คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 4 จุดเริ่มต้น[1]
Chapter 04 จุดเริ่มต้น[1]
[ท่านคริสครัช! อาจารย์เข้าห้องแล้วเว้ย รีบมาเลยสัส!]
ผมอ่านข้อความในไลน์กลุ่มโดยไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนพิมพ์ ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก เด็กบริหารแม่งก็รถเยอะกันซะจริง มาสายนิดหน่อยก็ต้องลำบากมาจอดทิ้งไว้ที่จอดรถของตึกลูกหลงที่เสือกกระเด็นมาอยู่ห่างจากชาวบ้านเป็นโยชน์เลยทีเดียว
พลั่ก!
“เฮ้ย!” ผมชะงักขาทันทีที่เดินชนเข้ากับคนคนหนึ่ง ที่ตอนนี้ลงไปนั่งพับเพียบกับพื้นเรียบร้อยเชียว ผมมองเขาอย่างอดสำรวจไม่ได้ คนตรงหน้าเป็นเด็กหนุ่มตัวขาว ผมชี้ฟูที่เจ้าตัวคงไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์รองเท้าผ้าใบสะพายเป้ ดูแล้วน่าจะเป็นเด็กคณะนี้นั่นแหละ “เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” ผมย่อตัวลงไปถาม ร่างตรงหน้านิ่งไปจนผมใจไม่ดี สลบรึเปล่าวะเนี่ย?
“งืมมม ไม่เป็นไรครับ” เด็กหนุ่มพูดเสียงงัวเงียเหมือนคนง่วงนอน ก่อนจะดันตันตัวขึ้น ซวนเซซะจนผมต้องเอื้อมมือไปช่วยประคอง “ขอบคุณครับ” พอตั้งหลักได้เจ้าตัวก็บอกขอบคุณผม แถมยกมือไหว้อีกต่างหาก เงยหน้ายิ้มกว้างให้ผมทั้งที่ตาปิด เออ ประหลาดดีแท้
“ไหวรึเปล่าน้อง?”
“ไหวครับ ขอโทษที่ชนพี่เดิน...เอ๊ะ ไม่ใช่สิ เอ้อ ขอโทษที่เดินชนพี่นะ ฮึ่ย ง่วงแล้วเบลอ” รุ่นน้องต่างคณะพูดจาผิดๆถูกแล้วถกเถียงกับตัวเองเบาๆ อะไรของมัน?
“เออๆ งั้นพี่ไปล่ะ” ผมบอกแล้วเดินออกมาทันที สายแล้วครับ ช้ากว่านี้อาจารย์ป้างับหัวผมแน่!
ผมเข้าเรียนก่อนเช็คชื่อเสร็จอย่างเฉียดฉิวแต่ก็โดนสายตาเฉือดเฉือนจากอาจารย์คนสวย(คราวแม่)ไปไม่น้อยเลย
เข้าไปเรียนไม่กี่ชั่วโมงก็เลิกเรียน วันนี้มีเรียนวิชาเดียวครับ เที่ยงพอดี พวกผมก็พากันยกโขยงเดินไปเอารถผมที่จอดไว้ตึกนิเทศฯ ดูเพื่อนผมเป็นคนดีนะอุตส่าห์ยอมเดินซะไกล อย่าเพิ่งมองพวกมันดีขนาดนั้นครับ จริงๆมันจะมาเหล่สาว สาวนิเทศฯนี่สวยเด็ดครับ เด็กบริหารจะสวยในชุดนักศึกษา แต่นิเทศฯนี่ไปรเวทชิลๆไปจนถึงระดับเดินบนแคทวอล์คได้เลย
พอถึงหน้าตึกพวกมันก็ทิ้งผมแล้วเดินเข้าตึกไปหน้าตาเฉย ผมทำหน้าเบื่อใส่พวกมันแล้วเดินแยกมาทางที่จอดรถ เดินมาถึงรถตัวเองก็ได้ยินเสียงหมาครางหงิงๆเหมือนดีใจอะไรสักอย่าง หมาที่ไหนวะ?
ผมสอดส่ายสายตาหาสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าหมา แต่สายตาเหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตคุ้นๆ ที่เหมือนจะเพิ่งพบเจอไปเมื่อเช้า...
ไอ้เด็กเมื่อเช้าจริงๆด้วย...
เจ้าตัวนั่งยิ้มร่าอยู่บนโต๊ะหินอ่อนข้างโรงจอดรถ หน้าตาไม่ง่วงนอนเหมือนเมื่อเช้าแล้ว มันกำลังนั่งกินลูกชิ้นปิ้ง กับเพื่อนมันสองสามตัว พันธุ์ทางครับ หน้าตาแบบหมาเฝ้าตึกทั่วไป บางทีอาจจะคล้ายกับหมาหน้ามินิมาร์ทยอดฮิตด้วย ลูกชิ้นในถุงดูปริมาณมากพอสมควร ดูแล้วคงไม่ได้ตั้งใจซื้อมากินคนเดียวอยู่แล้ว ไอ้เด็กนั่นมันงับเข้าปากตัวเองลูกหนึ่งก็แจกจ่ายให้พวกพ้องตัวละลูก แล้วมันก็กินต่อ ผลัดกันกินอยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ ทั้งพูดคุยทั้งหยอกไอ้หมาพวกนั้นราวกับเพื่อนสนิท หรือไอ้เด็กนี่ไม่มีคนคบ?
ก็ไม่น่าใช่ หน้าตาก็ดีนี่ ยิ่งเวลาหัวเราะ... คนมองรู้สึกอยากยิ้มตามยังไงก็ไม่รู้ หึ
ผมยกยิ้มบางให้ภาพคนตัวขาวกับฝูงหมาเพื่อนสนิทแล้วขับรถออกมา...
เคยสังเกตรึเปล่าว่าคนบางคนมีแรงดึงดูดบางอย่าง แรงดึงดูดที่ทำให้สายตาของคุณมองไปที่เขา...
ผมเจอมันอีกแล้ว....
ไอ้เด็กนิเทศฯตัวขาวนั่งหลับอยู่บนอัฒจันทร์ข้างสนามบอล ดูจากของรอบตัวคงมานั่งเฝ้าเพื่อนซ้อมบอล ซึ่งบังเอิญวันนี้ผมก็โดนลู่หานมันบังคับให้มานั่งดูมันซ้อมบอลเหมือนกัน
น่าแปลกที่คนที่นั่งอยู่ริมอัฒจันทร์อีกฝั่งกลับน่ามองกว่ากลุ่มคนวิ่งไล่ลูกฟุตบอลในสนาม ใบหน้าขาวเนียน ที่ผมคิดว่าแม่งเนียนเกินไป(จากที่เคยเห็นใกล้ๆ)ซบอยู่กับกระเป๋าเป้ใบใหญ่ เอียงใบหน้ามาทางผม แก้มข้างที่ซบกระเป๋าถูกดันขึ้นจนดูเหมือนมันบวมออกมา ปากอิ่มเผยอนิดๆ ร่างโปร่งบางกระเพื่อมขึ้นลงเบาๆ ดูแล้วคงหลับลึกน่าดู...หลับซะน่าเอ็นดูเลยนะมึง
เฮ้ย แล้วผมมานั่งบรรยายผู้ชายแบบนี้ได้ไงวะเนี่ย !
เรียกสติเข้าร่างได้ผมก็หันไปมองเกมฟาดแข้งในสนามบอลอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ ถึงจะเหลือบไปมองคนที่นั่งหลับอยู่ริมอัฒจันทร์อีกฝั่งบ้างก็เถอะ
.
.
.
.
.
จากวันนั้นผมก็ยังคงเห็นมันอีกหลายๆครั้ง ทั้งที่ไม่ควรจะโคจรมาเจอกันเลยซะด้วยซ้ำ ส่วนมากจะเห็นมันพร้อมกับกลุ่มเพื่อนมันด้วย เพราะมันชอบมากินข้าวที่โรงอาหารกลาง ซึ่งบังเอิญว่าพวกเพื่อนๆผมก็ชอบมากินที่นี่เหมือนกัน เวลาอยู่กับเพื่อนเหมือนมันจะเป็นศูนย์กลางของกลุ่ม เพราะมันพูดมากที่สุดไง หึหึ ผมพอรู้จักรุ่นน้องในกลุ่มนั้นบ้าง มีคนหนึ่งที่เป็นนักฟุตบอลเหมือนไอ้ลู่ ไม่แน่ใจว่าชื่อไครึเปล่า อีกคนโอเซฮุนที่ตัวขาวๆก็เกือบได้เป็นเดือนมหาวิทยาลัยแต่เสือกติสท์เดินลงเวทีก่อนประกาศผล คนนี้จำได้แม่น เพราะความติสท์มันดังไปทั้งมหาวิทยาลัย
ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงชอบมองไปที่ไอ้เด็กนั่นบ่อยๆ มองแล้วมันสบายตาดี มองแล้ว... ไม่รู้สิ ผมแค่ชอบมอง
แต่หลังๆมาผมเริ่มไม่ค่อยเห็นหน้ามัน แรกๆก็เฉยๆ แต่พอผ่านไปเป็นสัปดาห์ ผมเริ่มอยู่ไม่เฉย ตลอดเวลาหนึ่งเทอมที่ผมเห็นมัน มันไม่เคยหายไปนานขนาดนี้ ผมหมายถึงว่า ในหนึ่งอาทิตย์ผมต้องเห็นมันอย่างน้อยสามวัน แต่นี่...ผมไม่เห็นมันสักวันเดียว อยากจะเข้าไปถามกับเพื่อนมันเหมือนกันว่ามันหายไปไหน แต่ติดที่ผมไม่ได้รู้จักมัน และมันก็ไม่ได้รู้จักผม เกิดอะไรขึ้นอะไรกับมันรึเปล่านะ...
“คริส มึงเป็นอะไรรึเปล่า ช่วงนี้มึงดูเครียดๆนะ” ไอ้เลย์ถามด้วยความเป็นห่วง แต่ตามันกำลังมองขาอ่อนสาวสวยที่กำลังเดินผ่าน
“ไม่มีอะไร แค่...ของหาย”
“อะไรหายวะ ลูกรักมึงรึไง แจ้งความรึยังวะ?” ไอ้ลู่ถามบ้าง ลูกรักหายกูจะมานั่งใจเย็นอย่างนี้หรอ กูออกล่าหัวขโมยไปแล้วสัส
“ไม่ใช่”
“งั้นมึงก็ช่วยพูดมาโดยที่พวกกูไม่ต้องถามได้มั้ยสัส!” ไอ้เทาว่าเสียงดัง ไอ้นี่ขึ้นง่ายครับ มันเป็นคนเดียวที่ยังไม่ชินความพูดน้อยของผม
ผมปรายตามองพวกมันแล้วไม่ตอบอะไรอีก... และพวกมันก็รู้ว่าซักผมไปก็ไม่ได้อะไร ผมเป็นพวกประหยัดคำพูด เกลียดการอธิบายอะไรยาวๆ พูดเยอะมันเหนื่อย ผมเลยชอบที่จะเงียบแล้วใช้สายตาสื่อสารมากกว่า
.
.
.
.
วันนี้ผมไม่ออกไปท่องราตรีเหมือนเคย ไม่รู้ว่าเพราะเบื่อ หรือเพราะอะไร... หรือจะเป็นเพราะใคร...
ก็แค่คนๆหนึ่งที่ผมบังเอิญพบเห็บแทบทุกวันในมหาวิทยาลัย แค่มันหายไป ทำไมผมถึงรวนขนาดนี้กัน ยิ่งคิด ผมก็ยิ่งแปลกใจ ยิ่งแปลกใจ ก็ยิ่งคิดมากขึ้นไปอีก
นี่มันบ้าอะไรกัน เฮ้อ...
“คุณคริสคะ คุณเลย์มาหาค่ะ” ผมพยักหน้าให้กับแม่บ้านที่เดินมาบอก ก่อนจะปรายตามองแขกไม่ได้รับเชิญที่กำลังเดินเข้ามาแล้วนั่งลงตรงข้ามกัน
“ไงไอ้คุณคริส เป็นห่าอะไรถึงไม่ยอมออกไปเที่ยววะ”
“กูเบื่อ”
“เบื่ออะไร?”
ผมมองหน้าไอ้เลย์นิ่งๆ ไอ้นี่เป็นลูกพี่ลูกน้องผม มันเป็นทั้งเพื่อนสนิท และพี่ชาย ให้ตาย ผมเกลียดคำว่าพี่ชาย มันแก่เดือนกว่าผม ชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ มันมักจะเข้าใจและรู้ทันผมไปซะหมด หรือผมควรจะคุยกับมัน บางทีไอ้ที่ผมคิดมากนี่อาจจะหลุดไปจากหัวผมสักที
“เฮ้อ...”
“ขี้เกียจพูดล่ะสิ แต่มึงไม่พูดกูก็อ่านใจมึงไม่ได้หรอกนะ”
“มึงมันกาก”
“เล่ามา” ไอ้เลย์ทิ้งตัวพิงพนัก ไขว้ห้าง กอดอก เลียนแบบท่าทางของผม
“กูกำลังคิดถึงคนคนหนึ่ง กูคิดว่าอย่างนั้นนะ” ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะยอมพูดให้มันฟัง
“สาวคณะไหน?” ไอ้เลย์ถาม แต่หน้าหน้ามันไม่ได้ใคร่รู้สักเท่าไหร่
“ผู้ชาย” ผมบอก แต่อีกคนกลับไม่ได้ตกใจอะไร คงเพราะมันเป็นไบด้วยล่ะมั้งครับ
“มึงเปลี่ยนรสนิยมหรอวะ?”
“มึงฟังกูให้จบแล้วค่อยพูด” ไอ้เลย์พยักหน้ารับรู้แล้วตั้งหน้าตั้งตารอฟัง “กูบังเอิญเจอมันบ่อยๆ แบบ...แค่เห็นหน้า ได้สังเกตบ่อยๆ แต่ไม่ได้คุยกัน กูไม่รู้จักมันและมันก็ไม่รู้จักกู กูชอบมองไปที่มัน มองมันยิ้ม มองมันหัวเราะ มองมันโดนเพื่อนแกล้ง มองมันหลับ กูเห็นมันมาทั้งเทอม แต่อยู่ๆช่วงนี้มันก็หายไป กูหงุดหงิด กูเครียด กูอยากรู้ว่ามันหายไปไหน และตอนนี้กูกำลังคิด ว่าแค่คนคนหนึ่งที่เคยเห็นเคยมองหายไป ทำไมกูต้องเครียดขนาดนี้ด้วย” ผมร่ายยาว แล้วเงยหน้าขึ้นมองที่ปรึกษาที่นั่งอยู่ตรงข้าม ไอ้เลย์โคลงหัวเบาๆ ก่อนเงยหน้าสบตาผม
“กูก็พอจะสรุปได้ แต่มึงจะยอมรับรึเปล่า?” ไอ้เลย์ถามเสียงเรียบเรื่อย จากสายตามันที่มองมา ผมว่าผมพอจะเดาสิ่งที่มันจะพูดได้
“อืม”
“มึงชอบเขา...”
งั้นหรอ...
ผมนิ่งคิดไปสักครู่ ก่อนจะตัดสินใจ “โอเค งั้นกูจะเลิกชอบ”
“เฮ้ย ทำไมมึงคิดง่ายจังวะ” ไอ้เลย์โน้มตัวข้ามโต๊ะมาถามผมอย่างใคร่รู้
“เด็กนั่นเป็นผู้ชาย กูก็ผู้ชาย..”
ไอ้เลย์มองหน้าผมนิ่ง เหมือนมันจะอยากพูดอะไร แต่มันก็ไม่พูด คงเพราะมันเข้าใจเหตุผลของผมดี
“แล้วแต่มึงละกัน... แต่คืนนี้มึงจะไม่ออกไปไหนจริงๆหรอวะ”
“กูอยู่บ้านบ้างน้ำคงไม่ท่วมโลกหรอก มึงไปเหอะ”
“หมดประโยชน์แล้วไล่กูเลยนะ”
ผมมองหน้ามันนิ่งๆแล้วแกล้งหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านต่อ สักพักก็ได้ยินเสียงมันเดินลากเท้าออกไป
ผมไม่ได้ตกใจเท่าไหร่ ที่เลย์มันบอกว่าผมชอบไอ้เด็กนั่น ผมคิดว่าความชอบมันเกิดขึ้นได้ง่ายอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะยอมให้มันพัฒนาเป็นรักรึเปล่า และผมจะไม่ยอมให้มันกลายเป็นรัก ผมจะรักมันไม่ได้ ไม่ใช่ว่าผมมองว่าการรักเพศเดียวกันเป็นสิ่งผิด แต่ผมไม่ได้ตัวคนเดียว ผมมีคนที่รักที่สุดที่ต้องแคร์ ฉะนั้นผมไม่พร้อมจะรับความยุ่งยากที่จะตามมา ผมไม่อยากให้แม่เสียใจ...
-------------------------------------------------------
มันคือจุดเริ่มต้นภาคแรก 5555555
อืม... ตอนนั้นพี่คริสชอบน้องนะ
แต่ๆๆๆพี่มันเลือกตัดใจนี่สิ
แล่วๆๆๆ แล้วมันยังไงต่อ
ทูบีคอนทินิว ~
55555555555555
ความคิดเห็น