Mayarun(e)
พ่อมดแม่มดน่ะหรือ? นั่นคือสิ่งที่มนุษย์เรียก แต่พวกเราเป็น Mayarun(e) ต่างหาก พวกเราไม่มีเวทมนตร์เป็นของตัวเอง แต่หยิบยืมพลังมาจากธรรมชาติ รู้จักมั้ยสาวกพระเจ้าปราบปีศาจร้ายตามความเชื่อของเผ่ามายา
ผู้เข้าชมรวม
638
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เคิร์ตเป็นเด็กชายร่างผอมเก้งก้าง ถึงเขาจะเพิ่งอายุแค่สิบห้าปีแต่ส่วนสูงของเขามากกว่าเพื่อนๆในวัยเดียวกันเสียอีกจนบางทีเขามักโดนล้ออยู่บ่อยๆ
ผมสีน้ำตาลเข้มเหมือนช็อกโกแลตตัดกับสีผิวขาวซีดของเขา ดวงตาสีเทาหม่นยิ่งทำให้ผิวเขาดูซีดเซียวมากขึ้นไปอีก ในบรรดาอวัยวะของร่างกาย
สิ่งที่เคิร์ตเกลียดมากที่สุดคือดวงตาของเขา
เคิร์ตมักมีปัญหากับดวงตาตัวเองเสมอ ถ้าเป็นคนปกติปัญหาทางสายตาคงเป็นเรื่องสายตาสั้นหรือยาวจนเกินไป แต่กับเคิร์ตนั้น ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่สายตาเขาไม่ดี แต่ต้องเรียกว่าสายตาดีจนผิดปกติมากกว่าคนทั่วไปเสียอีก และนี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้เกลียดดวงตาของตัวเองนัก
ดวงตาสีเทาเจ้าปัญหา...
ชีวิตของเคิร์ตจะดีมากกว่านี้ถ้าดวงตาของเขาไม่นำเรื่องเดือดร้อนมาให้เขาอยู่เสมอ เด็กชายมักเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นเสมอ สิ่งที่เขาหาคำอธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไร
กระรอกพูดได้...
ชายท่าทางสติไม่ดีที่สวมเสื้อคลุมปอนๆคาดเข็มขัดที่เต็มไปด้วยถุงผ้าขนาดต่างๆรอบเอว
แถมชายคนนั้นยังพกก้อนหินกลมแบนและพยายามหักกิ่งไม้อีกด้วย...
แต่สิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้น
สิ่งที่ดูคล้ายหมาที่มีลิ้นสีม่วงเขียวห้อยยาว มีขาถึงหกขา...
สิ่งมีชีวิตที่มีขนหยาบยาวสีดำที่มีไม่มีตา แต่มีปากรอบลำตัวที่เหมือนงูขนดก...
แมวที่มีปากถึงสองปาก...
และ... ร่างสีดำมหึมาสูงราวเจ็ดฟุตมีกลิ่นเหม็นสาบ ขนสีดำดูสากและหยาบกระด้าง มันมีแขนยาวลากพื้น นิ้วแต่ละอันยาวไม่เท่ากัน และเมื่อเคิร์ตมองสูงขึ้นที่ใบหน้าของมัน มันกลับไม่มีดวงตาหรือจมูก มีเพียงปากหลายขนาดน้อยใหญ่เรียงตัวอย่างไม่เป็นระเบียบบนใบหน้าดูน่ากลัว มันก้มลงมาหาเขาใกล้ๆ และเริ่มออกไล่ล่า...
“นี่นายกำลังจะบอกฉันว่า นายเห็นเตเนบริสงั้นเรอะ!” เด็กชายประหลาดที่จีอิลถาม
“อะไรนะ
เตเนบริสคืออะไร”
“อืม --
พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือมันเป็นปีศาจร้ายที่คอยสร้างอุบัติเหตุ โรคร้าย
หรือเหตุการณ์อะไรก็ได้ที่คร่าชีวิตมนุษย์โดยที่พวกมนุษย์อย่างพวกนายไม่รู้เลยสักนิดว่าเป็นฝีมือมัน --
ถึงแม้บางครั้งมันจะสามารถแปลงกายเป็นคนหรือสัตว์อะไรหลอกพวกนายก็ตาม แต่ -- ให้ตายเถอะ!
นายเป็นมนุษย์คนแรกเลยนะที่มองเห็นร่างที่แท้จริงของพวกมัน นายเคยเห็นมันมาก่อนหรือเปล่า --
ฉันหมายถึงว่าที่ไม่ใช่รูปลักษณ์ของสัตว์ปกติ หรือสัตว์
-- อะไรนะ -- อ้า! เทพนิยายอย่างมังกรูใช่ไหม นั่นแหละ
อะไรที่ไม่ใช่พวกนั้น
คือร่างที่แท้จริงของมันล่ะ”
เคิร์ตขมวดคิ้ว
“นายจะบอกว่าตัวนายเองเป็นพ่อมดอย่างนั้นสินะ ขอเถอะ
นี่มันศตวรรษที่เท่าไหร่แล้ว
ฉัน -- “
“โอ๊ย!
พ่อมดงั้นเรอะ ให้ตาย! พวกเราไม่ใช่พ่อมดหรอก” จีอิลโบกมืออย่างรำคาญ “ถึงมันจะเป็นคำที่พวกมนุษย์เรียกเหมารวมพวกเราแบบนั้น แต่รู้อะไรมั้ย ฉันน่ะเป็นมายารัน สถานะธอร์นเนสเชียวนะ”
แต่แล้วในคืนวันฮาโลวีนก็เปลี่ยนชีวิตของเด็กชายไปตลอดกาล เมื่อเขาถูกเตเนบริสตามล่าอีกครั้ง
ระหว่างที่เด็กชายคิดว่าวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึงแล้ว คอเสื้อของเขาก็ถูกกระชากอย่างแรง
“นายเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงอันแสนจะคุ้นเคยของจีอิลดังขึ้นเหนือศีรษะของเคิร์ต
เขามัวแต่ตกตะลึงที่รอดตายจนลืมไปว่าตอนนี้ขาของเขาไม่ได้อยู่ติดพื้น เมื่อเงยหน้าขึ้นไป เด็กชายก็พบว่าจีอิลกำลังขี่บันไดไม้ไผ่และมือข้างหนึ่งคว้าคอเสื้อของเขาไว้
หลังจากที่หวุดหวิดจะร่วงตกอยู่หลายครั้ง
ในที่สุดเคิร์ตก็สามารถปีนขึ้นมาขี่บันไดไม้ไผ่ได้สำเร็จ เขามองกลับลงไปเบื้องล่าง แสงสีของตึกอารามและรถกลายเป็นจุดเล็กๆ เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตอนนี้ตัวเขาลอยอยู่สูงมากแค่ไหน
สายลมเย็นๆในช่วงกลางคืนพัดกระทบใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เคิร์ตจับบันไดไม้ไผ่ไว้แน่นด้วยความกลัวตก
“นายทำให้บันไดนี่ลอยได้ยังไง” เขาถามด้วยความฉงน
จีอิลยักไหล่ด้วยท่าทางสบายๆ “ฉันแค่ขอให้มันลอยน่ะสิ”
เคิร์ตเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ขอให้มันลอยน่ะเหรอ แต่
-- ทำไมนายไม่ใช้ไม้กวาดล่ะ แบบ
-- อย่างที่ฉันรู้มา
พวกพ่อมดแม่มดต้องขี่ไม้กวาดเหาะได้ไม่ใช่หรือไง”
จีอิลกลอกตาอย่างรำคาญ “ให้ตาย! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่พ่อมด เอางี้นะ
-- พวกมนุษย์อย่างนายคงสับสนว่าพวกที่มีเวทมนต์ต้องขี่ไม้กวาดใช่มั้ย นั่นมันเป็นเพราะพวกนายติดภาพยัยทวดของทวดของทวดของทวดอลิซมาน่ะสิว่าต้องขี่ไม้กวาด เอาเข้าจริงวัตถุอะไรก็ตามที่ทำจากไม้สามารถลอยได้ทั้งนั้นล่ะ
แล้วสมัยนั้นมันก็มีแต่ไม้กวาดใช่ไหมล่ะที่ทำจากไม้และใหญ่พอที่จะรับน้ำหนักเราไหว
จริงๆเราขี่ท่อนซุงหรือต้นไม้ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากด้วยนะ แบบถอนรากมันขึ้นมา -- อ่า แต่วิธีนี้ออกจะหยาบคายต่อพวกต้นไม้อยู่สักหน่อย -- แล้วเราก็ขอให้มันเหาะพาไปที่ไหนๆ -- “
“ที่ฉันจะพูดก็คือ การที่นายมองเห็นเตเนบริสมันเป็นเรื่องที่แปลกมาก และหลังจากที่โฟห์แอบติดตามนาย -- อย่าเพิ่งพูดแทรก รอฉันพูดให้จบก่อน -- คืองี้นะ
ฉันเพิ่งสังเกตเห็นล่ะว่าเจ้าเตเนบริสมันจ้องจะเล่นงานแต่นายคนเดียว ถ้ามันเอาชีวิตนายไม่ได้ มันก็จะยังล่าตัวนาย อย่างเช่นคืนนี้ -- “
“แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหนล่ะ มันยังอยู่บนถนนหรือเปล่า
แล้วทำไมนายมีเวทมนต์ถึงไม่ทำอะไรสักอย่างกับมันล่ะ -- แล้วหลังจากที่นายพาฉันหนีมา ผู้คนตรงนั้นไม่พากันโดนฆ่าตายหรือไง” เคิร์ตถามแทรกขึ้นมาอย่างอดทนไม่ไหว เขาเห็นจีอิลขยี้ผมตัวเองและมีสีหน้ายุ่งยากใจ
“ปกติเตเนบริสขนาดตัวเท่านั้นมักไม่ออกล่ามนุษย์ในบริเวณกว้างหรอก ถ้ามันคิดที่จะสร้างอุบัติเหตุแบบนั้นมันมักตัวใหญ่กว่านั้น ไม่ก็ออกล่าเป็นกลุ่ม -- “
“เดี๋ยวนะ
นี่นายกำลังจะบอกฉันว่าไอ้ตัวเตเนบริสนั่นยังมีตัวใหญ่มากกว่านี้ แถมยังมีอีกหลายตัวด้วยอย่างนั้นเหรอ” เคิร์ตอยากจะบ้าตายเมื่อเห็นจีอิลพยักหน้า
“ปกติมันไม่ได้ออกมาเยอะมากขนาดนี้ แต่ช่วงวันฮาโลวีน
พวกดวงจิตของมนุษย์ที่ตายไปแล้วจะมีมากกว่าปกติ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะดึงดูดให้พวกเตเบริสออกมา เพราะพวกมันกินวิญญาณเป็นอาหาร”
“แล้วอย่างนี้
คนตรงนั้นไม่โดนมันฆ่าตายหรือไง”
เคิร์ตพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเมื่อนึกผู้คนบนนถนนสายนั้นที่เขาเพิ่งหนีเอาตัวรอดมา
“เอ้อ
ฉันเชื่อว่ามนุษย์พวกนั้นไม่โดนมันฆ่าตายหรอก --
อย่างที่บอก
วันนี้มันน่าแปลกที่เตเนบริสตัวนั้นพยายามล่านาย มันไม่เคยเจาะจงเหยื่อมาก่อน
และฉันเดาเอาว่าสาเหตุมันเป็นเพราะว่านายมองเห็นพวกมันน่ะ”
คำพูดของเด็กชายผมสีน้ำตาลอ่อนทำให้เคิร์ตตัวสั่น เขาไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาเห็นเตเนบริส ทำไมต้องถูกล่าด้วย เขาไม่เคยคิดที่จะทำร้ายพวกมันมาก่อน กลับกันเขาพยายามหลีกเลี่ยงมาเสมอ
“แล้วการที่ฉันเห็นมัน ทำไมมันถึงต้องพยายามฆ่าฉันด้วยล่ะ” เคิร์ตถาม
จีอิลยักไหล่พลางสั่นหัว “ฉันเองก็ไม่รู้ และถ้านายอยากรู้คำตอบ ฉันคิดว่านายต้องตามฉันกลับไปมายารัน”
ระหว่างที่เคิร์ตลังเล
“จริงๆแล้วพวกเราชาวมายารันไม่ค่อยชอบมนุษย์นักหรอก” และเมื่อจีอิลเห็นสีหน้าฉงนของเคิร์ต เขาจึงรีบเสริมต่อไปว่า “ฉันหมายถึงว่า --
ถึงพวกเราจะมีหน้าที่ปราบเตเนบริสปกป้องมนุษย์ก็ตาม
แต่สิ่งที่พวกมนุษย์ทำกับพวกเราไว้ในอดีตมันเป็นรอยด่างพร้อยขนาดใหญ่ที่ไม่มีใครสามารถลืมมันได้ลงหรอก --
อย่าเพิ่งถามเลยว่ามันคืออะไร ฉันคิดว่าตอนนี้นายไม่มีทางเลือกมากนักหรอก ในเมื่อตอนนี้นายถูกเตเนบริสหมายหัวอยู่ มีทางเดียวที่นายจะรอดคือไปกับฉัน บางทีเราอาจได้คำตอบ
เพราะฉันเองก็มีส่วนต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันที่ทำให้เตเนบริสหลุดออกมา”
คำบอกเล่าของจีอิลว่าพวกชาวมายารันไม่ชื่นชอบพวกมนุษย์อย่างเขา ทำให้เด็กชายต้องคิดหนัก
อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาเดินเข้าไปในดงของผู้คนที่ใช้เวทมนต์ได้ เขาจะโดนฆ่าตายหรือเปล่า และที่นั่นมันอยู่ส่วนไหนของโลก
ในเมื่อทุกวันนี้ผืนดินทุกแห่งถูกมนุษย์สำรวจจนหมดแล้ว หรือว่าเมืองมายารันจะอยู่ใต้ทะเลหรืออวกาศ...
“ก่อนที่ฉันจะตอบนาย ฉันอยากรู้ว่าเมืองมายารันอยู่ที่ไหน”
จีอิลฉีกยิ้มกว้างก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงโอ่ๆว่า
“เมืองมายารันโอบล้อมอยู่รอบลำต้นของอิกดราซิล ต้นไม้แห่งชะตาลิขิต”
****************************************************
เรื่อง "มายารัน" ได้แรงบันดาลใจมาจากชนเผ่ามายาค่ะ ภาพของชาวมายาเกี่ยวกับพระเจ้าที่มีรูปหนึ่ง สาวกของพระเจ้ากำลังปราบปีศาจ ไรท์ก็เลยจุดประกาย ถ้าใครกำลังสงสัยว่าอักษรรูนมาเกี่ยวข้องอะไรกับชาวมายา ไรท์อยากจะบอกว่า หลังจากที่ค้นประวัติศาตร์มามากมาย มีความเกี่ยวข้องแน่นอน เพราะมีจุดหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ใครๆต่างมองข้าม แต่ไรท์ยังไม่เฉลยนะคะว่ามาได้อย่างไร จะค่อยๆเล่าในวรรณกรรมค่ะ เรื่องนี้อิงประวัติศาสตร์จริง สถานที่ที่มีอยู่จริงทั่วโลกที่ยังเป็นปริศนา นักประวัติศาสตร์ยังขบคิดไม่แตก รวมทั้งตำนานปรัมปราบางเรื่องที่ไรท์นำมาผูกรวมกันค่ะ
***ไรท์ตั้งใจจะอัพสัปดาห์ละตอนค่ะ***
ฝากติดตามเรื่อง ด้วยนะคะขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ผลงานอื่นๆ ของ StarCat, ลำนำ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ StarCat, ลำนำ
ความคิดเห็น