ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic NCT] - Anonymous - {MarkNo}

    ลำดับตอนที่ #3 : Anonymous: Chapter O

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 59


    Fiction MarkNo {Feat NCT}

     

    - Anonymous -

     

    Chapter: O

     

    “จ้องหน้านูนาแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ มาร์ค”

     

    เสียงเอ่ยของสไตล์ลิสคนใหม่ดึงสติของเด็กหนุ่มให้กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง มาร์คขยับรอยยิ้มเจื่อนก่อนจะยกมือถูท้ายทอยของตัวเองแก้เก้อ ถึงอย่างนั้นเขาก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าเผลอมองใบหน้าหวานละไมของพี่สาวที่มาช่วยจัดแจงความเรียบร้อยของเสื้อผ้าอยู่นานจนเรียกว่าเสียมารยาทเลยก็ว่าได้

     

    “ป... เปล่าครับ พอดีฮวายองนูนาหน้าเหมือนคนที่ผมรู้จัก ก็เลยเผลอจ้องนานไปหน่อย แหะๆ ขอโทษนะครับ”

     

    คิม ฮวายองไม่ได้ตอบรับหรือคาดโทษอีกฝ่ายนอกจากรอยยิ้มบางเบาที่ประดับขึ้นแต้มดวงหน้าหวาน เธอง่วนกับการจัดหมวกแก็ปสีขาวลายขวางสลับดำบนเส้นผมสีคาราเมล กระทั่งสไตล์ลิสสาวแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ฝ่ามือบางจึงตบปุๆ ลงบนบ่ากว้างคล้ายเป็นการให้กำลังใจครั้งสุดท้ายก่อนการอัด performance รอบแรกของรายการเพลงประจำวันศุกร์

     

    “เอาล่ะ เสร็จแล้วพ่อหนุ่ม ขึ้นเวทีแล้วก็พยายามให้เต็มที่นะจ๊ะ”

     

    เด็กหนุ่มที่เพิ่งเดบิวต์ได้ 4 เดือนโค้งขอบคุณให้กับหญิงสาวอายุมากกว่า ก่อนที่ร่างโปร่งจะวิ่งไปสมทบกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ที่ข้างเวที ระหว่างรอคิวขึ้นอัดการแสดง พวกเด็กๆ กำลังพูดคุยถึงทริปของบริษัทที่จะไปพักผ่อนกันที่ฮาวายซึ่งคนที่เป็นประเด็นของบทสนทนาจะเป็นใครไม่ได้นอกจากมาร์ค กับแฮชาน

     

    แน่ล่ะ พวกเขาเป็นสองคนในยูนิตดรีมที่ได้ไปร่วมทริปกับพวกพี่ๆ ในขณะที่น้องๆ คนอื่นๆ ได้แต่นอนแกร่วอยู่ที่หอ

     

    เสียงโอดครวญด้วยความอิจฉาดังขึ้นเป็นระยะซึ่งมาร์คก็ไม่ได้สนใจเท่าไรเพราะสายตาของเขากำลังจับจ้องไปที่เจ้าเด็กตายิ้มที่ยืนซ้อนหลังแจมินพลางเกยคางไว้บนไหล่ของเพื่อนสนิทแล้วรับฟังเรื่องราวในบทสนทนาอย่างเงียบๆ  คงต้องโทษเจ้าของหน่วยตาดำขลับที่ทิ้งสายตามองคนเป็นน้องอยู่เสียนาน เพราะแบบนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่เจโน่จะเบือนหน้าหันมามองพร้อมกับดวงตายิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

     

    คนเป็นน้องไม่รอให้คนพี่ต้องยืนอยู่คนเดียวนานก็ขยับตัวเข้าไปหา เสียงของพี่ชายดังขึ้นต่อจากนั้นแผ่วเบาเพียงให้คนข้างตัวได้ยินเท่านั้น

     

    “อยากได้อะไรที่ฮาวายไหม”

     

    เป็นอีกครั้งที่ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างเรา อันที่จริงมันก็ไม่ได้เงียบซะทีเดียวเพราะแฮชานกำลังเล่าเรื่องที่ตัวเองเตรียมชุดว่ายน้ำกับห่วงยางรูปเป็ดไปฮาวาย แต่เพราะมาร์คกำลังรอฟังและสิ่งที่เขาอยากรับรู้ก็มีแค่ความคิดของคนตรงหน้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นทุกอย่างถึงได้เงียบสนิทนักในความคิดของเด็กหนุ่ม

     

    “ผมแค่อยากให้มาร์คฮยองเที่ยวให้สนุกแล้วกลับมาหาผมเร็วๆ”

     

    “ไม่อยากได้อะไรจริงๆ น่ะหรือ” มาร์คยังคงรบเร้าต่อ

     

    “...”

     

    NCT Dream เตรียมแสตนบายในอีก 5 นาทีด้วยครับ

     

    “ไปหยิบโฮเวอร์บอร์ดมาเตรียมพร้อมกันเถอะ”

     

    มาร์คหยุดคำรบเร้าของเขาไว้แค่นั้นเมื่อสต๊าฟคนหนึ่งเดินมาบอกให้พวกเขาเตรียวตัวสำหรับคิวอัดถัดไป ฝ่ามืออุ่นคว้าข้อมือของคนเป็นน้อง ทว่าก่อนที่คนอายุมากกว่าจะดึงเจโน่ให้เดินไปที่เก็บโฮเวอร์บอร์ดด้วยกัน เสียงเอ่ยที่ดังไล่หลังมาก็พลอยทำให้ฝีเท้ายาวหยุดเดินไปชั่วขณะ

     

    “เดี๋ยวก่อนฮะ มาร์คฮยอง”

     

    ใบหน้าหล่อเหลาเบือนหันไปทางต้นเสียง สิ่งที่เห็นทำให้มาร์คถึงกับยกยิ้มกว้างเพราะมันคือกำปั้นเล็กที่ถูกชูขึ้นตรงหน้าเขาอย่างพอดิบพอดี ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเราก็รู้ว่าการกระทำพวกนี้หมายถึงอะไร ก็เหมือนอย่างทุกๆ ครั้งที่มาร์คจะยกกำปั้นของตัวเองชนกับกำปั้นเล็กของเจโน่เบาๆ

     

    “วันนี้ก็พยายามให้เต็มที่เหมือนเดิมนะครับ”

     

    เจ้าเด็กตายิ้มจะรู้บ้างไหมว่าแค่คำพูดไม่กี่คำของเจ้าตัว มันก็มากเพียงพอที่จะคลายความกังวลก่อนขึ้นเวทีของคนพี่ไปได้ถนัด เป็นเหมือนยาดีที่ไม่สามารถจะหาได้ที่ไหนอีกแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เพลง Chewing Gum ถูกอัดไปสามรอบเพื่อใช้สำหรับออกอากาศในรายการเพลงประจำวันศุกร์แม้จะขรุขระไปบ้างเพราะโฮเวอร์บอร์ดเกิดอาการดับไประหว่างการแสดงแต่ถึงอย่างนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี หลังจากนั้นลีเมเนเจอร์ก็จัดการต้อนเด็กๆ NCT Dream กลับเข้าไปในห้องพักศิลปินอีกครั้ง พวกเขาต้องรออยู่ในสถานีโทรทัศน์จนกว่าจะถึงเวลาอากาศซึ่งก็คือช่วงเย็นของวัน และตอนนี้ก็เพิ่งจะบ่ายโมงกว่าเองเท่านั้น

     

    เพราะแบบนั้นทุกคนจึงเริ่มเข้าสู่โลกส่วนตัวของตัวเอง จีซองนั่งทำการบ้านอยู่ข้างๆ ผู้จัดการ เหรินจวิ้นกำลังสอนภาษาเกาหลีเฉินเล่ออยู่ตรงโซฟา เจโน่ แจมิน และแฮชานกำลังเล่นสนุกด้วยการไถโฮเวอร์บอร์ดไปรอบห้อง ส่วนฮยองคนโตอย่างมาร์คเลือกที่จะหลบมุมนั่งฟังเพลงอยู่เงียบๆ ในขณะที่ปลายนิ้วก็ไล่อ่านข้อความแชทของแจฮยอนฮยองที่พูดถึงอากาศดีๆ ที่อิลซานเพราะวันนี้ยูนิต 127 มีงานแฟนไซน์กันที่นั่น

     

    ฮยอง ที่ยออีโดฝนตกหนัก อิจฉาพวกฮยองชะ...

     

    ตี๊ดๆ ตี๊ดๆ

     

    มาร์คยังพิมพ์ข้อความหาฮยองคนสนิทไม่ทันจบ แมสเสจ SMS ที่ไม่ระบุชื่อผู้ชื่อก็ดึงความสนใจของเด็กหนุ่มไปแทนที่ ข้อความใน SMS แปลกประหลาดเสียจนน่าขัน มันประกอบไปด้วยคำเพียงคำเดียวที่ไม่สามารถตีความหมายอะไรได้เลย

     

     “ย่าห์ แมสเสจฉบับนี้ประหลาดชะมัด [เหยื่อ] งั้นเหรอ หมายความว่าไง”

     

    “ของฉันเป็นคำว่า [โล่ง] ล่ะ”

     

    เสียงตะโกนของแจมินทำให้มาร์ครู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ได้รับข้อความแปลกๆ นั่น ยังมีคนอื่นที่ได้รับมันไม่ว่าจะเป็นแจมิน เจโน่ หรือแฮชานที่กำลังชูโทรศัพท์มือถือของตัวเองเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเขาก็ได้แมสเสจประหลาดนั่นเหมือนกัน

     

    “ข้อความในนี้เขียนว่า [อยู่] มันคืออะไรกันนะ” แฮชานว่า ในขณะที่ทุกคนเริ่มมาออรวมกันเป็นวงกลม สายตาอยากรู้อยากเห็นจ้องมองข้อความในมือถือของแจมิน เจโน่และแฮชานสลับกับมือถือของตัวเอง

     

    “จีซอง นายได้แมสเสจแบบเดียวกับเจ้าพวกนั้นรึเปล่า” ลีเมเนเอ่ยถามเด็กน้อยผมทองข้างตัวทำให้จีซองก้มลงมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองดูบ้าง

     

    “ครับ ของผมเป็นคำว่า [ผู้] แล้วดงวานฮยองล่ะครับ”

     

    คนถูกถามไม่ตอบอะไรนอกจากสีหน้าหลังกรอบแว่นหนาที่เครียดขึงขึ้นถนัด ลางสังหรณ์บางอย่างเตือนผู้จัดการหนุ่มให้หันไปถามคำถามเดิมกับเมมเบอร์จีนซึ่งคำตอบก็ไม่ผิดจากที่คิดเท่าไร

     

    “ของพวกเราเป็นคำว่า [ที่] กับ [แจ้ง] ครับ” เหรินจวิ้นเป็นคนอาสาตอบเพราะภาษาเกาหลีของเฉินเล่อยังไม่แข็งแรงนัก

     

    มาถึงตอนนี้บรรยากาศในห้องก็พลันอ้าวไปถนัด สายตาทุกคู่เริ่มเบนความสนใจไปหาฮยองคนโตของสมาชิก Dream ที่ยังไม่พูดอะไรเลย จนกลายเป็นว่าแฮชานคว้าโทรศัพท์มือถือในมือของมาร์คมาอ่านข้อความในนั้นแทน

     

    “ของมาร์คฮยองเป็นคำว่า [ใน] นะครับ”

     

    “บางทีระบบเครือข่ายโทรศัพท์อาจจะทำงานผิดพลาดก็ได้นะ ถึงได้ส่งข้อความมั่วๆ พวกนี้ออกมา แฮชาน เอาโทรศัพท์ของฮยองคืนมาเถอะน่า”

     

    ร่างโปร่งพยายามจะฉวยเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองจากจอมซนประจำกลุ่ม แต่ก็ถูกแกล้งกลับเพราะแฮชานเล่นชูโทรศัพท์โย้ไปเย้มาให้ยอมให้มาร์คได้หยิบง่ายๆ สักที มันกลายเป็นความวุ่นวายขนาดย่อมที่ทำให้บรรยากาศชวนตึงเครียดผ่อนคลายลงทีละนิด ทว่าความวุ่นวายก็พลันหยุดลงเมื่อเสียงของฮวายองนูนาดังทักขึ้นมา

     

    “แต่แปลกจัง ทำไมถึงมีแต่พวกนาย 7 คนได้รับแมสเสจล่ะ นูนากับคนอื่นๆ ไม่เห็นจะได้รับข้อความพวกนั้นเลย”

     

    “มีใครเล่นตลกอะไรอยู่รึเปล่า” โซมีนูนา สไตล์ลิสอีกคนหนึ่งของยูนิตดรีมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือความกังวล

     

    พวกเรามองหน้ากันด้วยสีหน้ากระสับกระส่าย ไม่มีใครกล้าพูดอะไรจนกระทั่งแฮชานบอกให้เมมเบอร์ทุกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแมสเสจเจ้าปัญหาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันนั้นมาร์คก็ไล่อ่านข้อความปริศนาที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ไล่ไปทีละคนจนมาหยุดอยู่ที่หน้าจอของตัวเอง

     

    [เหยื่อ] [โล่ง] [อยู่] [ผู้] [ที่] [แจ้ง] [ใน]

     

    “ข้อความพวกนี้ต้องการจะสื่อว่ายังไงกันแน่นะ” เหรินจวิ้นขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพยายามถอดรหัสพวกนี้

     

    “พวกเราลองสลับที่กันดูไหม ไม่แน่ว่าข้อความอาจจะสลับตำแหน่งอยู่ก็ได้นะ”

     

    เพราะคำพูดของเจโน่ทำให้เด็กหนุ่มทั้ง 7 พากันสลับที่กันจ้าละหวั่น ทำซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้ง จนในที่สุดข้อความก็เรียงต่อกันเป็นประโยคที่ว่า...

     

    [เหยื่อ] [ผู้] [อยู่] [ใน] [ที่] [โล่ง] [แจ้ง]

     

    “นี่มัน... อะไรกัน” ฮยองคนโตของยูนิตดรีมพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน

     

    เจ้าของดวงตาดำขลับเห็นลีเมเนรีบเดินออกไปคุยโทรศัพท์ทันทีที่เห็นข้อความพวกนี้ เขาไม่รู้ว่าดงวานฮยองรู้อะไรมากกว่าที่พวกเขารู้กันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือมาร์คตีเจตนาของข้อความตรงหน้าไม่ออกเลยด้วยซ้ำ

     

    จดหมายขู่งั้นเหรอ? หรือคำเตือน?

     

    “เหยื่องั้นเหรอ พวกนายคิดว่าหมายถึงใคร” แจมินเอ่ยถามขึ้นเมื่อพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก

     

    “เหยื่อในที่โล่งแจ้งด้วยนะ” เฉินเล่อกล่าวเสริม

     

    “คงไม่ใช่พวกเราหรอกเพราะหลังจากนี้พวกเราไม่มีคิวงานที่ต้องออกไปข้างนอกอีกแล้ว หรือว่าเป็นคำเตือนให้พวกเราระวังตัวเวลาที่ออกไปเดินข้างนอก ยังไงกันนะ”

     

    ความคิดมากมายตีกันอยู่ในหัวของเด็กหนุ่มเจ้าของผมสีคาราเมล เขาพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่างที่มีแต่สุดท้ายก็ไม่เข้าใจข้อความประหลาดพวกนั้นอยู่ดี มาร์คขยี้เส้นผมตัวเองด้วยอารมณ์หงุดหงิด แต่ถึงจะหงุดหงิดมากขนาดไหนเจ้าของหน่วยตาดำขลับก็ยังละสายตาจากข้อความไร้ชื่อผู้ส่งในโทรศัพท์มือถือตัวเองไม่ได้สักที

     

    มาร์คกำลังติดใจอะไรบางอย่าง บางอย่างที่ติดอยู่ในหัว และดูเหมือนเขาจะลืมไปถนัด 

     

    “เจโน่ฮยอง วันนี้พวกแทยงฮยองมีแฟนไซน์อยู่ที่สวนสาธารณะข้างช็อปปิ้งมอลล์ในอิลซานใช่ไหม”

     

    “อื้ม”

     

    “เหยื่อผู้อยู่ในที่โล่งแจ้ง”

     

    จู่ๆ เสียงของใครบางคนก็ลอยเข้ามาในโสตประสาท ความคิดบางอย่างของมาร์คเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ในตอนนั้นฮยองคนโตของยูนิตดรีมถึงได้รู้ว่าจิ๊กซอว์ที่หายไปและเขาพยายามตามหาอยู่นานนั้นมันคืออะไร

     

    “เป็นไปได้ไหมว่าในแมสเสจจะหมายถึงยูนิต 127

     

    มาร์คไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนพูดประโยคนั้น เพราะสิ่งที่เด็กหนุ่มสนใจมากกว่าคือการสอดสายตาหาลีเมเนที่เดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก โชคดีที่คนที่ตามหาเดินเข้ามาในห้องพอดีซึ่งเด็กหนุ่มร่างโปร่งก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปหาทันที

     

    “ดงวานฮยอง ตอนนี้พวกแจฮยอนฮยองกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมคิดว่าเราควร...”

     

    “ฮยองพยายามติดต่อทางโน้นแล้วมาร์ค แต่ดูเหมือนฝั่ง 127 จะเพิ่งเริ่มแฟนไซน์กัน ทางนั้นก็เลยไม่มีใครรับสาย”

     

    ลีเมเนที่เดาเรื่องได้ก่อนแล้วเป็นฝ่ายตัดบทคำพูดของมาร์ค สีหน้าที่ไม่ดีนักของดงวานฮยองทำให้คนอายุน้อยกว่าพอรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง และเสียงบทสนทนาของพวกเขาก็ดังเสียจนทำให้น้องๆ คนอื่นเริ่มหันมาสนใจ

     

    “มันต้องมีสักทางสิฮยอง เดี๋ยวผมจะลองโทรหาแจฮยอนฮยองดู”

     

    คนที่รักพี่ยิ่งกว่าใครมีหรือที่จะยอมอยู่เฉยๆ มาร์คหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดเบอร์โทรหารุ่นพี่คนสนิท แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกับที่ลีเมเนโทรหาทีมงานคนอื่นๆ ไม่มีใครรับสายของเขาสักคนไม่ว่าจะเป็นแจฮยอนฮยอง แทยงฮยอง หรือยูตะฮยอง

     

    จนในที่สุดเมื่อความพยายามสิ้นสุดลง มาร์คจึงค่อยๆ ลดโทรศัพท์มือถือลงก่อนจะหันไปมองคนอายุมากกว่าด้วยแววตาที่แสนจริงจัง

     

    “ฮยอง ผมจะไปอิลซาน”

     

    ในเมื่อติดต่อไม่ได้ มาร์คก็จะไปเตือนฮยองไลน์ด้วยตัวของเขาเอง

     

    “บ้าไปแล้วรึไง มาร์คฮยอง พวกเราต้องรออยูที่สตูดิโอจนกว่าจะถึงเวลาออกอากาศนะ” เป็นแฮชานที่เอ่ยแย้งขึ้นมาหลักจากที่รอดูสถานการณ์อยู่นาน

     

    แต่มีหรือว่าคนหัวรั้นอย่างมาร์คจะยอมเชื่อฟัง

     

    “อีกตั้ง 4 ชั่วโมงไม่ใช่เหรอ ฮยองคิดว่ายังไงก็กลับมาทันน่า ที่สำคัญควรจะมีใครไปเตือนพวกแจฮยอนฮยองให้ระวังตัวไว้บ้าง ฮยองไม่อยากให้มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นโดยที่ตัวเองช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ”

     

    “มาร์ค ลี! ฉันบอกให้แกกลับเข้ามาในห้องแล้วสงบสติอารมณ์เดี๋ยวนี้!

     

    แม้จะได้ยินเสียงตวาดลั่นดังมาจากลีเมเนแต่มาร์คก็ไม่ได้สนใจ เขาทำเป็นหูทวนลมในขณะที่สืบเท้าเร็วออกไปนอกห้องพัก แม้ว่าจะเดินผ่านรุ่นพี่หลายคนตรงทางเดินแต่เด็กหนุ่มก็ทำได้แค่เพียงก้มหัวเร็วๆ ให้ก่อนจะวิ่งลงลิฟท์ไปที่ชั้นล่างของสถานี

     

    ร่างโปร่งเดินมาหยุดตรงป้ายรถบัสหน้าสถานีโทรทัศน์ ทว่าก่อนที่มาร์คจะไปไหนได้ไกลกว่านั้น เด็กหนุ่มจอมเด๋อก็เพิ่งจะรู้ตัวเขาไม่ได้พกอะไรออกมาเลยนอกจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว แม้แต่เงินติดตัวสักวอนเดียวก็ยังไม่มี

     

    “บ้าเอ้ย” หงุดหงิดจนอดไม่ได้ที่จะพูดสบถออกมา

     

    มาร์เดินย่ำไปย่ำมาอยู่ที่หน้าป้ายรถบัส ในขณะที่นิ้วยาวกำลังจิ้มลงบนหน้าจอทัชสกรีนอย่างหวังว่าใครสักคนที่อิลซานจะรับโทรศัพท์บ้าง

     

    แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเหมือนเดิม... ไม่มีใครรับสายของเขาสักคน

     

    “...ฮยอง มาร์คฮยอง”

     

    ฮยองคนโตของยูนิตดรีมมัวแต่สนใจหน้าจอโทรศัพท์จนไม่ทันสนใจเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อของตนซ้ำไปซ้ำมา มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ข้อมือของเขาถูกดึงรั้งไว้ อารามตกใจทำให้มาร์คแทบจะสะบัดมือออกเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นลีเมเน  แต่ทว่าเมื่อหน่วยตาคมปรายมองไปทางคนต้นเหตุมาร์คก็แทบจะยั้งมือเอาไว้ไม่ทัน

     

    “เจโน่? ตามฮยองมาทำไม”

     

    เพราะคนที่เห็นตรงหน้าคือเจ้าเด็กตายิ้มที่ไม่รู้ว่ารอดพ้นสายตาของดงวานฮยองออกมาได้ยังไง

     

    “มาร์คฮยองออกมาแค่ตัวกับโทรศัพท์มือถือ แล้วแบบนี้จะไปหาแจฮยอนฮยองได้ยังไงกันล่ะฮะ ถ้าผมไม่เอาเจ้านี่ออกมาด้วยมาร์คฮยองก็ไปไม่ถึงอิลซานหรอกนะ”

     

     เจโน่ชูกระเป๋าสตางค์ในมือราวกับรู้ใจว่ามันคือสิ่งที่มาร์คต้องการที่สุดในตอนนี้ การกระทำเล็กๆ ของเจ้าเด็กตายิ้มที่มักจะทำให้เด็กหนุ่มคนพี่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจเสมอ ฝ่ามืออุ่นเลื่อนไปจับมือนิ่มของคนน้องแน่นก่อนจะดึงให้เดินไปด้วยกัน

     

    “ถ้างั้นเรารีบไปกันเถอะ”

     

    รถแท็กซี่ถูกมาร์คกับเจโน่เลือกเป็นยานพาหนะไปอิลซานเพราะเป็นวิธีที่เร็วที่สุด โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงกลางวันที่การจราจรไม่พลุกพล่านนักทำให้พวกเขาไปจุดหมายได้เร็วกว่าที่คิด ทันทีที่รถแท็กซี่จอดเทียบท่าด้านหน้าสวนสาธารณะซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแฟนไซน์ของ NCT 127 มาร์คก็กระโดดลงจากรถด้วยความร้อนรน เขาปล่อยให้เจโน่เป็นคนจัดการค่าโดยสารในขณะที่ตัวเขาเองวิ่งไปยังบริเวณจัดงานแฟนไซน์เป็นอันดับแรก

     

    ในใจของเด็กหนุ่มภาวนาขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับฮยองไลน์เลย และมันก็เหมือนกับยกภูเขาออกจากอกเมื่อสิ่งแรกที่กระทบเข้ามาในม่านตาสีดำสนิทนั้นก็คือรอยยิ้มของพวกฮยองที่กำลังพูดคุยและแจกลายเซ็นต์ให้กับแฟนคลับอย่างสนุกสนาน ฝีเท้ายาวค่อยๆ ชะลอลงเมื่อเข้าใกล้บริเวณจัดงานมากขึ้น

     

    ทว่าในวินาทีที่มาร์คกำลังสอดสายตาหาเมเนเจอร์หรือสต๊าฟสักคนที่จะพาเขาเข้าไปด้านหลังงานได้ อะไรบางอย่างก็ถูกปาขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็วและไม่มีใครตั้งตัว

     

    ผลั่ก!

     

    แทยงฮยองคือเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย

     

    หลักฐานก็คือคราบเหนียวหนืดของไข่แดงและขาวที่เปรอะบนดวงหน้าขาวซีดของเหยื่อ

     

    ในตอนนั้นเองที่มาร์คได้รู้จักคำว่าสายเกินไป

     

    เขามาช้าเกินกว่าจะเตือนแทยงฮยองให้ระวังตัว... ไร้ประโยชน์ชะมัด

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    +++ TBC +++



    Enjoy reading na ka J

    @plzforgetme_not

    #ฟิคนิรนาม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×