ของแปลกอ่าวไทย
ช่างภาพหนุ่มนักเดินทางพบเห็นอะไรมามากแต่กับคราวนี้สิ่งที่เขาพบไม่ใช่ธรรมดา มันอาจเปลี่ยนชีวิตเขา (หรือเปล่า ?)
ผู้เข้าชมรวม
197
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ของแปลกอ่าวไทย
เกลียวคลื่นซัดพลิ้วกระทบหาดทรายขาวที่ยามนี้สะท้อนรับแสงแดดจ้าระยิบระยับราวกับแดนสวรรค์ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติล้วนกำลังสัมผัสกับความบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่น่าหลงใหล บรรยากาศโดยรวมแบบนี้ดึงดูดใจให้ชายหนุ่มในชุดลำลองต้องหยุดมองดูผู้คนที่เล่นน้ำริมหาด วางเป้สัมภาระที่สะพายอยู่ข้างหลังลงกับพื้น เดินหามุมที่ดีที่สุดแล้วคว้ากล้องรุ่นเก๋าโบราณแต่คุณภาพเหลือล้นขึ้นมา เอาตาติดกับกล้องยืนนิ่งๆชั่วครู่จึงกดชัตเตอร์ ตามด้วยกล้องดิจิตอลอีกหนึ่งภาพ เขาจ้องดูรูปฝรั่งเล่นน้ำอาบแดดบนหาดสีขาวที่ด้านหลังมองเห็นทิวเขาเขียวชอุ่มตัดกับท้องฟ้าสีสดบนกล้อง ชายหนุ่มทำสีหน้าพอใจในภาพนั่นแล้วแบกเป้ขึ้นหลังก้าวเท้าเดินย่ำทรายต่อไป ที่คอของเขารุงรังไปด้วยกล้องหลายชนิดมองคล้ายนักร้องที่ถูกคล้องมาลัย ชายหนุ่มออกเดินมาตั้งแต่เช้าตรู่ เขาแวะเก็บภาพที่ถูกใจไปตามทางตลอดความยาวของชายหาด จนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนต่ำลงเกือบแตะขอบน้ำทะเลแลเห็นที่ขอบฟ้าไกล
หนุ่มในชุดลำลองพาตัวเองกลับมาถึงที่พักริมหาด เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆต่างกลับมาถึงกันก่อนแล้ว พวกเขากำลังนั่งกินลมอยู่ที่ระเบียงของห้องพักหรู
“เป็นไงบ้างพวก ได้อะไรเด็ดๆไหม” หนุ่มใหญ่ที่อาวุโสกว่าเดินเข้ามาคล้องคอเขา
“ก็ได้ภาพวิวสวยๆทั่วไปแหละครับพี่ แต่สีสันสะดุดตาหลายภาพเลยนะครับ” เขาพูดพลางเปิดภาพในกล้องดิจิตอลให้ดูด้วย
“ฝีมือเอ็งนี่ไม่มีตกเลยนะ เข้าใจหามุมกล้อง เยี่ยมๆ” ชายหนุ่มทำหน้าเขินรับคำยอ
“ไป ไป เอ็งไปจัดการตัวเองแล้วไปรวมกันที่ห้องอาหารนะ หัวหน้ากับคนอื่นๆรอกินข้าวเย็นอยู่”
เขาก้าวเข้าห้องพักทิ้งสัมภาระลงข้างเตียงแล้วรีบจัดแจงถอดม้วนฟิล์มออกจากกล้องนำไปเก็บไว้ในที่มิดชิด ก่อนผลัดผ้าชำระร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน กลิ่นสบู่หอมฟุ้งไปทั่วห้อง น้ำเย็นๆทำให้เขาสดชื่นขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มสะบัดหัวคว้าผ้าขนหนูขยี้ไปทั่วผมที่เปียกชุ่ม เขานั่งจ้องหน้าตัวเองในกระจกบอกกับตัวเองว่าหน้าตาดูโทรมเหลือเกิน นี่แค่วันแรกก็เหนื่อยเสียแล้ว เขายังมีภาระที่สำคัญอีกในวันพรุ่งนี้
ที่ห้องอาหารมีคนไม่มากนักส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนร่วมงานของเขาทั้งนั้น คงเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ใช่หน้าเทศกาลที่ผู้คนจะแห่แหนกันมาเที่ยว เขาตักข้าวหลายทัพพีหยิบกุ้งเผาตัวโตใส่จานจนล้นแล้วจัดการจนมันหายเรียบไปด้วยเวลาไม่นานนัก ก่อนที่จะลุกไปตักเพิ่มอีกหลายครั้ง
ทุกคนต่างนั่งเสวนาหลังอาหารกันอย่างออกรส เขาร่วมวงสนทนาอยู่สักพักจึงปลีกตัวออกมาสัมผัสกลิ่นทะเลยามค่ำคืนตามลำพัง เสียงคลื่นซัดอยู่เบาๆมีกระแสลมโชย ยอดมะพร้าวสะบัดเป็นระยะ เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีดำสนิทที่ประดับประดาด้วยดาวสว่างใสกระจายไปทั่ว เขาแหงนมองอยู่อย่างนั้นฉับพลันก็เกิดความรู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ บรรยากาศยามนี้น่าจะมีใครสักคนอยู่ข้างๆแล้วชวนกันนับดาว
ชายหนุ่มเดินทอดน่องไปช้าๆ เขาพบโขดหินดำทะมึนที่โผล่เหนือน้ำไกลออกไปในทะเลไม่มากนัก สิ่งที่อยู่บนโขดหินทำให้เขาต้องหยุดและเพ่งพินิจ แสงจันทร์กระจ่างช่วยให้เขาเห็นได้ไม่ยาก
หญิงสาวนางหนึ่งนั่งหันหน้าออกทะเลกำลังเอามือสางผมอยู่บนโขดหินนั่น แผ่นหลังเธอเปลือยเปล่าเหมือนหล่อนกำลังเป็นส่วนตัวจนกระทั่งเธอชะงักเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาของชายหนุ่มที่กำลังจับจ้อง เธอค่อยๆหันมาทางเขาช้าๆ หากไม่มีความมืดมากั่นกลางระหว่างเขาและเธอยามนี้ทั้งสองสายตาคงกำลังสบกันเขม็ง เหมือนเวลาจะเดินช้าลงไปชั่วระยะหนึ่งขณะที่ทั้งสองจ้องกัน ชายหนุ่มคิดในใจ ค่ำมืดแบบนี้ผู้คนกลับเข้าที่พักกันหมดแล้ว เธอเป็นใครทำไมไปนั่งอยู่ที่นั่นเวลานี้ เขาตัดสินใจเดินลุยน้ำตรงไปที่โขดหิน ระยะห่างระหว่างทั้งสองสั้นลงตามจำนวนก้าวที่เขาเดินไป จนในที่สุดเขาก็หยุดเดิน ตอนนี้ทั้งสองห่างกันเพียงสามวา หญิงสาวนั่งหันหลังให้เขา ดวงตาของหล่อนหวานหยาดเยิ้มผมเปียกน้ำยาวทิ้งตัวลงบนโขดหิน ผิวเกลี้ยงสะท้อนแสงจันทร์ดูเปล่งปลั่งดั่งไข่ปอก มีเปลือกหอยขนาดย่อมปกปิดปทุมถัน เขาสังเกตเห็นขณะที่เธอเอี้ยวตัวมามองเขา
“........เอ่อ........ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจเอ่ยทัก หล่อนเงียบแล้วเบือนหน้ากลับไป
“ดึกแล้วนะครับ......... อากาศเย็น.......กลับฝั่งเถอะครับ” คราวนี้รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของหล่อน
ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยคำใดอีกหล่อนก็ขยับกายแล้วกระโดดลงทะเลหายลับไป ทิ้งให้เขายืนน้ำท่วมเอวงุนงงอยู่ลำพัง ชั่ววูบหนึ่งที่เธอกระโดดลงทะเลเหมือนเขาจะสังเกตเห็นว่าหล่อนไม่มีขาเหมือนคนทั่วๆไป หากแต่มีช่วงล่างที่มีลักษณะเหมือนหางปลาเสียมากกว่า
เมื่อเขากลับถึงที่พัก เพื่อนๆถามอย่างอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงตัวเปียกครึ่งตัว เขาโบ้ยไปว่าเกิดอาการอยากเล่นน้ำขึ้นมากะทันหัน คืนนั้นเขานอนพลิกกายไปมาบนเตียงนอนพยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ดูยากเย็น เพราะรอยยิ้มของสาวลึกลับบนโขดหินนั่น อีกทั้งช่วงล่างของเจ้าหล่อนที่เหมือนหางปลาทำให้ต้อง
ครุ่นคิดถึงเธออยู่อย่างนั้น เขาไม่อยากบอกกับตัวเองว่าเขาไปพบกับนางเงือกเข้าให้แล้ว แถมยังติดใจในรอยยิ้มละไมของหล่อนเสียด้วย
รุ่งขึ้นคณะของชายหนุ่มออกทะเลสู่เกาะที่อยู่ถัดไปแถบนั้น ทุกๆคนสวมชุดดำน้ำเตรียมตัวสำหรับการถ่ายภาพใต้น้ำ คณะถ่ายภาพทิ้งตัวลงในน้ำตามจุดต่างๆแยกย้ายกันไป ที่ระดับน้ำลึกไม่เกินสิบเมตร เขาโบกตีนกบเคลื่อนตัวไปช้าๆพร้อมกล้องถ่ายภาพมั่นในมือ ปะการังอวดสีสดใสให้กล้องบันทึกภาพ ดอกไม้ทะเลโบกสะบัดหนวดไปมาหยอกล้อกับฝูงปลาการ์ตูน ปลานกแก้วสีแสบตาว่ายเคียงข้างเขาเหมือนมันสงสัยว่าชายหนุ่มในชุดดำน้ำเป็นตัวอะไรกันแน่ เขาดื่มด่ำกับธรรมชาติจนเกือบลืมเรื่องเงือกสาวเสียสนิทถ้าเขาไม่บังเอิญสังเกตเห็นหล่อนอีกครั้งในดงสาหร่ายตรงหน้าขณะนี้ ดูเหมือนว่าหล่อนตั้งใจที่จะปรากฏกายให้เขาเห็นโดยเฉพาะ เขาตื่นเต้นจนมือไม้สั่น มีเงือกอยู่ในน่านน้ำไทยจริงๆหรือนี่
ภาพเงือกสาวถูกบันทึกลงกล้อง หล่อนว่ายน้ำอยู่ตรงหน้าโปรยยิ้มให้เขาตลอดเวลาที่เคลื่อนกายเหมือนปลาไปมาในน้ำทะเลสีฟ้าใส เกล็ดของหล่อนเป็นสีเขียวมันวาวราวกับสีของปีกแมลงทับ ผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วไปตามกระแสน้ำชวนให้เขาว่ายตามไปเรื่อยๆ
และชายหนุ่มก็พบตัวเองอยู่ในถ้ำใต้น้ำ รอบกายมีแต่โขดหิน หนทางที่เป็นโพรงใต้น้ำโดยการนำของเงือกสาวพาเขาไปพบกับถ้ำขนาดใหญ่ มันเหมือนเป็นหนทางลับ ชายหนุ่มโผล่ขึ้นเหนือน้ำเขาสัมผัสได้ถึงอากาศที่เหมือนกับบนบก เขารู้สึกอัศจรรย์ใจกับถ้ำใต้น้ำอันโอ่โถงแห่งนี้ มันเหมือนถ้ำที่อยู่บนบกไม่มีผิดหากแตกต่างกันตรงที่มันอยู่ใต้ทะเล เงือกสาวนั่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มอยู่บนหิน หย่อนหางปลาลงแช่น้ำสะบัดเล่นไปมา เขาวางกล้องลงกับพื้นเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ หล่อนไม่มีท่าทางกลัวเขาเลยสักนิด
“สวัสดีค่ะ” เป็นคำพูดแรกที่เขาได้ยินจากปากเงือกสาว เสียงเธอหวานจับใจ
“สวัสดีครับ เราเคยพบกันแล้วใช่ไหมครับ” เขาถามเพื่อความแน่ใจว่าเธอเป็นคนเดียวกับคนที่พบเมื่อค่ำวานนี้
“ค่ะ ฉันจำคุณได้” ชายหนุ่มรู้สึกดีใจที่ได้ยิน
“.......เอ่อ ...ครับ.....คือว่า.....ที่ขาของคุณ..?” เขายังตะลึงกับการได้พบนางเงือกตัวจริงจึงพูดไปแบบนั้น
“ค่ะ ฉันเป็นนางเงือก ฉันเป็นตัวสุดท้ายและเป็นเผ่าพันธุ์สุดท้ายที่เหลืออยู่” ชายหนุ่มจ้องหางหล่อนตาไม่กระพริบ
“ผมขออนุญาตสัมผัสได้ไหมครับ” เขายื่นมือไปแตะหางของหล่อนโดยไม่รอคำตอบ มันสัมผัสลื่นเหมือนเกล็ดปลาทั่วไปจริงๆ แต่ต่างกันที่มีสีสันสวยงามกว่ามาก
“คุณ คงประหลาดใจมากสินะ” ชายหนุ่มชักมือกลับแล้วสบตาเงือกสาว
“ก็ยอมรับว่า ประหลาดใจครับ”
“แต่คุณท่าทางใจดีนะคะ ไม่เหมือนคนอื่นๆที่เคยพบเห็นฉัน พวกเขามักตื่นกลัว หรือไม่ก็ทำร้ายฉัน
.ฉันรู้สึกเหงา เพราะไม่มีใครเหลืออยู่เป็นเพื่อนฉันเลย”
“แย่จังเลยครับ สำหรับคนพวกนั้น........ แปลกจริงๆคุณรู้สึกเหงาเหมือนผมเลยครับ” เงือกสาวตาเป็นประกายที่ได้รู้ว่าชายหนุ่มคิดแบบเดียวกัน
“คุณไม่รู้สึกรังเกียจเงือกอย่างฉันหรือคะ” เธอก้มหน้าลง
“ไม่เลยครับ คุณไม่ใช่ผีสางที่ไหน คุณเป็นนางเงือกผมรู้สึกว่าคุณเป็นสิ่งที่มีค่านะครับ” ชายหนุ่มพูดจากใจจริง
“แต่ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้เป็นมนุษย์แบบคุณนี่นา”
“ผมเข้าใจดีว่าเงือกกับมนุษย์อย่างผมแตกต่างกัน แต่ใจของเราไม่ต่างกันนะครับ” เงือกสาวตื้นตันกับคำพูดที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากมนุษย์คนไหนมาก่อน
ชายหนุ่มกับเงือกสาวนั่งสนทนากันราวกับว่ารู้จักกันมาแต่ชาติปางก่อน เขายอมรับเต็มอกว่าหลงใหลในรอยยิ้มของหล่อน โดยที่ตัวหล่อนก็หลงใหลในรูปลักษณ์และวาทศิลป์ของชายหนุ่มเช่นกัน เขาต้องการเพื่อนสักคนคลายเหงาในขณะที่เงือกสาวก็มีความต้องการแบบเดียวกัน ทั้งสองเหมือนแม่เหล็กที่วิ่งเข้าหากัน
เย็นวันนั้นเขากลับถึงห้องพักรีบนำม้วนฟิล์มที่บันทึกภาพเงือกสาวไปแอบไว้มิดชิดเขาไม่แน่ใจว่าอยากให้คนอื่นรับรู้ดีหรือไม่
หลังอาหารมื้อค่ำและแน่ใจแล้วว่าไม่มีใครตามเขามา ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบไปหาเงือกสาวที่โขดหินตามที่นัดกันไว้ ทั้งสองคนนั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงนับดาวกันไปเรื่อยเปื่อย หากมีคนโสดเห็นทั้งสองตอนนี้เชื่อแน่ว่าในตาอาจมีไฟลุก หลังจากนับดาวกันจนหมดท้องฟ้าทั้งคู่ก็ชวนกันเล่นน้ำ ดำผุดดำว่ายกันท่ามกลางความมืด เสียงหยอกเย้าของหนุ่มสาวดังแว่วไปไกล
“เฮ้ย!! เอ็งไปทำอะไรมาอีกวะนั่น คราวนี้เปียกไปทั้งตัวเลย” บางคนที่ยังไม่เข้านอนทักแซวเขาด้วยความสงสัยระคนขบขัน
“ใครเขาให้เล่นน้ำกันตอนกลางคืนวะ เดี๋ยวก็ได้จมหายหาไม่เจอหรอก”
“เออ! เรื่องของข้า ข้าจะหายไปก็ช่างเถอะ” เขาทำเสียงขุ่นแต่ในใจกำลังอิ่มสุข หรือเขากำลังตกหลุมรักเงือกสาวเสียงหวานนั่นเข้าแล้ว
เวลาของการใช้ชีวิตที่เกาะสวรรค์ย่างเข้าวันที่สาม เขาเหลือเวลาอีกเพียงสี่วันก่อนที่จะกลับสู่ความวุ่นวายของเมืองใหญ่ ชายหนุ่มไม่ค่อยใส่ใจกับงานถ่ายภาพสักเท่าไหร่ตั้งแต่ได้พบกับเงือกสาว เขาเฝ้าแต่ตระเวนไปทั่วบริเวณหาดแถวนั้นเหมือนกับกลัวว่าจะไม่ได้พบกับแม่เงือกสาวนั่นอีก แต่เขาก็พบเธอทุกครั้ง ทั้งสองแอบไปจู๋จี๋กันตลอดเท่าที่โอกาสจะอำนวย เวลาผ่านไปจนถึงคืนสุดท้าย ดวงดาวบนฟ้าในคืนนี้ยังคงสว่างเช่นเคยแต่แสงแห่งความสุขในใจของเงือกสาวดูจะค่อยๆมอดดับลง
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่านี่จะเป็นคืนสุดท้ายที่คุณจะได้อยู่กับฉัน” หล่อนพูดอย่างใจหายทันทีที่รู้ว่าชายหนุ่มต้องกลับพรุ่งนี้
“ผมเองก็รู้สึกเศร้าใจจริงๆครับ ผมยังไม่อยากจากคุณไปเลย” ทั้งสองประคองกันและกัน
“ฉันเหงาเหลือเกินที่ต้องอยู่ที่นี่ตามลำพัง”
“ทำอย่างไรได้.....ก็ชีวิตผมอยู่ในเมืองไม่ใช่ทะเล”
“ฉันเข้าใจค่ะ คุณต้องกลับไป......” หล่อนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“หรือไม่เช่นนั้นคุณก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว.....หรืออย่างไรคะ ?” เงือกสาวมองลึกเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มเหมือนจะถามความเห็น
ชายหนุ่มจ้องตาตอบก่อนทำสีหน้าเหม่อลอยไปกับคำพูดที่ได้ยินเมื่อครู่ ละสายตาจากหล่อนเบือนหน้ามองทะเลที่มืดดำ เขาจะตัดสินใจอยู่ที่นี่ตลอดไปได้อย่างนั้นหรือ
ภาพเงือกสาวแหวกว่ายไปมาในทะเลเหนือดงสาหร่าย กำลังถูกถ่ายทอดสู่สายตาหัวหน้าคณะถ่ายภาพของชายหนุ่ม เขาจ้องดูอย่างทึ่งในสิ่งที่เห็น
“ของจริงเลยนะเนี่ย คุณได้มายังไงกัน เยี่ยมจริงๆ”
“ผมพบเธอหลายครั้งแล้วครับ เธอตั้งใจโผล่มาให้ผมเห็นเองครับ”
“หน้าตาสะสวยแบบนี้คุณคงไม่ไปหลงเธอเข้าล่ะ.....” ชายหนุ่มหน้าแดง
“เอาล่ะ ! ไหนคุณบอกผมสิว่าคุณต้องการให้ผมช่วยอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้” หัวหน้าของเขาถามขึงขัง
“คือว่า....คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่ผมจะได้พบกับหล่อนเพราะว่าพวกเรามีกำหนดต้องกลับกันในวันพรุ่งนี้แล้ว ผมจึงอยากจะขอ...........”
“นี่...!! อย่าบอกนะว่าคุณต้องการจะอยู่ที่นี่ต่อกับแม่นั่น คุณหลงรักนางเงือกหรือ!!” ปรากฎรอยยิ้มบนใบหน้าของชายหนุ่ม
“นี่คุณ !! ใจลอยไปถึงไหนแล้วคะ คุยกับฉันต่อสิคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้วนะ” เสียงใสของเงือกสาวทำให้เขาละจากการคิดถึงบทสนทนาระหว่างเขากับหัวหน้าเมื่อช่วงเย็นก่อนที่จะมาหาหล่อน
“ครับ !!.... ผมคิดอะไรบางอย่างอยู่น่ะครับ” ชายหนุ่มกำลังสับสน ความดีกับความชั่วในใจของเขากำลังต่อสู้กันอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบก้อนหินขนาดเขื่องไว้กระชับมือแล้วลุกขึ้นยืน
“ลุกทำไมคะ คุณจะทำอะไร!!”
ยังไม่ทันที่เงือกสาวจะเอ่ยคำใดๆอีกหล่อนก็รู้สึกปวดตึ้บอย่างแรงที่ด้านหลังศีรษะ บรรยากาศโดยรอบที่มืดสลัวอยู่ก่อนแล้วบัดนี้มืดสนิท ร่างที่สลบแน่นิ่งของหล่อนถูกหามหัวหามท้าย ปากถูกปิดด้วยเทปกาว
มือถูกมัดแน่น
ชายหนุ่มสองคนเดินหามร่างเงือกสาวไปบนชายหาดที่มืดสลัวก่อนวางไว้ในกระโปรงท้ายรถ
“คุณแน่ใจนะ ว่าจะได้เรื่อง”
“แน่นอนครับหัวหน้า ผมรู้จักพ่อค้าที่ชอบเล่นของแปลกแบบนี้อยู่หลายคน เชื่อว่าได้หลายหมื่นหรืออาจถึงหลักแสนเลยครับ” ชายหนุ่มทำสีหน้ามั่นใจ
“ดีๆ ผมจะรอรับส่วนแบ่งนะ ว่าแต่พรุ่งนี้ระหว่างทางคุณอย่าลืมแวะให้น้ำหล่อนด้วยล่ะเดี๋ยวตายไปจะเสียราคาแย่”
“ครับหัวหน้า ขอบคุณที่ช่วยครับ”
ก่อนที่ชายทั้งสองจะก้าวเข้าห้องพักของแต่ละคนที่อยู่ไม่ไกลกันนักเขาผิวปากเรียกหัวหน้าอีกครั้งพลางทำท่าเหมือนรูดซิปที่ปากเป็นสัญลักษณ์ หัวหน้าชูมือไว้ระดับอก กางแต่นิ้วโป้งตั้งขึ้นพร้อมขยิบตาข้างเดียวพยักหน้าหงึกๆเป็นเชิงรับทราบแล้วหายเข้าห้องไป
เงือกสาวช่างมีค่าจริงๆ
มันเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เงินช่วยให้คนเลือกระหว่างธรรมมะและอธรรมได้อย่างไม่ต้องลังเลเสียเวลาคิดอยู่นาน
ผลงานอื่นๆ ของ สาหิง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ สาหิง
ความคิดเห็น