คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Resident Evil One : Virtual Reality Remake
ตอนที่ 2
Resident Evil One : Virtual Reality Remake
ฟางฉีจัดแขนเสื้อของเขาเบาๆแล้วมองไปที่เขาก่อนจะถามว่า “แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไมละ?”
หวังไท้ถามว่าทันทีว่า "ฟางฉีเจ้ายังจำได้ไหมว่าสถาบันหลินยันกำลังเปิดรับสมัครสอบเข้าในวันพรุ่งนี้มันใกล้จะถึงกำหนดเวลาปิดรับสมัครแล้วเจ้าไปสมัครมาหรือยัง? " หวังไท้ถามฟางฉีอย่างเป็นกังวลเมื่อเห็นท่าทีของฟางฉีที่ดูราวกับไม่สนใจในสิ่งที่ตนกำลังกล่าว
ฟางฉีจับมือของหวังไท้และกล่าวออกมาอย่างสัตจริง " ข้าจะไม่ไปที่นั่นข้าต้องการทำร้านนี้"
"เจ้ามีแนวโน้มที่จะไปสมัครก่อนหน้านี้หรือไม่" หวังไท้ช็อคไปหลายวินาทีในขณะที่เขามองฟางฉีขึ้นลงอย่างไม่เชื่อสายตา "เจ้ายอมแพ้แล้วหรือ?"
จากนั้นหวังไท้ก็หัวเราะเบาๆแล้วลากเก้าอี้มานั่ง "เป็นเรื่องที่ดีที่เจ้ายอมแพ้นี่อาจไม่ใช่ถ้วยชาของเจ้าแต่จะมีบางอย่างที่ดีเกิดขึ้นในอนาคตของเจ้า ว่าก็คือเจ้าไม่ต้องใส่ใข่ทั้งหมดลงไปในตระกร้าเพียงใบเดียว"
จากนั้นหวังไท้ก็ฝายมือที่มีขนาดเท่าหัวแครอทออกมา "ข้าคิดว่าการเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ไม่ได้ดีไปกว่าการทำฟาร์มเหมือนกับพ่อของข้าเคยทำมาก่อนแล้ว เขาบอกว่าถ้าตัวข้ายังสอบเข้าไม่ได้ในปีนี้เขาจะส่งตัวข้าไปโรงเรียนเพื่อที่ข้าจะได้เรียนเป็นนักวิชาการ "
หวังไท้พูดออกมาอย่างน้ำไหลไฟดับในขณะที่น้ำลายของเขาพุ้งกระจายไปในทุกที่ๆเขาพูด อย่างไรก็ตามฟางฉีหัวเราะอย่างเมินเฉยเมื่อเขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วกล่าวว่า "ข้าไม่เคยยอมแพ้ ข้า...........ไม่เคยอยากไปที่นั่นตั้งแต่แรกแล้ว"
"เจ้าหมายความว่าอย่างไร?" หวังไท้สับสนในสิ่งที่เขาพูดทันที หวังไท้จำได้อย่างชัดเจนว่าฝางฉีเคยสาบานว่าเขาจะไปเรียนที่สถาบันหลิงยันและสร้างอนาคตในการเป็นนักรบของตัวเอง เขายังร่วมกันสาบานอยู่เลยในวัยเด็กของทั้งสองล้วนแต่อยากเป็นนักรบทั้งนั้น
เขาเปลี่ยนใจไปแล้วจริงๆเหรอ?
"ดูนี่" ฟางฉีนั่งลงแล้วชี้ไปที่คอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
"ข้ายังไม่ได้ถามเจ้าเลยว่าร้านใหม่ของเจ้าที่ทำอยู่นี่ขายอะไร?" หวังไท้เกาหัวของเขา
"นี่เรียกว่าคอมพิวเตอร์" ฟางฉีกล่าว "ให้เจ้าลองคิดว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณแต่เจ้ายังไม่สามารถทำอะไรกับมันได้มากมายตอนนี้มันมีเพียงเกมเดียวที่เรียกว่า Resident Evil"
"เกม" หวังไท้คิดถึงเกมที่เขาเคยเล่นเมื่อตอนเป็นเด็กแล้วหัวเราะ "เราไม่แก่เกินไปที่จะยังเล่นเกมอยู่หรือ?"
"ทำไมเจ้าไม่ลองเล่นด้วยตัวเองก่อนล่ะ?" ฟางฉีไม่สามารถอธิบายด้วยตัวเองอย่างชัดเจนได้ดังนั้นเขาจึงชี้ไปที่กระดานดำข้างประตูร้าน "แน่นอนเจ้าต้องจ่ายเงินก่อนที่เจ้าจะเล่นเกม"
"มันก็แค่เงินพวกเรารู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว?" หวังไท้มองไปที่กระดานดำและหัวเราะออกมา "เจ็ดคริสตัลต่อชั่วโมงเหรอ!
แม้ว่าคนที่นี่ส่วนใหญ่จะใช้การคำนวณสาขาของโลกเพื่อเป็นการบอกเวลา แต่หวังไท้ก็ยังรู้ว่าคำว่า ชั่วโมง หมายถึงอะไร
(TL : เวลาของโลกเป็นอีกวิธีหนึ่งในการกำหนดเวลาซึ่งหนึ่งชั่วโมงที่นี่เท่ากับประมาณสองชั่วโมง)
ครอบครัวของเขาร่ำรวยมากเพราะครอบครัวเขาเป็นเจ้าของร้านอาหารขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในเมืองที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ อย่างไรก็ตามคริสตัลเจ็ดผลึกมันยังคงเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับชายหนุ่มที่ไม่มีรายได้อย่างเขา
"ข้าไม่ได้ล้อเล่นน่ะนั่นมันราคาจริง!!" ฟางฉีกล่าวอย่างจริงจังเมื่อเห็นการแสดงออกของหวังไท้ราวกับว่ามันเป็นเรื่องตลก
เมื่อเห็นสีหน้าของฟางฉีใบหน้าของหวังไท้ก็บูดเบี้ยว "ฉีเจ้าจะจริงจังมากเกินไปแล้วข้ามาอุดหนุนเจ้าน่ะ เจ้าจะไล่ข้าออกไปทางอ้อมแบบนี้ไม่ได้ราคามันสูงเกินไป"
ฟางฉีคาดการณ์ว่าจะเกิดปฏิกิริยาอย่างนี้ไว้สมบูรณ์แล้วดังนั้นเขาจึงอธิบายว่า "ทำไมข้าจะไล่เจ้าออกไปล่ะหวังไท่ถ้าเจ้าเชื่อใจข้า เจ้าก็แค่จ่ายเงินและลองเล่นดูก่อนถ้าเจ้าไม่พอใจมันจริงๆหลังจากนั้นข้าฟางฉีจะคืนเงินให้เจ้าทั้งหมดเอง!"
เมื่อได้ยินดังนั้นการแสดงออกของหวังไท่ก็อ่อนตัวลงเล็กน้อย "จริงๆหรือเจ้าไม่โกหกข้าน่ะ"
เขาเหลือบมองไปที่ฟางฉีอย่างสงสัยก่อนที่เลื่อนเก้าอี้ออกมาและนั่งลง เนื่องจากเขาสามารถรับเงินคืนได้ถ้ามันไม่ดีจริง แล้วทำไมเขาจไม่ลองเล่นเกมดูล่ะยังไงเขาก็เชื่อใจฟางฉีมากฟางฉีไม่เคยจะโกหกเขามาก่อน
เขาหยิบคริสตัลที่เปล่งประกายออกมาเจ็ดอันแล้ววางมันลงบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ "ข้าจะทำให้สิ่งต่างๆมันกระจ่างชัดเจนข้าไม่สนใจว่านี่มันคืออะไรในตอนสุดท้ายมันเป็นแค่เกมที่จะทำให้ข้ามีความสุขแค่ชั่วขณะ แต่ข้าก็จะไม่ยอมแพ้ถ้ามันไม่คุ้มเท่ากับเจ็ดคริสตัลของข้า "
เขาจะใช้เงินจำนวนนี้เพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่คุมสอบในวันพรุ่งนี้ แต่อย่างไรก็ตามหวังไท้ก็ตกลงที่จะวางคริสตัลไว้บนโต๊ะนี้ ร่างกายของฟางฉีอ่อนแอมากจนเกือนจะหักทันที ที่หวังไท้ตบหลังเขาเบาๆแรงจากการตบของนักรบมันแรงอย่างมากสำหรับคนะรรมดา ทักษะการต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย!
ความจริงที่จะได้รับเขาเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเกมใดจะมีค่าเท่ากับเงินจำนวนมากเท่านี้ สิ่งที่เขาต้องการรู้จริงๆคือค้นหาว่าฟางฉีกำลังทำอะไรอยู่ตอนนี้
ฟางฉีไม่ได้โกรธในสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้แต่เขากลับหัวเราะแล้วกล่าวว่า "แน่นอนข้าสัญญากับเจ้าว่าในอนาคตข้าจะคืนเงินให้เจ้าถ้าเจ้าไม่พอใจเพียงเล็กน้อย"
"เยี่ยม!!!" หวังไท้ระเบิดเสียงหัวเราะทันทีจากนั้นเขามองที่(สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ)สีดำบนโต๊ะก่อนมองย้อนกลับไปทางฟางฉี
เขากล่าวว่า "ข้าหวังไท้จะค้นหาว่าเกมนี้มันดีอย่างไรถึงทำให้เจ้ามีความมั่นใจกับเกมที่เจ้าว่ามานี้!"
เขายืนขึ้นแล้วหยิบเก้าอี้ที่เขากำลังนั่งอยู่มันไม่แข็งแรงขนาดนั้นดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า "สิ่งนี้จะไม่หักใช่มั้ย?"
"มันไม่แข็งแรง" ฟางฉีถามด้วยร่างกายที่ผอมๆเขาเดินไปหยิบเก้าอี้อีกตัวขึ้นมาอย่างง่ายดายราวกับว่าเขากำลังหยิบไก่ตัวเล็กๆ จากนั้นเขาก็วางเก้าอี้เข้าด้วยกันและถอดพนักพิงตรงกลางออกทันทีเปลี่ยนให้เก้าอี้ทั้งสองเป็นเก้าอี้ขนาดใหญ่ที่มีความกว้างพอดีเท่ากับขนาดตัวของหวังไท้
"มันดีกว่ามาก " หวังไท้ยิ้ม
หลังจากปล่อยให้ตัวเองนั่งบนเก้าอี้หวังไท้สังเกตว่าถึงแม้เก้าอี้จะดูไม่แข็งแรงแต่จริงๆแล้วมันมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก ไม่แม้แต่สั่นหรือมีเสียงเมื่อเขานั่งลง!มันแข็งแรงดีจริงๆ
เก้าอี้,โต๊ะทำงานและแม้กระทั่งป้ายด้านนอกร้านล้วนมีให้โดยระบบ ไม่แปลกใจเลยที่ผู้คนจะพูดว่าสิ่งที่ระบบให้ดีที่สุดเสมอ! เก้าอี้และโต๊ะเหล่านี้แข็งแรงทนทานมากดูเหมือนว่าแม้มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นก็จะไม่สามารถทำให้โต๊ะสั่นคลอนได้
ผู้คนในโลกนี้ไม่รู้ว่าคอมพิวเตอร์เป็นอย่างไรและเล่นเกมอย่างไรไม่ต้องพูดถึงเครื่องเล่นเกมเสมือนจริงเลย
เนื่องจากฟางฉีเพิ่งเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เขาจึงตัดสินใจสอนหวังไท่ในวิธีการใช้งานคอมพิวเตอร์ในไม่ช้าด้วยความช่วยเหลือของฝางฉีวังไท่สามารถคลิกเปิด Resident Evil Icon และใส่เครื่องเล่นเกมเสมือนบนหัวของเขา
( Resident Evil !)
นอกเหนือจากฉากอนิเมชั้นและเพลงเปิดตัวของเกมแล้วหวังไท้ก็รู้สึกถึงความหนักหน่วงและน่าขนลุกที่แทรกซึมเข้ากระดูกสันหลังของเขาเมื่อเกมมันค่อยๆดำเนินการอย่างช้าๆ
จากนั้นฟางฉีก็ช่วยให้เขาโหลดตัวเลือกและเริ่มเล่นเกมอย่างรวดเร็ว ภาพอนิเมชั่นที่เปิดตัวออกมานั้นมันสมจริงอย่างเหลือเชื่อ วังไท่รู้สึกว่าเขาไม่ได้มองดูผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ มันค่อนข้างสมจริงมากเหมือนกับว่าตัวเขาเข้าไปอยู่ในโลกเกมนั้นจริงๆ!
ถึงแม้ว่าเกมนี้จะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ภาษาทุกอย่างก็ถูกแปลภาษาให้เป็นภาษาของผู้เล่น ดังนั้นวังไท่จึงสามารถเข้าใจทุกอย่างมากขึ้น
Resident Evil One มันเกิดขึ้นในคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยซอมบี้ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่เชื้อระบาดของเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตทางชีวภาพทั้งหมด
'คฤหาสน์' เป็นบ้านพักคนชราซึ่งก่อตั้งโดย บริษัท อัมเบรลล่าในเมืองแร็คคูนพร้อมห้องปฎิบัติการทางชีวเคมีที่เป็นความลับลึกลงไปในห้องใต้ดินของบ้านพัก
ฉากแรกคือ ทีมอัลฟ่ากำลังพากันมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์โดยเฮลิคคอปเตอร์เพื่อค้นหาสวมาชิกของทีมบราโว่ที่เหลือรอด
" นี่คืออะไร ? สิ่งประดิษฐ์ใหม่ทางจิตวิญญาณที่บินได้?"หวังไท้ประหลาดใจกับเฮลิคอปเตอร์ที่บินอยู่ในอากาศเป็นอย่างมากด้วยความอยากรู้อยากเห็นเห็นจริงถามออกมาอย่างตื่นเต้น "นี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณชนิดใหม่ที่ผู้สร้างสร้างขึ้นมาใช่ไหม?"
อย่างไรก็ตามเขากำลังคิดอย่างอื่นเพื่อนคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นผู้ปลูกฝังพลังงานที่ทรงพลังหรือไม่ ? สิ่งนี้ดูสมจริงสุดๆ ! ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ควรส่งมอบคริสตัลเจ็ดผลึกให้เขาอย่างเต็มใจ!
ทันทีที่เกมเริ่มเสียงดังขึ้นในหูของเขา "คุณต้องการเข้าสู่โหมดเสมือนจริงหรือไม่"
"ใช่"
"กรุณาคลิก <Enter>"
"ได้" หวังไท้เลือก <Enter> ทันทีและรู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไป!ทันใดนั้นเขารู้สึกเหมือนทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาอยู่เพียงแค่ปลายนิ้ว ! แท้จริงแล้วเขารู้สึกเหมือนว่าเขาสามารถสัมผัสทุกอย่างได้ !
เขาเป็นเหมือนวิญญาณที่หลงทางล่องลอยในความมืด ทางข้างหน้าของเขามีความมืดสนิทและเขามองเห็นคนห้าคนที่กำลังซุ่มอยู่ในมุมมืดข้างหน้าเขา ฟางฉีรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดีพวกเขาเป็นสมาชิกของทีมอัลฟ่าใน Resident Evil One
"โอ้พระเจ้าช่วย!" หวังไท้เกือบกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความกลัว "ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่?"
"หยุดอย่าขยับ" ฟางฉีอดไม่ได้ที่จะดุหวังไท้ "เพียงแค่เจ้าคิดว่า (ออก) ตัวเลือกในการออกจะปรากฎขึ้นซึ่งเรียกว่าเทคโนโลยีเสมือนจริง"
เทคโนโลยี VR ที่ระบบของเขาจัดไว้ให้นั้นล้ำหน้ากว่าเทคโนโลยีที่เขาเคยมีในตอนที่มีชีวิตอยู่! ไม่แปลกใจเลยที่วังไท่จะกลัวมันก็ไม่แปลกเพราะมันสมจริงเป็นอย่างมาก
หวังไท้คิดในใจว่า(ออก )ในใจของเขาและหน้าจอก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตาเขาทันที
<คุณต้องการออกจากเกมหรือไม่>
เขารู้สึกกลัวเขาคลิก <ออก> อย่างรวดเร็วและรีบถอดหูฟังVRออกจากนั้นเขาก็มองไปรอบๆอย่างเหลือเชื่อ
"นี่....ข้าออกมาแล้วจริงเหรอ?"
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีที่เขารวบรวมสติกลับมาได้เขาก็มองไปที่ฝางฉีอย่างงุนงงแล้วถามว่า"เจ้าแน่ใจนะว่ามันไม่ใช่โลกอีกโลกหนึ่งที่ข้าเพิ่งเข้าไป?"
มันไม่ใช่ความผิดเขาที่เขาจะถามคำถามนี้ สิ่งที่เขาเพิ่งเห็นมาเมื่อสักครู่มันเหมือนจริงมากเขารู้สึกเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้น! และเขายังคงจำบรรยากาศที่ทือสนิทเหล่านั้นได้
ฟางฉีซี้มาที่ตัวเองแล้วถามว่า "เจ้าคิดว่าข้ามีความสามารถสร้างโลกทั้งใบเพียงเพื่อให้เจ้าเล่นเกมหรือไม่?"
หวังไท้ส่ายหัวทันที "ไม่"
เขาไม่เคยเห็นอะไรที่วิเศษมากดังนั้นเขาจึงถามฝางฉีอย่างสงสัยว่า "นั่นเป็นแค่เกมจริงๆหรือ?"
"แน่นอน"
เกมนี้มันถูกเรียกว่า Resident Evil One : Virtual Reality Remakr ถึงแม้ว่า Resident Evil One จะเป็นเกมเก่าแต่ระบบจะตัดเวอร์ชั่น Fang fang ของปี 1990 ที่ไม่ชัดเจนออกไปทั้งหมดจากส่วนที่น่ากลัวทั้งหมดทำให้เกมมันดูทันสมัยและน่าเล่นมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
*******************************************
ความคิดเห็น