ของแปลกอ่าวไทย - ของแปลกอ่าวไทย นิยาย ของแปลกอ่าวไทย : Dek-D.com - Writer

    ของแปลกอ่าวไทย

    ช่างภาพหนุ่มนักเดินทางพบเห็นอะไรมามากแต่กับคราวนี้สิ่งที่เขาพบไม่ใช่ธรรมดา มันอาจเปลี่ยนชีวิตเขา (หรือเปล่า ?)

    ผู้เข้าชมรวม

    197

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    197

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 พ.ค. 50 / 11:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ของแปลกอ่าวไทย

                     

                               เกลียวคลื่นซัดพลิ้วกระทบหาดทรายขาวที่ยามนี้สะท้อนรับแสงแดดจ้าระยิบระยับราวกับแดนสวรรค์ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติล้วนกำลังสัมผัสกับความบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่น่าหลงใหล บรรยากาศโดยรวมแบบนี้ดึงดูดใจให้ชายหนุ่มในชุดลำลองต้องหยุดมองดูผู้คนที่เล่นน้ำริมหาด วางเป้สัมภาระที่สะพายอยู่ข้างหลังลงกับพื้น เดินหามุมที่ดีที่สุดแล้วคว้ากล้องรุ่นเก๋าโบราณแต่คุณภาพเหลือล้นขึ้นมา เอาตาติดกับกล้องยืนนิ่งๆชั่วครู่จึงกดชัตเตอร์ ตามด้วยกล้องดิจิตอลอีกหนึ่งภาพ  เขาจ้องดูรูปฝรั่งเล่นน้ำอาบแดดบนหาดสีขาวที่ด้านหลังมองเห็นทิวเขาเขียวชอุ่มตัดกับท้องฟ้าสีสดบนกล้อง ชายหนุ่มทำสีหน้าพอใจในภาพนั่นแล้วแบกเป้ขึ้นหลังก้าวเท้าเดินย่ำทรายต่อไป ที่คอของเขารุงรังไปด้วยกล้องหลายชนิดมองคล้ายนักร้องที่ถูกคล้องมาลัย ชายหนุ่มออกเดินมาตั้งแต่เช้าตรู่ เขาแวะเก็บภาพที่ถูกใจไปตามทางตลอดความยาวของชายหาด  จนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนต่ำลงเกือบแตะขอบน้ำทะเลแลเห็นที่ขอบฟ้าไกล 

                              หนุ่มในชุดลำลองพาตัวเองกลับมาถึงที่พักริมหาด เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆต่างกลับมาถึงกันก่อนแล้ว พวกเขากำลังนั่งกินลมอยู่ที่ระเบียงของห้องพักหรู

                      เป็นไงบ้างพวก ได้อะไรเด็ดๆไหม   หนุ่มใหญ่ที่อาวุโสกว่าเดินเข้ามาคล้องคอเขา

                      ก็ได้ภาพวิวสวยๆทั่วไปแหละครับพี่ แต่สีสันสะดุดตาหลายภาพเลยนะครับ   เขาพูดพลางเปิดภาพในกล้องดิจิตอลให้ดูด้วย

                      ฝีมือเอ็งนี่ไม่มีตกเลยนะ เข้าใจหามุมกล้อง เยี่ยมๆ   ชายหนุ่มทำหน้าเขินรับคำยอ

                      ไป ไป เอ็งไปจัดการตัวเองแล้วไปรวมกันที่ห้องอาหารนะ หัวหน้ากับคนอื่นๆรอกินข้าวเย็นอยู่

                      เขาก้าวเข้าห้องพักทิ้งสัมภาระลงข้างเตียงแล้วรีบจัดแจงถอดม้วนฟิล์มออกจากกล้องนำไปเก็บไว้ในที่มิดชิด ก่อนผลัดผ้าชำระร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน กลิ่นสบู่หอมฟุ้งไปทั่วห้อง น้ำเย็นๆทำให้เขาสดชื่นขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มสะบัดหัวคว้าผ้าขนหนูขยี้ไปทั่วผมที่เปียกชุ่ม เขานั่งจ้องหน้าตัวเองในกระจกบอกกับตัวเองว่าหน้าตาดูโทรมเหลือเกิน นี่แค่วันแรกก็เหนื่อยเสียแล้ว เขายังมีภาระที่สำคัญอีกในวันพรุ่งนี้

                      ที่ห้องอาหารมีคนไม่มากนักส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนร่วมงานของเขาทั้งนั้น คงเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ใช่หน้าเทศกาลที่ผู้คนจะแห่แหนกันมาเที่ยว   เขาตักข้าวหลายทัพพีหยิบกุ้งเผาตัวโตใส่จานจนล้นแล้วจัดการจนมันหายเรียบไปด้วยเวลาไม่นานนัก ก่อนที่จะลุกไปตักเพิ่มอีกหลายครั้ง


                            ทุกคนต่างนั่งเสวนาหลังอาหารกันอย่างออกรส เขาร่วมวงสนทนาอยู่สักพักจึงปลีกตัวออกมาสัมผัสกลิ่นทะเลยามค่ำคืนตามลำพัง เสียงคลื่นซัดอยู่เบาๆมีกระแสลมโชย ยอดมะพร้าวสะบัดเป็นระยะ เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีดำสนิทที่ประดับประดาด้วยดาวสว่างใสกระจายไปทั่ว เขาแหงนมองอยู่อย่างนั้นฉับพลันก็เกิดความรู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ บรรยากาศยามนี้น่าจะมีใครสักคนอยู่ข้างๆแล้วชวนกันนับดาว

                      ชายหนุ่มเดินทอดน่องไปช้าๆ เขาพบโขดหินดำทะมึนที่โผล่เหนือน้ำไกลออกไปในทะเลไม่มากนัก สิ่งที่อยู่บนโขดหินทำให้เขาต้องหยุดและเพ่งพินิจ แสงจันทร์กระจ่างช่วยให้เขาเห็นได้ไม่ยาก
                       หญิงสาวนางหนึ่งนั่งหันหน้าออกทะเลกำลังเอามือสางผมอยู่บนโขดหินนั่น แผ่นหลังเธอเปลือยเปล่าเหมือนหล่อนกำลังเป็นส่วนตัวจนกระทั่งเธอชะงักเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาของชายหนุ่มที่กำลังจับจ้อง เธอค่อยๆหันมาทางเขาช้าๆ  หากไม่มีความมืดมากั่นกลางระหว่างเขาและเธอยามนี้ทั้งสองสายตาคงกำลังสบกันเขม็ง เหมือนเวลาจะเดินช้าลงไปชั่วระยะหนึ่งขณะที่ทั้งสองจ้องกัน ชายหนุ่มคิดในใจ ค่ำมืดแบบนี้ผู้คนกลับเข้าที่พักกันหมดแล้ว เธอเป็นใครทำไมไปนั่งอยู่ที่นั่นเวลานี้ เขาตัดสินใจเดินลุยน้ำตรงไปที่โขดหิน ระยะห่างระหว่างทั้งสองสั้นลงตามจำนวนก้าวที่เขาเดินไป จนในที่สุดเขาก็หยุดเดิน ตอนนี้ทั้งสองห่างกันเพียงสามวา หญิงสาวนั่งหันหลังให้เขา ดวงตาของหล่อนหวานหยาดเยิ้มผมเปียกน้ำยาวทิ้งตัวลงบนโขดหิน ผิวเกลี้ยงสะท้อนแสงจันทร์ดูเปล่งปลั่งดั่งไข่ปอก  มีเปลือกหอยขนาดย่อมปกปิดปทุมถัน เขาสังเกตเห็นขณะที่เธอเอี้ยวตัวมามองเขา


                      “........เอ่อ........ขอโทษนะครับ   ชายหนุ่มตัดสินใจเอ่ยทัก หล่อนเงียบแล้วเบือนหน้ากลับไป

                      ดึกแล้วนะครับ......... อากาศเย็น.......กลับฝั่งเถอะครับ   คราวนี้รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหล่อน

                      ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยคำใดอีกหล่อนก็ขยับกายแล้วกระโดดลงทะเลหายลับไป ทิ้งให้เขายืนน้ำท่วมเอวงุนงงอยู่ลำพัง ชั่ววูบหนึ่งที่เธอกระโดดลงทะเลเหมือนเขาจะสังเกตเห็นว่าหล่อนไม่มีขาเหมือนคนทั่วๆไป หากแต่มีช่วงล่างที่มีลักษณะเหมือนหางปลาเสียมากกว่า

                      เมื่อเขากลับถึงที่พัก เพื่อนๆถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงตัวเปียกครึ่งตัว เขาโบ้ยไปว่าเกิดอาการอยากเล่นน้ำขึ้นมากะทันหัน คืนนั้นเขานอนพลิกกายไปมาบนเตียงนอนพยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ดูยากเย็น เพราะรอยยิ้มของสาวลึกลับบนโขดหินนั่น อีกทั้งช่วงล่างของเจ้าหล่อนที่เหมือนหางปลาทำให้ต้อง

      ครุ่นคิดถึงเธออยู่อย่างนั้น เขาไม่อยากบอกกับตัวเองว่าเขาไปพบกับนางเงือกเข้าให้แล้ว  แถมยังติดใจในรอยยิ้มละไมของหล่อนเสียด้วย


                              รุ่งขึ้นคณะของชายหนุ่มออกทะเลสู่เกาะที่อยู่ถัดไปแถบนั้น ทุกๆคนสวมชุดดำน้ำเตรียมตัวสำหรับการถ่ายภาพใต้น้ำ คณะถ่ายภาพทิ้งตัวลงในน้ำตามจุดต่างๆแยกย้ายกันไป ที่ระดับน้ำลึกไม่เกินสิบเมตร เขาโบกตีนกบเคลื่อนตัวไปช้าๆพร้อมกล้องถ่ายภาพมั่นในมือ ปะการังอวดสีสดใสให้กล้องบันทึกภาพ ดอกไม้ทะเลโบกสะบัดหนวดไปมาหยอกล้อกับฝูงปลาการ์ตูน ปลานกแก้วสีแสบตาว่ายเคียงข้างเขาเหมือนมันสงสัยว่าชายหนุ่มในชุดดำน้ำเป็นตัวอะไรกันแน่ เขาดื่มด่ำกับธรรมชาติจนเกือบลืมเรื่องเงือกสาวเสียสนิทถ้าเขาไม่บังเอิญสังเกตเห็นหล่อนอีกครั้งในดงสาหร่ายตรงหน้าขณะนี้ ดูเหมือนว่าหล่อนตั้งใจที่จะปรากฏกายให้เขาเห็นโดยเฉพาะ เขาตื่นเต้นจนมือไม้สั่น มีเงือกอยู่ในน่านน้ำไทยจริงๆหรือนี่


      ภาพเงือกสาวถูกบันทึกลงกล้อง หล่อนว่ายน้ำอยู่ตรงหน้าโปรยยิ้มให้เขาตลอดเวลาที่เคลื่อนกายเหมือนปลาไปมาในน้ำทะเลสีฟ้าใส  เกล็ดของหล่อนเป็นสีเขียวมันวาวราวกับสีของปีกแมลงทับ ผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วไปตามกระแสน้ำชวนให้เขาว่ายตามไปเรื่อยๆ

                      และชายหนุ่มก็พบตัวเองอยู่ในถ้ำใต้น้ำ รอบกายมีแต่โขดหิน หนทางที่เป็นโพรงใต้น้ำโดยการนำของเงือกสาวพาเขาไปพบกับถ้ำขนาดใหญ่ มันเหมือนเป็นหนทางลับ ชายหนุ่มโผล่ขึ้นเหนือน้ำเขาสัมผัสได้ถึงอากาศที่เหมือนกับบนบก เขารู้สึกอัศจรรย์ใจกับถ้ำใต้น้ำอันโอ่โถงแห่งนี้ มันเหมือนถ้ำที่อยู่บนบกไม่มีผิดหากแตกต่างกันตรงที่มันอยู่ใต้ทะเล  เงือกสาวนั่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มอยู่บนหิน หย่อนหางปลาลงแช่น้ำสะบัดเล่นไปมา เขาวางกล้องลงกับพื้นเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ หล่อนไม่มีท่าทางกลัวเขาเลยสักนิด


            “สวัสดีค่ะ   เป็นคำพูดแรกที่เขาได้ยินจากปากเงือกสาว เสียงเธอหวานจับใจ  
                            “สวัสดีครับ เราเคยพบกันแล้วใช่ไหมครับ   เขาถามเพื่อความแน่ใจว่าเธอเป็นคนเดียวกับคนที่พบเมื่อค่ำวานนี้

                      ค่ะ ฉันจำคุณได้   ชายหนุ่มรู้สึกดีใจที่ได้ยิน

                      .......เอ่อ ...ครับ.....คือว่า.....ที่ขาของคุณ..?”  เขายังตะลึงกับการได้พบนางเงือกตัวจริงจึงพูดไปแบบนั้น

                      ค่ะ ฉันเป็นนางเงือก ฉันเป็นตัวสุดท้ายและเป็นเผ่าพันธุ์สุดท้ายที่เหลืออยู่   ชายหนุ่มจ้องหางหล่อนตาไม่กระพริบ

                      ผมขออนุญาตสัมผัสได้ไหมครับ   เขายื่นมือไปแตะหางของหล่อนโดยไม่รอคำตอบ มันสัมผัสลื่นเหมือนเกล็ดปลาทั่วไปจริงๆ แต่ต่างกันที่มีสีสันสวยงามกว่ามาก

                      คุณ คงประหลาดใจมากสินะ   ชายหนุ่มชักมือกลับแล้วสบตาเงือกสาว

                      ก็ยอมรับว่า ประหลาดใจครับ

                      แต่คุณท่าทางใจดีนะคะ ไม่เหมือนคนอื่นๆที่เคยพบเห็นฉัน พวกเขามักตื่นกลัว หรือไม่ก็ทำร้ายฉัน…….ฉันรู้สึกเหงา เพราะไม่มีใครเหลืออยู่เป็นเพื่อนฉันเลย

                      แย่จังเลยครับ สำหรับคนพวกนั้น........ แปลกจริงๆคุณรู้สึกเหงาเหมือนผมเลยครับ   เงือกสาวตาเป็นประกายที่ได้รู้ว่าชายหนุ่มคิดแบบเดียวกัน

      คุณไม่รู้สึกรังเกียจเงือกอย่างฉันหรือคะ    เธอก้มหน้าลง

                      ไม่เลยครับ คุณไม่ใช่ผีสางที่ไหน คุณเป็นนางเงือกผมรู้สึกว่าคุณเป็นสิ่งที่มีค่านะครับ   ชายหนุ่มพูดจากใจจริง

                      แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้เป็นมนุษย์แบบคุณนี่นา

                      ผมเข้าใจดีว่าเงือกกับมนุษย์อย่างผมแตกต่างกัน แต่ใจของเราไม่ต่างกันนะครับ   เงือกสาวตื้นตันกับคำพูดที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากมนุษย์คนไหนมาก่อน



                                ชายหนุ่มกับเงือกสาวนั่งสนทนากันราวกับว่ารู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อน เขายอมรับเต็มอกว่าหลงใหลในรอยยิ้มของหล่อน โดยที่ตัวหล่อนก็หลงใหลในรูปลักษณ์และวาทศิลป์ของชายหนุ่มเช่นกัน เขาต้องการเพื่อนสักคนคลายเหงาในขณะที่เงือกสาวก็มีความต้องการแบบเดียวกัน ทั้งสองเหมือนแม่เหล็กที่วิ่งเข้าหากัน

                      เย็นวันนั้นเขากลับถึงห้องพักรีบนำม้วนฟิล์มที่บันทึกภาพเงือกสาวไปแอบไว้มิดชิดเขาไม่แน่ใจว่าอยากให้คนอื่นรับรู้ดีหรือไม่


                                 หลังอาหารมื้อค่ำและแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครตามเขามา ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบไปหาเงือกสาวที่โขดหินตามที่นัดกันไว้ ทั้งสองคนนั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงนับดาวกันไปเรื่อยเปื่อย หากมีคนโสดเห็นทั้งสองตอนนี้เชื่อแน่ว่าในตาอาจมีไฟลุก หลังจากนับดาวกันจนหมดท้องฟ้าทั้งคู่ก็ชวนกันเล่นน้ำ ดำผุดดำว่ายกันท่ามกลางความมืด เสียงหยอกเย้าของหนุ่มสาวดังแว่วไปไกล


      เฮ้ย!! เอ็งไปทำอะไรมาอีกวะนั่น คราวนี้เปียกไปทั้งตัวเลย   บางคนที่ยังไม่เข้านอนทักแซวเขาด้วยความสงสัยระคนขบขัน

                      ใครเขาให้เล่นน้ำกันตอนกลางคืนวะ เดี๋ยวก็ได้จมหายหาไม่เจอหรอก

                      เออ! เรื่องของข้า ข้าจะหายไปก็ช่างเถอะ   เขาทำเสียงขุ่นแต่ในใจกำลังอิ่มสุข หรือเขากำลังตกหลุมรักเงือกสาวเสียงหวานนั่นเข้าแล้ว


       เวลาของการใช้ชีวิตที่เกาะสวรรค์ย่างเข้าวันที่สาม เขาเหลือเวลาอีกเพียงสี่วันก่อนที่จะกลับสู่ความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ชายหนุ่มไม่ค่อยใส่ใจกับงานถ่ายภาพสักเท่าไหร่ตั้งแต่ได้พบกับเงือกสาว เขาเฝ้าแต่ตระเวนไปทั่วบริเวณหาดแถวนั้นเหมือนกับกลัวว่าจะไม่ได้พบกับแม่เงือกสาวนั่นอีก แต่เขาก็พบเธอทุกครั้ง ทั้งสองแอบไปจู๋จี๋กันตลอดเท่าที่โอกาสจะอำนวย เวลาผ่านไปจนถึงคืนสุดท้าย ดวงดาวบนฟ้าในคืนนี้ยังคงสว่างเช่นเคยแต่แสงแห่งความสุขในใจของเงือกสาวดูจะค่อยๆมอดดับลง


      ฉันไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่านี่จะเป็นคืนสุดท้ายที่คุณจะได้อยู่กับฉัน   หล่อนพูดอย่างใจหายทันทีที่รู้ว่าชายหนุ่มต้องกลับพรุ่งนี้

      ผมเองก็รู้สึกเศร้าใจจริงๆครับ ผมยังไม่อยากจากคุณไปเลย   ทั้งสองประคองกันและกัน

      ฉันเหงาเหลือเกินที่ต้องอยู่ที่นี่ตามลำพัง  

      ทำอย่างไรได้.....ก็ชีวิตผมอยู่ในเมืองไม่ใช่ทะเล

      ฉันเข้าใจค่ะ คุณต้องกลับไป......   หล่อนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

      หรือไม่เช่นนั้นคุณก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว.....หรืออย่างไรคะ ?”   เงือกสาวมองลึกเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มเหมือนจะถามความเห็น


      ชายหนุ่มจ้องตาตอบก่อนทำสีหน้าเหม่อลอยไปกับคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่ ละสายตาจากหล่อนเบือนหน้ามองทะเลที่มืดดำ เขาจะตัดสินใจอยู่ที่นี่ตลอดไปได้อย่างนั้นหรือ

      ภาพเงือกสาวแหวกว่ายไปมาในทะเลเหนือดงสาหร่าย กำลังถูกถ่ายทอดสู่สายตาหัวหน้าคณะถ่ายภาพของชายหนุ่ม เขาจ้องดูอย่างทึ่งในสิ่งที่เห็น

      ของจริงเลยนะเนี่ย คุณได้มายังไงกัน เยี่ยมจริงๆ  

      ผมพบเธอหลายครั้งแล้วครับ เธอตั้งใจโผล่มาให้ผมเห็นเองครับ

      หน้าตาสะสวยแบบนี้คุณคงไม่ไปหลงเธอเข้าล่ะ.....  ชายหนุ่มหน้าแดง

      เอาล่ะ ! ไหนคุณบอกผมสิว่าคุณต้องการให้ผมช่วยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้   หัวหน้าของเขาถามขึงขัง

      คือว่า....คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่ผมจะได้พบกับหล่อนเพราะว่าพวกเรามีกำหนดต้องกลับกันในวันพรุ่งนี้แล้ว ผมจึงอยากจะขอ...........

      นี่...!! อย่าบอกนะว่าคุณต้องการจะอยู่ที่นี่ต่อกับแม่นั่น คุณหลงรักนางเงือกหรือ!!”  ปรากฎรอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่ม


       

      นี่คุณ !! ใจลอยไปถึงไหนแล้วคะ คุยกับฉันต่อสิคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วนะ   เสียงใสของเงือกสาวทำให้เขาละจากการคิดถึงบทสนทนาระหว่างเขากับหัวหน้าเมื่อช่วงเย็นก่อนที่จะมาหาหล่อน

      ครับ !!.... ผมคิดอะไรบางอย่างอยู่น่ะครับ   ชายหนุ่มกำลังสับสน ความดีกับความชั่วในใจของเขากำลังต่อสู้กันอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบก้อนหินขนาดเขื่องไว้กระชับมือแล้วลุกขึ้นยืน

      ลุกทำไมคะ คุณจะทำอะไร!!”


                       ยังไม่ทันที่เงือกสาวจะเอ่ยคำใดๆอีกหล่อนก็รู้สึกปวดตึ้บอย่างแรงที่ด้านหลังศีรษะ บรรยากาศโดยรอบที่มืดสลัวอยู่ก่อนแล้วบัดนี้มืดสนิท ร่างที่สลบแน่นิ่งของหล่อนถูกหามหัวหามท้าย ปากถูกปิดด้วยเทปกาว

      มือถูกมัดแน่น

      ชายหนุ่มสองคนเดินหามร่างเงือกสาวไปบนชายหาดที่มืดสลัวก่อนวางไว้ในกระโปรงท้ายรถ

      คุณแน่ใจนะ ว่าจะได้เรื่อง   

                      แน่นอนครับหัวหน้า ผมรู้จักพ่อค้าที่ชอบเล่นของแปลกแบบนี้อยู่หลายคน เชื่อว่าได้หลายหมื่นหรืออาจถึงหลักแสนเลยครับ   ชายหนุ่มทำสีหน้ามั่นใจ

                      ดีๆ ผมจะรอรับส่วนแบ่งนะ ว่าแต่พรุ่งนี้ระหว่างทางคุณอย่าลืมแวะให้น้ำหล่อนด้วยล่ะเดี๋ยวตายไปจะเสียราคาแย่  

                      ครับหัวหน้า ขอบคุณที่ช่วยครับ  

      ก่อนที่ชายทั้งสองจะก้าวเข้าห้องพักของแต่ละคนที่อยู่ไม่ไกลกันนักเขาผิวปากเรียกหัวหน้าอีกครั้งพลางทำท่าเหมือนรูดซิปที่ปากเป็นสัญลักษณ์ หัวหน้าชูมือไว้ระดับอก กางแต่นิ้วโป้งตั้งขึ้นพร้อมขยิบตาข้างเดียวพยักหน้าหงึกๆเป็นเชิงรับทราบแล้วหายเข้าห้องไป

      เงือกสาวช่างมีค่าจริงๆ

                      มันเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เงินช่วยให้คนเลือกระหว่างธรรมมะและอธรรมได้อย่างไม่ต้องลังเลเสียเวลาคิดอยู่นาน



      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×