ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [๋GOT7] JUST YOU {markbam}

    ลำดับตอนที่ #3 : JUST YOU : 02 100%

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 57


    B B


    JUST YOU

     

    02






    .
    .
    .
    .











     

    20:31



     

    “แบมแบมมม เฮียกลับมาแล้วววว”

     

    เฮ้ออออ กว่าจะได้กลับบ้านมานี่ก็เล่นเอาซะเพลียเลยครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้ไอ้แบมมันจะหิวจนเป็นลมไปรึยัง


    เห็นตัวแค่นั้นจริงๆแล้วกินจุสุดๆ ผมเลยต้องเอาใจมันซื้อของกินมาเพียบโทษฐานกลับบ้านดึก


    ไม่ได้ๆ เดี๋ยวแฟนงอน


    อ้า... แอบเขินแฮะ


    ป่าวๆๆ ผมไม่ได้คิดอะไรกับแบมแบมนะ!! ป่าวจริงๆนา

     

    งื้ออ.... เขิน (.///. )

    (อร๊ายยอิหวังมุ้งมิ้ง -*-)

     
     

    “แบมมมม อยู่ไหนนนน” 



    ตะโกนหาอีกคนก่อนจะมองไปรอบห้อง


    อยู่ไหนของมันเนี่ย? จะว่าไปตอนที่เข้ามาไฟก็ไม่ได้เปิดไว้นี่..


    คิดได้แบบนั้นผมก็รีบวิ่งเข้าไปดูในห้องนอนที่ปกติแบมจะชอบนอนทำการบ้านอยู่



     

     

    ว่างเปล่า..

     

     


     

    "เฮ้ยแบม! อย่าเงียบดิ"

     

     
     

    ผมตะโกนเรียกอีกรอบ วิ่งวนจนทั่วห้อง


    ในห้องน้ำก็ไม่มี ห้องครัวก็ไม่เจอ หายไปไหน?!


    ผมควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าอย่างรีบร้อนก่อนจะต่อสายถึงคนตัวเล็ก

     


     

    ไม่มีสัญญาณตอบรับจา...

     

     
     

    “โถ่เว้ย!

     
     

    สบถออกมาอย่างหัวเสีย


    แบมมันจะหายไปไหนได้ ถ้าเป็นปกติเวลาที่จำเป็นต้องกลับดึกแบมมันจะโทรบอกผมก่อนทุกครั้ง


    เรื่องหนีเที่ยวนี่ยิ่งแล้วใหญ่แค่มันเดินไปหน้าปากซอยก็บ่นว่าอยากกลับมานอนแล้ว ไอ้เด็กนี่ขี้เซาจะตาย


    หรือจะเกิดอะไรขึ้น? 


    เกิดอุบัติเหตุรึป่าว?


    หรือจะโดนใครฉุด?


    โอ้ยยย ยิ่งคิดยิ่งเป็นห่วง


    ผมเริ่มนั่งไม่ติดเมื่อคิดถึงความปลอดภัยของน้องมัน ยกโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งเลื่อนหาเบอร์ที่พอจะช่วยให้

    ความเป็นห่วงของผมทุเลาลงบ้าง









    (ฮัลโลลล พี่แจ็.. )

     

    “ยูคยอมแบมแบมอยู่กับนายรึป่าว”

     

    ไม่รอให้ปลายสายพูดจบผมก็รีบชิงถามก่อน

     

    (แบมแบมหรอพี่ กลับไปตั้งแต่บ่ายสามแล้วนะ บอกว่าง่วงๆเนี่ยแหละ)

     

    “หะ? บ่ายสาม..”

     

    แหงนหน้ามองนาฬิกาสีฟ้าอ่อนบนโต๊ะทำงานก่อนที่คิ้วของผมจะขมวดติดกันมากกว่าเดิม

     

     

     

     

    20:45

     

     

     

    (พี่แจ็ค เกิดอะไรขึ้นอะแบมแบมยังไม่กลับบ้านหรอ? เออพี่แจ็ควันนี้แบมมันดูไม่ค่อยดีด้วยอะไม่สบายรึป่าว)

     

    ผมไม่ได้ตอบอะไรยูคยอม แต่กลับวิ่งออกมาจากห้องด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ




    ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย..

     

     
     

    ผมวิ่งออกมาจนถึงซอกตึกเก่าที่คนแถวนี้เรียกมันว่าซอกผีสิง เหอะ! มีแต่ไอ้พวกมั่วสุมทั้งนั้น

    ผมถึงไม่ชอบให้แบมแบมมันผ่านแถวนี้นัก

     














     

    แต่จริงๆแล้วมันมีอีกเหตุผลนึง

    .

    .

    เหตุผลที่ผมไม่เคยบอกน้องมัน..

     

     

     
     

    ผมเดินเข้าไปในช่องแคบระหว่างตึกอย่างระมัดระวังก่อนจะรู้สึกได้ถึงบางอย่าง

    .

    .

     

     

     
     

     

    กลับมาแล้วงั้นหรอ?

     

    หึ กลิ่นแบบนี้มัน..

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    ซาตานสีแดง

     




    ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..









     

     

     
     

    “พี่มาร์คครับ”

     

     

    “พี่มาร์คคคคค... อ่าอยู่ไหนของเขากันเนี่ย”

     

     

    คนตัวเล็กที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาจากนิทราแสนหวานบนเตียงกว้างทั้งที่ก่อนหน้านี้แสนจะหวาดกลัวยู่ปากอิ่มสวย

    อย่างขัดใจที่จู่ๆ


    พี่ชายที่แสนคิดถึงหายตัวไปอีกครา

     

    ฮืออ หายไปไหนของเขาอีกนะ ไหนบอกว่าจะไม่ไปแล้วไง

     

     

     
     

    หรือว่า... จะทิ้งกันไปอีกแล้ว

     

     

     
     

    คิดได้แบบนั้นคนขี้ระแวงก็รีบกุลีกุจอสลัดผ้าห่มผืนหนาไว้ข้างตัวก่อนจะรีบดันตัวขึ้นจากเตียง กึ่งเดินกึ่งวิ่ง

    ไปยังประตูไม้สีทึบที่มีไอเย็นแผ่ซ่านออกมายามเข้าใกล้

     

     
     

    กึกๆๆ ๆ

     
     

     

    มือขาวพยายยามเปิดประตูนั้นออก ทั้งดันทั้งผลักแต่ก็ไม่เป็นผล มองหาลูกบิดหรือแม้กระทั่งรูเสียบกุญแจ

    และก็ต้องผิดหวังกลับมา

     

     
     

     

    หรือจะล็อกจากด้านนอก?

     

     

     
     

    โอ้ยยย แล้วแบบนี้แบมจะทำไงดีอะ จะให้เน่าตายในห้องงี้อ๋อ?

     

    พี่มาร์คก็หายไปไหนไม่รู้ หิวก็หิว ตั้งแต่กลับจากโรงเรียนยังไม่ได้กินอะไรเลยนะแง้ววว T^T

     
     

    แล้วป่านนี้เฮียแจ็คจะเป็นไงบ้างเนี่ย....

     

    พอคิดถึงตรงนี้คนน่ารักก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่




    เฮียมันจะกลับถึงบ้านรึยัง?

    กินอะไรมารึป่าว?

    วันนี้มันทำงานเหนื่อยมากมั้ย?

    แล้วจะรู้รึยังว่าแบมหายไป..?

     
     

    เฮ้อออ ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วงเฮียมันขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

     

    เหม่อมองออกไปนอกระเบียงที่ถูกเปิดทิ้งไว้ สายลมพัดผ่านให้ผ้าผืนบางสีบริสุทธิ์ปลิวสยายหยอกเย้าสีนวล

    ของดวงจันทร์ที่สาดมายังห้องกว้างสีครึ้มนี้

     


     

    “เฮีย...จะเป็นยังไงบ้างเนี่ย”

     

     

     

    ..................................................................................................................................................

     

     

     

    ซาตานสีแดง

     
     

    ใช่ ต้องเป็นมันแน่ๆ คนที่พาตัวแบมแบมไป

     
     

    “ออกมาได้แล้วมั้ง.... มาร์ค ต้วน

     
     

    เสียงเรียบเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืดมิดที่แม้แต่แสงของดวงจันทร์ยังเข้าไม่ถึง

    .

     

    .

     

    .

    “หึหึ ... ยังฉลาดเหมือนเดิมนะ หวัง แจ็คสัน

     

    น้ำเสียงเย็นเยียบถูกส่งมาจากเงาทมึนด้านหน้าของชายที่ถูกเอ่ยนาม

     

    “แบมแบมอยู่ไหน”

     

    ถามออกไปเสียงแข็งด้วยความเป็นห่วงที่ปิดไม่มิด

     

    “อะไรกัน จะมาโบ้ยว่าฉันพาเด็กนั่นไปได้ยังไงกัน เด็กคนนั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษจนฉันต้องลดตัวลงไปแตะต้องหรอกนะ”

     
     

    คำตอบแสนยียวนที่ได้รับกลับมาทำให้คนฟังถึงกลับเดือดพล่าน


     

    “อย่ามาปฎิเสธ! ฉันรู้จักแกมากี่ปีทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแกต้องการอะไร!

     
     

    จากต้องการข่มอารมณ์น้ำเสียงเรียบนิ่งทีแรกเกรี้ยวกราดขึ้นมาจนคนฟังกระตุกยิ้มร้าย

     
     

    “ไม่เอาน่า กับอิแค่เด็กตัวเล็กๆคนเดียว ถึงกลับทำให้ยมทูต ที่แสนเยือกเย็นตบะแตกเลยหรอ ฮ่าๆๆ น่าขำจริงๆ”

     
     

    “แกไม่มีสิทธิมาพูดถึงฉันถึงคนของฉันแบบนั้น!

     
     

    “โอ๊ะ! อะไรนะคนของแกหรอ..หึ”

     

     

    เงาดำเคลื่อนกายเข้าใกล้คนที่ถูกเรียกว่ายมทูตช้าๆ

     
     

    ก่อนจะพูดบางอย่างที่ทำคนฟังใจกระตุกวูบ

     
     

    “เลือดของเด็กนั้น... อร่อยดีนะ”

     
     

    “กะ แก หมายความว่า...”

     




     

     

     

    “ช่ายย ... เด็กคนนั้น ไม่ซิ

    แบมแบมนะ เป็นของฉัน ทั้งตัว

    และวิญญาณ...”

     

     

    ........................................................................................












     

      Gloomy Point













     

    สถานที่แห่งความมืดมิด



    สถานที่ ที่เหมาะกับผม...

     




     

     

    มาร์ค ต้วน อ่า..ใช่ๆนั่นเป็นชื่อที่ผู้คนแถวนี้เรียกผม อืม..ไม่สิ หึ ต้องเรียกว่าเศษเดนมนุษย์ท่าจะเหมาะกว่า



    ยินดีต้อนรับเข้าสู่ “กลูมี่ พอยท์” ดินแดนนรกบนดินที่เร้นกายลับอยู่ภายใต้หมอกควันแห่งการความโสมม



    ผมเคยเป็นเพียงเด็กชายคนนึงในครอบครัวที่แสนอบอุ่น เคยเป็นคนธรรมดาคนนึง



    ที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข...

     

     
     

    ก่อนที่จะได้รู้ความจริงจากปากของคนที่ตัวเองเรียกว่าพ่อแม่ว่าตนไม่ใช่ลูก ไม่ใช่... แม้กระทั่งคน..

     
     

    ผมเป็นเพียงเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง เก็บมาจากกองขยะเน่าๆ บนกายมีเพียงสร้อยเชือกร่มที่มี




    จี้รูปหยดน้ำสีแดงห้อยคออยู่  

     

     
     

    ยิ่งโตพลังบางอย่างที่เกิดขึ้นในตัวผมยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น สัญลักษณ์แห่งความเป็นปีศาจฉายชัด



    ขึ้นในดวงตา หลังจากผมอายุได้ 3 ขวบ ผมไม่เคยแตะอาหารอีกเลย ไม่รู้สึกหิว บางครั้งที่ผมได้รับบาดเจ็บ



    บาดแผลพวกนั้นไม่เคยนำมาซึ่งความเจ็บปวด



    ไม่ใช่แค่ตัวผมที่รับรู้ได้ถึงความแปลกประหลาดนี้ บุคคลรอบตัว แม้กระทั่งครูอาจารย์ก็ไม่กล้าเข้าใกล้

     

     

    มีหลายครั้งที่แม่พยายามจะพาผมไปรักษาไม่ว่าจะด้วยวิธีใดแต่ก็กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า



    ครอบครัวของเราต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ เนื่องจากงานของพ่อ ...และผม ที่เป็นต้นเหตุหลัก..



    เราได้ย้ายมาอยู่เมืองๆนึง เป็นเมืองในเขตชนบท เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย ที่ที่เราอยู่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ



    ผู้คนเป็นมิตรและมักมีรอยยิ้มให้กันเสมอ












    เป็นเพราะสถานที่แห่งนี้ ทำให้ผมได้พบกับเด็กคนนึง เด็กที่มีแต่ความสดใสอยู่ในแววตา


    รอยยิ้มที่ส่งมามีแต่ความจริงใจ ...ต่างจากผม...


    ตั้งแต่ที่ผมรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ความสุขพวกนั่นก็เหมือนจะถูกความมืดในจิตใจดูดกลืน


    ไปจนหมดสิ้น

     




     

    แต่เพราะเด็กคนนี้ กลับทำให้ผมยิ้มหัวเราะอีกครั้ง ความสุขที่ขาดหายเหมือนกำลังจะกลับคืนมา



    แต่อย่างว่า เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ



    ผมต้องย้ายอีกครั้ง ทั้งๆที่คิดว่านี่อาจจะเป็นที่ของผม



    แต่เหมือนความมืดมนที่อยู่ในตัวผมจะเพรียกหาเพียงสถานที่ที่อบอวลไปด้วยความตายเท่านั้น



    ยิ่งโตขึ้นความรู้สึก ประสาทสัมผัสที่แน่ชัด จะคอยบอกผมว่าควรไปที่ไหน



    เหมือนกับถูกกำหนดไว้อยู่แล้วว่าผมต้องเป็นอะไร



    ผมเพิ่งจะรู้ไม่นานมานี้ว่าพ่อกับแม่ที่เลี้ยงผมรู้มาตลอดว่าผมคือใคร แต่ท่านทั้งสองกลับไม่เคยปริปากพูด



    อบรมเลี้ยงดูผมเหมือนคนธรรมทั่วไปคนนึง แต่เพราะสญชาตญาณที่อยู่ในตัวประกอบกับความ



    สามารถที่เพิ่มขึ้นทุกวันๆ ทำให้ผมไม่สามารถใช้ชีวิตแบบที่คนทั่วไปควรจะเป็นได้

     

     




     

    และแล้วมันก็มาถึง สิ่งที่ผมรู้สึกและสัมผัสถึงมันได้ตั้งแต่ยังเด็กๆ





    สถานที่ ที่คนทั่วไปไม่มีทางพบเจอ
















    ...Gloomy Point ...

     









     

    บนป้ายไม้ใหญ่ที่สลักชื่อหมู่บ้านเก่าร้างแห่งนึงไว้



    หมู่บ้านที่คนปกติมองเข้าไปก็จะพบแต่ความว่างเปล่า แต่ไม่ใช้สำหรับผม...



    ผมรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน รู้ว่ามันมีไว้เพื่ออะไร







    สำหรับคนแบบผม...

    คนที่ไม่ใช่คน...

     






     

    เพราะที่แห่งนี้คนปกติไม่สามารถเห็นได้ จึงเป็นผมเพียงคนเดียวที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้



    ผมโตพอที่จะเรียนรู้อะไรต่างๆได้จากที่นี่




    ไม่มีอาหาร.




    ไม่มีน้ำดื่ม



    ไม่มีความถูกหรือความผิด..



    ไม่มีแม้กระทั่งความตาย..




     

    ผู้คนที่นี่ถูกคุ้มกัน ไม่สิ ถ้าจะเรียกให้ถูกก็ ผู้คนที่อยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่มีเจ้าชีวิต

     





     


     

    ใช่แล้ว..

     













     

    คนที่เป็นมนุษย์และได้อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่ขายวิญญาณให้กับซาตานกันทั้งสิ้น



    มนุษย์พวกนี้ล้วนแล้วมีแต่ความโลภ ต้องการสิ่งที่ไม่ใช่ของตน หลงใหลไปกับรูปกายของเหล่าซาตาน



    ยอมขายชีวิต จิตใจรวมทั้งวิญญาณ เพื่อแลกความสุขชั่วข้ามคืน



    แค่ยอมให้ดื่มเลือดสดๆ คนพวกนั้นก็จะได้ทั้งหมดที่ต้องการ



    เพียงแต่มีข้อแม้ว่า ใครก็ตามที่ยอมขายวิญญาณให้กับซาตานแล้ว

     

     



     

    จะต้องถูกจองจำไปตลอดกาล...

     
     

     
     

     

    อืม... ทำไมผมถึงรู้ดีขนาดนี้นะหรอ..




    ก็ผมนะถูกเรียกว่า



















    .

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    จ้าวแห่งซาตาน 

     

     

     

     

     …………………….

     


     

    “แก! มาร์ค ต้วน! แกเอาแบมแบมไปไว้ที่ไหนบอกมา”

     

     

    เสียงตวาดกึกก้องดังไปทั่วบริเวณนั้นแต่กลับไม่มีใครสักคนได้ยิน

     

     

    “เฮ้อออ แจ็คสัน นี่นายคงยังไม่ลืมกฎของพวกเราใช่มั้ย? เหยื่อของใครของมันอย่าได้มายุ่ง!

     

     

    “แบมแบมเป็นของฉัน”

     

     

    แจ็คสันพูดเสียงลอดไรฟันพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่ประทุคุกรุ่นอยู่ตั้งแต่รู้เรื่องคนตัวเล็ก

    จากปากของศัตรูตัวฉกาจ

     

     

    “เหอะ ของนายหรอ? ไม่ใช่อีกต่อไปแล้วละ จริงๆเด็กคนนั้นควรจะต้องมาอยู่กับฉัน

    ตั้งนานแล้ว.. ถ้ายมทูตอวดดีแถวนี้ไม่สอดมือมาวุ่นวาย”

     

     

    น้ำเสียงเย้ยหยั่นแกมส้อเสียดเอ่ยขึ้ยพร้อมตวัดหางตามองอย่างขบขัน

     

     

    “โอ๊ะๆ อย่ามองฉันแบบนั้นสิแจ็คสัน หึหึ เอาเป็นว่านายไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะดูแลแบมแบมของฉันอย่างดีเลยละ”

     

    พูดพร้อมกับส่งยิ้มยียวนมาให้ทำเอาอีกคนถึงกับเลือดขึ้นหน้าจนอยากจะเข้าไปตั๊นอีกคนให้หายแค้น

     

     

    “อ่า อยู่คุยเล่นกับนายต่อไม่ได้แล้วแหะ เหมือนเด็กน้อยของฉันจะตื่นแล้วละ...”

     

     

    “จะเอายังไง? แกต้องการอะไรกันแน่!

     

     

    คำถามที่ทำให้มาร์คต้วนชะงักกึก ค่อยๆหันไปตามเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนใจของอีกฝ่าย

     

     

    “นายก็น่าจะรู้อยู่แล้วนะแจ็คสัน ...น่าจะรู้อยู่แล้วว่าฉันต้องการอะไร”

     

     

    “.....”

     

     

    “คืนจินยองมาให้ฉัน แล้วฉันคืนแบมแบมให้นาย ถ้าไม่... เด็กคนนั้นจะต้องถูกจองจำตลอดไป”

     

     

    คำพูดที่เอ่ยออกมาท่าทีเฉียบขาดและน้ำเสียงที่แน่วแน่ทำเอาคนฟังถึงกับใจกระตุกวูบ

     

     

    จะให้เขาคืนจินยองงั้นหรอ...

     

    เขาทำไม่ได้หรอก แต่จะปล่อยให้แบมแบมไปอยู่กับซาตานในคราบเทพบุตรอย่างมาร์ค ต้วน เขาก็ทำไม่ได้เหมือนกัน

     

     

    ยังไม่ต้องตอบฉันก็ได้ ฉันใจดีพอจะให้เวลาคิด แต่อย่าช้ามากจะดีกว่านะ

    เพราะฉันก็ไม่มั่นใจว่าอดใจไม่ทำอะไรเด็กคนนั้นได้นานแค่ไหน..”

     

     

    กระตุกยิ้มร้ายขึ้นมาบางๆบนริมฝีปาก ก่อนจะหายลับไปในความมืดแห่งรัตติกาล

     

     

    ทิ้งให้อีกคนตกอยู่ในห้วงความคิดเพียงผู้เดียว

     

     

     

     

     

     

     

    แบมแบม...ฉันควรจะทำยังไงดี

     

     

     

     

     

     

     

     

    แก่ก แก่ก

     

    แอ๊ดด

     

     

    เสียงบานประตูไม้ค่อยๆเปิดราวกับกลัวว่าคนในห้องจะตกใจตื่นมาจากนิทราแสนหวาน

    ร่างเด็กที่นั่งอยู่บนเตียงเอาแต่เหม่อออกไปนอกระเบียงหันขวับมามองต้นเสียงแทบจะทันทีที่ร่างสูงผลักบานประตูเข้ามา

     

     

    “พี่มาร์ค ไปไหนมาครับ ...ทำไมทิ้งแบมไว้คนเดียว”

     

     

    ประโยคหลังพูดเสียงเบาหวิวกลัวว่าอีกฝ่ายจะหาตนเป็นเด็กไม่ยอมโต

     

     

    ฝ่ามือเย็นเฉียบถูกยกขึ้นมาลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆ ส่งยิ้มบางๆให้คนตัวเล็กตรงหน้า

     

     

    “ขอโทษนะครับ พี่กลัวว่าแบมแบมจะหิว เลยออกไปหาขนมมาให้แบมกินไง”

     

     

    น้ำเสียงอ้อนโยนแสดงถึงความเป็นห่วงจนคนฟังอดใจเต้นแรงไปกับคำพูดนั้นไม่ได้

     

    มาร์ค ต้วนมองหน้าเด็กตรงหน้าด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ แต่เพียงแว่บเดียวเท่านั้นก็กลับสู่ความอบอุ่นดังเดิม

     

     

    “อะ พี่ไม่แน่ใจว่าแบมชอบกินอะไรเลยซื้อมาให้หมด ฮ่าฮา โทษทีนะครับ”

     

     

    พูดพร้อมกับยกถุงขนมใบโตในมือส่งให้เด็กน้อยที่ตาวาวตั้งเห็นขนมนานาชนิดในถุงแล้ว

     

     

    .

    .

    .

    แบมแบมดูท่าจะตั้งใจกินขนมตรงหน้าจนไม่ทันสังเกตเห็นแววตาของร่างสูงที่นั่งท้าวคางมองตนอยู่ด้วยสายตาเช่นไร

     

     

     











    #markbam #jackbam #marknior

    เธอกับฉัน ฉันกับเขา เธอกับเขา... #เพลงมา 5555
     
    ตอนต่อไปเรามาเติมความหวานกันเถอะ

    ป.ล. ขอบคุณมากนะค่ะที่เข้ามาอ่าน T^T








    ติชมได้นะตัวเองงงงง












     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×