ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The triple memory บันทึกเรื่องราวแห่งเพื่อนทั้งสาม

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 54


    "ตาสีทอง?"

    "อื้อ ตาสีทอง... ว่าแต่นายกำลังฟังฉันพูดอยู่ใช่ไหม" ผมพยักหน้ารับหันไปมองฮาเซลที่นอนอยู่บนเตียงโดยเอาหน้าซุกหมอนไว้ทำอย่างกับว่าไม่ใส่ใจคำพูดผมเลยสักนิด

    "แล้วไงต่อ?"

    "นี่นายไม่ได้ฟังฉันพูดเลยจริงๆด้วย!" ผมลุกพรวดเข้าไปดึงหัวฮาเซลออกจากหมอนแล้วพูดพล่ามอธิบายอีกครั้ง "ฉันบอกว่า ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาของเธอ! มันเหมือนกับว่า...เคยพบกันที่ไหนสักแห่ง"

    "อา"

    "ประมาณว่า...เป็นความรู้สึกคิดถึง โหยหา...ล่ะมั๊ง"

    "รักแรกพบนั่นแหละ คิดอะไรยุ่งยากนักหนา" ฮาเซลแย่งหมอนสุดที่รักออกจากมือผมแล้วซุกหน้าต่อดังเดิม

    "รักแรกพบที่ไหนมันมีความคิดถึง โหยหาล่ะวะ! นี่นายตั้งใจตอบฉันจริงๆบ้างหรือเปล่าเนี่ย!"

    "อือ ตั้งใจอยู่นี่ไงเล่า" ผมค้อนใส่ฮาเซลก่อนจะหันไปนั่งที่โซฟาดั่งเดิมโดยเปลี่ยนเรื่องพูด

    "ว่าแต่นะ ทำไม..." ผมล้วงกระเป๋าสะพายหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมากางออก "ทำไมมันถึงสอบเร็วแบบนี้ล่ะ นี่ผู้อำนวยการตั้งใจจะไล่นักศึกษาทุกคนออกไปตระเวนข้างนอกให้หมดหรือไงกัน"

    ผมมองไปตรงเลขวันสอบ... สอบพรุ่งนี้แล้ว... ทำไมถึงเร่งด่วยอย่างนี้นะ

    "...ก็นะ... เขาคงจะเตรียมการอะไรบางอย่างไว้ล่ะมั๊ง"

    "หมายความว่ายังไง?"

    "..." ผมขมวดคิ้วยุ่ง สงสัยกับคำพูดกำกวมของฮาเซล เตรียมการ? เตรียมอะไรน่ะ

    ขณะที่ผมกำลังจะเอ่ยปากถามอีกรอบ ก็ถูกฮาเซลพูดขัดเสียก่อน "เตรียมของครบหรือยัง เริ่มพรุ่งนี้แล้วนะ"

    "อย่ามาเปลี่ยนเรื่องน่ะ ตอบฉันมาก่อนเซ่"

    "...ฉันจะไปซื้อน้ำดื่ม นายเอาอะไรหรือเปล่า" ฮาเซลลุกขึ้นจากเตียง หยิบเหรียญเงินติดตัวบนโต๊ะสองสามเหรียญแล้วหันมาถามผมอีกครั้ง

    "ไม่เอา!" ผมตะคอก "นายบอกฉันมาก่อนเซ่ อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะ! นายทำแบบนี้ทุกครั้งเลย ไม่เคยบอกอะไรฉันสักคำแม้แต่เรื่องที่ฉันเป็นใครและนายรู้จักฉันได้ยังไง!"

    ฮาเซลเงียบไปพักหนึ่งแล้วหันตัวเดินจากไป "...ไม่เอาน้ำสินะ งั้นฉันไปก่อนล่ะ เฝ้าห้องดีๆ ด้วย"

    "...โธ่เว้ย! นายมันบ้าไปแล้ว!" ผมปาหมอนใส่ประตูห้องที่ฮาเซลเดินออกไปเมื่อครู่อย่างเดือดดาล เป็นไปได้ผมอยากจะร่ายเวทไฟเผาห้องระบายความแค้นไปเลยด้วยซ้ำ!

    ...ถูกแล้วล่ะ ผมสูญเสียความทรงจำไป จึงไม่ทราบว่าตัวเองเป็นใคร... มาจากไหน ผมรู้แค่ว่าตัวผมนั้นมีชื่อว่าทิล...ไม่สิ จะว่ารู้ก็ไม่ได้ เพราะชื่อของผม... ฮาเซลเป็นคนบอกผมมาแบบนี้

    นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมเชื่อว่าฮาเซลเคยรู้จักผมมาก่อน เพราะเขาช่วยทั้งชีวิตผม และทำให้ผมมีความรู้สึกหรือแสดงอารมณ์ต่างๆขึ้นมาด้วย

    ที่จริงแล้วช่วงแรกๆ ที่ผมพบกับฮาเซล วันหนึ่งวันผมแทบจะไม่พูดคำใดๆกับใครเลย และไม่เคยแสดงอารมณ์อะไรออกมาให้ใครเห็นเลยด้วย หรือแม้แต่อารมณ์เจ็บปวดอย่างแสนสาหัตตั้งแต่ตอนที่ลืมตาตื่นเป็นครั้งแรก

    แน่นอนว่าผมไม่คิดที่จะบอกฮาเซล... ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่อยากพูดอะไรกับใครเสียมากกว่า ผมจึงปล่อยให้อาการเจ็บปวดที่ว่ารุกรามมาเรื่อยๆ จนกระทั่งทนไม่ไหวแล้วตายไปเอง

    แต่ไม่น่าเชื่อว่าฮาเซลจะรู้ว่าผมเจ็บปวดมาตั้งแต่ต้น เมื่อเขาเห็นว่าผมเผลอกุมหน้าอกแน่นและมีใบหน้าซีดเผือดโดยไม่รู้ตัว เขาก็แสยะยิ้มแล้วพูดออกมาว่า

    'ปวดสินะ? เจ็บมากสินะ? หึ! ก็เพราะนายไม่ยอมปริปากบอกฉันไงเล่า ถึงได้เอาแต่โง่นั่งทรมานตัวเองเล่นแบบนี้น่ะ'

    ...ตอนนั้นผมเกิด 'รู้สึก' ฉุนเฉียวกับคำพูดนั้นขึ้นมาจึงลืมตัวตอกกลับคำพูดนั้นอย่างเดือดดาล

    'ช่วยไม่ได้นั้นหรือ? อย่าโง่หน่อยเลย ขนาดฉันยังรู้ว่านายตอนนี้รู้สึกอะไรแล้วทำไมฉันจะรักษานายไม่ได้เล่า ...อยากจะให้...ฉันช่วยหน่อยไหม?'

    เมื่อฮาเซลพูดจบ ผมก็พลันรู้สึกว่าภาพตรงหน้าพลันดับวูบ... แล้วผมก็หมดสติไป

                    ก๊อกๆ!

                    "เหวอ!" ผมสะดุ้งโหยง นี่ผมเผลอเหม่อคิดถึงเรื่องสมัยก่อนงั้นเหรอเนี่ย! ให้ตายสิ...

                    ว่าแต่... นั่นใครกันนะ ผมว่าคงไม่มีทางใช่ฮาเซลแน่ๆ ก็เขาไม่เคยเคาะประตูเลยนี่นา... แถมนี่ก็ห้องของเขา ไม่จำเป็นต้องเคาะประตูสักหน่อย

                    "ครับ" ผมเดินออกไปเปิดประตูแต่ก็ต้องสงสัย... ไม่มีใครเลยนี่นา?

                    "จดหมายด่วนถึงคุณฮาเซลค่ะ..."

                    "โอ๊ะ!" ผมสะดุ้ง เมื่อก้มหน้าลงไประดับเอวของผมก็มองเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง... เธอมีใบหน้าสะสวยมากทีเดียว เรือนผมสีน้ำตาลอ่อน นัยน์ตาสีม่วงทอประกายลึกลับ รูปร่างเล็กบอบบางดูแล้วน่าทะนุถนอม ผิวขาวอมชมพูราวเด็กทารก

                    "เอ่อ... ไม่ทราบว่าคุณฮาเซลอยู่ไหมคะ?"

                    "อ้อ... ไม่อยู่น่ะ เขาออกไปซื้อน้ำ"

                    "...งั้นหรือ" เด็กสาวขมวดคิ้วยุ่ง ก้มหน้ามองจดหมายในมือทำท่าครุ่นคิดอย่างหนัก

                    "เอ่อ เดี๋ยวฉันเก็บไว้ให้เองก็ได้" เมื่อผมพูดคำนี้ออกไปผมก็แทบจะอยากจะย้อนเวลาไม่พูดเสียดีกว่า เพราะทันทีที่ผมพูดมันออกไป... เด็กสาวก็เบิกตาโพลงจ้องผมเขม็ง

                    "ไม่ได้หรอกค่ะ นี่เป็นจดหมายที่สำคัญมาก ดิฉันคิดว่ามันไม่สมควรที่จะมอบให้ใครอื่นนอกจากคุณฮาเซล"

                    "ฉันเป็นเพื่อนของเขา"

                    "นั่นเป็นเหตุผลที่ไร้น้ำหนักโดยสิ้นเชิงค่ะ ดิฉันต้องขอโทษด้วย แล้วฉันจะมาใหม่ค่ะ"

                    "อะ...เฮ้ย เดี๋ยวสิ!"

                    "มีอะไรกันน่ะ" ผมสะดุ้งโหยง จู่ๆฮาเซลก็โผล่ออกมาจากหน้าต่างเข้ามา นี่มันชั้นสิบนะ... แต่เอาเถอะ เขาก็ชอบโผล่เข้ามาแบบนี้บ่อยๆอยู่แล้ว

                    "อา... คุณฮาเซล จดหมายจากคุณทีร่าค่ะ"

                    "ทีร่า? ใครกันน่ะ" ฮาเซลรับจดหมายดูชื่อด้านหลังซองอย่างสงสัย

                    "...ดิฉันก็ไม่รู้รายละเอียดนักหรอกค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะคะคุณทิล" เด็กสาวหันมายิ้มให้ผมแล้วเดินจากไป ผมเบนหน้าหันไปถามฮาเซล

                    "ใครคือทีร่าน่ะ"

                    "ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้สักหน่อย"

                    "งั้นก็เปิดดูสิ" ผมว่าพลางวิ่งไปดูจดหมายในมือฮาเซลด้วย

                    "อ๊ะ... ไม่ได้ๆ นายห้ามดู นี่มันสิทธิส่วนตัวของฉันนะ" ฮาเซลหมุนตัวหลบหนีแล้วเดินเข้าห้องพร้อมกับน้ำดื่มในมือ ...ให้ตายสิ รู้อย่างนี้ผมบอกขอโคล่าดีกว่าแฮะ

                    เอ๋?... สีหน้าเคร่งเครียดแวบหนึ่งนั่นมันอะไรกันน่ะ... ให้ตายสิ ฮาเซลมีอะไรก็ไม่เคยบอกผมสักคำ... แล้วแบบนี้จะให้ผม 'เชื่อคำพูดในวันนั้น' ได้อย่างไรกันเล่า...

     

                    "อรุณสวัสดิ์ทิล!"

                    "อา... อรุณสวัสดิ์" ผมยิ้มตอบเพื่อนในแผนกแล้วหันมาพูดกับฮาเซลอย่างเบื่อหน่าย "นาย... โดนผู้หญิงพวกนั้นจ้องอยู่นะ"

                    "อือ รู้"

                    "แล้วไม่คิดจะทักเธอตอบบ้างรึไงกันเล่า"

                    "ไม่" ฮาเซลว่าเสร็จก็เดินแยกจากผมไปเข้าแผนกของตัวเอง วันนี้เป็นวันสอบ... เป็นวันที่ทุกคนจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อที่จะรับภารกิจสอบของตนเอง ดังนั้นจึงมีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าแผนกไปเพื่อฝึกฝีมือตนเองก่อนสอบ... ฮาเซลเหรอ? อย่างเขาจะไปซ้อมเพื่ออะไรกันเล่า เขาเป็นหนึ่งในนักศึกษาสิบคนที่มีฝีมือขั้นเทพ ดังนั้นเขาก็คงไปถามอาจารย์แผนกของเขาเรื่องสอบนั่นแหละ

                    ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ท้องฟ้ายามเช้า... นั่นเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกสีตาของผมสินะ แต่ทำไม... ในเมื่อสีท้องฟ้ากับสีตาของผมเป็นสีเดียวกัน แล้วทำไมสีตาของผมถึงได้ดูหม่นหมองกว่ามันนะ?

                    "เฮ้อ... โอ๊ะ?" ผมหันไปมองด้านซ้ายแล้วยกมือขึ้นสกัดกั้นพลังเวทแรงสูงในรูปลักษณ์ของกระดาษใบเล็กรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแผ่นหนึ่งจนเกิดแสงสีฟ้าเจิดจ้าขนาดย่อมขึ้นในชั่วขณะ

                    "อะไรล่ะเนี่ย?"

                    "อันตราย... อ้าว?"

                    ผมหยิบกระดาษเปล่าที่ตอนนี้หมดพลังไปเรียบร้อยขึ้นมาดูพลางหันไปมองยังต้นเสียงเมื่อครู่ เอ๋... นั่นมัน

                    "เธอเมื่อวานนี่? / นาย..."

                    "อ๊ะ?" เราสองคนพูดพร้อมกันจนสะดุ้งโหยงกันทั้งคู่ แต่พอผมหยุดให้เธอเป็นฝ่ายพูดเธอก็หยุดให้ผมเป็นฝ่ายพูดเช่นกัน... แล้วนี่ผมควรจะพูดอะไรออกไปดีไหมนะ

                    "เอ่อ..."

                    "อะไร"

                    "เธอมีอะไรเหรอ?" ผมยิ้มแห้งๆ

                    "ไม่แล้ว ทีแรกก็ห่วงว่าจะบาดเจ็บหรือเปล่าอยู่หรอก แต่ถ้าเป็นนาย...ถึงจะเจ็บหรือไม่เจ็บฉันก็ไม่อยากห่วงแล้วล่ะ"

                    "..." นี่ผมมันไร้ค่าขนาดนี้เชียวหรือ

                    หญิงสาวล้มตัวลงนั่งข้างๆผมแล้วมองไปบนท้องฟ้าเงียบๆ ผมไม่เคยเห็นใครนั่งมองท้องฟ้าเงียบๆนอกจากตัวผมเองกับฮาเซลมาก่อนเลย... ไม่รู้ว่าผมโลกแคบไม่สังเกตคนอื่นไปเองหรือเปล่านะ

                    "เธอ"

                    "..."

                    "เราเคยเจอกันบ้างหรือเปล่า"

                    "เจอ...เหรอ" หญิงสาวหยุดชะงักแล้วมองผมอย่างสงสัยปนใคร่รู้ ผมไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกไประหว่างเธอใช้ความคิดดีหรือไม่จึงนั่งเงียบมองเธอเฉยๆ

                    "...ฉันคิดว่า... ไม่นะ ฉันจำไม่ได้ว่าเคยเจอคนหน้าตาโง่ๆอย่างนายมาก่อนเลย"

                    "โง่เหรอ... นี่หล่อนด่าฉันด่ากี่คำแล้วฮะ?"

                    "อะไรกันๆ แค่นี้โกรธหรือไงยะ"

                    "ช่างเถอะ ฉันไปดีกว่า"

                    "...ตามสบายเถอะ" หญิงสาวหัวเราะเบาๆแล้วลุกขึ้นเดินจากไป แต่แล้วสักพักผมก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้... ผมยังไม่ได้ถามชื่อเธอเลยนี่นา

                    แต่เธอไปไกลแล้วล่ะ ผมคิดว่าเราคงไม่ได้มีโอกาสเจอกันแล้วล่ะมั๊ง ...ไม่สิ ผมมีความรู้สึกว่าพวกเราจะเจอกันอีกครั้งมากกว่า... ถ้าเป็นเช่นนั้นผมก็คงดีใจมากนะ

                    "นี่ทิล ได้เวลาประชุมแล้วนะ"

                    "อื้อ ขอบใจ" ผมยิ้มรับแล้วเดินไปกับกลุ่มสาวๆที่อุตส่าห์เดินมาบอกผมและพาผมไปถึงที่ประชุมกลางแจ้ง... ที่จริงแล้วมหาวิทยาลัยเนไมท์มีที่ประชุมอยู่ในที่เฉพาะทาง แต่ผมคิดว่าคงเป็นเพราะเรื่องบางอย่างที่เร่งด่วนมาก... จึงทำให้ต้องมาประชุมกลางแจ้งแทน

                    หือ? นั่นมัน...

                    "โทษที พวกเธอไปนั่งกันก่อนเลยนะ"

                    "เอ๋ ทิล?"

                    ผมวิ่งไปทางคนๆหนึ่งอย่างรีบร้อน แปลกใจจริงๆที่เขามาที่นี่ด้วย...

                    "ฮาเซล!"

                    "ทิล? มาตรงนี้ทำไม"

                    "มาหานายไง แปลกแฮะที่นายเข้าร่วมประชุมด้วยน่ะ"

                    "...คราวนี้โดดไม่ได้น่ะ เขาจะปรกาศชื่อแล้ววาร์ปไปยังสถานที่สอบทันที"

                    "ทันทีเหรอ... รีบจังนะ หลังจากที่พวกเราไปกันหมดทั้งมหาลัยแล้วพวกอาจารย์เขาจะเตรียมงานอะไรกันเหรอ?"

                    "..."

                    "นายรู้สินะ?"

                    "งานเต้นรำ... เป็นงานเต้นรำของสองอาณาจักร"

                    "เห! อาณาจักรข้างๆเราน่ะเหรอ? ไหนนายบอกว่าพวกเขาเป็นศัตรูกันไง" เป็นศัตรูแล้วมาเต้นรำเชื่อมสัมพันธ์กันอย่างนั้นหรือไง... ประหลาดสิ้นดี

                    "อือ แต่คงไม่ใช่เชื่อสัมพันธ์อย่างที่นายคิดหรอกนะ" ฮาเซลหรี่ตามองผม ท่าทางเขาจะอ่านสีหน้าเมื่อครู่ของผมออกแฮะ

                    "แล้วอะไรล่ะ"

                    "เป็นงานเต้นรำตกลงอะไรกันสักอย่าง... ฉันรู้ไม่มากหรอก รู้แต่ว่าหลังสอบเสร็จพวกเราทุกคนต้องเข้าร่วมด้วย เพราะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องความอลังการนี่เลย..."

                    "คิก... นั่นสินะ" ผมอดหัวเราะกับสีหน้าเบื่อหน่ายของฮาเซลไม่ได้ ก็ฮาเซลไม่ชอบที่ๆคนเยอะๆนี่นา

                    "ยังไงก็เถอะ นายกลับไปได้แล้ว"

                    "แล้วนายล่ะ"

                    "ฉันเป็นหนึ่งในนักศึกษาสิบคน... เพราะนั้นคงต้องเปิดตัวกันที่เวทีนั่นแหละ"

                    "ว้าว ดังชะมัดเลย!"

                    "...ไปได้แล้ว"

                    "อือๆ งั้นลาล่ะ" ผมหัวเราะร่าแล้วหันหลังกลับเตรียมเดินกลับไปนั่งที่ตามแผนกของตน

                    "...เดี๋ยว" ฮาเซลพูดขึ้นก่อนที่ผมจะกลับไปที่แผนก

                    "อะไรเหรอ"

                    "...อย่าทำอะไรบ้าๆนะ" ฮาเซลหันหลังหลับเข้าสู่หลังเวทีโดยทิ้งคำพูดปริศนาไว้ก่อนจาก...

                    อย่าทำอะไรบ้าๆนะ... อะไรล่ะ? มันหมายความว่ายังไงนะ

                    "อ่ะ นั่น..." ผมหันหน้าไปอีกทางตามความรู้สึก... นั่น...

                    "นี่เธอ! ใช่! เธอนั่นแหละ เจอกันอีกแล้วนะ"

                    "นาย... มีอะไรรึไง" หญิงสาวนัยน์ตาสีทองสะดุ้งกับการปรากฏตัวอย่างปุบปับของผม แน่นอน...ผมเองก็สะดุ้งกับการปรากฏตัวอย่างปุบปับของเธอเหมือนกัน

                    "แหะๆ ไม่มีอะไรหรอก"

                    "...งั้นฉันไปล่ะ"

                    "เฮ้ เดี๋ยวสิ เธออยู่แผนกอะไรเหรอ"

                    "...นักเวท"

                    "งั้นก็นั่งๆ!" ผมถือวิสาสะเข้าไปโอบไหล่เธอให้นั่งลงบนเก้าอี้

                    "ปล่อยนะ! ทำบ้าอะไรน่ะ!"

                    "อะไรน่ะเหรอ? ก็เธออยู่แผนกนักเวทไม่ใช่เหรอ"

                    "ก็แล้วยังไงล่ะ!"

                    "ก็ที่นั่งแผนกนักเวทในที่ประชุมกลางแจ้งมันอยู่ตรงนี้นี่"

                    "..."

                    "อะไรกันๆ นี่อย่าบอกนะว่าเธอหาที่นั่งแผนกไม่เจอน่ะ?"

                    "ฉันรู้น่า!" หญิงสาวเสยคางผมหนึ่งทีแล้วเปิดขานั่งไขว่ห้างกอดอกบ่นขมุบขมิบอยู่คนเดียว ไอ้ท่าทางแบบนั้น... ผมคิดว่าเธอกำลังตั้งใจจะโดดประชุมแต่ผมกลับไปขวางเข้า เธอเลยอารมณ์เสียแน่ๆเลยแฮะ

                    จู่ๆสถานที่ที่เต็มไปด้วยแสงสว่างยามเช้าก็พลันมืดดับลงราวกับเวลาราตรีมาเยือน เหตุการณ์เมื่อครู่ทำเอาหลายๆคนตื่นตระหนกตกใจ แต่ผมรู้นะ... มันก็แค่เวทมนต์ที่เปลี่ยนสภาพอากาศบริเวณนี้เท่านั้นนั่นแหละ

                    "สวัสดีนักศึกษาทุกท่าน ข้าหัวหน้าอัศวินราชอาณาจักรเนไมท์นามโครติส" แสงไฟส่องสว่างที่ตัวของหญิงสาวคนหนึ่งบนเวที น้ำเสียงของเธอน่าเกรงขามจนผมแทบคิดว่าเธอเป็นผู้ชายในตอนแรกเลยด้วยซ้ำ

                    "...ยัยนั่น"

                    "รู้จักเหรอ?" ผมหันไปทางยูน่า

                    "...ไม่เกี่ยวกับนาย"

                    "ฮะๆ นั่นสินะ" ผมหัวเราะแห้งๆ

                    "ข้าต้องขออภัยด้วยที่จัดการสอบอย่างเร่งรัดเช่นนี้ เพราะระหว่างที่พวกท่านทำภารกิจการสอบนั้น ข้าจะจัดงานเต้นรำของทั้งสองอาณาจักร นี่คือคำบันชาของกษัตริย์เนไมท์"

                    เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเป็นแถวๆจนฟังไม่ได้ศัพท์ ผมไม่ค่อยจะอึ้งสักเท่าไหร่ เพราะรู้มาจากฮาเซลก่อนแล้ว

                    "จงเงียบ! ข้าขอเริ่มการสอบ ณ.บัดนี้! ถ้าใครไม่สามารถกลับมาภายในสองเดือนนี้ ข้าขอปรับพวกท่านตก!" จบคำพูดของอัศวินสาวก็มีแสงสีนับพันสีสว่างวาบรอบตัวนักศึกษาในที่ประชุมและเหล่านักศึกษาสิบคนบนเวที

                    "แสง...อะไรน่ะ" แสงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ละคนจะมีสีเอกลักษณ์คนละสี... ไม่สิ นี่มันสีจับกลุ่มนี่! ให้ตายสิ ของผมสีเขียว... ไม่ตรงกับฮาเซลแน่เลย...

                    ...อย่าทำอะไรบ้าๆนะ

                    "เฮ้เธอ!"

                    "อะไร"

                    "ก้มลง! เร็วเข้า!" ผมอาศัยจังหวะชุลมุนของนักศึกษาที่ถูกวาร์ปไปสถานที่สอบอย่างไม่ทันตั้งตัวกดหัวหญิงสาวลงหลบสายตาอาจารย์บนเวทีแล้วเงยหน้าขึ้นมองฮาเซล

                    ฮาเซล... สีแดง!

                    ผมร่ายเวทด้วยปลายนิ้วอย่างรวดเร็ว เพราะการร่ายเวทที่ปลายนิ้วช่วยกลบไอพลังเวทส่วนหนึ่งไว้ได้ แต่ข้อเสียคือมันกินแรงผู้ใช้มาก เพราะงั้นใครที่มีพลังเวทไม่กล้าแข็งพอคงทำแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ

                    ไม่สิๆ นี่ไม่ใช่เวลามาพล่ามสักหน่อย! ผมรีบร่ายนิ้ววนรอบศรีษะของผมและหญิงสาวพร้อมหลับตาร่ายคาถาเบาๆ

                    "นายทำบ้าอะไรน่ะ! เฮ้ย!" ผมลอบสังเกตสีหน้าหญิงสาว ดูเธอยังคงมึนๆ กับการกระทำของผมอยู่

                    ผมลืมตาขึ้นมองสีรอบตัวของฮาเซล ลักษณะสีคล้ายสีเลือดเหมือนดวงตา... เอ๋?

                    นั่น... ฮาเซลกำลังจ้องมาทางนี้อยู่ ทำไมต้องทำหน้าโหดขนาดนั้นด้วยล่ะ

                ...ช่างเหอะ

                    ผมจดจำสีของฮาเซลเรียบร้อยแล้วโบกสะบัดฝ่ามือรอบตัวของผมและหญิงสาว ทันใดนั้นสีของพวกเราก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งคู่ โดยที่ผมแอบปัดสีเดิมของพวกเราไปให้อดีตคนที่มีสีแดงแทน

                    "นี่นาย! มันผิด...เหวอ!"

                    "เหวอ!" ผมสะดุ้งโหยงกับการถูกวาร์ปอย่างงกะทันหันครั้งนี้ ไม่รู้ว่าผมจะทำสำเร็จหรือเปล่า... แต่ถ้าสำเร็จ... ผมคงมีความสุขกับการสอบนอกสถานที่ในครั้งนี้มาก

                    เพราะ... มีคนที่ผมอยากสนิทด้วยอยู่ตั้งสองคนนี่นะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×