ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : อย่าไปคิดอะไรกับเด็ก
เมษายนนั่งแหงนหน้ามองเพดานบนโซฟาตัวเดิม ส่วนมือก็ถือโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้
'แม่เปลี่ยนหลอดไฟแล้ว'
'เครื่องมือสองมันจะไม่ระเบิดคาหูแกหรือ' ความเป็นห่วงของแม่ทำให้เธอดีใจที่ได้มีโอกาสย้อนเวลากลับมาทำดีกับแม่
"ไม่เป็นไรหรอกแม่ ก่อนจะระเบิดมันต้องบวมก่อน มันบวมหนูก็เปลี่ยนเอา"
เมษายนบอกความจริงกับแม่ไม่ได้ว่า หลังจากนี้ไม่กี่ปีโทรศัพท์จอสีจะก้าวเข้ามา แล้วหลังจากนั้นก็จะมี BB และ iPhone ดังนั้นการซื้อโทรศัพท์จอขาวดำราคาแพงขนาดนี้แล้วภายในหนึ่งปีมันจะกลายเป็นของตกรุ่นก็ดูจะเป็นเรื่องเปลืองเงินโดยใช่เหตุ
"ตามใจแก" แม่ยอมตามใจกับเหตุผลของเธอ ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอดีใจเนื่องจาก ช่วยให้แม่ประหยัดเงินไปได้เกือบครึ่ง แม่ได้กระทะเธอกับพี่ชายได้โทรศัพท์คนละเครื่องในจำนวนเงินที่ถูกกว่างบที่ตั้งไว้ครึ่งหนึ่ง
เมษายนนั่งกดมือถือหน้าจอขาวดำอยู่สองสามปุ่ม ไล่ดูรายชื่อในโทรศัพท์ทั้งหมดก่อนจะค้นพบว่าเธอมีเบอร์ที่ถูกบันทึกไว้ในเครื่องเพียง 4 เบอร์ คือเบอร์บ้าน เบอร์แม่ เบอร์สิงหาคม และเบอร์นาเดีย ตอนที่เธออายุ 30 เบอร์โทรศัพท์ในเครื่องเธอมีไม่ต่ำกว่าร้อยเบอร์ เนื่องจากเพื่อนของเธอนิยมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ บ้างก็เพื่อดวงชะตา บ้างก็เพื่อหนีคนโทรทวงหนี้ ดังนั้นเวลาบันทึกชื่อใคร ก็ต้องมีวงเล็บด้านท้าย ว่าเบอร์ไหนเป็นเบอร์ปัจจุบัน ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถลบเบอร์ก่อนที่จะเป็นเบอร์ปัจจุบันได้ เนื่องจากว่าบางทีก็จะมีวนกลับมาอีกบ้าง ใครบางคนบอกว่าถ้าเธอมีเรื่องจำเป็นให้กลับบ้านช้า และสิงหาคมไม่ว่างให้เธอโทรไปหา แต่ว่า...เธอไม่มีเบอร์เขาแล้วเธอจะไปโทรหาเขาได้ยังไงกันละ ถึงแม้เมื่อก่อนเธอจะคลั่งไคล้ตุลาคมขนาดไหน แต่เธอก็ไม่สามารถครอบครองเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขาได้ จะมีก็เพียงเบอร์บ้าน คิ้วเรียวขมวดเข้าคลายออกสลับกันไปจนพี่ชายที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆต้องออกปากถาม
"เป็นอะไรเมษาแกนั่งยุกยิก ขมวดคิ้วนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่ได้"
สิงหาคมเอ่ยทักถึงได้ทำให้เธอรู้ตัวว่าตัวเองนั่งกดโทรศัพท์เครื่องจิ๋วอยู่สักพักแล้ว บ้าจริงนี่เธอมานั่งคิดถึงผู้ชายอายุน้อยกว่า 10 ปีได้ยังไง เมษายนสะบัดศีรษะตั้งสติตัวเอง
"ไม่มีอะไรหรอกพี่สิงหา ก็นั่งกดดูฟังก์ชั่นมันไปเรื่อย"
พี่ชายส่ายหัวให้กับอาการของน้องสาวแล้วหันไปสนใจหนังสือที่อ่านค้างไว้
'ไม่ไหว ขนาดมือถือจอขาวดำเธอยังนั่งกดอยู่ได้ตั้งหลายนาที ไปทำอย่างอื่นดีกว่า' เมษายนบอกตัวเองให้ทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ก่อนไปช่วยแม่เตรียมอาหารเย็น ทันทีที่คนตัวเล็กลุกไปจากโซฟา หน้าโทรศัพท์ก็เรืองแสงสีฟ้า เป็นสัญญาณเตือนว่ามีข้อความเข้า สิงหาคมเหลือบสายตาไปมองก่อนจะละสายตาไปเมื่อเห็นข้อความ
"แม่ เดี๋ยวก็จะปิดเทอมแล้ว หนูขอไปทำงานพิเศษได้ไหม"
แม่ที่ยืนหันหน้าเข้าหาซิงค์ล้างจานหันกลับมามองลูกสาวเร็วราวกับศีรษะมีสปริง
"อารมณ์ไหนถึงได้อยากทำงานพิเศษช่วงปิดเทอม อยากได้อะไรหรือ"
เมษายนสั่นศีรษะพลางอธิบายไปตรงๆ
"อยากได้กล้องถ่ายรูปดิจิตอลน่ะแม่ ก็เลยอยากทำงาน"
แม่ทำสีหน้าแปลกๆ ทำท่าครุ่นคิดถึงความจำเป็น
"แกจะเอาไปทำอะไรเมษา แม่ว่าแกอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยเถอะ กล้องถ้าอยากได้เดี๋ยวแม่ซื้อให้"
เมษายนทำหน้าเมื่อยก่อนจะพยายามหว่านล้อมมารดา ว่าตัวเองสามารถจัดการเวลาได้และกล้องดิจิตอลก็เป็นสิ่งเกินความจำเป็นที่เธออยากได้เอง ราคาก็เป็นหมื่นขอเงินแม่ซื้อของไม่จำเป็นก็ดูจะไม่ใช่เรื่องให้เธอทำงานพิเศษเก็บเงินไปซื้อเองดีกว่า
"แล้วแกจะไปทำอะไร"
มารดายอมฟังเหตุผลของเธอ แต่ก็ยังสงสัยว่าลูกสาววัย 17 ของเธอจะสามารถไปทำงานอะไรที่ไหนได้ เมษายนเอ่ยชื่อร้านอาหารสองสามร้าน แต่มารดาก็ยังไม่เห็นด้วยเนื่องว่าค่อนข้างไกลบ้าน ต้องนั่งรถเมลไปหลายป้าย หากเลิกค่ำมืด จะเป็นอันตรายได้
"เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวแม่ไปถามร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยบ้านให้ว่าเขารับสมัครพนักงานไหม"
ถึงแม่จะไม่เห็นด้วยกับการที่เธอจะไปหางานพิเศษทำแทนที่จะนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่บ้าน แต่แม่ก็ยังหาทางเลือกร้านอาหารที่เธอพอจะทำได้มาให้ เรื่องราวธรรมดาแบบนี้ทำให้เมษายนรู้สึกเสียใจกับการกระทำในอดีตมากยิ่งขึ้นที่เธอเคยทำตัวแย่กับแม่ แขนผอมบางเอื้อมไปกอดเอวมารดาไว้ไม่ได้เอ่ยอะไร แม่ไม่ได้ปัดมือเธอออกหรือว่าทำท่ารำคาญ ยังคงหันหน้าไปล้างผักต่อไปความอบอุ่นของคำว่าครอบครัวอบอวลอยู่ในห้องครัวเล็กๆ โดยไม่ได้มีใครพูดอะไร
"เมษา เมื่อกี้ฉันเห็นข้อความแกเข้า"
ตุลาคมบอกน้องสาวหลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว เมษายนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู กลัวว่าการที่น้องสาวตอบช้าจะทำให้ใครบางคนแอบร้อนใจ เมษายนทำสีหน้ารับรู้แต่ก็ยังไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมษายนเดินไปหยิบนั่นจับนี้ช่วยแม่ล้างจาน ไปอาบน้ำ เดินมานั่งดูทีวี จนแล้วจนรอดน้องสาวก็ยังไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ผิดวิสัยปกติของน้องสาวคนเดิมที่เขารู้จัก ถ้าเป็นคนเดิมได้โทรศัพท์เครื่องใหม่แบบนี้รับรองได้ ว่าไม่เห็นเจ้าตัวมานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นแบบนี้หรอก เพราะว่าคงนอนคุยโทรศัพท์จนแบทบวมอยู่ในห้องตัวเองโน่น จนข่าวในพระราชสำนักจบนั่นแหล่ะ เมษายนถึงได้หยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กขึ้นมากดดู ก่อนจะทำสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะตามเดิม ปล่อยให้คนพี่ที่รอลุ้น ต้องลุ้นเก้อ
"แม่หนูขึ้นไปทำการบ้านข้างบนนะ"
เมษายนเอ่ยขอตัวลุกขึ้นยืนหยิบโทรศัพท์มาถือไว้แล้วเดินขึ้นชั้นบนไป สิงหาคมมองตามร่างน้องสาวด้วยสายตาข้องใจ ข้อความของตุลาคมไม่ได้ทำให้น้องสาวเขาตื่นเต้นบ้างเลยหรือ โลกร้อนจนน้องสาวเขาเปลี่ยนไปจริงๆ
เมษายนหย่อนก้นลงนั่งบนเตียงของตัวเองก่อนถอนหายใจ ข้อความถูกส่งมาจากตุลาคม เนื้อหาเป็นการอธิบายถึงเหตุผลการหายตัวไปของเจ้าตัว
'ช่วงนี้พี่ต้องเร่งทำโปรเจค แต่หลังจากวันพุธหน้าจะว่าง ถ้าสิงหาติดธุระโทรมา จะไปรับ'
ข้อความเดียวที่อธิบายทุกอย่างได้หมด เป็นทั้งประโยคบอกเล่า และ ประโยคคำสั่ง เมษายนนั่งมองข้อความนั้นจนหน้าจอดับ เธอก็กดให้มันสว่างใหม่ เป็นแบบนั้นอยู่หลายครั้งจนรู้สึกตัว ใบหน้าคมของคนร่างสูงลอยเข้ามาในความคิด ศีรษะเล็กสั่นรัวๆกับความคิดตัวเอง
'บ้าไปแล้ว เธอมานั่งคิดถึงเด็กทำไมเนี่ย เขาจะส่งข้อความอะไรมาเธอก็ไม่จำเป็นต้องตอบกลับเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็ทำเป็นรังเกียจรังงอนเธอนักหนา แล้วนี่จะมาวอแวอะไรกับเธอ เมษายนโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งไปอีกทางก่อนจะเปิดกระเป๋านักเรียนหยิบเอาการบ้านขึ้นมาทำ เวลาผ่านไปจนนาฬิกาโต๊ะข้างเตียงบอกเวลา สามทุ่มครึ่ง มือเรียวปิดสมุดเก็บของจัดตารางเรียนของวันพรุ่งก่อนจะสะดุ้งเมื่อเสียงริงโทนโบราณแผดขึ้นมา ถึงแม้หน้าจอแสดงผลไม่ได้ขึ้นชื่อว่าใครเป็นผู้โทรเข้า แต่เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเบอร์นี้ใครเป็นเจ้าของ 'ตุลาคม นี่นายจะรอคำตอบหน่อยไม่ได้หรือไง วัยรุ่นใจร้อนจริง'
"สวัสดีค่ะ"
เมษายนส่งเสียงไปตามสาย ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าใครโทรมาแต่เธอก็ไม่อยากจะเรียกชื่อเพื่อให้เด็กหนุ่มได้ใจว่าเธอสนใจในตัวเขา
"พี่เองนะ"
ถ้าหากว่าใบหน้าคมคายและรูปร่างสูงใหญ่ของเขาทำให้เด็กสาววัยรุ่นเขินอายได้เพียงแค่เขาปรายตามอง เสียงของตุลาคมก็คงทำให้สาวเคลิ้มตามได้ไม่ยากเช่นกัน เสียงทุ้มต่ำ พูดเป็นจังหวะหนักแน่นฟังชัด ถ้าให้จีบสาวผ่านโทรศัพท์เธอเชื่อว่า ตุลาคมก็น่าจะทำได้ดีไม่น้อย
"ค่ะ"
เมษายนตอบรับเป็นทำนองรับรู้ว่าปลายสายคือใครแต่ว่าก็ยังไม่ยอมเรียกชื่อ กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งสะท้อนใบหน้าที่มีรอยยิ้มมุมปากแบบที่เจ้าของไม่รู้ตัว พอเธอไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ คนโทรเข้ามาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาอย่างไร แต่ถึงแม้จะไม่มีบทสนทนาใดใดระหว่างคนสองคน บรรยากาศกลับไม่ได้ตึงเครียด การรอคอยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนเริ่ม ดูคล้ายๆต่างคนต่างเขินอายซึ่งกันและกันมากกว่า 'เดี๋ยวนะ เขินอายหรือ บ้าแล้วเมษายน เธอจะมาเขินอะไรกับเด็กที่อายุน้อยกว่าเธอเป็น10ปี'
"พี่ตุลาจะพูดไหมคะ ถ้าไม่พูดเมษาวางแล้วนะคะ จะเข้านอนแล้ว"
เมษายนตัดสินใจเป็นฝ่ายพูดก่อน ทำลายบรรยากาศแปลกๆที่ทำท่าจะก่อตัว
"แค่จะถามว่าเห็นข้อความหรือยัง"
ถึงแม้คำถามจะสั้นห้วน แต่โทนเสียงที่ไม่ได้แข็งกระด้างทำให้ฟังดูคล้ายๆคนกำลังงอนมากกว่า
"เห็นแล้วค่ะ"
เสียงตอบรับเรียบเฉยยิ่งทำให้หนุ่มรุ่นพี่รู้สึกคันยิบๆในใจ
"เห็นแล้วก็แล้วไปเถอะ ดึกแล้วไปนอนเถอะพี่ไม่กวนแล้ว"
พูดจบอีกฝ่ายก็วางหูใส่เธอไปเลย ปล่อยให้เธอถือโทรศัพท์แนบหูค้าง อะไรของเขาบทจะมาก็มาจะไปก็ไป นี่เธอได้อะไรจากบทสนทนาพิลึกนี่หรือ มาทำตัวประหลาดๆให้เธอคิด แล้วก็หายไป
'บ้าน่ะ เมษา นั่นเด็ก นั่นเด็ก จะไปเอาอะไรกับเด็ก'
แต่ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามบอกตัวเองอย่างนั้น แต่หลังจากดับไฟ เธอก็หลับไปพร้อมกับเด็กคนนั้นในความคิด
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น