ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BLACK TECH INTERNET CAFE SYSTEM ระบบอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในต่างโลก (นิยายแปล)

    ลำดับตอนที่ #211 : 209

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.23K
      259
      11 พ.ย. 63

    "แม่นางคนนี้งดงามมาก!"

    "นางอยู่ตรงไหนนายน้อยซ่งสาวกทั้งหมดของยอดดอยล้วนสวยงามทั้งนั้น!" 

    ในจัตุรัสที่เต็มไปด้วยสาวกฉากที่กำลังแสดงอยู่มันกำลังติดตามผู้ฝึกตนของดอยไผ่ใหญ่อยู่ในตอนนี้ แต่หลินเส่าเดินไปทางกลุ่มสาวกใกล้เคียงซึ่งสาวกกลุ่มนี้มาจากดอยไผ่เล็กมีแต่สาวกที่เป็นหญิงสาวเขามองตามสาวกคนนั้นสาวกคนนี้แต่เมื่อมีฝูงชนรวมตัวกันมากมายเขาเริ่มรู้สึกวิงเวียนศรีษะ เขาเลือกจะมองไปยังสาวกของดอยไผ่เล็กยอดเท่านั้นซึ่งในดอยแห่งนี้มีเพียงสาวกหญิงเท่านั้นที่สามารถเป็นสาวกของดอยนี้ได้

    "ข้าต้องการเข้าร่วมสำนักเมฆาเขียว!" ดวงตาของหลินเสาเบิกโพล่งเมื่อได้ยินว่ามีหญิงสาวที่สวยงาม “ เจ้าหมายถึงว่ามีบางคนที่สวยงามกว่าพวกนางอีกเหรอ?”

    "นั่น! ตรงโน่น! นางไม่ได้อยู่ในกลุ่มสาวก!" ซ่งชิงเฟิงกล่าวอย่างตื่นเต้น

    ข้างๆกลุ่มสาวกหญิงมีหญิงสาวนางหนึ่งที่สวยงามราวกับเทพเซียนอยู่ในชุดนักรบสีขาวยืนสง่างามอยู่นอกวงล้อมและความงามของนางในชุดสีขาวนั้นช่วยเพิ่มให้นางดูราวกับเทพเซียนมากขึ้น เธอถือดาบยาวไว้ข้างหลังของเธอและปลอกดาบสีฟ้าก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้าที่แผ่ออกมาจากปลอกดาบซึ่งแสดงให้เห็นว่าดาบนั้นเป็นสมบัติระดับสวรรค์

    "ว้าว!" คุนหลู่และหลินเส่ามองไปยังทิศทางที่ซ่งชิงเฟิงชี้ให้เห็นและในตอนนี้ปากของพวกเขากลายเป็นรูปตัวโอพวกเขาต่างพากันอ้าปากค้างและตกตะลึงในความสวยงามของหญิงสาวนางนี้

    "ตรงไหนหญิงสาวที่มีความงดงามอยู่ที่ไหน" อันเฉิงและคนอื่นๆสนิทกับพวกเขาและพวกเขาต่างก็เปิดตัวเลือกการสื่อสารภายนอกเมื่อได้ยินเสียงอุทานของพวกเด็กหนุ่มพวกเขาก็ไม่สามารถสงบได้! พวกเขาต้องการที่จะรู้ว่าหญิงสาวนางนั้นสวยงามมากขนาดไหน

    “โอ้ววววข้าเห็นนางแล้ว!” อันเฉิงจ้องโดยไม่กะพริบตาราวกับว่าเขาต้องมนต์สะกดจากความสวยของนาง

     "พี่ใหญ่! ปรมาจาย์ใบ! มองมาทางนี้!" กลุ่มนักรบต่างร้องเรียกพรรคพวกของตนให้มาดู

    ซูเทียนจีพูดไม่ออกเมื่อเธอได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกผู้ชายภายในร้านพากันพูดถึงนักรบสาวสวย

    "ดูนั่นเด็กสาวนางนั้นมองดูอสูรกิเลน(คิริน)ที่มีอายุ 1,000 ปี! โดยไใ่หวาดกลัวแม้มันจะเป็นถึงสัตว์ในระดับตำนาน!"

    "เราสามารถเห็นกิเลนน้ำในฟงอวิ๋นขี่พายุทะลุฟ้าและกิเลนไฟในเซียนกระบี่พิชิตมาร! ว้าว!" เฟ่งหัวและหยูซินจ้องที่เกิดเหตุด้วยความตื่นเต้น! ทุกครั้งที่ซูเทียนจีเห็นสัตว์ร้ายฝ่ายวิญญาณที่คอยปกป้องประตูของสำนักเมฆาเขียวเธอจะโศกเศร้าเมื่อสำนักของตัวเธอเองไม่สามารถแม้กระทั่งมีสัตว์ฝ่ายวิญญาณเพื่อปกป้องประตูสำนัก!

    จากนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นเสียงของมันแหลมแสบแก้วหูเป็นอย่างมาก มันมาจากกิเลนน้ำที่สามารถรับรู้ถึงรัศมีของลูกปัดกระหายเลือด ทันใดนั้นสายลมก็เปลี่ยนทิศทางและก้อนเมฆก็เปลี่ยนสีเมื่อบนท้องฟ้ากลับมืดมิดไร้แสงตะวัน! มีลำแสงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นจากสระน้ำด้านข้างหญิงสาวและจากนั้นมันก็ตกลงมาเล็กน้อยและเกิดลำแสงหุ้มล้อมกิเลนน้ำราวกับว่ามันกลายเป็นมังกรโปร่งแสงที่อยู่ภายนอกกิเลนน้ำ สัตว์ประหลาดที่ท่าทางดุร้ายทุกชนิดล้วนปรากฏตัวในลำธารน้ำอันยิ่งใหญ่นี้และสัตว์อสูรที่ดุร้ายที่ปรากฎตัวล้วนแต่เป็นสัตว์ที่เคยถูกกิเลนน้ำฆ่าตายมาก่อน พวกมันถูกกักขังอยู่ภายในลำแสงของลำธารและจะไม่เข้าสู่วัฐจักรการกลับชาติมาเกิดในครั้งต่อไป มันเป็นภาพที่น่ากลัวอย่างมาก!

    "มันน่ากลัวมาก ... " เฟ่งหัวและหยูซินถอยหลังไปหลายก้าวด้วยความกลัวตอนนี้มันปรากฏลงบนใบหน้าของทั้งสองแล้ว

    "กิเลนน้ำแม้จะมีบาดแผลบนร่างกายแต่มันก็ยังสามารถควบคุมน้ำได้ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้!"  หลันมู่อุทานด้วยความประหลาดใจและหวังว่าเขาจะสามารถจับเอากิเลนน้ำตัวนี้มาเป็นของตัวเองให้ได้! สัตว์หายากชนิดนี้มันมีค่าควรเมือ

    ดงชิงหลี่กล่าวว่า "มันต้องมีสาเหตุมาจากสมบัติทางจิตวิญญาณของเซียวฟานอีกครั้งเป็นแน่! เช๊ยวฟานช่างมีชีวิตที่น่าสังเวช!"

    "ใช่!" เจียงวันหยูเขาเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอมารับเป็นลูกคู่ของดงชิงหลี่ "เขาไม่มีความสามารถในการฝึกฝนและพี่สาวสุดที่รักของเขาดูเหมือนจะยังไม่กลับมาข้ารู้สึก... "

    "แม้ว่าเขาจะมีพลังอันยิ่งใหญ่ของสมบัติทางจิตวิญญาณอยู่กับเขา แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันเข้ากันไม่ได้กับเทคนิคการฝึกตนของสำนักเมฆาเขียว เขาจะทำอย่างไรถ้าหากเจ้ายอดดอยทั้งหมดพบว่าเป็นลูกปัดกระหายเลือดที่พวกเขาล้วนตามหาตกมาอยู่ที่เด็กหนุ่มมันจะเกิดเหตุการณ์ที่น่ากลัวอย่างแน่นอนในตอนนี้พวกเขาล้วนเป็นห่วงเซียวฟานอย่างมาก

    - ในเวลาต่อมา -

    "โอ้ไม่!" 

    หลายคนเกือบกรีดร้องเมื่อเห็นร่างของคนสองคนยืนแอบอิงชิดกายกันอยู่ภายใต้แสงจันทร์ คู่รักทั้งสองในตอนนี้มีเพียงสายตาเท่านั้นที่สามารถส่งผ่านความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รับรู้ความรู้สึกที่ถูกอัดแน่นอยู่ภายในมันเป็นฉากที่ทั้งสองควรจดจำแต่มันก็อยากที่จะลืมเลือนจางหายไปตามกาลเวลาเมื่อมีพยานเป็นจางเซี่ยวฟานซึ่งอยู่ในระยะไกล

    เมื่อเห็นฉากนี้ดงชิงหลี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอกระตุก "นั่นมั่นมากเกินไป! ในขณะที่คนอื่นฉลาดและเก่งในทุก ๆ ด้าน เซียวฟานกลับกลายเป็นคนโง่และไม่เก่งในสิ่งใดเลย!"

    ผู้ชมคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่แบ่งปันความคิดของเธอ ดงชิงหลี่ในตอนนี้เธอดูเศร้าหมองในขณะที่ดูฟงอวิ๋นขี่พายุทะลุฟ้าเธอพึมพำ "สิ่งต่าง ๆ มันจะเกิดขึ้นกับเขาแบบนี้ได้อย่างไร!"

    "อืม! เด็กคนนี้บอบบางเกินไป ... " แม้แต่หลันมุ่ก็รู้สึกอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ในตอนแรกนั้นเขาไม่ชอบจางเซียวฟานใแต่ยิ่งดูไปมากเท่าไรเขายิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น

    “ สิ่งที่ดีคือเจ้ายอดดอยไผ่ใหญ่ เขาแสดงความอบอุ่นอยู่ข้างในลึกๆแม้ว่าการแสดงออกของเขาจะเย็นชาก็ตาม ชีวิตของเซียวฟานจะอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ตลอดไปเช่นนั้นเหรอ! มันน่าเบื่อเกินไป ... "จุนหยางซีผู้อาวุโสที่ใจร้อนกล่าวด้วยความโกรธแค้นในเรื่องราวที่ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดหวัง

    "ใจเย็น ๆ และรอดูมัน!" เมื่อฉากในละครทีวีผ่านไปถึงวันที่สองหลานมู่ก็ปลอบโยนเขา “ รอดูวันนี้ก่อนมันเป็นวันที่จางเซียวฟานจะเข้าร่วมการแข่งขันเจ็ดยอดดอย!”

    ก่อนที่จางเซียวฟางจะขึ้นไปบนเวทีพี่สาวของเขาเทียนหลิงเอ๋อกลาวปลอบใจเขาว่า "เสี่ยวฟานข้าเองก็ต้องไปแข่งขันแล้วเช่นกัน ถึงแม้ว่าข้าจะไม่สามารถส่งเสียงเชียร์เจ้าอยู่ข้างสนามอย่างไรก็ตามข้าเชื่อในตัวเจ้าเสมอ!"

    จากนั้นทุกคนในดอยไผ่ใหญ่ก็พากันไปอีกลานประลองรวมถึงพี่ชายผู้อาวุโสและภรรยาของเจ้ายอดดอยทุกคนต่างพากันก็ไปดูการแข่งขันของเทียนหลิงเอ๋อ เมื่อจางเซียวฟางขึ้นไปบนเวทีในตอนนี้ก็ไม่มีใครคอยเชียร์เขาแล้วมันทำให้กรรมการและผู้แข่งขันเริ่มจะพูดประชดประชันจางเซียวฟาน

    "ดียิ่ง...ในตอนนี้เขาก็ไม่มีพี่ชายอาวุโสคอยเชียร์เขาอยู่ข้างหลังแล้ว!"

    "มันเกิดขึ้นได้อย่างไรหลังจากที่เขามีไม้เท้ากักวิญาณและเขาอาจจะชนะการแข่งขันในครั้งนี้! ทำไมพวกเขาถึงกล้าทำแบบนี้กับเขา!" จุนหยางชีเริ่มจะไม่พอใจที่เห็นกรรมการพูดจาไม่ดีต่อเซียวฟาน

    "พวกเขาไม่รู้ว่าเซียวฟานมีไม้เขี่ยฝืนปีศาจที่ดูดกลืนลูกปัดกระหายเลือด! ยังไงก็ตามมันก็ยังน่าโกรธแค้นอยู่ดี!" หลานมู่กล่าวในขณะนี้ผู้คนก็ทยอยมามุ่งดูละครทีวีที่กำลังฉายอยู่ในขณะนี้

    “ ดูนั่นเซียวฟานเขามาพร้อมกับแท่งเขี่ยฟืน! สาวกของดอยไผ่ใหญ่นั้นแปลกประหลาดมากเมื่อวานนี้มีสาวกคนหนึ่งใช้ลูกเต๋าเป็นอาวุธในการต่อสู้และในวันนี้ก็มีอีกคนที่มาพร้อมกับไม้เขี่ยฟืน ฮ่า ฮ่า!”

    “ สาวกเหล่านี้พูดเช่นนี้ได้อย่างไร!” หลานมูเกือบกระแทกมือของเขาบนโต๊ะ "นี่คือไม้เท้ากักวิญาณ! มันมีพลังมากกว่าสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณของพวกเจ้าเสียด้วยซ้ำ!"

    "ใจเย็น! ใจเย็น! พี่ชายอาวุโสพวกเขาไม่รู้! สาวกคนนี้ชื่อชูหยูฮงเขาดูแข็งแกร่งอย่างมาก! ข้าสงสัยว่าเขาจะสามารถเอาชนะจางเซี่ยวฟานได้แน่!" 

    ในขณะนี้คู่แข่งของจางเซี่ยวฟานกำลังปลดปล่อยลำแสงคล้ายกับแสงอาทิตย์มันเปล่งประกายจากดาบของเขาและลำแสงนั้นก็มุ่งตรงไปหาจางเซียวฟาน!เสียงของกองเชียร์ดังมาจากผู้ชมและคณะกรรมการมันส่งเสียงดังบาดหู!

    ในขณะนี้จางเซียวฟานเกรงเตรียมตัวรับแรงกระแทกเขาเผลอกัดริมฝีปากล่างของเขาอย่างแรงจนเลือดท่วมปากเขาไม่ได้สังเกตเลยว่ามีเลือดหยดหนึ่งตกโดนไม้เท้ากักวิญญาณ เมื่อเขาโดนโจมตีด้วยพลังงานจากดาบของชูหยูฮงไม้เท้าที่มีผิวดำดูเหมือนว่ามันจะกลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยการปรากฏตัวของแสงสีดำและแสงสีเขียวสดใสรอบ ๆ ตัวมัน มันสะท้อนการโจมตีของชูหยูฮงกลับไปโดยไม่มีใครสามารถมองเห็นเหตุการณ์นั้นทัน! ภายใต้แสงสว่างจ้าจากเทคนิคดาบชูหยูฮงก็กรีดร้องคำรามออกมาเสียงดังและพร้อมกับถอยหลังกลับหลายก้าวก่อนที่จะร่วงลงพื้น เขาชนะแล้ว!

    ผู้ชมเงียบภายในร้านเงียบไปสักพักหนึ่งจนมีซ่งชิงเฟิงเป้นคนทำลายความเงียบโดยการกระโดดตัวแสดงความดีใจที่เซียวฟานชนะในการประลองครั้งนี้!

    "เขาน่ากลัวใช่ไหมล่ะ" ซ่งชิงเฟิงเป็นคนแรกที่กระโดดขึ้นบนอากาศอย่างดีใจ

    "ฮ่าฮ่าฮ่า! ดูหน้าพวกเขาสิ! หน้าของพวกเขาแดงมาก!"

    "ใบหน้าพวกเขาแดงดูราวกับว่ามีใครไปตบหน้าพวกเขา!" หลินเส่ารู้สึกว่าในที่สุดเขาสามารถระบายความหงุดหงิดที่สะสมอยู่ภายในอกของเขาออกไปได้

    "ข้าเดาว่าพวกเขาทุกคนตาเบิกโพรงแน่เมื่อเห็นว่าเซียวฟานชนะ!"

    "ข้าใจเย็นลงแล้ว!" เฉิงรู้สึกดีมาก “มันรู้สึกดีมากๆเลย”

    "ข้าพนันได้เลยว่าพี่ชายและน้องสาวของเขาจะ….ฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าไม่สามารถหยุดหัวเราะได้เลยเมื่อข้าคิดถึงเวลานั้น!" โอวหยางเฉิงหัวเราะคิกคัก

    "สมบัติทางวิญญาณนี้ดูอันตรายอย่างมาก ... " ดงชิงหลี่ขมวดคิ้ว

    “ อย่างไรก็ตามมันสนุกที่ได้ดูฉากนี้! ดูหน้าสาวกที่เคยหัวเราะกับแท่งสีดำของเขา!"

    เมื่อจางเซียวฟานกลับไปที่ดอยไผ่ใหญ่ในตอนเย็นที่ทุกคนภายในดอยไผ่ใหย่ล้วนมารวมตัวกันกินข้าวเย็นภรรยาขิงเจ้ายอดดอยก็ไถ่ถามจางเซียวฟานถึงผลของการแข่นขันในวันนี้แม้ว่าเธอจะรู้ผลของการแข่งขันวันนี้แล้วก้เถอะเพราะจางเซียงฟานมีพลังในการฝึกตนน้อยกว่าสาวกคนอื่นๆของสำนักเมฆาอย่างมากแต่เธอก็ต้องไถ่ถามเสียหน่อย

     "เซียวฟานเจ้ากลับมาจากการประลองผลมันเป็นยังไงบ้าง?"

    "ข้าชนะ……มาด้วยโชค" จางเซียวฟานเอ่ยตอบแบบเบาๆ

    เธอตอบกลับไปว่า "โอ้ไม่เป็นไรที่เจ้าพ่ายแพ้มันเป็นประสบการณ์ที่ดี ... เดี๋ยวก่อนนะเมื่อสักครู่เจ้าพูดอะไรออกมา?"

    ผู้คนที่อยู่ภายในโต๊ะอาหารแห่งนี้ล้วนต่างพากันแข็งค้างบ้างก็ทำตะเกียบหล่นบ้างก็หล่นลงเก้าอี้หรือแม้แต่ข้าวก็หล่นจากปากของพวกเขา มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงอย่างมากสำหรับพวกเขาที่จางเซียวฟานสามารถเอาชนะสาวกจากยอดดอยอื่นได้เพราะสาวกของดอยไผ่ใหญ่ทุกคนล้วนพ่ายแพ้แม้แต่เเทียนหลิงเอ๋อที่เป็นลูกสาวเจ้ายอดอยก็ยังพ่ายแพ้แต่จางเซียวฟานกลับสามารถเอาชนะมาได้มันเลยทำให้พวกเขาทุกคนล้วนพากันตกอยู่ในสภาพน่าอายขนาดนี้

    "ฮ่า ๆ ๆ ๆ!" ซ่งชิงเฟิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง "เซอร์ไพร์ส!"

    “ พวกเขาประหลาดใจใช่ไหม?”

    " พวกเขาดูเหมือนจะตกใจมาก!ไ

    "อาจารย์! อาจารย์! ท่านดูการท่าทางของพวกเขา!" เฟงกัวตะโกนราวกับว่าเธอได้พบสมบัติที่ล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้นเธออารมณ์ดีอย่างมากในวันนี้ทั้งได้รับรู้เรื่องการแข่งขันยังเห็นสายฟ้าฝ่าและยังมีเหตุการณ์แบบนี้อีกเธอมีความสุขมากๆเลย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×