คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter 8 ชัดขึ้นทุกที
Chapter 8 ชัดขึ้นทุกที
“รับอะไรดี...อ้าว พี่คริส!” ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าดังลั่น แต่เจ้าตัวทำเพียงเหลือบมามองหน้าผมนิดหนึ่งก่อนหันไปสนใจเมนูในมือ แล้วพี่มันโผล่มานี่ได้ไงวะเนี่ย??
“พี่มาได้ไงวะ...ครับ” ผมถามพร้อมยิ้มตาใสใส่มัน พี่มันมาเพราะผมชวนหรอวะ? เฮ้ย ผมดีใจนะ ที่สำคัญคือมันมาคนเดียวครับคุณณณ
“ขับรถมา” อ้อ... โอเคครับคุณ
“พี่มาเพราะผมชวนใช่ป่ะ คิดถึงผมอ่ะดิ๊” ผมแกล้งเย้า ตาคมคู่เดิมเหลือบขึ้นมามองผมอีกครั้ง ก่อนจะพูดเนือยๆตอบกลับมา
“เปล่า กูมากินข้าวไข่เจียว”
“ห๊ะ?” มาร้านเหล้า เผื่อมากินข้าวไข่เจียว เอาจริงรึเอาฮาวะครับ?
“กูเอาข้าวไข่เจียวหนึ่งจาน แล้วก็น้ำแดง” สั่งผมด้วยหน้านิ่งๆ ประเด็นคือมันไม่มีในเมนูไม่ใช่หรอวะ
“เอาจริงหรอพี่ สั่งอย่างอื่นเหอะ” มึงสั่งเมนูท้ามฤตยูมากครับ แม่ครัวยิ่งอินดี้อยู่ ผมกลัวซ้อเอาตะหลิวฟาดหัวว่ะครับ
“กูเป็นลูกค้านะ” พูดงี้บอกว่าตัวเองเป็นพระเจ้าเลยก็ได้ครับ
“...ครับ” สุดท้ายก็ต้องยอมมันครับ ไข่เจียวก็ไข่เจียว ผมผงกหัวรับเบาๆแล้วมุ่งหน้าไปที่ครัว
เคร้ง!!
“ข้าวไข่เจียว!? นี่มันเห็นร้านฉันเป็นร้านอาหารตามสั่งรึไง!! นึกจะสั่งอะไรก็สั่ง เมนูมีทำไมไม่แหกตาดูบ้างห๊ะ”
นั่นไง...
“เอ่อ...ซ้อ...” ผมเรียกซ้อเสียงเบา โอ้ยยย กูไม่กล้าออกเสียงเลยด้วยซ้ำเนี่ย
ขวับ!
เอื้อก...
“ออเดอร์ใครก็ไปทำเองไป๊ ข้าวก็เอาหม้อเดียวกับที่พวกแกกินนั่นแหละ เอ้า มายืนงงอีก รีบเข้าไปทำสิวะไอ้ยอล!!”
“ครับๆ” ผงกหัวให้นายเหนือหัว (เหนือหัวเฮียด้วย) ก่อนจะเดินแทรกตัวเข้าไปในครัว
วันนี้พี่ต้องกินฝีมือผมแล้วล่ะพี่คริส อาเมน...
“แม่ครัวร้านมึงทำไข่เจียวไม่เป็นหรอ?” พี่คริสเงยหน้าขึ้นมาถามหน้าบึ้ง หลังจากที่มันจดจ้อง อาหารจานเด็ดที่ผมเสิร์ฟให้
แหม คิ้วพันกันเชียวนะคุณชาย ไม่เคยเห็นไข่เจียวไหม้หรอวะ!!
“เป็นสิครับ”
“ทำเป็นแล้วทำไมมันเป็นแบบนี้??” พี่มันพูดพร้อมดันจานออกห่างตัวอย่างรังเกียจ เห็นแล้วก็อยากเอาตีนดันหน้ามันบ้าง...
“แล้วใครบอกล่ะครับว่าแม่ครัวทำ ผมนี่แหละทำ ถ้าพี่กินไม่ได้ก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ส่วนนี่เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้” ผมบอกพร้อมเอื้อมมือไปหยิบจานข้าวไข่เจียว แต่..
“ทิ้งทำไม เสียดายของ กูกินได้” พี่มันคว้ามือผมไว้ หน้ายังคงบึ้งเหมือนเดิม แต่ทำไมตามันเป็นประกายจังวะ?
“เฮ้ยพี่ ไม่เป็นไร อย่ากินเลย เกิดพี่ท้องเสียทำไง อ้าว...” ผมพูดไม่ทันจบมือพี่มันอีกข้างก็คว้าช้อนตักไข่เจียวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆซะแล้ว “เอ่อ...งั้นขอให้อร่อยแล้วกันพี่ ผมไปทำงานต่อล่ะ” ผมบอกแล้วผละออกมา แต่คนที่มันจับมือผมอยู่มันไม่ยอมปล่อย แถมยังดึงผมเข้าหาตัวอีก
“อะไรพี่?”
“เจ้าของร้านไม่ได้บอกหรอว่าให้มึงนั่งเป็นเพื่อนกู” พี่คริสบอกโดยไม่หันมามองหน้าผม นี่มันคุยกับผมหรือคุยกับไข่เจียว? เดี๋ยวๆๆ ดูเหมือนผมจะหลงประเด็น คนที่เฮียบอกให้ผมนั่งดริ๊งนี่คือมันเรอะ
“อารมณ์ไหนเนี่ยพี่” ผมถามแต่ก็ยอมนั่งลงตรงข้ามกับมัน พี่คริสไม่ตอบอะไรกลับมา แต่นั่งกินข้าวไม่เงยหน้าเลย ผมก็ปล่อยให้พี่มันกินไป ส่วนผมก็นั่งมองนั่นมองนี่ไป
ตอนนี้นักร้องกำลังเล่นเพลงอคูสติกฟังสบายๆ เล่นกีต้าร์ไปด้วยร้องไปด้วย ผมฟังเพลงเพลิน รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ใครอีกคนส่งเสียงขึ้นมา
“กูกำลังเปิดโอกาสให้มึงจีบกูอยู่ไง” คนพูดนั่งกอดอกสร้างมาดคุณชาย ตาคมจ้องตรงมาที่ผม
“....”
“เงียบทำไม?”
“ผมกำลังแปลกใจ พี่ไม่รังเกียจผมหรอ?” ผมถาสิ่งที่สงสัยมาตลอด ทั้งๆที่พี่เลย์บอกว่าพี่คริสไม่ชอบผู้ชาย ไหนจะครั้งแรกที่คุยกันอีก มันแปลกที่พี่มันยอมให้ผมเข้าใกล้ง่ายขนาดนี้
“ทำไมกูต้องรังเกียจมึง?”
“เพราะผมจีบพี่ไง เพราะผมเป็นผู้ชายเหมือนพี่” พี่คริสแม่งกวนตีน ตอบๆมาเลยไม่ได้หรอวะ มันจะถามไปมาทำไมเนี่ย แล้วดูมัน นั่งจ้องหน้าผมอยู่นั่น ตอบมาดิ่ว้า
และแล้วเสียงเว้าวอนของผมก็เป็นผล เมื่อพี่มันโน้มตัวมาหาผม...
“ถึงกูจะไม่เคยคบกับผู้ชาย แต่กูก็ไม่ดูถูกความรักใครหรอก”
“...งะ...งั้นหรอ” ผมยิ้มแห้งให้พี่มัน คำตอบพี่คริสมันดูพระเอกมาก แต่ผมก็รู้ถึงความจริงที่สื่ออกมาทางสายตา มันไม่ดูถูกความรักของใคร แล้วผมล่ะ ผมกำลังดูถูกความรู้สึกใครอยู่รึเปล่า... สิ่งที่ผมทำอยู่มันเป็นการดูถูกความรู้สึกใครรึเปล่า...
ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาในใจ ถ้าวันหนึ่งพี่คริสรู้ว่าผมมาจีบเขาเพราะเงิน เขาจะเกลียดผมมั้ย?
“มึงรู้สึกยังไงเวลาจีบกู?” ไอ้พี่คริสถามผม สีหน้ามันเหมือนถามผ่านๆ แต่ในแววตานั้นกลับดูจริงจังจนผมขำไม่ออก
“ห๊ะ...เอ่อ ทำไมพี่ถึงอยากรู้ล่ะ” ผมถามกลับ เอาจริงๆคือไม่รู้จะตอบมันว่ายังไงดี
“ก็กูอยากรู้”
“แต่...ผมควรถามพี่มากกว่าสิ ว่าพี่รู้สึกยังไงเวลาผมจีบ” โยนให้อีกคนดื้อๆนี่แหละครับ
“เฉยๆ”
“...ตอบอย่างนี้พี่ไม่กลัวผมเสียใจหรอ?”
“หึ มึงยังไม่เสียใจหรอก”
อึก... ทำไมมันพูดเหมือนรู้อะไรเลยวะ?
“โหย เสียใจดิพี่ เวลาจีบใครก็อยากให้เค้ารู้สึกดีทั้งนั้นแหละ” ผมมองตามันขณะที่พูด ถึงผมจะจีบมันเพราะถูกจ้าง แต่สิ่งที่ผมไม่เสแสร้งคืออยากทำให้พี่คริสรู้สึกดี
“แค่ชอบจะเอาอะไรมากมาย ไว้มึงเปลี่ยนชอบเป็นรัก ค่อยมาฟูมฟายกับกูแล้วกัน” พูดจบเจ้าตัวก็หันหน้าหนี ยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปาก แม่งทำท่าอย่างกับน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วมันสั่งเหล้ามาตอนไหนวะน่ะ?
“โหดร้ายตลอดดดดด” ผมทำเป็นโอดครวญ ฮาดิวะ อย่ามาเครียดต่อหน้าไอ้ยอล กูทำตัวไม่ถูกกก
“...” พี่มันไม่ตอบอะไรกลับมา หน้าหล่อทำเพียงปรายตามามองผมแล้วหันไปสนใจแก้วเหล้าต่อ เลวมาก เห็นเหล้าสำคัญกว่าชานยอลคนหล่อได้ยังไง…
หลังจากนั้นพี่มันก็ไม่พูดอะไรกับผมอีก ปล่อยให้ผมพูดคนเดียว จะมีตอบสนองบ้างก็ตอนปรายตามองมา แม่ง อย่างกับคนเป็นอัมพาต ติดที่ว่าพี่มันยังคงกรอกเหล้าเข้าปากได้เหมือนคนปกติ
ผมนั่งเป็นเพื่อนพี่คริสจนใกล้เวลาเลิกงานของผม พี่คริสก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับ... แต่ผมจะกลับแล้วว่ะ
“พี่...”
“...” โอเค เหลือบตามามอง แสดงว่ารับรู้
“ไปส่งผมหน่อยดิ”
“อะไรของมึง?” หูยยย แทบลุกขึ้นเต้น มันคุยกับผมแล้วว่ะ!
“ไม่รู้ว่ะ แค่อยากให้พี่ไปส่ง” ผมตอบไปตามที่คิด คงเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงถามมันไปแบบนั้น
“คิดจะล่อลวงกูรึไง?”
“...ไม่ใช่ตอนนี้หรอก” ผมยิ้มกว้าง พี่คริสยกยิ้มมุมปาก วางเงินไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะลุกเดินนำไปที่รถ ผมเองก็รีบถอดผ้ากันเปื้อนแล้ววิ่งตามมันไป
ไม่รู้ผมรู้สึกไปเองรึเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าบางอย่างระหว่าง “เรา” มันกำลังชัดขึ้น...
“บ้านมึงเล็ก” นั่นคือคำแรกที่ไอ้พี่คริสเอ่ย หลังจากก้าวเท้าเข้ามาในบ้านผม
“เล็กที่ไหน กว้างจะตายยยย” มันกว้างจริงๆนะครับ สำหรับคนที่อยู่คนเดียว...
พี่คริสไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไรกับผม เจ้าตัวเดินดูไปเรื่อยๆ บ้านผมคงน่าสนใจอยู่ไม่น้อยแหละ เพราะคนตกแต่งโคตรจะติสท์ ทั้งภาพวาดในกรอบ ภาพเพ้นท์บนกำแพง และเครื่องดนตรี ที่แขวนตกแต่งจนสวยแบบรกๆ ไหนจะภาพถ่ายที่วางบนชั้นไม้หลายสิบรูป และอีกหลายๆอย่างๆที่พ่อชอบ...
“มึงแต่งบ้านเองหรอ?”
“เปล่า ฝีมือพ่อน่ะ”
“นี่รูปมึงกับพ่อ?” พี่คริสชูรูปคู่ผมกับพ่อให้ดู
“ครับ... นั่นตอนผมสองขวบ”
“ทำไมมีแต่พ่อ?”
“ผมก็ไม่รู้ พ่อบอกว่าผมเกิดจากกระบอกไม้ไผ่”
“พ่อมึงตลก”
“พ่อผมใจดีด้วยนะ พ่อชอบศิลปะ รักเสียงดนตรี อารมณ์ดีอยู่ตลอด ถึงจะมีแค่พ่อคนเดียว ผมก็ไม่เคยเหงา ผมไม่เคยสนว่าใครจะพูดยังไงเรื่องแม่ คนที่สำคัญกับผม...มีแค่พ่อ พ่อคือโลกของผม คือทุกๆอย่าง แต่.... แต่พ่อ.... ฮึก”
รอบตัวของผมพร่ามัว ผมสะอื้นโดยไม่สนว่าคนตรงหน้ามองอยู่ ผมคิดถึงพ่อ คิดถึง...
หมับ!
แรงกอดรัดจากจากคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกตัว...
“ไม่เป็นไร...”
อบอุ่น...
“พ่ออยู่กับมึงเสมอ”
และไว้ใจ...
“ฮึก...ฮือออ”
นั่นเป็นครั้งแรก...ที่ผมร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อ...
“ความหวังหนึ่งเดียวของพ่อคือการที่ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และมันก็เป็นประโยคสุดท้ายที่พ่อพูดกับผมด้วย..”
ตอนนี้ผมนั่งพิงอกอีกคนอยู่บนโซฟา ไม่รู้ว่ามันจะดูตลกแค่ไหนที่ผู้ชายตัวไม่เล็กสองคนนั่งท่านี้ แต่ผมไม่สนหรอก ก็ท่านี้มันอบอุ่นดีนี่นา ทั้งอกแกร่งที่พิงอยู่ ทั้งอ้อมแขนที่โอบเอวผมไว้ ทั้งมือที่ใหญ่กว่าผมลูบมือผมเบาๆอย่างปลอบโยน คงไม่ปฏิเสธ ว่าผมชอบสัมผัสของพี่คริส..
“พ่อคิดถูกแล้ว” ไม่รู้พี่คริสเนียนเรียกพ่อผมว่าพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่อาจจะเป็นเพราะมันขี้เกียจพูดยาวก็ได้
“ไม่ถูก... ไม่มีพ่อ...แล้วผมจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ยังไง”
“ได้สิ มึงทำได้”
“นี่บังคับหรือให้กำลังใจ ฮ่ะๆ”
“แล้วแต่จะคิด”
“พี่คริส...”
“หืม...”
“ขอบคุณนะครับ”
“มะ...อืมมม” ไม่ทันรอให้อีกคนได้พูดผมก็ประกบปากเข้ากับปางบางๆได้รูปของพี่คริสซะก่อน ผมขบเม้มเบาๆสองสามทีแล้วผละออกมายืนอยู่ข้างโซฟา ทั้งกลัวทั้งอาย...
“หึ จูบเด็กน้อยจริง แล้วทำไมไปยืนซะไกล ทำเองเขินเองรึไง?” พี่คริสคงไม่โกรธ...
“ก็แค่... กลับบ้านได้แล้วพี่”
“โอเค” พี่คริสถอนหายใจแล้วลุกขึ้น “ห้องมึงไปทางไหน”
“ห๊ะ?”
“ห้องนอนมึงน่ะห้องไหน?”
“ชั้นสองห้องขวามือ เฮ้ย!” ผมเผลอบอกตำแหน่งห้องตัวเอง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อีกคนเดินลิ่วขึ้นบันไดไปแล้ว
“พี่ๆๆๆๆ พี่จะขึ้นไปทำไมมมม” ผมวิ่งไปดักหน้า แล้วกางแขนกันไอ้พี่คริสเดินต่อ
แต่แทนที่พี่มันจะยอมถอยกลับไป มันกลับจับแขนผมแล้วลากเข้าไปในห้องด้วย
“ขอผ้าเช็ดตัวหน่อย” ไม่พูดพร่ำทำเพลง พี่ท่านก็ถอดเสื้อแล้วแบมือขอผ้าเช็ดตัวทันที
“พี่จะทำอะไรเนี่ย”
“กู จะ อาบ น้ำ!” เชร้ดดด เน้นคำซะด้วย
“นะ..นี่อ่ะ” ผมยื่นผ้าเช็ดตัวไปให้พี่คริส เจ้าตัวรับไปแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันที “อะไรของมันวะ?”
---------------------------------------------------------------
คอมเม้นหน่อย & สกรีม #KYจ้างรัก กันหน่อยนะก๊ะ ให้ไรท์ได้พอชื่นจายยยยย
ความคิดเห็น