ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ฝัน???
                              ท่ามกลางความมืดของคืนเดือนแรม ณ ที่แห่งหนึ่งกลางป่ากลับมีแสงสีแดงจากพราะเพลิงทาบขอบฟ้า มันมาจากซากปรักหักพังของสิ่งที่มีลักษณะคล้ายบ้านที่สร้างจากดินสีน้ำตาลซึ่งถูกไฟไหม้จนเสียหายทั้งหลัง และบางหลังพังทลายลง ทว่านั่นยังไม่เท่ากับร่างไร้วิญญาณ คราบเลือด เศษเนื้อ และเศษชิ้นส่วนมนุษย์กระจายเกลื่อนทั่วบริเวณชวนสังเวช ทั้งกลิ่นเนื้อไหม้กับไฟจากบ้านบางหลังที่ยังไม่มอดส่งผลให้ภาพนั้นดูสยดสยองจนขนลุก สิ่งมีชีวิตบริเวณนี้มีเพียงมนุษย์สี่คนในชุดผ้าคลุมสีขาวสกาวที่เพิ่งมาถึง
    “เรามาไม่ทัน หมู่บ้านนี้ไม่มีใครรอด” เสียงห้าวๆของผู้ชายหนึ่งในสองของคนกลุ่มนั้นเอ่ยขึ้นทุกคนต่างสลดใจ เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย เพียงแต่พวกเขามาทันเท่านั้นเอง
    “เราทำดีที่สุดแล้ว” ผู้หญิงตัวเล็กบอบบางที่สุดในกลุ่มพูดขึ้นบ้าง ผู้ชายคนเดิมนิ่งแล้วให้สัญญาณบางอย่าง พวกเขากระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้ามืดมิดปีกคล้ายนกปรากฏขึ้นที่กลางหลังทุกคนแล้วบินจากไป ทิ้งหมู่บ้านที่ถูกทำลายไว้เบื้องหลัง
    เธอลืมตาขึ้นมาอย่างหวาดผวา ภาพในฝันเหมือนจริงทุกอย่าง ยกเว้นใบหน้าของคนหรือตัวอะไรก็ไม่รู้ทั้งสี่ตัว แต่ที่แน่ๆคือหนึ่งในนั้นคือเธอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันแบบนี้ ตั้งแต่เล็กจนอายุจะครบสิบหกปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เธอฝันทำนองนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ส่วนใหญ่จะไม่ซ้ำสถานที่แต่คนในผ้าคลุมสีขาวนั่นเจอทุกครั้ง
    แม้ความรู้สึกหวาดกลัวจะยังคงอยู่ แต่เธอก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะสนใจรีบทำธุระส่วนตัวแล้ววิ่งลงไปชั้นล่างของบ้าน และวิ่งจี๋ไปที่ห้องครัวแม่กำลังจัดโต๊ะและเคนน้องชายเธอมานั่งรออยู่แล้ว
    “เบาๆหน่อยสิเคท เราเป็นผู้หญิงนะ” แม่ตำหนิทันทีที่ลูกสาวประจำที่เรียบร้อย
    “กลัวไม่ทันนี่คะแม่ พ่อละคะ” เคทแก้ตัวแล้วถามหาบิดา ดันขาแว่นสายตากรอบสีดำแลนส์ใสแจ๋วนิดนึงตามความเคยชิน
    “ออกไปแต่เช้าแล้วล่ะ วันนี้ลูกเอาจักรยานไปเองนะ” แม่ว่า เคทจึงรับคำโดยดี เธอรีบตักอาหารเข้าปากจนหมดจานดื่มน้ำตามอีกสองแก้ว แล้ววิ่งไปโรงรถพาจักรยานออกจากบ้าน แม่มองตามอย่างอ่อนใจแล้วบ่นเบาๆ
    “อีกไม่กี่วันก็จะเต็มสิบหกแล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กๆอยู่เลย ”
    เคทปั่นจักรยานค่อนข้างเร็วอย่างคึกคะนองจนผมสีน้ำตาลเข้มยาวแค่บ่าที่ถูกรวบเป็นหางม้าสูงถึงกลางศีรษะสะบัดพลิ้วอย่างน่าดู แม้โรงเรียนจะใกล้บ้านแต่ปกติผู้เป็นพ่อจะไปส่งเธอที่โรงเรียน แล้วแม่ก็ไปกับน้องซึ่งเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สองในอีกแห่ง ไม่บ่อยนักที่เธอจะได้เอาจักรยานมาเองแบบนี้
    เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดตามไรผมเมื่อเธอพาจักรยานมาถึงหน้าโรงเรียนและผ่านร่างสูงๆผิวคล้ำในชุดนักเรียนของใครคนหนึ่งโดยมีตาคมดำจัดของเขามองตามอย่างสนใจ
                เธอต้องลงจากรถแล้วจูงเข้าไปที่โรงจอดรถ แล้วขึ้นไปที่ห้องเรียนของตน
    “นี่เคทมีเด็กใหม่ย้ายมาด้วยล่ะ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ห้องอะไร” เด็กสาวหน้าใสผิวขาวอมชมพูผมยาวแค่คางบอกขณะที่เธอกำลังก้าวยาวๆมาที่โต๊ะเรียน
    “ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะแอน” เคทถามไปอย่างนั้นมากกว่าจะสนใจจริงๆจังๆ
    “รู้สึกจะผู้ชายนะเดี๋ยวก็รู้ว่าอยู่ห้องไหน อาจจะหล่อก็ได้” แอนว่าอย่างเพ้อฝัน เธอไม่สนใจเรื่องนี้อยู่แล้วจึงถามหาเพื่อนคนอื่น
    “แนทล่ะ ไอ้เนไอ้คินไม่มาสักคน”
    “แนทไม่สบายอยู่บ้าน ไอ้สองตัวนั่นเดี๋ยวคงมา” ไม่ทันขาดคำเด็กหนุ่มหน้าตาดีผิวสองสีค่อนข้างคล้ำก็ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมส่งเสียงมาแต่ไกล
    “ไง นินทาอะไรฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย”
    “เออกำลังนินทาแกกับคินอยู่ ตายยากชิบ” เคทว่า เนไปนั่งโต๊ะข้างหลังเธอ
    “เมื่อวานตอนซ้อมบอลเสร็จเห็นสุดหล่อของเราทำท่าจะเป็นจะตาย รู้มั๊ยมันเป็นอะไร” เนถาม
    “อ๋อ มันโดนสุดสวยของเราหักอกน่ะสิ เพราะแนทบอกว่ามีเทพบุตรในฝันอยู่แล้ว” เคทตอบได้ทันควัน เธอสนิทกับคินมากกว่าคนอื่นๆในกลุ่มจึงรู้เรื่องนี้ดี
    “ใครมันเอาหัวใจแนทไปแดกวะ ก็ไม่เห็นมีท่าทีอะไรเลย” เนถามอีกอย่างสงสัยจริงๆ แอนโคลงศีรษะแม้แต่เคทก็จนปัญญา
    “สงสัยแนทไม่มาโรงเรียนเพราะไม่กล้าสู้หน้าคินมากกว่านะ” แอนว่า ซึ่งเพื่อนทั้งสองคนก็เห็นด้วย แล้วคน‘อกหัก’ ก็มาถึงห้องเรียนด้วยท่าทางซังกะตาย ดวงหน้าขาวที่ประกอบด้วยคิ้วหนาเข้ม ตายาวรี และปากแดงจัดไม่ร่าเริงอย่างที่เคย เคทมองตามร่างสูงๆนั้นอย่างกังวลจนเขานั่งลงข้างๆเนพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
    “อย่าเพิ่งตายนะเว้ย อันผู้หญิงมีมากเป็นฝูงลิง จำไม่ได้เหรอวะที่แกชอบพูดน่ะ” เนตบหลังเพื่อนให้กำลังใจ แต่คินก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่เลย
    “ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเขาชอบคนอื่นอยู่” คินเอ่ยขึ้นมาเป็นประโยคแรกด้วยน้ำเสียงเจือความเสียใจอย่างชัดเจน เพื่อนๆมองหน้ากันอย่างหนักใจ
    “คิดซะว่ากรรมตามทันก็แล้วกัน แกเล่นหักอกสาวๆมาตั้งกี่คน พวกนั้นก็ไม่เห็นตายสักคน แกก็ต้องทำใจได้สิวะ” เคทว่าอย่างไม่รู้จะพูดอะไรให้เพื่อนสบายใจได้
    “แต่ใครก็ไม่เหมือนแนท ไม่มีเลยจริงๆ” เขายังคงรำพันแบบนั้นจนอาจารย์เข้ามาสอน เพื่อนๆจึงจำต้องไปสนใจการเรียนแทน
    พักกลางวันเคทมัวแต่เก็บเครื่องเขียนที่กระจายเกลื่อนเต็มโต๊ะจึงทำให้ช้ากว่าเพื่อนๆ จนแอนที่ไปรอหน้าห้องต้องตะโกนเร่ง
    “เคทเร็วๆสิ ไปก่อนละนะ” ไม่พูดเปล่าทุกคนทยอยเดินไปหมด
    “เออๆ เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว” ร่างเพรียวบางรีบวิ่งออกมาแต่ร่างสูงๆผิวคล้ำของใครคนหนึ่งกำลังเดินผ่านประตูในระยะกระชั้นชิด ทำให้เธอหยุดไม่ทันชนโครมเต็มแรง
    “เฮ้ย!”
    “โอ๊ย!” เคทอุทานด้วยความตกใจมากกว่าเจ็บ วินาทีต่อมาจึงรู้ว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนพื้นและอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มแปลกหน้า นัยน์ตาโตสีน้ำตาลเข้มเกือบดำในกรอบขนตายาวงอนประสานกับตาดำคมจัดใต้ขนตายาวหนาเป็นแพ พลังบางอย่างไหลเวียนทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วรุนแรงเหมือนโดนไฟช๊อต แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเธอรู้สึกตัวแล้วรีบลุกขึ้นขอโทษขอโพย จับขาแว่นตาที่เกือบหลุดให้เข้าที่
    “ขอโทษนะไม่ทันมอง ไม่เป็นอะไรนะ” เธอดูจากจุดเล็กๆสีน้ำเงินที่อกเสื้อเขาจึงรู้ว่าเรียนระดับเดียวกัน เด็กหนุ่มใส่แว่นตาหนาเตอะอีกคนช่วยพยุงเพื่อนลุกขึ้นแล้วว่า
    “แกเล่นโผล่พรวดแบบไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนะ ไอ้เคท เป็นไงบ้างวะเดย์”
    “ขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษๆๆๆ ขอโทษแกด้วยบอลที่ทำให้เสียเวลา ไปก่อนนะพวกนั้นรออยู่” เคทพูดโค้งคำนับให้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ววิ่งต่อทันที บอลได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
    “อย่าไปถือสามันเลย ไอ้นี่มันก็ไม่ค่อยจะเป็นผู้หญิงแบบนี้แหละ” บอลบอกเพื่อน
    “เหมือนเด็กยังไงก็ไม่รู้” เดย์ว่าเบาๆ
    ที่โรงอาหารเคทซื้อข้าวผัดมากินกับเพื่อนๆ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แน่ล่ะคนปากไวที่สุดคือเน
    “ซุ่มซ่าม”
    “ก็ยังดีกว่าบ้ากามอย่างนาย โดนหักอกไม่ทันไรมีใหม่อีกละ” เคทย้อนน
    “โห ว่าแค่สองคำ สวนกลับเป็นชุด เฮ้ย! นั่นไอ้บอลกับใครวะไม่เคยเห็นหน้า” เนว่าทุกคนมองตามสายตาเขาไป บอลกับเด็กหนุ่มแปลกหน้าถือจานอาหารมองหาที่นั่งอยู่พอดี
    “นักเรียนใหม่ที่ว่ามั้ง” แอนออกความเห็น แล้วก็คงจะถูก แต่เคททำหน้าแปลกๆแล้วว่า
    “คนที่ฉันวิ่งชนเมื่อกี้”
    “อ้าว เหรอ เรียกมาดีกว่า ไอ้บอลทางนี้ว่าง” ไม่รอให้ใครตอบเนตะโกนเรียกเพื่อนต่างห้องทันที บอลก็หูดีได้ยินซะด้วย จึงพากันมานั่งที่ว่างข้างๆเคท
    “นี่เดย์เป็นนักเรียนใหม่ ย้ายมาจากเชียงรายเรียนห้องเดียวกับเรา เดย์นี่ เน คิน แอน แล้วก็เคทคนที่วิ่งชนนายเมื่อกี้” บอลแนะนำ เดย์ก็ดูเหมือนจะเป็นมิตรดีเพราะเขาไม่เอ่ยเรื่องที่เกิดขึ้นอีกเลย เคทจึงยอมคุยด้วยได้อย่างสบายใจนิดนึง
    ไม่กี่วันผ่านไปเดย์เข้ากับกลุ่มเคทได้ดีอย่างเหลือเชื่อแม้บอลจะไม่อยู่ตรงนั้นด้วย แนทหยุดเรียนแค่วันเดียวเมื่อเธอกลับมาเรียนเคทก็รู้ว่าคนที่แนทชอบคือใคร เธอได้แต่มองหน้าสวยหวานเหม่อมองหานักเรียนใหม่บ่อยๆแล้วนึกสงสารคินในใจ แต่จะว่าไปแล้วเดย์ไม่ได้มีท่าทีใดๆกับแนทเลย
    เย็นวันหนึ่งเคทวิ่งออกกำลังกายจากที่บ้านไปที่โรงเรียน ขณะวิ่งรอบสนามฟุตบอลได้สองรอบเธอก็เห็นเดย์นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนขอบสนาม ถึงตอนนี้เธอก็สนิทกับเขาพอสมควรล่ะจึงวิ่งไปทัก
    “มาทำอะไรเหรอเดย์” เธอหยุดตรงหน้าเด็กหนุ่มผิวคล้ำ
    “มาส่งน้องซ้อมวอลเล่ย์น่ะ เออ ฉันยังไม่เคยไปทางอาคารด้านหลังเลยตรงนั้นมีอะไรบ้างเหรอ พาไปดูได้ป่ะ” เขาถาม
    “ได้สิ” เธอพาเพื่อนใหม่ลัดเลาะไปตามหมู่ตึกอย่างไม่คิดอะไรทั้งๆที่บริเวณนั้นค่อนข้างเปลี่ยวเมื่อไม่ใช่เวลาเรียนแบบนี้ เมื่อไปถึงหลังโรงเรียนจู่ๆท้องฟ้าก็มืดลงและลมกรรโชกแรง!
    “เดย์! เกิดอะไรขึ้นน่ะ” เธอตะโกนถามแข่งเสียงลมหวีดหวิว ลมแรงขึ้นเรื่อยๆจนเธอแทบปลิว และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัด
    “ไม่รู้เหมือนกันเกาะต้นไม้ไว้นะ” เดย์ตะโกนตอบมือเกาะต้นไม้ต้นที่อยู่ใกล้ที่สุด เคทไม่ทันเกาะต้นไม้ ลมแรงวูบหนึ่งก็หอบเธอปลิวไปปะทะตัวอาคารเรียนแว่นตาหลุดกระเด็น
    “เคท!” เดย์ตะโกนสุดเสียง ปล่อยมือจากต้นไม้ให้ลมช่วยพาไปถึงตัวเคทจนได้
    “เคท เป็นไงมั้ง” เขาถามอย่างห่วงใย ในขณะที่อีกฝ่ายจุกจนพูดไม่ออก
    ห่างจากพวกเขาไปไม่กี่เมตรรอยแยกสีดำแตกเป็นวงกลมกลางอากาศเปิดกว้างพอที่คนจะเข้าไปได้ ร่างสูงใหญ่ในผ้าคลุมสีดำสวมฮู้ดคลุมหน้าเกือบครึ่งก้าวออกมา
    “พวกเจ้าเห็นการมาของข้าเจ้าต้องตาย!!” อาคันตุกะพูดเป็นภาษาประหลาดแต่พวกเขากลับเข้าใจทุกคำ
    ฉับพลัน! ในมือหยาบใหญ่ปรากฏลูกไฟขนาดเกือบเท่าลูกฟุตบอล มันส่งลูกไฟนั้นมาหาพวกเขาด้วยความเร็ว เคทหลับตาแน่นรับชะตากรรมอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    เด็กสาวค่อยๆลืมตา ภาพที่เห็นทำให้ใจชื้นขึ้นบ้าง เดย์เหยียดแขนไปข้างหน้าในลักษณะกำลังห้ามอะไรสักอย่าง ห่างจากมือเขาไปประมาณหนึ่งเมตรเป็นอะไรบางอย่างคล้ายโดมแก้วบางใส สิ่งนั้นเองที่สะท้อนลูกไฟออกไป
    “เจ้าใช้มนต์ได้งั้นรึ ข้าประมาทไปหน่อยดีล่ะ” มันว่าแล้วเขวี้ยงลูกไฟขนาดใหญ่และเร็วกว่าเดิม เกราะที่เดย์สร้างไม่อาจต้านแรงนั้นได้ ลูกไฟลูกแรกทะลุเข้ามาปะทะร่างเด็กหนุ่ม ลูกไฟอีกลูกเลยไปหาคนข้างหลัง
    ในวินาทีนั้น เคทเห็นลูกไฟลอยเข้ามาใกล้ แปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกกลัว นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมีสีทองแทรกเข้ามาแวบหนึ่ง แล้วลูกไฟก็สะท้อนกลับไป! เร็วและแรงกว่าเดิม!!
    คนในผ้าคลุมสีดำไม่ทันตั้งตัวจึงถูกลูกไฟกระแทกกระเด็นเข้าไปในอุโมงค์สีดำนั้นอย่างแรง และปากอุโมงค์หายไปทันที
    เธอแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังมีสติพอที่จะโผเข้าหาเพื่อนใหม่ที่นอนนิ่งมีรอยแผลไฟไหม้และเลือดเต็มตัว เขายังหายใจรวยริน เธอจับข้อมือเด็กหนุ่มดูปรากฏว่าชีพจรเต้นอ่อนมาก ระหว่างนั้นพลังบางเบาไหลจากตัวเธอไปสู่คนเจ็บโดยไม่รู้ตัว
    ครู่เดียวผิวหนังที่ปริแตกค่อยๆสมานตัว แผลเล็กๆหายไปก่อน เคทตะลึงในสิ่งที่เกิดต่อหน้าต่อตา แต่มือยังจับอยู่ที่แขนเดย์ จนบาดแผลทุกแผลหายสนิท และเดย์ลุกขึ้นมานั่งได้เหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยนั่นแหละเคทถึงจะปล่อยมืออย่างนึกได้
    “เธอเป็นใครกันแน่ เธอรักษาแผลได้” เขาพูดแผ่วเบา
    “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ นายนั่นแหละเกราะนั่นนายทำได้ยังไง” เคทถามกลับบ้าง
    “พลังซ่อนอยู่ในตัวทุกคนแหละ เพียงแต่ฉันมีมากกว่าปกติเท่านั้นเอง ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีพลังแบบเดียวกันด้วย” เดย์ว่าเหมือนไม่ค่อยทุกข์ร้อนอะไร แต่อีกฝ่าายพูดไม่ออกเขาเลยชวนกลับ
    “ช่างมันเหอะ กลับบ้านกันป่านนี้น้องฉันรอแล้วมั้ง” เคทลุกตามร่างสูงคล้ำไปโดยดี สาวน้อยผิวขาวหน้าหวานรออยู่ข้างสนามวอลเล่ย์ เธอตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเดย์ในสภาพที่มีรอยเลือดเต็มตัวถึงจะไม่มีบาดแผลก็เถอะ
    “พี่เดย์ไปทำอะไรมามีแต่เลือดทั้งนั้นเลยนี่” เคทมองสาวน้อยอย่างแปลกใจ คนนี้เหรอน้องสาวเดย์ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยสักนิด นอกจากความสูง คนตรงหน้าอายุน้อยกว่าเธออย่างน้อยก็สองปีแต่สูงกว่าเธอเกือบสิบเซนติเมตร
    “ไม่มีอะไร เดี๋ยวถึงบ้านจะเล่าให้ฟัง นี่เคทเพื่อนพี่นะ นี่ดาวน้องสาวฉัน” เดย์แนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน แล้วพาสองสาวไปขึ้นรถเก๋งที่จอดอยู่ริมสนาม เขาไปส่งเคทถึงบ้านโดยที่เธอไม่ได้บองทางเลย
    “ขอบใจนะ แต่นายรู้ได้ไงเนี่ย ว่าบ้านฉันหลังนี้” เธอถามเมื่อลงรถแล้ว เขาไม่ตอบกลับออกรถไปเลย เธอจำต้องเก็บความสงสัยไว้ไนใจแล้วเข้าไปในบ้าน
    พ่อกับแม่เห็นสารรูปโทรมๆเปรอะเลือดของเดย์ก็ซักอย่างตกใจ เมื่อรู้อะไรเป็นอะไรก็ไล่เธอไปอาบน้ำ แถมเอาให้เคนอาหารเย็นไปเสริฟถึงห้องนอน เธอทานเสร็จก็ยกลงมาเก็บแทนแล้วกลับไปนอนแต่นอนไม่หลับ
    เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนเสียงแม่จะตามมา
    “แม่ขอเข้าไปหน่อย” เธอจึงลุกไปเปิดประตูให้แม่ แม่มองลูกสาวคนโตอย่างเข้าใจ
    “ใส่นี่ซะอย่าให้หลุดจากตัวล่ะ  แม่บอกอะไรลูกตอนนี้ไม่ได้  อาทิตย์หน้าลูกก็จะอายุ 16เต็มแล้วลูกก็จะรู้เอง ราตรีสวัสดิ์จ้ะ” แม่ส่งสร้อยคอให้แล้วเดินลงไปชั้นล่างโดยไม่เปิดโอกาสให้เคทถาม  เธอได้แต่ปิดประตูห้องแล้วไปนั่งที่เตียง  พิจารณาสร้อยเส้นนั้น  มันทำมาจากเงิน ไม่ จากวัตถุสีเงินบางอย่าง เป็นแผ่นบางๆช่วงกลางเส้นกว้างประมาณสองเซนติเมตรแล้วค่อยๆแคบลงเส้นไม่ยาวเกินไปนักสลักลวดลายอ่อนช้อย จี้สีเงินทรงกลมสลักลวดลายอ่อนช้อยงดงามเช่นเดียวกันตรงกลางเป็นอัญมณีรูปดาวสีฟ้า สวยดีเหมือนกัน เธอไม่เคยเห็นสร้อยเส้นนี้มาก่อนเลย แต่แม่ให้ใส่ก็ใส่  ทันทีที่สร้อยสัมผัสลำคอรู้สึกสงบอย่างประหลาด
                หนึ่งสัปดาห์ต่อมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเดย์กับคิน มีบ้างที่คินเป็นฝ่ายหลีกเลี่ยงไม่ยอมเจอเพื่อนใหม่  ตรงข้ามกับแนทที่หาทางเข้าใกล้จนเพื่อนๆ  เดาได้ว่าเธอคิดยังไง
                วันนี้พิเศษตรงที่เป็นวันเกิดเคท เธอมาเรียนตามปกติ ทุกอย่างก็ยังปกติจนถึงเวลาเลิกเรียนเธอกำลังเก็บของเตรียมกับบ้าน
                “เอ้า! หนึ่ง  สอง  สาม  Happy birthday to you ” สิ้นเสียงเนเพื่อนๆในห้องพร้อมใจกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เคทไม่เว้นแม้แต่เดย์ที่แอบเข้ามาเมื่อไหร่ไม่รู้ คินเดินล้ำหน้าคนอื่นมายื่นกล่องของขวัญให้
                “พวกเรารวมตังค์ซื้อนะเก็บไว้ดีๆล่ะ” เด็กหนุ่มพูดจบก็โค้งให้ เสียงโห่จากเพื่อนๆดังขึ้นทันทีปนเสียงหัวเราะจากเจ้าของวันเกิด ไม่มีใครคิดอะไรมากไปกว่าคำว่าเพื่อนเลย ทุกคนรู้วันเกิดเพื่อนและมักจะมีเซอไพรส์เสมอแทบจะไม่ซ้ำแบบด้วย
    “ขอบคุณมากกกกก นึกว่าลืมซะแล้ว”
    “ลืมได้ไงวันเกิดเพื่อนแท้ๆ” แอนว่า
    “ใช่ๆ เย็นนี้เลี้ยงด้วยนะ” เสียงเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งว่าตามด้วยเสียงสนับสนุนจากคนอื่น
    “คิดดูก่อนนะ อืม เปิดดูได้มั้ย” เคทหันความสนใจไปทางกล่องของขวัญกล่องใหญ่ แต่โดนเนห้าม
    “เปิดที่บ้านดีกว่ามั้ง ” เห็นหน้าเพื่อนทำหน้าเสียดายเด็กหนุ่มเลยเอ่ยต่อ
    “แต่บอกก่อนว่าของขวัญกล่องนี้ไอ้เดย์ไม่มีส่วนด้วยนะเว้ย ไปทวงมันเอาเอง”
    “ไม่ต้องทวงหรอกน่า ฉันเพิ่งรู้เมื่อวานเย็นเตรียมของขวัญให้ไม่ทันว่ะ เอานี้ไปแทนล่ะกัน” เดย์ว่าพร้อมโยนวัตถุในมือให้ มันเป็นแท่งโลหะสีทองแดงลวดลายอ่อนช้อยแปลกตามีปุ่มเล็กๆตรงปลายด้านหนึ่งเมื่อลองกดดูใบมีดสีเงินวาวยาวราวๆครึ่งฟุตโผล่ออกมาทันที
    “โห นี่เธอพกของแบบนี้ด้วยเหรอ” แอนพูดอย่างทึ่งๆ ท่าทางเขาไม่เหมือนนักเลงที่มักพกมีดสักนิด
    “ก็ไม่ได้พกตลอดหรอก” ขณะที่ทุกคนคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานมีแต่ตูนกับเอที่หนีกลับก่อนแล้ว  คนสวยของห้องอย่างแนทก็แอบอิจฉาเพื่อนอยู่นิดๆเหมือนกัน
    ไม่มีใครรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่คืบคลานเข้ามา
    ไม่มีใครจะสังหรณ์ว่าอันตรายกำลังจะเกิดขึ้นจนกระทั่ง
    ครืนนน แผ่นดินสั่นสะเทือนเบาๆแต่ทุกคนก็รู้สึก  ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว  สายลมหวีดหวิวพัดรุนแรงขึ้น  ผู้คนรีบกลับเข้าไปในบ้าน  คนที่กลับไม่ได้ก็ตกอยู่ในความหวาดกลัวปนสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
    “เกิดอะไรขึ้นวะ” เนสบถออกมาพวกเขาไม่กล้าที่จะออกจากห้องเรียนในสภาพอากาศแบบนี้  คนที่พอจะรู้คือคนที่เคยประสบเหตุการณ์ทำนองนี้มาแล้ว คือ เคทกับเดย์   ทั้งคู่รู้สึกหนักใจมากๆในตอนนี้
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮา
              เสียงหัวเราะเยือกเย็นชวนขนลุกเหมือนจะแว่วลอยมาตามลม 
    “เรามาไม่ทัน หมู่บ้านนี้ไม่มีใครรอด” เสียงห้าวๆของผู้ชายหนึ่งในสองของคนกลุ่มนั้นเอ่ยขึ้นทุกคนต่างสลดใจ เหตุการณ์แบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย เพียงแต่พวกเขามาทันเท่านั้นเอง
    “เราทำดีที่สุดแล้ว” ผู้หญิงตัวเล็กบอบบางที่สุดในกลุ่มพูดขึ้นบ้าง ผู้ชายคนเดิมนิ่งแล้วให้สัญญาณบางอย่าง พวกเขากระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้ามืดมิดปีกคล้ายนกปรากฏขึ้นที่กลางหลังทุกคนแล้วบินจากไป ทิ้งหมู่บ้านที่ถูกทำลายไว้เบื้องหลัง
    เธอลืมตาขึ้นมาอย่างหวาดผวา ภาพในฝันเหมือนจริงทุกอย่าง ยกเว้นใบหน้าของคนหรือตัวอะไรก็ไม่รู้ทั้งสี่ตัว แต่ที่แน่ๆคือหนึ่งในนั้นคือเธอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอฝันแบบนี้ ตั้งแต่เล็กจนอายุจะครบสิบหกปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เธอฝันทำนองนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ส่วนใหญ่จะไม่ซ้ำสถานที่แต่คนในผ้าคลุมสีขาวนั่นเจอทุกครั้ง
    แม้ความรู้สึกหวาดกลัวจะยังคงอยู่ แต่เธอก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะสนใจรีบทำธุระส่วนตัวแล้ววิ่งลงไปชั้นล่างของบ้าน และวิ่งจี๋ไปที่ห้องครัวแม่กำลังจัดโต๊ะและเคนน้องชายเธอมานั่งรออยู่แล้ว
    “เบาๆหน่อยสิเคท เราเป็นผู้หญิงนะ” แม่ตำหนิทันทีที่ลูกสาวประจำที่เรียบร้อย
    “กลัวไม่ทันนี่คะแม่ พ่อละคะ” เคทแก้ตัวแล้วถามหาบิดา ดันขาแว่นสายตากรอบสีดำแลนส์ใสแจ๋วนิดนึงตามความเคยชิน
    “ออกไปแต่เช้าแล้วล่ะ วันนี้ลูกเอาจักรยานไปเองนะ” แม่ว่า เคทจึงรับคำโดยดี เธอรีบตักอาหารเข้าปากจนหมดจานดื่มน้ำตามอีกสองแก้ว แล้ววิ่งไปโรงรถพาจักรยานออกจากบ้าน แม่มองตามอย่างอ่อนใจแล้วบ่นเบาๆ
    “อีกไม่กี่วันก็จะเต็มสิบหกแล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กๆอยู่เลย ”
    เคทปั่นจักรยานค่อนข้างเร็วอย่างคึกคะนองจนผมสีน้ำตาลเข้มยาวแค่บ่าที่ถูกรวบเป็นหางม้าสูงถึงกลางศีรษะสะบัดพลิ้วอย่างน่าดู แม้โรงเรียนจะใกล้บ้านแต่ปกติผู้เป็นพ่อจะไปส่งเธอที่โรงเรียน แล้วแม่ก็ไปกับน้องซึ่งเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่สองในอีกแห่ง ไม่บ่อยนักที่เธอจะได้เอาจักรยานมาเองแบบนี้
    เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดตามไรผมเมื่อเธอพาจักรยานมาถึงหน้าโรงเรียนและผ่านร่างสูงๆผิวคล้ำในชุดนักเรียนของใครคนหนึ่งโดยมีตาคมดำจัดของเขามองตามอย่างสนใจ
                เธอต้องลงจากรถแล้วจูงเข้าไปที่โรงจอดรถ แล้วขึ้นไปที่ห้องเรียนของตน
    “นี่เคทมีเด็กใหม่ย้ายมาด้วยล่ะ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ห้องอะไร” เด็กสาวหน้าใสผิวขาวอมชมพูผมยาวแค่คางบอกขณะที่เธอกำลังก้าวยาวๆมาที่โต๊ะเรียน
    “ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะแอน” เคทถามไปอย่างนั้นมากกว่าจะสนใจจริงๆจังๆ
    “รู้สึกจะผู้ชายนะเดี๋ยวก็รู้ว่าอยู่ห้องไหน อาจจะหล่อก็ได้” แอนว่าอย่างเพ้อฝัน เธอไม่สนใจเรื่องนี้อยู่แล้วจึงถามหาเพื่อนคนอื่น
    “แนทล่ะ ไอ้เนไอ้คินไม่มาสักคน”
    “แนทไม่สบายอยู่บ้าน ไอ้สองตัวนั่นเดี๋ยวคงมา” ไม่ทันขาดคำเด็กหนุ่มหน้าตาดีผิวสองสีค่อนข้างคล้ำก็ก้าวเข้ามาในห้องพร้อมส่งเสียงมาแต่ไกล
    “ไง นินทาอะไรฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย”
    “เออกำลังนินทาแกกับคินอยู่ ตายยากชิบ” เคทว่า เนไปนั่งโต๊ะข้างหลังเธอ
    “เมื่อวานตอนซ้อมบอลเสร็จเห็นสุดหล่อของเราทำท่าจะเป็นจะตาย รู้มั๊ยมันเป็นอะไร” เนถาม
    “อ๋อ มันโดนสุดสวยของเราหักอกน่ะสิ เพราะแนทบอกว่ามีเทพบุตรในฝันอยู่แล้ว” เคทตอบได้ทันควัน เธอสนิทกับคินมากกว่าคนอื่นๆในกลุ่มจึงรู้เรื่องนี้ดี
    “ใครมันเอาหัวใจแนทไปแดกวะ ก็ไม่เห็นมีท่าทีอะไรเลย” เนถามอีกอย่างสงสัยจริงๆ แอนโคลงศีรษะแม้แต่เคทก็จนปัญญา
    “สงสัยแนทไม่มาโรงเรียนเพราะไม่กล้าสู้หน้าคินมากกว่านะ” แอนว่า ซึ่งเพื่อนทั้งสองคนก็เห็นด้วย แล้วคน‘อกหัก’ ก็มาถึงห้องเรียนด้วยท่าทางซังกะตาย ดวงหน้าขาวที่ประกอบด้วยคิ้วหนาเข้ม ตายาวรี และปากแดงจัดไม่ร่าเริงอย่างที่เคย เคทมองตามร่างสูงๆนั้นอย่างกังวลจนเขานั่งลงข้างๆเนพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
    “อย่าเพิ่งตายนะเว้ย อันผู้หญิงมีมากเป็นฝูงลิง จำไม่ได้เหรอวะที่แกชอบพูดน่ะ” เนตบหลังเพื่อนให้กำลังใจ แต่คินก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่เลย
    “ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเขาชอบคนอื่นอยู่” คินเอ่ยขึ้นมาเป็นประโยคแรกด้วยน้ำเสียงเจือความเสียใจอย่างชัดเจน เพื่อนๆมองหน้ากันอย่างหนักใจ
    “คิดซะว่ากรรมตามทันก็แล้วกัน แกเล่นหักอกสาวๆมาตั้งกี่คน พวกนั้นก็ไม่เห็นตายสักคน แกก็ต้องทำใจได้สิวะ” เคทว่าอย่างไม่รู้จะพูดอะไรให้เพื่อนสบายใจได้
    “แต่ใครก็ไม่เหมือนแนท ไม่มีเลยจริงๆ” เขายังคงรำพันแบบนั้นจนอาจารย์เข้ามาสอน เพื่อนๆจึงจำต้องไปสนใจการเรียนแทน
    พักกลางวันเคทมัวแต่เก็บเครื่องเขียนที่กระจายเกลื่อนเต็มโต๊ะจึงทำให้ช้ากว่าเพื่อนๆ จนแอนที่ไปรอหน้าห้องต้องตะโกนเร่ง
    “เคทเร็วๆสิ ไปก่อนละนะ” ไม่พูดเปล่าทุกคนทยอยเดินไปหมด
    “เออๆ เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว” ร่างเพรียวบางรีบวิ่งออกมาแต่ร่างสูงๆผิวคล้ำของใครคนหนึ่งกำลังเดินผ่านประตูในระยะกระชั้นชิด ทำให้เธอหยุดไม่ทันชนโครมเต็มแรง
    “เฮ้ย!”
    “โอ๊ย!” เคทอุทานด้วยความตกใจมากกว่าเจ็บ วินาทีต่อมาจึงรู้ว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนพื้นและอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มแปลกหน้า นัยน์ตาโตสีน้ำตาลเข้มเกือบดำในกรอบขนตายาวงอนประสานกับตาดำคมจัดใต้ขนตายาวหนาเป็นแพ พลังบางอย่างไหลเวียนทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วรุนแรงเหมือนโดนไฟช๊อต แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นเธอรู้สึกตัวแล้วรีบลุกขึ้นขอโทษขอโพย จับขาแว่นตาที่เกือบหลุดให้เข้าที่
    “ขอโทษนะไม่ทันมอง ไม่เป็นอะไรนะ” เธอดูจากจุดเล็กๆสีน้ำเงินที่อกเสื้อเขาจึงรู้ว่าเรียนระดับเดียวกัน เด็กหนุ่มใส่แว่นตาหนาเตอะอีกคนช่วยพยุงเพื่อนลุกขึ้นแล้วว่า
    “แกเล่นโผล่พรวดแบบไม่ดูตาม้าตาเรือเลยนะ ไอ้เคท เป็นไงบ้างวะเดย์”
    “ขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษๆๆๆ ขอโทษแกด้วยบอลที่ทำให้เสียเวลา ไปก่อนนะพวกนั้นรออยู่” เคทพูดโค้งคำนับให้ไม่รู้กี่ครั้งแล้ววิ่งต่อทันที บอลได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
    “อย่าไปถือสามันเลย ไอ้นี่มันก็ไม่ค่อยจะเป็นผู้หญิงแบบนี้แหละ” บอลบอกเพื่อน
    “เหมือนเด็กยังไงก็ไม่รู้” เดย์ว่าเบาๆ
    ที่โรงอาหารเคทซื้อข้าวผัดมากินกับเพื่อนๆ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แน่ล่ะคนปากไวที่สุดคือเน
    “ซุ่มซ่าม”
    “ก็ยังดีกว่าบ้ากามอย่างนาย โดนหักอกไม่ทันไรมีใหม่อีกละ” เคทย้อนน
    “โห ว่าแค่สองคำ สวนกลับเป็นชุด เฮ้ย! นั่นไอ้บอลกับใครวะไม่เคยเห็นหน้า” เนว่าทุกคนมองตามสายตาเขาไป บอลกับเด็กหนุ่มแปลกหน้าถือจานอาหารมองหาที่นั่งอยู่พอดี
    “นักเรียนใหม่ที่ว่ามั้ง” แอนออกความเห็น แล้วก็คงจะถูก แต่เคททำหน้าแปลกๆแล้วว่า
    “คนที่ฉันวิ่งชนเมื่อกี้”
    “อ้าว เหรอ เรียกมาดีกว่า ไอ้บอลทางนี้ว่าง” ไม่รอให้ใครตอบเนตะโกนเรียกเพื่อนต่างห้องทันที บอลก็หูดีได้ยินซะด้วย จึงพากันมานั่งที่ว่างข้างๆเคท
    “นี่เดย์เป็นนักเรียนใหม่ ย้ายมาจากเชียงรายเรียนห้องเดียวกับเรา เดย์นี่ เน คิน แอน แล้วก็เคทคนที่วิ่งชนนายเมื่อกี้” บอลแนะนำ เดย์ก็ดูเหมือนจะเป็นมิตรดีเพราะเขาไม่เอ่ยเรื่องที่เกิดขึ้นอีกเลย เคทจึงยอมคุยด้วยได้อย่างสบายใจนิดนึง
    ไม่กี่วันผ่านไปเดย์เข้ากับกลุ่มเคทได้ดีอย่างเหลือเชื่อแม้บอลจะไม่อยู่ตรงนั้นด้วย แนทหยุดเรียนแค่วันเดียวเมื่อเธอกลับมาเรียนเคทก็รู้ว่าคนที่แนทชอบคือใคร เธอได้แต่มองหน้าสวยหวานเหม่อมองหานักเรียนใหม่บ่อยๆแล้วนึกสงสารคินในใจ แต่จะว่าไปแล้วเดย์ไม่ได้มีท่าทีใดๆกับแนทเลย
    เย็นวันหนึ่งเคทวิ่งออกกำลังกายจากที่บ้านไปที่โรงเรียน ขณะวิ่งรอบสนามฟุตบอลได้สองรอบเธอก็เห็นเดย์นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนขอบสนาม ถึงตอนนี้เธอก็สนิทกับเขาพอสมควรล่ะจึงวิ่งไปทัก
    “มาทำอะไรเหรอเดย์” เธอหยุดตรงหน้าเด็กหนุ่มผิวคล้ำ
    “มาส่งน้องซ้อมวอลเล่ย์น่ะ เออ ฉันยังไม่เคยไปทางอาคารด้านหลังเลยตรงนั้นมีอะไรบ้างเหรอ พาไปดูได้ป่ะ” เขาถาม
    “ได้สิ” เธอพาเพื่อนใหม่ลัดเลาะไปตามหมู่ตึกอย่างไม่คิดอะไรทั้งๆที่บริเวณนั้นค่อนข้างเปลี่ยวเมื่อไม่ใช่เวลาเรียนแบบนี้ เมื่อไปถึงหลังโรงเรียนจู่ๆท้องฟ้าก็มืดลงและลมกรรโชกแรง!
    “เดย์! เกิดอะไรขึ้นน่ะ” เธอตะโกนถามแข่งเสียงลมหวีดหวิว ลมแรงขึ้นเรื่อยๆจนเธอแทบปลิว และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพัด
    “ไม่รู้เหมือนกันเกาะต้นไม้ไว้นะ” เดย์ตะโกนตอบมือเกาะต้นไม้ต้นที่อยู่ใกล้ที่สุด เคทไม่ทันเกาะต้นไม้ ลมแรงวูบหนึ่งก็หอบเธอปลิวไปปะทะตัวอาคารเรียนแว่นตาหลุดกระเด็น
    “เคท!” เดย์ตะโกนสุดเสียง ปล่อยมือจากต้นไม้ให้ลมช่วยพาไปถึงตัวเคทจนได้
    “เคท เป็นไงมั้ง” เขาถามอย่างห่วงใย ในขณะที่อีกฝ่ายจุกจนพูดไม่ออก
    ห่างจากพวกเขาไปไม่กี่เมตรรอยแยกสีดำแตกเป็นวงกลมกลางอากาศเปิดกว้างพอที่คนจะเข้าไปได้ ร่างสูงใหญ่ในผ้าคลุมสีดำสวมฮู้ดคลุมหน้าเกือบครึ่งก้าวออกมา
    “พวกเจ้าเห็นการมาของข้าเจ้าต้องตาย!!” อาคันตุกะพูดเป็นภาษาประหลาดแต่พวกเขากลับเข้าใจทุกคำ
    ฉับพลัน! ในมือหยาบใหญ่ปรากฏลูกไฟขนาดเกือบเท่าลูกฟุตบอล มันส่งลูกไฟนั้นมาหาพวกเขาด้วยความเร็ว เคทหลับตาแน่นรับชะตากรรมอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    เด็กสาวค่อยๆลืมตา ภาพที่เห็นทำให้ใจชื้นขึ้นบ้าง เดย์เหยียดแขนไปข้างหน้าในลักษณะกำลังห้ามอะไรสักอย่าง ห่างจากมือเขาไปประมาณหนึ่งเมตรเป็นอะไรบางอย่างคล้ายโดมแก้วบางใส สิ่งนั้นเองที่สะท้อนลูกไฟออกไป
    “เจ้าใช้มนต์ได้งั้นรึ ข้าประมาทไปหน่อยดีล่ะ” มันว่าแล้วเขวี้ยงลูกไฟขนาดใหญ่และเร็วกว่าเดิม เกราะที่เดย์สร้างไม่อาจต้านแรงนั้นได้ ลูกไฟลูกแรกทะลุเข้ามาปะทะร่างเด็กหนุ่ม ลูกไฟอีกลูกเลยไปหาคนข้างหลัง
    ในวินาทีนั้น เคทเห็นลูกไฟลอยเข้ามาใกล้ แปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกกลัว นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมีสีทองแทรกเข้ามาแวบหนึ่ง แล้วลูกไฟก็สะท้อนกลับไป! เร็วและแรงกว่าเดิม!!
    คนในผ้าคลุมสีดำไม่ทันตั้งตัวจึงถูกลูกไฟกระแทกกระเด็นเข้าไปในอุโมงค์สีดำนั้นอย่างแรง และปากอุโมงค์หายไปทันที
    เธอแน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังมีสติพอที่จะโผเข้าหาเพื่อนใหม่ที่นอนนิ่งมีรอยแผลไฟไหม้และเลือดเต็มตัว เขายังหายใจรวยริน เธอจับข้อมือเด็กหนุ่มดูปรากฏว่าชีพจรเต้นอ่อนมาก ระหว่างนั้นพลังบางเบาไหลจากตัวเธอไปสู่คนเจ็บโดยไม่รู้ตัว
    ครู่เดียวผิวหนังที่ปริแตกค่อยๆสมานตัว แผลเล็กๆหายไปก่อน เคทตะลึงในสิ่งที่เกิดต่อหน้าต่อตา แต่มือยังจับอยู่ที่แขนเดย์ จนบาดแผลทุกแผลหายสนิท และเดย์ลุกขึ้นมานั่งได้เหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยนั่นแหละเคทถึงจะปล่อยมืออย่างนึกได้
    “เธอเป็นใครกันแน่ เธอรักษาแผลได้” เขาพูดแผ่วเบา
    “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ นายนั่นแหละเกราะนั่นนายทำได้ยังไง” เคทถามกลับบ้าง
    “พลังซ่อนอยู่ในตัวทุกคนแหละ เพียงแต่ฉันมีมากกว่าปกติเท่านั้นเอง ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีพลังแบบเดียวกันด้วย” เดย์ว่าเหมือนไม่ค่อยทุกข์ร้อนอะไร แต่อีกฝ่าายพูดไม่ออกเขาเลยชวนกลับ
    “ช่างมันเหอะ กลับบ้านกันป่านนี้น้องฉันรอแล้วมั้ง” เคทลุกตามร่างสูงคล้ำไปโดยดี สาวน้อยผิวขาวหน้าหวานรออยู่ข้างสนามวอลเล่ย์ เธอตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเดย์ในสภาพที่มีรอยเลือดเต็มตัวถึงจะไม่มีบาดแผลก็เถอะ
    “พี่เดย์ไปทำอะไรมามีแต่เลือดทั้งนั้นเลยนี่” เคทมองสาวน้อยอย่างแปลกใจ คนนี้เหรอน้องสาวเดย์ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยสักนิด นอกจากความสูง คนตรงหน้าอายุน้อยกว่าเธออย่างน้อยก็สองปีแต่สูงกว่าเธอเกือบสิบเซนติเมตร
    “ไม่มีอะไร เดี๋ยวถึงบ้านจะเล่าให้ฟัง นี่เคทเพื่อนพี่นะ นี่ดาวน้องสาวฉัน” เดย์แนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน แล้วพาสองสาวไปขึ้นรถเก๋งที่จอดอยู่ริมสนาม เขาไปส่งเคทถึงบ้านโดยที่เธอไม่ได้บองทางเลย
    “ขอบใจนะ แต่นายรู้ได้ไงเนี่ย ว่าบ้านฉันหลังนี้” เธอถามเมื่อลงรถแล้ว เขาไม่ตอบกลับออกรถไปเลย เธอจำต้องเก็บความสงสัยไว้ไนใจแล้วเข้าไปในบ้าน
    พ่อกับแม่เห็นสารรูปโทรมๆเปรอะเลือดของเดย์ก็ซักอย่างตกใจ เมื่อรู้อะไรเป็นอะไรก็ไล่เธอไปอาบน้ำ แถมเอาให้เคนอาหารเย็นไปเสริฟถึงห้องนอน เธอทานเสร็จก็ยกลงมาเก็บแทนแล้วกลับไปนอนแต่นอนไม่หลับ
    เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนเสียงแม่จะตามมา
    “แม่ขอเข้าไปหน่อย” เธอจึงลุกไปเปิดประตูให้แม่ แม่มองลูกสาวคนโตอย่างเข้าใจ
    “ใส่นี่ซะอย่าให้หลุดจากตัวล่ะ  แม่บอกอะไรลูกตอนนี้ไม่ได้  อาทิตย์หน้าลูกก็จะอายุ 16เต็มแล้วลูกก็จะรู้เอง ราตรีสวัสดิ์จ้ะ” แม่ส่งสร้อยคอให้แล้วเดินลงไปชั้นล่างโดยไม่เปิดโอกาสให้เคทถาม  เธอได้แต่ปิดประตูห้องแล้วไปนั่งที่เตียง  พิจารณาสร้อยเส้นนั้น  มันทำมาจากเงิน ไม่ จากวัตถุสีเงินบางอย่าง เป็นแผ่นบางๆช่วงกลางเส้นกว้างประมาณสองเซนติเมตรแล้วค่อยๆแคบลงเส้นไม่ยาวเกินไปนักสลักลวดลายอ่อนช้อย จี้สีเงินทรงกลมสลักลวดลายอ่อนช้อยงดงามเช่นเดียวกันตรงกลางเป็นอัญมณีรูปดาวสีฟ้า สวยดีเหมือนกัน เธอไม่เคยเห็นสร้อยเส้นนี้มาก่อนเลย แต่แม่ให้ใส่ก็ใส่  ทันทีที่สร้อยสัมผัสลำคอรู้สึกสงบอย่างประหลาด
                หนึ่งสัปดาห์ต่อมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเดย์กับคิน มีบ้างที่คินเป็นฝ่ายหลีกเลี่ยงไม่ยอมเจอเพื่อนใหม่  ตรงข้ามกับแนทที่หาทางเข้าใกล้จนเพื่อนๆ  เดาได้ว่าเธอคิดยังไง
                วันนี้พิเศษตรงที่เป็นวันเกิดเคท เธอมาเรียนตามปกติ ทุกอย่างก็ยังปกติจนถึงเวลาเลิกเรียนเธอกำลังเก็บของเตรียมกับบ้าน
                “เอ้า! หนึ่ง  สอง  สาม  Happy birthday to you ” สิ้นเสียงเนเพื่อนๆในห้องพร้อมใจกันร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้เคทไม่เว้นแม้แต่เดย์ที่แอบเข้ามาเมื่อไหร่ไม่รู้ คินเดินล้ำหน้าคนอื่นมายื่นกล่องของขวัญให้
                “พวกเรารวมตังค์ซื้อนะเก็บไว้ดีๆล่ะ” เด็กหนุ่มพูดจบก็โค้งให้ เสียงโห่จากเพื่อนๆดังขึ้นทันทีปนเสียงหัวเราะจากเจ้าของวันเกิด ไม่มีใครคิดอะไรมากไปกว่าคำว่าเพื่อนเลย ทุกคนรู้วันเกิดเพื่อนและมักจะมีเซอไพรส์เสมอแทบจะไม่ซ้ำแบบด้วย
    “ขอบคุณมากกกกก นึกว่าลืมซะแล้ว”
    “ลืมได้ไงวันเกิดเพื่อนแท้ๆ” แอนว่า
    “ใช่ๆ เย็นนี้เลี้ยงด้วยนะ” เสียงเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งว่าตามด้วยเสียงสนับสนุนจากคนอื่น
    “คิดดูก่อนนะ อืม เปิดดูได้มั้ย” เคทหันความสนใจไปทางกล่องของขวัญกล่องใหญ่ แต่โดนเนห้าม
    “เปิดที่บ้านดีกว่ามั้ง ” เห็นหน้าเพื่อนทำหน้าเสียดายเด็กหนุ่มเลยเอ่ยต่อ
    “แต่บอกก่อนว่าของขวัญกล่องนี้ไอ้เดย์ไม่มีส่วนด้วยนะเว้ย ไปทวงมันเอาเอง”
    “ไม่ต้องทวงหรอกน่า ฉันเพิ่งรู้เมื่อวานเย็นเตรียมของขวัญให้ไม่ทันว่ะ เอานี้ไปแทนล่ะกัน” เดย์ว่าพร้อมโยนวัตถุในมือให้ มันเป็นแท่งโลหะสีทองแดงลวดลายอ่อนช้อยแปลกตามีปุ่มเล็กๆตรงปลายด้านหนึ่งเมื่อลองกดดูใบมีดสีเงินวาวยาวราวๆครึ่งฟุตโผล่ออกมาทันที
    “โห นี่เธอพกของแบบนี้ด้วยเหรอ” แอนพูดอย่างทึ่งๆ ท่าทางเขาไม่เหมือนนักเลงที่มักพกมีดสักนิด
    “ก็ไม่ได้พกตลอดหรอก” ขณะที่ทุกคนคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานมีแต่ตูนกับเอที่หนีกลับก่อนแล้ว  คนสวยของห้องอย่างแนทก็แอบอิจฉาเพื่อนอยู่นิดๆเหมือนกัน
    ไม่มีใครรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่คืบคลานเข้ามา
    ไม่มีใครจะสังหรณ์ว่าอันตรายกำลังจะเกิดขึ้นจนกระทั่ง
    ครืนนน แผ่นดินสั่นสะเทือนเบาๆแต่ทุกคนก็รู้สึก  ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว  สายลมหวีดหวิวพัดรุนแรงขึ้น  ผู้คนรีบกลับเข้าไปในบ้าน  คนที่กลับไม่ได้ก็ตกอยู่ในความหวาดกลัวปนสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
    “เกิดอะไรขึ้นวะ” เนสบถออกมาพวกเขาไม่กล้าที่จะออกจากห้องเรียนในสภาพอากาศแบบนี้  คนที่พอจะรู้คือคนที่เคยประสบเหตุการณ์ทำนองนี้มาแล้ว คือ เคทกับเดย์   ทั้งคู่รู้สึกหนักใจมากๆในตอนนี้
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮา
              เสียงหัวเราะเยือกเย็นชวนขนลุกเหมือนจะแว่วลอยมาตามลม 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น