินิ โยริอิชิหรือจอมดาบนักล่าอสูรเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ลดดาบนิจิรินในมือลง

     

           “ก็ไม่เห็นจะยากเย็นเท่าไหร่เลยนี่”

     

           “เนอะ” เธอก้มล้ง ล้างคราบเลือดออกจากเส้นผมสีชมพูซีดและเขาสีแดงสดบนหัว

           “น่าจะเอาเวลาไปตามหาอสูรตนอื่นๆมากกว่าเนอะ?”

     

           “ก็ตนอื่นไม่ได้มีความสัมพันธ์กับคิบุทสึจิแบบที่เจ้ามี” เขานั่งลงบนตลิ่ง วางอาวุธไว้ข้างกาย

           “จับเจ้ามาเป็นเหยื่อล่อเขาก็ไม่เลว”

     

           “มุซันน่ะเหรอ?” อสูรสาวเหยียดยิ้ม สีหน้ายังคงแช่มชื่นเหมือนเดิม

           “ไอ้เฮงซวยนั่นล่อข้าไปตายตั้งหลายหน ข้ายังยอมเป็นเพชฆาตให้เขาอยู่ก็บุญหัวมากแล้ว”

     

           โยริอิชิมองเธอด้วยดวงตาสีแดงแก่ใต้ปานนักล่าอสูรรูปเปลวเพลิงนั้นเงียบๆ

     

           “แล้ว...” เธอเหลือบไปมองมือที่วางราบสบายๆอยู่กับพื้นหญ้าใต้แสงจันทร์เพ็ญนั้น

           “วางดาบไว้แบบนี้ ไม่กลัวอยู่ๆข้าจะคลั่งขึ้นมาแล้วทำร้ายเจ้ารึไง?”

     

           “เจ้าไม่ทำหรอก” เขาตอบเรียบๆ

     

           “หืม?” ร่างบางเอียงคอ

     

           “ก็เจ้าไม่กินมนุษย์นี่นา” ประโยคต่อมาของเขาทำเอาเธอนิ่งไป

     

           ยามิอุตะ ฮิซาเอะเป็นอสูรที่ไม่กินเลือดมนุษย์

           ไม่เคยกิน และจะไม่มีวันกินด้วย

     

           ทำไมน่ะเหรอ?

     

           “เลือดมนุษย์มันเหม็นคาว แล้วก็เยอะไป ข้าไม่ชอบ” ฮิซาเอะย่นจมูกเมื่อนึกถึงเลือดข้นเหนียวจากศพของชาวบ้าน

     

           คิ้วเรียวนั้นกดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อตระหนักได้ถึงบางอย่าง เธอเอียงหน้ากลับไปหานักล่าอสูรตัวฉกาจ

           “...มันสำคัญด้วยเหรอ?”

     

           “...”

     

           “ไหนๆก็จะฆ่าข้าอยู่แล้วนี่ มันสำคัญด้วยเหรอ ทสุกินิ?”

     

           คู่สนทนาแค่ก้มลงมองดาบนิจิรินของตน

     

           “เจ้ามันแปลก ข้าไม่เคยพบเคยเจออสูรอย่างเจ้ามาก่อนเลย”

     

           “มีเอกลักษณ์ไง” เธอส่งยิ้ม

           “ออกจะดี”

     

           ทั้งคู่นิ่งเงียบ ปล่อยให้เสียงน้ำไหลกระทบหินเข้าปกคลุมทั่งบริเวณ

     

           ในที่สุด โยริออชิก็ถอนหายใจแล้วลุกขึ้น

     

           “ข้าไปล่ะ แผลหนักขนาดนั้นคิบุทสึจิไม่น่าหนีไปได้ไกลมาก”

     

           เธอหันขวับ สีหน้าตกใจจนปิดไม่มิด

           “เห ไม่ฆ่าข้าแล้วรึไง?”

     

           “ไม่ล่ะ...” ดวงตาสีแดงแก่เหลือบกลับมามอง

           “เจ้าน่าสนใจเกินไป ยามิอุตะ”

     

           ฮิซาเอะยืนบื้ออยู่กลางน้ำสักพัก ก่อนจะตัดสินใจถลาไปดึงชายฮาโอริเขา

     

           “เดี๋ยวสิ!

     

           ชายหนุ่มหยุดยืน นิ่งไปพร้อมกับใบหน้าที่ค่อยๆหันกลับมาอีกครั้ง

     

           เธอก้มหน้าลง หลับตา

           “ฆ่า...ฆ่าข้าเถอะ ทสุกินิ”

     

           เขาไม่ตอบ แต่เธอรู้สึกได้ว่าสายตาของคนข้างบนกำลังมองมาด้วยความฉงน

     

           “ข้าเหนื่อย...ข้าไม่อยากอยู่หลบๆซ่อนๆอีกต่อไปแล้ว ข้าไม่อยากเป็นแบบนี้” ปลายเสียงนั้นสั่นเล็กน้อย แต่ดวงตาสีฟ้าเขียวยังคงมั่นคง

           “ข้าอยากหนีจากชีวิตเฮงซวยแบบนี้สักที”

     

           เธอเงยหน้าขึ้น สบตากับชายผู้ที่ฆ่าเผ่าพันธุ์ของเธอไปนับสิบ นับร้อย

     

           “ได้โปรด ช่วยข้าด้วย”

     

           โยริอิชินิ่งงันไปแบบนั้นครู่ใหญ่ ดวงตากวาดมองขึ้นลงเธอหลายครั้งราวกับจะทำให้แน่ใจว่าอสูรตนนี้ไม่ได้บ้า

     

           สุดท้าย เขาก็เม้มปากแน่น

     

           “ขึ้นจากน้ำ แล้วตามข้ามา”

     

           “โอ๊ย ใจเย็นสิ รอหน่อย...นี่ ข้ามีแผลเต็มตัวอยู่นะ!

     

           “เดี๋ยวก็หาย”

     

           ฮิซาเอะเท้าเอว

           “เจ้าก็พูดได้สิ เจ้าเป็นคนฟัน ไม่ใช่คนเจ็บ...แผลพวกนี้ก็ฝีมือเจ้าล้วนๆ”

     

           “แล้วใครใช้ให้มารับแทนคิบุทสึจิกันล่ะ?” เขากรอกตา

     

           “ถ้าข้าไม่รับบ้าง มันได้ตายคาดาบเจ้าจริงๆแน่” เธอกอบชายกิโมโนเปียกชุ่มขึ้น

           “ขนาดข้าโดนแทนไปตั้งหลายดาบมันยังปางตายเลย ไม่อยากคิดว่าถ้าข้าไปไม่ทันมันจะยังเหลือซากไว้ให้เก็บไหม”

     

           “พูดมากจริง” โยริอิชิมองกลับมาด้วยหางตา

           “ตกลงจะตามมามั้ย?”

     

           “อื้อ! รอหน่อยสิ” ร่างบางตะเกียกตะกายขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเลเพราะความหนักของผ้าและแผลลึกบนผิวเนื้อ

     

           ...กว่าจะได้ฤกษ์ไปซะที...

     

     

     









     



     

           ใบหน้างดงามล่มเมืองของอสูรสาวมองทิวทัศน์ตรงหน้าด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

     

           “ว้าว พาข้ามาฆ่าที่เรือนกลางสวนฟูจิเหรอเนี่ย? สร้างสรรค์จังเลย”

     

           โยริอิชิพ่นลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ สีหน้าปลงๆ

           “สมองเจ้าก็สร้างสรรค์ คิดอะไรแบบนี้ได้ง่ายเหลือเกิน”

     

           ฮิซาเอะยิ้มกว้าง ลากชายกิโมโนสีดำที่มีเลือดแห้งกรังไปมาขณะที่ชื่นชมดอกฟูจิสีม่วงซึ่งบานสะพรั่งอยู่เต็มบริเวณ

     

           “ยามิอุตะ” นักล่าอสูรหนุ่มแทบจะกุมขมับเมื่อเห็นร่างบางนั้นกระโดดโหยงเหยงไปมาเพื่อเอื้อมให้ถึงดอกไม้บนกิ่งที่อยู่เหนือหัว

           “ไม่เหม็นรึไงนั่น? มันเป็นพิษต่อพวกเจ้าไม่ใช่รึไง?”

     

           “ก็ใช่” รอยยิ้มที่ทำให้ตาหยีเป็นรูปจันทร์เสี้ยวของเธอสว่างไสวขึ้นหลังจากที่คว้าดอกมาได้ช่อหนึ่งสมใจ

           “ก็เหม็น แต่มันก็สวย...ถ้าปิดจมูกไว้ก็กลิ่นเบาลงแล้วล่ะ”

     

           “พิษล่ะ?”

     

           “พิษมาจากยางไม้กับเกสร” ฮิซาเอะดึงฮาโอริสีดำเหลือบแดงของตนออกมา เผยให้เห็นกิโมโนสีคล้ายๆกันก่อนจะเอามันห่อช่อดอกฟูจิอย่างทะนุถนอม

           “เอาผ้ารองไว้ก็ไม่ค่อยเจ็บแล้ว”

     

           เธอกระโดดเด้งไปมาอย่างร่าเริงกลับมาที่ข้างกายสูงใหญ่นั้น ยิ้มกว้างก่อนจะดึงกิ่งอ่อนเล็กๆออกมากิ่งหนึ่ง ได้ดอกติดมาราวๆสี่ดอก

     

           “สีม่วงแบบนี้ดูเข้ากับสีผมแดงๆของเจ้านะ ทสุกินิ”

     

           ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไร อสูรสาวก็เสียบมันเข้าไปในผมเขาเรียบร้อย

     

           โยริอิชิเหล่ตามองดอกไม้ที่ทัดอยู่บนหูแล้วเหลือบไปที่มือขาวเนียนซึ่งมีรอยไหม้จากยางดอกฟูจิอย่างชัดเจน

     

           “หล่อขึ้นเป็นกอง!” เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาราวกับกำลังชื่นชมผลงานจิตรกรรมชั้นเลิศ

           “ถ้ายิ้มอีกคงจะสมบูรณ์แบบเลยล่ะนะ”

     

           “เจ้านี่...” เขาถอนหายใจ

           “บ้าจริงๆ”

     

           นี่อสูรที่เขาว่ากันว่าร้ายกาจพอๆกับราชาอสูรคิบุทสึจิ หรือเด็กน้อยอายุห้าขวบกันแน่นะ?

     

           “ใช่เลยล่ะ ใช่เลย!” ร่างบางโลดเต้น ดีดมือคล้ายถูกใจคำพูดด่าทอนั้น

           “รู้ไหม ข้าเคยได้รับฉายาว่าอสูรวิปลาสด้วยนะ เจ๋งไปเลยใช่มั้ยล่า?”

     

           “ไม่แปลก” นักล่าอสูรหนุ่มก้าวขึ้นเรือนไม้แล้วเลื่อนประตูออก

     

           “เอาล่ะ เข้ามาสิ”





           หลังจากโดนไล่ไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดโชกเลือดนั้นออกเป็นชุดสบายๆ เธอก็เดินฮัมเพลงเล่นสบายใจเฉิบเข้ามานั่งบนเสื่อฟุตงในห้องรับแขก โยริอิชิจ้องเธอนิ่งขณะเลื่อนถ้วยชาควันฉุยบนโต๊ะให้

     

           “มารยาทดีจัง ขอบใจนะ” ฮิซาเอะรับขึ้นไปจิบ แล้วส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ

           “อา...หอมดีจังเลย”

     

           “แล้ว...” ดวงตาสีเขียวฟ้าเหลือบมา ไม่แม้แต่จะไหวระริกในตอนที่เปล่งคำถาม

           “เมื่อไหร่หัวข้าจะหลุดออกจากบ่าซะทีล่ะ ทสุกินิ?”

     

           เขายกมือขึ้นเท้าคาง

           “เจ้าบอกว่าอยู่กับคิบุทสึจิ มุซันมานาน นานแค่ไหนกัน?”

     

           เธอโคลงหัว

     

           “ตั้งแต่แรก”

     

           “ตั้งแต่แรก?”

     

           “ใช่ ตั้งแต่แรก”

     

           “ตั้งแต่แรกคือตั้งแต่ไหน?” คิ้วเรียวเข้มเหนือดวงตาสีแดงแก่กดลง

     

           ฮิซาเอะก้มหน้า รอยยิ้มจางๆประดับบนริมฝีปากขณะที่ทอดมองไปที่สวนกลางเรือน

     

           “ปีเฮอันที่สองร้อยสิบสาม” เธอเว้นช่วงไป

           “ปีที่เขากลายเป็นแบบที่เขาเป็นอยู่”

     

           คู่สนทนาหรี่ตาลง

     

           “ข้าอยากรู้ทุกอย่าง”

     

           เธอเลิกคิ้ว

           “ทุกอย่าง?”

     

           “ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาคนนั้น” คำตอบยืนยันชัดเจน แต่ก็ไม่วายโดนถามต่อ

     

           “ทุกอย่างเลยหรือ ทสุกินิ?”

     

           เธอจ้องหน้าเขาที่ทำเหมือนรำคาญที่จะย้ำคำเดิม

     

           “หากข้าบอกว่ามันเต็มไปด้วยความโหดร้าย ความสิ้นหวัง และความกลัวล่ะ เจ้าจะยังอยากฟังอยู่หรือไม่?”

     

           คนถูกถามนิ่งไปสักพัก ก่อนที่น้ำเสียงหนักแน่นจะถูกเค้นออกมา

     

           “เล่า ยามิอุตะ”

     

           ดวงตาของอสูรสาวมีประกายบางอย่างวาบผ่านจนวูบหนึ่ง...เพียงวูบเดียวเท่านั้น...โยริอิชิคิดว่าดวงตาที่เขาเห็นไม่ใช่ดวงตาของอสูรจอมเพี้ยนแสนร่าเริงที่ยิ้มแย้มอยู่เป็นนิตย์

     

           แต่เป็นดวงตาของคนที่อยู่มาเนิ่นนาน เผชิญความเจ็บปวดมากมาย เห็นทุกอย่างจนเป็นภาพซ้ำไปซ้ำมา วนเวียนอยู่เป็นศตวรรษ

           ดวงตาที่อ่อนล้า และไร้ที่พักพิง

     

           แล้วเธอก็ยิ้มอีกครั้ง น้ำเสียงร่าเริงไม่มีความเศร้าปนอยู่แม้เพียงนิด

     

           “งั้น จะเริ่มแล้วนะ”

     

     








    TALK WITH FM

    เจ๊จะเปลี่ยนมู้ดเก่งไปละ5555

    ฮซอเป็นคนรั่วค่ะ ทุกคนต้องตามอารมณ์นางให้ทันเน้อ//ฮา

    กว่าจะมาถึงพาร์ทยุคไทโชคงอีกประมาณสองสามตอน รอก่อนน้า

    เรื่องนี้ au นะคะ เรารับไม่ได้กับการตายของเสาหลักจริงๆ (ชิโนบุววววว ยัยน้องโทกิโตะ เร็นโงคุววววววว มุแงงงงงงงง)

    เจอกันตอนหน้าเน้อ

    ด้วยรักและดาบนิจิริน

    เฟิงมี่ค่ะ>3<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×