คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : InnKeeper : Vol.1 100%
Vol. 1
แบมแบมยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าประตู ถึงแม้ว่าสายฝนยังคงกระหน่ำสาดซัด หยดน้ำหนาวเหน็บเกาะไปทั่วร่างน้อยนี่แล้ว แต่ในเมื่อเจ้าของบ้านยังไม่เชื้อเชิญ มีหรือที่เขาจะกล้าย่างกายเข้าไป
สภาพดินฟ้าอากาศดูท่าจะเลวร้ายลงไปอีก คนตัวเล็กต้องสะดุ้งตื้นตกใจอีกครั้งเมื่อเสียงสายฟ้าฟาดสายล่อฟ้าในระยะที่ไม่ไกลนัก เสียงกึกก้องกัมปนาทราวกับตึกถล่มนั้นทำให้คนที่ตระหนกกับสถานการณ์เลวร้ายอยู่แล้วถึงกับถอยเท้าให้แผ่นหลังบางแนบกับบานประตูใหญ่ที่ถูกแง้มไว้เล็กน้อยเพื่อความอุ่นใจได้บ้าง
ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ตวงตากลมโตยังคงจับจ้องอยู่ที่แผ่นฟ้าสีมืดมนด้วยความหวาหวั่นในจิตใจ กระทั่งมีเสียงสวรรค์มาโปรดทำให้ใบหน้าน่ารักจึงแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปลอดโปร่ง
“..เข้ามาซิ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นไม่ดังมากนักแต่ก็พอให้คนด้านนอกได้ยิน
บางทีแบมแบมอาจไม่รู้ตัวเลยว่าเสียงสวรรค์ที่ตนได้ยินนั้น ..อาจจะเป็นเสียงเพรียกหาของอสูรร้ายในคราบมัจจุราชสีมืดนั่นเอง
เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตของผู้เป็นเจ้าของบ้านเช่นนี้ บานประตูก็ค่อยๆถูกผลักเข้าไปช้าๆ ในขณะที่ตนก็กวาดสายตาไปทั่วในตัวคฤหาสน์หลังนี้
...........มองไม่เห็น...
คงเป็นความคิดที่ตลกร้ายจนทำให้คนตัวเล็กยิ้มค้างในความคิดของตน ชั่งแตกต่างจากดวงตาที่ไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิด..
จะให้ยิ้มยังไงไหว ในเมื่อด้านในนี้มืดมิดจนมองไม่เห็นแม้มือตนเอง
แบมแบมไม่กล้าเดินไปไหนเพราะกลัวว่าจะไปทำลายข้าวของบ้านเขาจนพังไม่เป็นท่า
พร้อมกันนั้นเองเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นอีกครา แสงสว่างวาบทำให้คนที่เพ่งสายตาในความมืดหลับตาปี๋ลงทันที
เขากลัว.. กลัวเสียงฟ้า
..กลัวความมืดที่เริ่มเกาะกุมหัวใจดวงน้อยอย่างช้าๆ
กลัวเสียงพายุที่โหมกระหน่ำดังวาบหวิวราวกับเสียงร้องของปีศาจ..
“คุณ คุณครับ!” แบมแบมตัดสินใจร้องเรียกหาคนที่ตนเจอก่อนจะเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้
เงียบ.... มันเงียบจนเกินไป..
มีเพียงเสียงหยดน้ำตกกระทบพื้นดินและเสียงฟ้าคำรามที่เขาเกลียดนักหนา
ปัง! ทันใดนั้นเองดวงตาที่เพ่งอยู่กับความมืดก็เบิกกว้าง หัวใจเต้นแรงขึ้นอีก เมื่อประตูที่เขาเปิดเข้าเมื่อกี้ปิดลงด้วยฝีมือของใครสักคนนึง...
ใครคนที่ปิดประตูบานใหญ่นั้นลงอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่ตอนแบมแมเปิดเข้ามันหนักยิ่งกว่าหินทับไว้เสียอีก
แบมแบมเห็นว่าร่างของผู้ที่ค่อยๆก้าวออกมาจากประตูดำทะมึนอยู่ในความมืด หัวใจที่เต้นแรงอยู่แล้วเต้นแรงขึ้นอีกจนแทบจะหยุดเต้นลงเอาเสียดื้อๆเมื่อร่างนั้นเริ่มก้าวมาหาตนช้า... ช้าลงอีก.. แบมแบมไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
กระทั่งร่างกายทั้งสองห่างกันไม่ถึงเมตร....
แสงเทียนถูกจุดขึ้นในค่ำคืนที่มีเพียงแสงฟ้าลงมาในบางครั้ง เปลวเทียนพลิ้วไหวไปตามกระแสลมที่พัดผ่าน..
น่าแปลก ที่เปลวเทียนนั้นไม่มีทีท่าว่าจะดับแม้ลมจะแรงมากเพียงใด
แสงสว่างของเทียนเล่มเล็กอาจไม่มากนัก แต่ก็มากพอจะเห็นหน้าของคนทั้งสองได้ชัดเจน
รอยยิ้มเย็นเยือกจุดอยู่บนริมฝีปากบางชวนหลงใหล ร่างเล็กไม่สามารถละสายตาจากคนๆนี้ได้เลย
“..ขอต้อนรับ” เสียงแผ่วเบาทว่าบาดลึกเขาไปในแก้วหูของคนฟังจนสะดุ้งโหยง
“เอ่อ.. ครับ ผมขอบคุณมากนะครับ ผมไม่รบกวนนานหรอกครับ พอฝนตกผมจะไปทันทีเลย
ขอโทษนะครับ”
ร่างเล็กก้มหัวเป็นเชิงขอโทษที่ต้องรบกวนอีกฝ่ายยามค่ำมืดแบบนี้
ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย แบมแบมจึงเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าอีกฝ่ายยังคงไว้ซึ่งรอยยิ้มชวนขนลุกอยู่แบบนั้น
ร่างสูงหันหลังเดินนำไปเพียงสองก้าวก็หยุดชะงักก่อนจะพูดเสียงเบาแต่ชัดเจน
“ตามมาสิครับ”
............................................
50%
……………………………………….
ห้าทุ่มสิบสามนาที แม้จะไม่ใช่เวลาที่ดึกมากนักสำหรับคนเมืองอย่างเขา แต่ตอนนี้แบมแบมกลับรู้สึกว่าที่นี่มันช่างเงียบเหงาวังเวงเสียเหลือเกิน สายตาของร่างเล็กยังคงจับจ้องไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มด้านหน้า ที่ตลอดทางผ่านมาก็ยังไม่เอ่ยพูดคำใดกับตนอีกเลย
จะว่าอึดอัดก็ไม่ใช่ เพียงแต่ความรู้สึกแปลกๆตั้งแต่เจอหน้าคนๆนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองเพื่อรอหาคำตอบที่ค้างคาใจ แบมแบมเดินตามร่างสูงขึ้นมาถึงชั้นสอง หากเปรียบว่าชั้นล่างน่าพิศวงจนไม่กล้าลืมตามองสิ่งใด ชั้นสองนี้คงไม่ต้องหายใจหายคอกันเลย
เพียงแค่คนตัวเล็กก้าวขึ้นบันไดที่ปูด้วยด้วยพรหมกำมะหยี่สีเลือดนกขั้นแรก ลมหอบใหญ่มาจากทิศทางใดมิอาจทราบพัดเอาเศษฝุ่นผงเข้าปากเข้าตาจนแสบไปทั่วหน้า แบมแบมโก่งตัวไอจนแสบคอ นัยตาแดงจนน่ากลัว น้ำตาไหลออกมาราวกับจะชะล้างใบหน้าที่เปรอะเปรื้อนไปด้วยสิ่งสกปรก ร่างสูงที่เดินนำหน้าอยู่ชะงักฝีเท้า แต่เพียงแค่ปรายตามามองแว่บเดียวเท่านั้นก็กลับไปเดินต่อเป็นปกติ
ร่างเล็กได้แต่เดินตามคนนำทางไปจนถึงที่หมาย ลูกกุญแจถูกไขบนประตูบานหนึ่งอย่างไม่รีบร้อนนัก
“เชิญครับ” ร่างสูงผายมือไปยังห้องมืดที่คิดจะมองยังไงก็ไม่มีทางเห็นรูปลักษณ์ภายในเป็นแน่
แบมแบมก้มหัวขอบคุณอีกคนอย่างนอบน้อม แม้จะยังรู้สึกสงสัยในท่าทีลึกลับของชายผู้นี้อยู่บ้าง แต่ในเมื่อเจ้าตัวไม่คิดเสวนาด้วย การไปละลาบละล้วงคนอื่นที่เพิ่งเห็นหน้ากันวันแรกแถมยังช่วยเขาไว้อีกคงน่าเกลียดพิลึก
ก่อนจะจากไปร่างสูงได้ให้เทียนไขแบมแบมไว้หนึ่งเล่มและไม้ขีดไฟอันเล็กๆพร้อมกับเอ่ยคำพูดที่อาจทำให้ร่างเล็กนอนไม่หลับทั้งคืน
“ราตรีสวัสนะครับ ค่ำคืนนี้คุณคงฝันดี.... ..เป็นคืนสุดท้าย” จากไปพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ร่างเล็กเสียวสันหลังขึ้นมาทันที รอยยิ้มที่น่ากลัว น่ากลัวจนเขาไม่กล้านึกถึงมันอีก
แบมแบมจุดเทียนไขที่ได้มาแล้วส่องมันไปทั่วห้อง ไม่ต่างจากที่คาดไว้มากนัก ห้องสี่เหลี่ยมกว้างพื้นห้องปูด้วยพรหมแบบเดียวกันกับทางขึ้นบันได เตียงนอนใหญ่สีเลือดนกสำหรับสองคน ผ้านวมลายฉลุสีดำมีมุ้งสีเดียวกันรวบอยู่ระหว่างมุมเตียง
คนตัวเล็กกำลังสำรวจห้องอย่างเพลิดเพลินจนลืมความกังวลใจที่ตนมีอยู่ แต่แล้ว..ความเพลิดเพลินเช่นนั้นแทบมลายไปหมดสิ้นเมื่อความรู้สึกเหมือนไม่ได้อยู่ในห้องนั้นคนเดียว หูคล้ายแว่วได้ยินเสียงฝีเท้าใครอีกคนหนึ่งเดินวนเวียนอยู่ในห้องนี้ บางทีก็เหมือนเดินเข้ามาใกล้ๆ บางทีก็ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาคล้ายเป็นเสียงหัวเราะชอบใจ จนร่างเล็กทนไม่ไหว ความกลัวเริ่มกลับมาอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้มันจะมากกว่าครั้งก่อนหน้า
แบมแบมหันซ้ายหันขวาได้แต่บอกตัวเองว่าหูแว่วไปแน่ๆ หรือไม่ก็แค่เสียงของห้องอื่นเท่านั้น
แต่เมื่อลองคิดดูแล้วห้องอื่นงั้นหรอ? ที่นี่มีใครอยู่อีกนอกจากผู้ชายคนนั้น
“เอ่อ ใครหรอครับ เข้ามาหาผมมีอะไรหรือเปล่า” คนตัวเล็กตัดสินใจถามออกไปทั้งที่ไม่รู้ว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับอะไร
ไม่มีเสียงตอบรับ แต่เสียงฝีเท้ายังคงอยู่
แบมแบมนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหนเหมือนเป็นหุ่นตัวนึงเท่านั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยอะไรออกมาอีก
แม้บรรยากาศจะเย็นจนถึงขั้นหนาวเพราะสายฝนยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย แต่ร่างเล็กในตอนนี้กลับหน้าซีด เหงื่อกาฬใหลตกแช่งกับฝนด้านนอก
เสียงเงียบไปแล้ว คราวนี้เงียบจริงๆ ไม่มีเสียงเดิน เสียงกระซิบแต่แบมแบมยังคงนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน
ฟ้าคำรามเสียงดังอีกครั้ง ร่างเล็กต้องสะดุ้งสุดตัว ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง ขนลุกเกรียว รู้สึกหนาวขึ้นมาทันที
....เสียงกระซิบที่หายไป..
...มันดังขึ้นที่ข้างหู..
ร่างเล็กร้องโวยวายลั่นห้อง ทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากที่นั่ง วิ่งไปยังประตูหมายจะเปิดมันออกสุดแรง
...เปิดไม่ออก ประตูถูกล็อกจากทางด้านนอก
แบมแบมเหมือนไม่มีสติอยู่แล้วตอนนี้เอาแต่กระชากประตูทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีทางเปิดออก
“ช่วยด้วย ฮึก ช่วยด้วย!” เสียงสั่นตะโกนไม่หยุด คนตัวเล็กเริ่มร้องไห้เมื่อรู้ว่าตนไม่มีทางออกไปไหนได้อีกแล้ว
กระแสลมพัดแผ่วเบา ผ้าม่านสีขาวปลิวสยายออก แบมแบมรู้สึกเย็นวาบที่ตันคอก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มต่ำข้างหู เป็นเสียงที่พอได้ฟังคนตัวเล็กก็รู้ทันทีว่าใคร
“อยากให้ช่วยหรอครับ” ผู้ชายคนนั้น! คนที่ช่วยเขาไว้กำลังยืนซ้อนด้านหลังของเขาพร้อมกับก้มหน้าลงมากระซิบเสียงแผ่ว แต่ว่าเขาเข้ามาได้ยังไงกัน
“นาย ... นายเป็นใครกันแน่” เกิดความเงียบชั่วอึดใจ ร่างสูงยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะตอบออกมาเสียงเรียบ
“เป็นอะไรก็ไม่สำคัญแต่นายเรียกฉันว่ามาร์คได้...”
ลงครบแล้วนาาา ถ้าสนุกคอมเม้นไว้ด้วยยนาาา หนึ่งคอมเม้นต่อหนึ่งกำลังใจจจ >< อย่าใจร้ายกับไรท์เบยยT^T
ชอบบอกต่อ จะพยายามแต่งให้ดีที่สุดนะคะ
ถามจริงมันโอเคมั้ยอะ พอสนุกหรือป่าว บอกกันได้นะว่าต้องแก้อะไรตรงไหน
เพราะว่านี้เป็นเรื่องแรกของไรท์ ผิดพลาดตรงไหนขอโทษด้วยนะๆๆ TT
ความคิดเห็น