ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวานใจ นายซุปเปอร์สตาร์

    ลำดับตอนที่ #11 : การปลอบโยน

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 65


    ณ ร้านหนังสือแห่งหนึ่ง  15 สิงหาคม 2549

     

    วันนี้ฉันมาร้านหนังสือกับพี่เนย์ เพื่อซื้อหนังสือภาษาเกาหลีเบื้องต้น เพื่อจะได้เตรียมตัวก่อนเรียนจริง

     

    พี่เนย์เดินดูหนังสือภาษาเกาหลี ส่วนฉันไม่รู้จะทำอะไร เดินดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนมาหยุดอยู่ที่สมุดบันทึกเล่มเล็ก ลายดอกเดซี่ ฉันไม่ลังเลที่จะหยิบมัน  

     

    // เราควรจะมีสมุดบันทึกซักเล่ม ไว้เขียนถึงเขา ฉันไม่อยากให้ความทรงจำของเรามันหายไปตามกาลเวลา นับจากวันนี้ฉันจะเรียนบันทึกถึงเขา //

     

    หลังจากที่เราจ่ายเงินที่เค้าเตอร์ ฉันกันพี่เนย์แวะไปหาอะไรทานแล้วก็กลับหอ

     

    ทันที ที่ฉันกลับมาถึงห้อง ก็ไม่รอช้าที่จะลงมือเขียนบันทึกเรื่องราวทั้งหมดของเราลงไป

     

    // ฉันไม่รู้หรอก ว่าคุณจะมีตัวตนจริงๆหรือเปล่า แต่ฉันก็อยากจะเชื่อว่าเรื่องราวของเรามันคือความจริง ฉันได้แต่หวังว่าขอให้คุณได้ไปเกิดใหม่และได้ใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการ ได้ทำตามฝันเหมือนที่คุณเคยเล่าให้ฉันฟัง ฉันอยากให้คุณมีความสุข ถึงจะมีแค่ฉันที่จำเรื่องราวทั้งหมดได้ ก็ไม่เป็นไร ........ฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน รอยยิ้มและอ้อมกอดของคุณฉันยังจำมันได้เสมอ ฉันรักคุณ...... จียง //

     

    ฉันเขียนเรื่องราวของเราทั้งหมดลงไปในสมุดบันทึก เรื่องราวตลอดเวลาที่เราเจอกัน และจากกัน และหลังจากนี้ี้

     

     

                   ตอนเย็นฉันกับพี่เนย์ ไปซื้อของมาทำเนื้อยางเกาหลีกินที่หอ ด้วยความที่แกเป็นคนชอบเกาหลี และชอบทำอาหาร ทำให้ฉันได้อานิสงในการชอบอาหารเกาหลีไปด้วย

     

    และที่ฉันชอบกินมากที่สุดก็คงจะเป็นกิมจิค่ะ และแน่นอนค่ะ ว่าพี่เนย์แกทำกิมจิเป็น ฉันทึ่งในความรักเกาหลีของแกมาก

     

    ประดุจเหมือนกับบ้านเกิดของแกเลยทีเดียวค่ะ แกเคยบอกฉันว่า ตอนแก่ อยากจะไปอยู่เกาหลี

     

    ฉันไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่ค่ะ กับความรู้สึกการรักโอปป้าของแก และการเป็นติ่งเกาหลีของแก แต่เท่าที่ดูมันก็เป็นเรื่องที่ดี ที่ทำให้แกมีแรงผลักดัน และความฝันในชีวิต

      

    หลังจากซื้อของเสร็จเราก็กลับมาทำอาการกันที่ห้อง เราช่วยกันจัดเตรียมจนเสร็จค่ะ ใช้เวลาไม่นานนักเพราะว่า นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราทำเนื้อย่างเกาหลีค่ะ

     

    พี่เนย์ : “เดซี่โทรบอกพวกนั้นด้วยนะว่าเสร็จแล้ว เรียนเสร็จรีบมากิน”

     

    เดซี่  : “ได้เลยค่ะเจ้”

     

    ฉันทำเสียงประชดแกเหมือนเด็กเสริฟในร้าน พี่เนย์หันมามองแล้วยิ้มกับคำนั้น

     

    ฉันโทรไปยัยเอม มาย บิ้ว และแยม ไม่ถึง 20 นาทีพวกมันก็โผล่มา พร้อมชุดนักศึกษาที่ยังไม่ได้เปลี่ยน

     

    แยม : “เย้ วันนี้เนื้อย่างเกาหลี  กำลังหิวพอดีเลยค่ะพี่เนย์คนสวย”

     

    พี่เนย์  : “แหม พอเป็นเรื่องกินปากหวานเชียวนะ ปกติไม่เคยเห็นหน้าเลย”

     

    แยม : “แหะๆ ช่วงนี้หนูยุ่งค่ะ”

     

    เดซี่ : “หรา  ไม่ใช่เพราะไปอยู่บ้านแฟนเหรอ”

     

    แยม :“มึงนี้......รู้ทันกูอีกแระ”

     

    มาย : “พวกมึงคุยกันไปนะ กูกินก่อนแระ”

     

    บิว : “มึงนี้เหมือนตายอดตายอยากเลยนะ”

     

    เอม : “พี่เนย์ เรียนจบไปเปิดร้านอาหารไหม เดี๋ยวพวกหนูไปเป็นเด็กเสิร์ฟให้”

     

    เดซี่  : “อืมมม ใช่ๆ เหมาะมากเลยค่ะ เดี๋ยวหนูช่วยด้วยคนนะเจ้”

     

    พี่เนย์  : “เดี่ยวเถอะ เจ้อีกแระนะ กิมจงกิมจิ ไม่ต้องกินมันแระนะ”

     

    เดซี่ : “แงๆ หนูหยอกนะค๊า”

     

    พวกเราพวกกินเนื้อย่าง อยากสนุกสนาน ทำให้ฉันหายเศร้าไปได้ซักพัก ฉันมองเพื่อนๆของฉันแล้วก็ได้แต่ยิ้ม

     

    ถ้าไม่มีพวกเขาฉันก็คงต้องนั่งเศร้าและจนถึงตอนนี้ก็คงร้องไห้ยังไม่หยุดแน่ๆ

     

    // ขอบคุณนะ....ทุกคน จียงคะ ฉันมีเพื่อนที่ดีมากๆเลยละ ฉันอยากให้คุณได้รู้จักพวกเขา //

     

     

     


     

    นี้ก็ผ่าน 5 วันแล้วที่ฉันได้กลับมาเรียน หลายๆอย่างเริ่มเข้าที่

     

    แต่ฉันยังไม่หายเศร้า ยังมีเหม่อลอย ใช่เพราะฉันคิดถึงเขา เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ณ ที่แห่งนั้น มันไม่ใช่ระยะเวลาแค่ 1 เดือน เพราะฉันรู้สึกเหมือนมันนานมากๆ  

     

    ความผูกพันและความรักของเรามันไม่ได้เกินขึ้นแค่ 1-2 วัน มันมากกว่านั้น มันเลยยากที่จะทำให้ฉันลืมได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันเองไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน หรือมีตัวตนจริงๆหรือเปล่า แต่ทำไมกันนะฉันกลับรู้สึกถึงเขาเสมอ

     

    บิว : “เดซี่  เดซี่................ยัยเดล”

     

    เดซี่ : “ห่ะ มีอะไร”

     

    บิว : “กูเรียกมึงเป็นชาติแล้วนะ เป็นอะไร พักนี้มึงแปลกๆนะ เพราะเรื่องวันนั่นหรือเปล่า เมื่อไหร่มึงจะเล่าให้พวกกูฟังซะที ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

     

    มาย : “นั้นซิ ถ้ามึงไม่เล่า พวกกูก็ช่วยปลอบมึงไม่ได้นะ”

     

    เอม : “มึงสองคนก็อย่าไปคาดคั้นมันเลย มันอาจจะลำบากใจที่จะเล่าก็ได้”

     

     แยม : “อืม ถ้ามึงอยากเล่าก็บอกพวกกูนะ กูอยู่ไหนก็จะรีบมาหามึงเลย”

     

    ฉันคิดอยู่นานว่าควรจะเล่าดีไหม สำหรับคนอื่นมันอาจจะฟังดูเหมือนเรื่องเพ้อเจ้อไร้สาระ ฉันไม่อยากให้ใครมาหัวเราะเยาะเรื่องของเรา แต่สำหรับเพื่อนๆของฉัน ฉันอยากจะลองเชื่อใจในความห่วงใยของพวกเขาดู

     

    เดซี่ : “ถ้ากูเล่า พวกมึงต้องสัญญากับกูก่อนว่าจะไม่ขำ ไม่ตลก เพราะกูซีเรียส”

     

    มาย/เอม/แยม/บิว : “ได้ สัญญา!!!!!”

     

    เดซี่ : “งั้นคืนนี้อาบน้ำเสร็จมาที่ห้องกูนะ กูจะเล่าให้ฟัง”

    เวลา 20.00 ที่ห้องของฉัน

    ทุกคนมาพร้อมเพียงกัน และตั้งใจที่จะฟังสิ่งที่ฉันเล่าจริงๆ ฉันย้ำกับทุกคนอีกครั้ง ว่าไม่ว่าจะคิดยังไง อย่าพูดออกมา แค่ฟังก็พอ รวมถึงพี่เนย์เองก็สัญญาว่าจะรับฟังอย่างเปิดใจ

     

    ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนๆฟัง

     

    เดซี่ : “เรื่องมันเริ่มมาจากที่กูประสบอุบัติเหตุ และนอนสลบไป 1 เดือน จากนั้นฉันพบว่าตัวเองตื่นมาในที่ที่นึง.............................................”

     

    ฉันเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนฟัง ตลอดเวลา 2 ชั่วโมง ไม่มีใครเลยที่จะไม่ตั้งใจฟัง

     

    บ้างคนมีน้ำตาคลอกับเรื่องของฉันที่เกิดขึ้น ด้วยความที่เราเป็นคนพุธ เลยอาจจะทำให้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเชื่อเรื่อง วิญญาณออกจากร่าง และไปยังที่ที่นึง

     

    ฉันที่เล่าไปและร้องไห้ไป ทุกครั้งที่ได้กลับมานึกถึงหรือเล่าออกมา ฉันจะปวดใจและร้องไห้ทุกครั้ง

     

    แต่ครั้งนี้มันเป็นความรู้สึกดีๆที่มีคนคอยรับฟัง  หลังจากฉันเล่าจบ ทุกคนน้ำตาคลอ และเข้ามากอดฉัน และบอกกับฉันว่า พวกเขาเชื่อสิ่งที่ฉันพูด ถึงไม่รู้ว่าพวกเขาพูดจริงไหม แต่มันก็เป็นคำที่ทำให้ฉันน้ำตาไหลอีกครั้ง

     

    พวกเขาปลอบฉันจนดึก หวังว่าฉันจะสามารถใช้ชีวิตที่ปราศจากความเศร้าได้ในซักวัน

     

    จียง  ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่ หรือไม่ว่าอยู่ที่ไหน ฉันก็หวังว่าคุณจะมีความสุขอยู่ที่ไหนซักแห่ง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×