ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ย้อนเวลากลับไปรัก

    ลำดับตอนที่ #6 : อย่าไปคิดอะไรกับเด็ก

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 61


    เมษายนนั่งแหงนหน้ามองเพดานบนโซฟาตัวเดิม ส่วนมือก็ถือโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ 
    'แม่เปลี่ยนหลอดไฟแล้ว'

    ตั้งแต่เกิดเรื่องกับเธอคราวก่อน เมษายนก็ไม่ได้เห็นหน้าตุลาคมอีกเลย ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะคำปฏิเสธของเธอหรือไม่ที่ทำให้เด็กหนุ่มเสียความมั่นใจถึงขั้นหายหน้าไป วันเสาร์ที่ผ่านมาเธอได้โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ เป็นรุ่น Nokia 8250 เธอดื้ออยู่นานกว่าแม่จะยอมซื้อเครื่องมือสองให้ 
    'เครื่องมือสองมันจะไม่ระเบิดคาหูแกหรือ' ความเป็นห่วงของแม่ทำให้เธอดีใจที่ได้มีโอกาสย้อนเวลากลับมาทำดีกับแม่ 

    "ไม่เป็นไรหรอกแม่ ก่อนจะระเบิดมันต้องบวมก่อน มันบวมหนูก็เปลี่ยนเอา"
    เมษายนบอกความจริงกับแม่ไม่ได้ว่า หลังจากนี้ไม่กี่ปีโทรศัพท์จอสีจะก้าวเข้ามา แล้วหลังจากนั้นก็จะมี BB และ iPhone ดังนั้นการซื้อโทรศัพท์จอขาวดำราคาแพงขนาดนี้แล้วภายในหนึ่งปีมันจะกลายเป็นของตกรุ่นก็ดูจะเป็นเรื่องเปลืองเงินโดยใช่เหตุ 

    "ตามใจแก" แม่ยอมตามใจกับเหตุผลของเธอ ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอดีใจเนื่องจาก ช่วยให้แม่ประหยัดเงินไปได้เกือบครึ่ง แม่ได้กระทะเธอกับพี่ชายได้โทรศัพท์คนละเครื่องในจำนวนเงินที่ถูกกว่างบที่ตั้งไว้ครึ่งหนึ่ง 

    เมษายนนั่งกดมือถือหน้าจอขาวดำอยู่สองสามปุ่ม ไล่ดูรายชื่อในโทรศัพท์ทั้งหมดก่อนจะค้นพบว่าเธอมีเบอร์ที่ถูกบันทึกไว้ในเครื่องเพียง 4 เบอร์ คือเบอร์บ้าน เบอร์แม่ เบอร์สิงหาคม และเบอร์นาเดีย ตอนที่เธออายุ 30 เบอร์โทรศัพท์ในเครื่องเธอมีไม่ต่ำกว่าร้อยเบอร์ เนื่องจากเพื่อนของเธอนิยมเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ บ้างก็เพื่อดวงชะตา บ้างก็เพื่อหนีคนโทรทวงหนี้ ดังนั้นเวลาบันทึกชื่อใคร ก็ต้องมีวงเล็บด้านท้าย ว่าเบอร์ไหนเป็นเบอร์ปัจจุบัน ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถลบเบอร์ก่อนที่จะเป็นเบอร์ปัจจุบันได้ เนื่องจากว่าบางทีก็จะมีวนกลับมาอีกบ้าง ใครบางคนบอกว่าถ้าเธอมีเรื่องจำเป็นให้กลับบ้านช้า และสิงหาคมไม่ว่างให้เธอโทรไปหา แต่ว่า...เธอไม่มีเบอร์เขาแล้วเธอจะไปโทรหาเขาได้ยังไงกันละ ถึงแม้เมื่อก่อนเธอจะคลั่งไคล้ตุลาคมขนาดไหน แต่เธอก็ไม่สามารถครอบครองเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขาได้ จะมีก็เพียงเบอร์บ้าน คิ้วเรียวขมวดเข้าคลายออกสลับกันไปจนพี่ชายที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆต้องออกปากถาม

    "เป็นอะไรเมษาแกนั่งยุกยิก ขมวดคิ้วนั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่ได้"
    สิงหาคมเอ่ยทักถึงได้ทำให้เธอรู้ตัวว่าตัวเองนั่งกดโทรศัพท์เครื่องจิ๋วอยู่สักพักแล้ว บ้าจริงนี่เธอมานั่งคิดถึงผู้ชายอายุน้อยกว่า 10 ปีได้ยังไง เมษายนสะบัดศีรษะตั้งสติตัวเอง 

    "ไม่มีอะไรหรอกพี่สิงหา ก็นั่งกดดูฟังก์ชั่นมันไปเรื่อย"
    พี่ชายส่ายหัวให้กับอาการของน้องสาวแล้วหันไปสนใจหนังสือที่อ่านค้างไว้ 
    'ไม่ไหว ขนาดมือถือจอขาวดำเธอยังนั่งกดอยู่ได้ตั้งหลายนาที ไปทำอย่างอื่นดีกว่า' เมษายนบอกตัวเองให้ทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ก่อนไปช่วยแม่เตรียมอาหารเย็น ทันทีที่คนตัวเล็กลุกไปจากโซฟา หน้าโทรศัพท์ก็เรืองแสงสีฟ้า เป็นสัญญาณเตือนว่ามีข้อความเข้า สิงหาคมเหลือบสายตาไปมองก่อนจะละสายตาไปเมื่อเห็นข้อความ 

    "แม่ เดี๋ยวก็จะปิดเทอมแล้ว หนูขอไปทำงานพิเศษได้ไหม"
    แม่ที่ยืนหันหน้าเข้าหาซิงค์ล้างจานหันกลับมามองลูกสาวเร็วราวกับศีรษะมีสปริง 

    "อารมณ์ไหนถึงได้อยากทำงานพิเศษช่วงปิดเทอม อยากได้อะไรหรือ"
    เมษายนสั่นศีรษะพลางอธิบายไปตรงๆ

    "อยากได้กล้องถ่ายรูปดิจิตอลน่ะแม่ ก็เลยอยากทำงาน"
    แม่ทำสีหน้าแปลกๆ ทำท่าครุ่นคิดถึงความจำเป็น

    "แกจะเอาไปทำอะไรเมษา แม่ว่าแกอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยเถอะ กล้องถ้าอยากได้เดี๋ยวแม่ซื้อให้" 
    เมษายนทำหน้าเมื่อยก่อนจะพยายามหว่านล้อมมารดา ว่าตัวเองสามารถจัดการเวลาได้และกล้องดิจิตอลก็เป็นสิ่งเกินความจำเป็นที่เธออยากได้เอง ราคาก็เป็นหมื่นขอเงินแม่ซื้อของไม่จำเป็นก็ดูจะไม่ใช่เรื่องให้เธอทำงานพิเศษเก็บเงินไปซื้อเองดีกว่า 

    "แล้วแกจะไปทำอะไร"
    มารดายอมฟังเหตุผลของเธอ แต่ก็ยังสงสัยว่าลูกสาววัย 17 ของเธอจะสามารถไปทำงานอะไรที่ไหนได้ เมษายนเอ่ยชื่อร้านอาหารสองสามร้าน แต่มารดาก็ยังไม่เห็นด้วยเนื่องว่าค่อนข้างไกลบ้าน ต้องนั่งรถเมลไปหลายป้าย หากเลิกค่ำมืด จะเป็นอันตรายได้ 

    "เอาอย่างนี้ไหม เดี๋ยวแม่ไปถามร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยบ้านให้ว่าเขารับสมัครพนักงานไหม"
    ถึงแม่จะไม่เห็นด้วยกับการที่เธอจะไปหางานพิเศษทำแทนที่จะนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่บ้าน แต่แม่ก็ยังหาทางเลือกร้านอาหารที่เธอพอจะทำได้มาให้ เรื่องราวธรรมดาแบบนี้ทำให้เมษายนรู้สึกเสียใจกับการกระทำในอดีตมากยิ่งขึ้นที่เธอเคยทำตัวแย่กับแม่ แขนผอมบางเอื้อมไปกอดเอวมารดาไว้ไม่ได้เอ่ยอะไร แม่ไม่ได้ปัดมือเธอออกหรือว่าทำท่ารำคาญ ยังคงหันหน้าไปล้างผักต่อไปความอบอุ่นของคำว่าครอบครัวอบอวลอยู่ในห้องครัวเล็กๆ โดยไม่ได้มีใครพูดอะไร

    "เมษา เมื่อกี้ฉันเห็นข้อความแกเข้า"
    ตุลาคมบอกน้องสาวหลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว เมษายนก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู กลัวว่าการที่น้องสาวตอบช้าจะทำให้ใครบางคนแอบร้อนใจ เมษายนทำสีหน้ารับรู้แต่ก็ยังไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เมษายนเดินไปหยิบนั่นจับนี้ช่วยแม่ล้างจาน ไปอาบน้ำ เดินมานั่งดูทีวี จนแล้วจนรอดน้องสาวก็ยังไม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ผิดวิสัยปกติของน้องสาวคนเดิมที่เขารู้จัก ถ้าเป็นคนเดิมได้โทรศัพท์เครื่องใหม่แบบนี้รับรองได้ ว่าไม่เห็นเจ้าตัวมานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นแบบนี้หรอก เพราะว่าคงนอนคุยโทรศัพท์จนแบทบวมอยู่ในห้องตัวเองโน่น จนข่าวในพระราชสำนักจบนั่นแหล่ะ เมษายนถึงได้หยิบโทรศัพท์เครื่องเล็กขึ้นมากดดู ก่อนจะทำสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะตามเดิม ปล่อยให้คนพี่ที่รอลุ้น ต้องลุ้นเก้อ 

    "แม่หนูขึ้นไปทำการบ้านข้างบนนะ" 
    เมษายนเอ่ยขอตัวลุกขึ้นยืนหยิบโทรศัพท์มาถือไว้แล้วเดินขึ้นชั้นบนไป สิงหาคมมองตามร่างน้องสาวด้วยสายตาข้องใจ ข้อความของตุลาคมไม่ได้ทำให้น้องสาวเขาตื่นเต้นบ้างเลยหรือ โลกร้อนจนน้องสาวเขาเปลี่ยนไปจริงๆ 

    เมษายนหย่อนก้นลงนั่งบนเตียงของตัวเองก่อนถอนหายใจ ข้อความถูกส่งมาจากตุลาคม เนื้อหาเป็นการอธิบายถึงเหตุผลการหายตัวไปของเจ้าตัว 

    'ช่วงนี้พี่ต้องเร่งทำโปรเจค แต่หลังจากวันพุธหน้าจะว่าง ถ้าสิงหาติดธุระโทรมา จะไปรับ'
    ข้อความเดียวที่อธิบายทุกอย่างได้หมด เป็นทั้งประโยคบอกเล่า และ ประโยคคำสั่ง เมษายนนั่งมองข้อความนั้นจนหน้าจอดับ เธอก็กดให้มันสว่างใหม่ เป็นแบบนั้นอยู่หลายครั้งจนรู้สึกตัว ใบหน้าคมของคนร่างสูงลอยเข้ามาในความคิด ศีรษะเล็กสั่นรัวๆกับความคิดตัวเอง 
    'บ้าไปแล้ว เธอมานั่งคิดถึงเด็กทำไมเนี่ย เขาจะส่งข้อความอะไรมาเธอก็ไม่จำเป็นต้องตอบกลับเสียหน่อย ก่อนหน้านี้ก็ทำเป็นรังเกียจรังงอนเธอนักหนา แล้วนี่จะมาวอแวอะไรกับเธอ เมษายนโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งไปอีกทางก่อนจะเปิดกระเป๋านักเรียนหยิบเอาการบ้านขึ้นมาทำ เวลาผ่านไปจนนาฬิกาโต๊ะข้างเตียงบอกเวลา สามทุ่มครึ่ง มือเรียวปิดสมุดเก็บของจัดตารางเรียนของวันพรุ่งก่อนจะสะดุ้งเมื่อเสียงริงโทนโบราณแผดขึ้นมา ถึงแม้หน้าจอแสดงผลไม่ได้ขึ้นชื่อว่าใครเป็นผู้โทรเข้า แต่เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเบอร์นี้ใครเป็นเจ้าของ 'ตุลาคม นี่นายจะรอคำตอบหน่อยไม่ได้หรือไง วัยรุ่นใจร้อนจริง'

    "สวัสดีค่ะ"
    เมษายนส่งเสียงไปตามสาย ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าใครโทรมาแต่เธอก็ไม่อยากจะเรียกชื่อเพื่อให้เด็กหนุ่มได้ใจว่าเธอสนใจในตัวเขา

    "พี่เองนะ"
    ถ้าหากว่าใบหน้าคมคายและรูปร่างสูงใหญ่ของเขาทำให้เด็กสาววัยรุ่นเขินอายได้เพียงแค่เขาปรายตามอง เสียงของตุลาคมก็คงทำให้สาวเคลิ้มตามได้ไม่ยากเช่นกัน เสียงทุ้มต่ำ พูดเป็นจังหวะหนักแน่นฟังชัด ถ้าให้จีบสาวผ่านโทรศัพท์เธอเชื่อว่า ตุลาคมก็น่าจะทำได้ดีไม่น้อย

    "ค่ะ"
    เมษายนตอบรับเป็นทำนองรับรู้ว่าปลายสายคือใครแต่ว่าก็ยังไม่ยอมเรียกชื่อ กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งสะท้อนใบหน้าที่มีรอยยิ้มมุมปากแบบที่เจ้าของไม่รู้ตัว พอเธอไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ คนโทรเข้ามาก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาอย่างไร แต่ถึงแม้จะไม่มีบทสนทนาใดใดระหว่างคนสองคน บรรยากาศกลับไม่ได้ตึงเครียด การรอคอยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนเริ่ม ดูคล้ายๆต่างคนต่างเขินอายซึ่งกันและกันมากกว่า 'เดี๋ยวนะ เขินอายหรือ บ้าแล้วเมษายน เธอจะมาเขินอะไรกับเด็กที่อายุน้อยกว่าเธอเป็น10ปี' 

    "พี่ตุลาจะพูดไหมคะ ถ้าไม่พูดเมษาวางแล้วนะคะ จะเข้านอนแล้ว"
    เมษายนตัดสินใจเป็นฝ่ายพูดก่อน ทำลายบรรยากาศแปลกๆที่ทำท่าจะก่อตัว 

    "แค่จะถามว่าเห็นข้อความหรือยัง"
    ถึงแม้คำถามจะสั้นห้วน แต่โทนเสียงที่ไม่ได้แข็งกระด้างทำให้ฟังดูคล้ายๆคนกำลังงอนมากกว่า

    "เห็นแล้วค่ะ"
    เสียงตอบรับเรียบเฉยยิ่งทำให้หนุ่มรุ่นพี่รู้สึกคันยิบๆในใจ 

    "เห็นแล้วก็แล้วไปเถอะ ดึกแล้วไปนอนเถอะพี่ไม่กวนแล้ว"
    พูดจบอีกฝ่ายก็วางหูใส่เธอไปเลย ปล่อยให้เธอถือโทรศัพท์แนบหูค้าง อะไรของเขาบทจะมาก็มาจะไปก็ไป นี่เธอได้อะไรจากบทสนทนาพิลึกนี่หรือ มาทำตัวประหลาดๆให้เธอคิด แล้วก็หายไป
    'บ้าน่ะ เมษา นั่นเด็ก นั่นเด็ก จะไปเอาอะไรกับเด็ก'

    แต่ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามบอกตัวเองอย่างนั้น แต่หลังจากดับไฟ เธอก็หลับไปพร้อมกับเด็กคนนั้นในความคิด








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×