คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Anonymous: Chapter O
Fiction
MarkNo {Feat NCT}
-
Anonymous -
Chapter:
O
“จ้องหน้านูนาแบบนี้
มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ มาร์ค”
เสียงเอ่ยของสไตล์ลิสคนใหม่ดึงสติของเด็กหนุ่มให้กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง
มาร์คขยับรอยยิ้มเจื่อนก่อนจะยกมือถูท้ายทอยของตัวเองแก้เก้อ
ถึงอย่างนั้นเขาก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าเผลอมองใบหน้าหวานละไมของพี่สาวที่มาช่วยจัดแจงความเรียบร้อยของเสื้อผ้าอยู่นานจนเรียกว่าเสียมารยาทเลยก็ว่าได้
“ป...
เปล่าครับ พอดีฮวายองนูนาหน้าเหมือนคนที่ผมรู้จัก ก็เลยเผลอจ้องนานไปหน่อย แหะๆ
ขอโทษนะครับ”
คิม
ฮวายองไม่ได้ตอบรับหรือคาดโทษอีกฝ่ายนอกจากรอยยิ้มบางเบาที่ประดับขึ้นแต้มดวงหน้าหวาน
เธอง่วนกับการจัดหมวกแก็ปสีขาวลายขวางสลับดำบนเส้นผมสีคาราเมล
กระทั่งสไตล์ลิสสาวแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ฝ่ามือบางจึงตบปุๆ ลงบนบ่ากว้างคล้ายเป็นการให้กำลังใจครั้งสุดท้ายก่อนการอัด
performance รอบแรกของรายการเพลงประจำวันศุกร์
“เอาล่ะ
เสร็จแล้วพ่อหนุ่ม ขึ้นเวทีแล้วก็พยายามให้เต็มที่นะจ๊ะ”
เด็กหนุ่มที่เพิ่งเดบิวต์ได้
4 เดือนโค้งขอบคุณให้กับหญิงสาวอายุมากกว่า
ก่อนที่ร่างโปร่งจะวิ่งไปสมทบกับเมมเบอร์คนอื่นๆ ที่ข้างเวที ระหว่างรอคิวขึ้นอัดการแสดง
พวกเด็กๆ กำลังพูดคุยถึงทริปของบริษัทที่จะไปพักผ่อนกันที่ฮาวายซึ่งคนที่เป็นประเด็นของบทสนทนาจะเป็นใครไม่ได้นอกจากมาร์ค
กับแฮชาน
แน่ล่ะ
พวกเขาเป็นสองคนในยูนิตดรีมที่ได้ไปร่วมทริปกับพวกพี่ๆ ในขณะที่น้องๆ คนอื่นๆ
ได้แต่นอนแกร่วอยู่ที่หอ
เสียงโอดครวญด้วยความอิจฉาดังขึ้นเป็นระยะซึ่งมาร์คก็ไม่ได้สนใจเท่าไรเพราะสายตาของเขากำลังจับจ้องไปที่เจ้าเด็กตายิ้มที่ยืนซ้อนหลังแจมินพลางเกยคางไว้บนไหล่ของเพื่อนสนิทแล้วรับฟังเรื่องราวในบทสนทนาอย่างเงียบๆ
คงต้องโทษเจ้าของหน่วยตาดำขลับที่ทิ้งสายตามองคนเป็นน้องอยู่เสียนาน
เพราะแบบนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่เจโน่จะเบือนหน้าหันมามองพร้อมกับดวงตายิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว
คนเป็นน้องไม่รอให้คนพี่ต้องยืนอยู่คนเดียวนานก็ขยับตัวเข้าไปหา
เสียงของพี่ชายดังขึ้นต่อจากนั้นแผ่วเบาเพียงให้คนข้างตัวได้ยินเท่านั้น
“อยากได้อะไรที่ฮาวายไหม”
เป็นอีกครั้งที่ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างเรา
อันที่จริงมันก็ไม่ได้เงียบซะทีเดียวเพราะแฮชานกำลังเล่าเรื่องที่ตัวเองเตรียมชุดว่ายน้ำกับห่วงยางรูปเป็ดไปฮาวาย
แต่เพราะมาร์คกำลังรอฟังและสิ่งที่เขาอยากรับรู้ก็มีแค่ความคิดของคนตรงหน้าเท่านั้น
เพราะฉะนั้นทุกอย่างถึงได้เงียบสนิทนักในความคิดของเด็กหนุ่ม
“ผมแค่อยากให้มาร์คฮยองเที่ยวให้สนุกแล้วกลับมาหาผมเร็วๆ”
“ไม่อยากได้อะไรจริงๆ
น่ะหรือ” มาร์คยังคงรบเร้าต่อ
“...”
NCT
Dream เตรียมแสตนบายในอีก 5 นาทีด้วยครับ
“ไปหยิบโฮเวอร์บอร์ดมาเตรียมพร้อมกันเถอะ”
มาร์คหยุดคำรบเร้าของเขาไว้แค่นั้นเมื่อสต๊าฟคนหนึ่งเดินมาบอกให้พวกเขาเตรียวตัวสำหรับคิวอัดถัดไป
ฝ่ามืออุ่นคว้าข้อมือของคนเป็นน้อง ทว่าก่อนที่คนอายุมากกว่าจะดึงเจโน่ให้เดินไปที่เก็บโฮเวอร์บอร์ดด้วยกัน
เสียงเอ่ยที่ดังไล่หลังมาก็พลอยทำให้ฝีเท้ายาวหยุดเดินไปชั่วขณะ
“เดี๋ยวก่อนฮะ
มาร์คฮยอง”
ใบหน้าหล่อเหลาเบือนหันไปทางต้นเสียง
สิ่งที่เห็นทำให้มาร์คถึงกับยกยิ้มกว้างเพราะมันคือกำปั้นเล็กที่ถูกชูขึ้นตรงหน้าเขาอย่างพอดิบพอดี
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเราก็รู้ว่าการกระทำพวกนี้หมายถึงอะไร ก็เหมือนอย่างทุกๆ
ครั้งที่มาร์คจะยกกำปั้นของตัวเองชนกับกำปั้นเล็กของเจโน่เบาๆ
“วันนี้ก็พยายามให้เต็มที่เหมือนเดิมนะครับ”
เจ้าเด็กตายิ้มจะรู้บ้างไหมว่าแค่คำพูดไม่กี่คำของเจ้าตัว
มันก็มากเพียงพอที่จะคลายความกังวลก่อนขึ้นเวทีของคนพี่ไปได้ถนัด
เป็นเหมือนยาดีที่ไม่สามารถจะหาได้ที่ไหนอีกแล้ว
เพลง
Chewing Gum ถูกอัดไปสามรอบเพื่อใช้สำหรับออกอากาศในรายการเพลงประจำวันศุกร์แม้จะขรุขระไปบ้างเพราะโฮเวอร์บอร์ดเกิดอาการดับไประหว่างการแสดงแต่ถึงอย่างนั้นทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี
หลังจากนั้นลีเมเนเจอร์ก็จัดการต้อนเด็กๆ NCT Dream กลับเข้าไปในห้องพักศิลปินอีกครั้ง
พวกเขาต้องรออยู่ในสถานีโทรทัศน์จนกว่าจะถึงเวลาอากาศซึ่งก็คือช่วงเย็นของวัน
และตอนนี้ก็เพิ่งจะบ่ายโมงกว่าเองเท่านั้น
เพราะแบบนั้นทุกคนจึงเริ่มเข้าสู่โลกส่วนตัวของตัวเอง
จีซองนั่งทำการบ้านอยู่ข้างๆ ผู้จัดการ เหรินจวิ้นกำลังสอนภาษาเกาหลีเฉินเล่ออยู่ตรงโซฟา
เจโน่ แจมิน และแฮชานกำลังเล่นสนุกด้วยการไถโฮเวอร์บอร์ดไปรอบห้อง ส่วนฮยองคนโตอย่างมาร์คเลือกที่จะหลบมุมนั่งฟังเพลงอยู่เงียบๆ
ในขณะที่ปลายนิ้วก็ไล่อ่านข้อความแชทของแจฮยอนฮยองที่พูดถึงอากาศดีๆ
ที่อิลซานเพราะวันนี้ยูนิต 127 มีงานแฟนไซน์กันที่นั่น
‘ฮยอง ที่ยออีโดฝนตกหนัก อิจฉาพวกฮยองชะ...’
ตี๊ดๆ
ตี๊ดๆ
มาร์คยังพิมพ์ข้อความหาฮยองคนสนิทไม่ทันจบ
แมสเสจ SMS ที่ไม่ระบุชื่อผู้ชื่อก็ดึงความสนใจของเด็กหนุ่มไปแทนที่
ข้อความใน SMS แปลกประหลาดเสียจนน่าขัน
มันประกอบไปด้วยคำเพียงคำเดียวที่ไม่สามารถตีความหมายอะไรได้เลย
“ย่าห์ แมสเสจฉบับนี้ประหลาดชะมัด [เหยื่อ] งั้นเหรอ หมายความว่าไง”
“ของฉันเป็นคำว่า
[โล่ง] ล่ะ”
เสียงตะโกนของแจมินทำให้มาร์ครู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ได้รับข้อความแปลกๆ
นั่น ยังมีคนอื่นที่ได้รับมันไม่ว่าจะเป็นแจมิน เจโน่ หรือแฮชานที่กำลังชูโทรศัพท์มือถือของตัวเองเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเขาก็ได้แมสเสจประหลาดนั่นเหมือนกัน
“ข้อความในนี้เขียนว่า
[อยู่] มันคืออะไรกันนะ”
แฮชานว่า ในขณะที่ทุกคนเริ่มมาออรวมกันเป็นวงกลม
สายตาอยากรู้อยากเห็นจ้องมองข้อความในมือถือของแจมิน
เจโน่และแฮชานสลับกับมือถือของตัวเอง
“จีซอง
นายได้แมสเสจแบบเดียวกับเจ้าพวกนั้นรึเปล่า” ลีเมเนเอ่ยถามเด็กน้อยผมทองข้างตัวทำให้จีซองก้มลงมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองดูบ้าง
“ครับ
ของผมเป็นคำว่า [ผู้] แล้วดงวานฮยองล่ะครับ”
คนถูกถามไม่ตอบอะไรนอกจากสีหน้าหลังกรอบแว่นหนาที่เครียดขึงขึ้นถนัด
ลางสังหรณ์บางอย่างเตือนผู้จัดการหนุ่มให้หันไปถามคำถามเดิมกับเมมเบอร์จีนซึ่งคำตอบก็ไม่ผิดจากที่คิดเท่าไร
“ของพวกเราเป็นคำว่า
[ที่] กับ [แจ้ง] ครับ”
เหรินจวิ้นเป็นคนอาสาตอบเพราะภาษาเกาหลีของเฉินเล่อยังไม่แข็งแรงนัก
มาถึงตอนนี้บรรยากาศในห้องก็พลันอ้าวไปถนัด
สายตาทุกคู่เริ่มเบนความสนใจไปหาฮยองคนโตของสมาชิก Dream
ที่ยังไม่พูดอะไรเลย จนกลายเป็นว่าแฮชานคว้าโทรศัพท์มือถือในมือของมาร์คมาอ่านข้อความในนั้นแทน
“ของมาร์คฮยองเป็นคำว่า
[ใน] นะครับ”
“บางทีระบบเครือข่ายโทรศัพท์อาจจะทำงานผิดพลาดก็ได้นะ
ถึงได้ส่งข้อความมั่วๆ พวกนี้ออกมา แฮชาน เอาโทรศัพท์ของฮยองคืนมาเถอะน่า”
ร่างโปร่งพยายามจะฉวยเอาโทรศัพท์มือถือของตัวเองจากจอมซนประจำกลุ่ม
แต่ก็ถูกแกล้งกลับเพราะแฮชานเล่นชูโทรศัพท์โย้ไปเย้มาให้ยอมให้มาร์คได้หยิบง่ายๆ
สักที มันกลายเป็นความวุ่นวายขนาดย่อมที่ทำให้บรรยากาศชวนตึงเครียดผ่อนคลายลงทีละนิด
ทว่าความวุ่นวายก็พลันหยุดลงเมื่อเสียงของฮวายองนูนาดังทักขึ้นมา
“แต่แปลกจัง
ทำไมถึงมีแต่พวกนาย 7 คนได้รับแมสเสจล่ะ นูนากับคนอื่นๆ
ไม่เห็นจะได้รับข้อความพวกนั้นเลย”
“มีใครเล่นตลกอะไรอยู่รึเปล่า”
โซมีนูนา สไตล์ลิสอีกคนหนึ่งของยูนิตดรีมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเจือความกังวล
พวกเรามองหน้ากันด้วยสีหน้ากระสับกระส่าย
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรจนกระทั่งแฮชานบอกให้เมมเบอร์ทุกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแมสเสจเจ้าปัญหาอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันนั้นมาร์คก็ไล่อ่านข้อความปริศนาที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ไล่ไปทีละคนจนมาหยุดอยู่ที่หน้าจอของตัวเอง
“[เหยื่อ] [โล่ง] [อยู่] [ผู้] [ที่] [แจ้ง] [ใน]”
“ข้อความพวกนี้ต้องการจะสื่อว่ายังไงกันแน่นะ”
เหรินจวิ้นขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพยายามถอดรหัสพวกนี้
“พวกเราลองสลับที่กันดูไหม
ไม่แน่ว่าข้อความอาจจะสลับตำแหน่งอยู่ก็ได้นะ”
เพราะคำพูดของเจโน่ทำให้เด็กหนุ่มทั้ง
7 พากันสลับที่กันจ้าละหวั่น ทำซ้ำๆ เดิมๆ
อยู่หลายครั้ง จนในที่สุดข้อความก็เรียงต่อกันเป็นประโยคที่ว่า...
[เหยื่อ] [ผู้] [อยู่] [ใน] [ที่] [โล่ง] [แจ้ง]
“นี่มัน...
อะไรกัน” ฮยองคนโตของยูนิตดรีมพึมพำกับตัวเองด้วยความสับสน
เจ้าของดวงตาดำขลับเห็นลีเมเนรีบเดินออกไปคุยโทรศัพท์ทันทีที่เห็นข้อความพวกนี้
เขาไม่รู้ว่าดงวานฮยองรู้อะไรมากกว่าที่พวกเขารู้กันแน่ แต่ที่แน่ๆ
ก็คือมาร์คตีเจตนาของข้อความตรงหน้าไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
จดหมายขู่งั้นเหรอ? หรือคำเตือน?
“เหยื่องั้นเหรอ
พวกนายคิดว่าหมายถึงใคร” แจมินเอ่ยถามขึ้นเมื่อพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก
“เหยื่อในที่โล่งแจ้งด้วยนะ”
เฉินเล่อกล่าวเสริม
“คงไม่ใช่พวกเราหรอกเพราะหลังจากนี้พวกเราไม่มีคิวงานที่ต้องออกไปข้างนอกอีกแล้ว
หรือว่าเป็นคำเตือนให้พวกเราระวังตัวเวลาที่ออกไปเดินข้างนอก ยังไงกันนะ”
ความคิดมากมายตีกันอยู่ในหัวของเด็กหนุ่มเจ้าของผมสีคาราเมล
เขาพยายามคิดถึงความเป็นไปได้ทุกอย่างที่มีแต่สุดท้ายก็ไม่เข้าใจข้อความประหลาดพวกนั้นอยู่ดี
มาร์คขยี้เส้นผมตัวเองด้วยอารมณ์หงุดหงิด
แต่ถึงจะหงุดหงิดมากขนาดไหนเจ้าของหน่วยตาดำขลับก็ยังละสายตาจากข้อความไร้ชื่อผู้ส่งในโทรศัพท์มือถือตัวเองไม่ได้สักที
มาร์คกำลังติดใจอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่ติดอยู่ในหัว และดูเหมือนเขาจะลืมไปถนัด
“เจโน่ฮยอง
วันนี้พวกแทยงฮยองมีแฟนไซน์อยู่ที่สวนสาธารณะข้างช็อปปิ้งมอลล์ในอิลซานใช่ไหม”
“อื้ม”
“เหยื่อผู้อยู่ในที่โล่งแจ้ง”
จู่ๆ
เสียงของใครบางคนก็ลอยเข้ามาในโสตประสาท
ความคิดบางอย่างของมาร์คเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ในตอนนั้นฮยองคนโตของยูนิตดรีมถึงได้รู้ว่าจิ๊กซอว์ที่หายไปและเขาพยายามตามหาอยู่นานนั้นมันคืออะไร
“เป็นไปได้ไหมว่าในแมสเสจจะหมายถึงยูนิต
127”
มาร์คไม่ได้สนใจว่าใครเป็นคนพูดประโยคนั้น
เพราะสิ่งที่เด็กหนุ่มสนใจมากกว่าคือการสอดสายตาหาลีเมเนที่เดินออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก
โชคดีที่คนที่ตามหาเดินเข้ามาในห้องพอดีซึ่งเด็กหนุ่มร่างโปร่งก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปหาทันที
“ดงวานฮยอง
ตอนนี้พวกแจฮยอนฮยองกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมคิดว่าเราควร...”
“ฮยองพยายามติดต่อทางโน้นแล้วมาร์ค
แต่ดูเหมือนฝั่ง 127 จะเพิ่งเริ่มแฟนไซน์กัน
ทางนั้นก็เลยไม่มีใครรับสาย”
ลีเมเนที่เดาเรื่องได้ก่อนแล้วเป็นฝ่ายตัดบทคำพูดของมาร์ค
สีหน้าที่ไม่ดีนักของดงวานฮยองทำให้คนอายุน้อยกว่าพอรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง
และเสียงบทสนทนาของพวกเขาก็ดังเสียจนทำให้น้องๆ คนอื่นเริ่มหันมาสนใจ
“มันต้องมีสักทางสิฮยอง
เดี๋ยวผมจะลองโทรหาแจฮยอนฮยองดู”
คนที่รักพี่ยิ่งกว่าใครมีหรือที่จะยอมอยู่เฉยๆ
มาร์คหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดเบอร์โทรหารุ่นพี่คนสนิท แต่ผลลัพธ์ก็เหมือนกับที่ลีเมเนโทรหาทีมงานคนอื่นๆ
ไม่มีใครรับสายของเขาสักคนไม่ว่าจะเป็นแจฮยอนฮยอง แทยงฮยอง หรือยูตะฮยอง
จนในที่สุดเมื่อความพยายามสิ้นสุดลง
มาร์คจึงค่อยๆ ลดโทรศัพท์มือถือลงก่อนจะหันไปมองคนอายุมากกว่าด้วยแววตาที่แสนจริงจัง
“ฮยอง
ผมจะไปอิลซาน”
ในเมื่อติดต่อไม่ได้
มาร์คก็จะไปเตือนฮยองไลน์ด้วยตัวของเขาเอง
“บ้าไปแล้วรึไง
มาร์คฮยอง พวกเราต้องรออยูที่สตูดิโอจนกว่าจะถึงเวลาออกอากาศนะ”
เป็นแฮชานที่เอ่ยแย้งขึ้นมาหลักจากที่รอดูสถานการณ์อยู่นาน
แต่มีหรือว่าคนหัวรั้นอย่างมาร์คจะยอมเชื่อฟัง
“อีกตั้ง
4 ชั่วโมงไม่ใช่เหรอ
ฮยองคิดว่ายังไงก็กลับมาทันน่า ที่สำคัญควรจะมีใครไปเตือนพวกแจฮยอนฮยองให้ระวังตัวไว้บ้าง
ฮยองไม่อยากให้มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นโดยที่ตัวเองช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ”
“มาร์ค
ลี! ฉันบอกให้แกกลับเข้ามาในห้องแล้วสงบสติอารมณ์เดี๋ยวนี้!”
แม้จะได้ยินเสียงตวาดลั่นดังมาจากลีเมเนแต่มาร์คก็ไม่ได้สนใจ
เขาทำเป็นหูทวนลมในขณะที่สืบเท้าเร็วออกไปนอกห้องพัก แม้ว่าจะเดินผ่านรุ่นพี่หลายคนตรงทางเดินแต่เด็กหนุ่มก็ทำได้แค่เพียงก้มหัวเร็วๆ
ให้ก่อนจะวิ่งลงลิฟท์ไปที่ชั้นล่างของสถานี
ร่างโปร่งเดินมาหยุดตรงป้ายรถบัสหน้าสถานีโทรทัศน์
ทว่าก่อนที่มาร์คจะไปไหนได้ไกลกว่านั้น เด็กหนุ่มจอมเด๋อก็เพิ่งจะรู้ตัวเขาไม่ได้พกอะไรออกมาเลยนอกจากโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว
แม้แต่เงินติดตัวสักวอนเดียวก็ยังไม่มี
“บ้าเอ้ย”
หงุดหงิดจนอดไม่ได้ที่จะพูดสบถออกมา
มาร์เดินย่ำไปย่ำมาอยู่ที่หน้าป้ายรถบัส
ในขณะที่นิ้วยาวกำลังจิ้มลงบนหน้าจอทัชสกรีนอย่างหวังว่าใครสักคนที่อิลซานจะรับโทรศัพท์บ้าง
แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเหมือนเดิม...
ไม่มีใครรับสายของเขาสักคน
“...ฮยอง
มาร์คฮยอง”
ฮยองคนโตของยูนิตดรีมมัวแต่สนใจหน้าจอโทรศัพท์จนไม่ทันสนใจเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อของตนซ้ำไปซ้ำมา
มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ข้อมือของเขาถูกดึงรั้งไว้ อารามตกใจทำให้มาร์คแทบจะสะบัดมือออกเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นลีเมเน แต่ทว่าเมื่อหน่วยตาคมปรายมองไปทางคนต้นเหตุมาร์คก็แทบจะยั้งมือเอาไว้ไม่ทัน
“เจโน่?
ตามฮยองมาทำไม”
เพราะคนที่เห็นตรงหน้าคือเจ้าเด็กตายิ้มที่ไม่รู้ว่ารอดพ้นสายตาของดงวานฮยองออกมาได้ยังไง
“มาร์คฮยองออกมาแค่ตัวกับโทรศัพท์มือถือ
แล้วแบบนี้จะไปหาแจฮยอนฮยองได้ยังไงกันล่ะฮะ
ถ้าผมไม่เอาเจ้านี่ออกมาด้วยมาร์คฮยองก็ไปไม่ถึงอิลซานหรอกนะ”
เจโน่ชูกระเป๋าสตางค์ในมือราวกับรู้ใจว่ามันคือสิ่งที่มาร์คต้องการที่สุดในตอนนี้
การกระทำเล็กๆ ของเจ้าเด็กตายิ้มที่มักจะทำให้เด็กหนุ่มคนพี่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจเสมอ
ฝ่ามืออุ่นเลื่อนไปจับมือนิ่มของคนน้องแน่นก่อนจะดึงให้เดินไปด้วยกัน
“ถ้างั้นเรารีบไปกันเถอะ”
รถแท็กซี่ถูกมาร์คกับเจโน่เลือกเป็นยานพาหนะไปอิลซานเพราะเป็นวิธีที่เร็วที่สุด
โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงกลางวันที่การจราจรไม่พลุกพล่านนักทำให้พวกเขาไปจุดหมายได้เร็วกว่าที่คิด
ทันทีที่รถแท็กซี่จอดเทียบท่าด้านหน้าสวนสาธารณะซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแฟนไซน์ของ NCT
127 มาร์คก็กระโดดลงจากรถด้วยความร้อนรน เขาปล่อยให้เจโน่เป็นคนจัดการค่าโดยสารในขณะที่ตัวเขาเองวิ่งไปยังบริเวณจัดงานแฟนไซน์เป็นอันดับแรก
ในใจของเด็กหนุ่มภาวนาขออย่าให้มีเรื่องร้ายๆ
เกิดขึ้นกับฮยองไลน์เลย
และมันก็เหมือนกับยกภูเขาออกจากอกเมื่อสิ่งแรกที่กระทบเข้ามาในม่านตาสีดำสนิทนั้นก็คือรอยยิ้มของพวกฮยองที่กำลังพูดคุยและแจกลายเซ็นต์ให้กับแฟนคลับอย่างสนุกสนาน
ฝีเท้ายาวค่อยๆ ชะลอลงเมื่อเข้าใกล้บริเวณจัดงานมากขึ้น
ทว่าในวินาทีที่มาร์คกำลังสอดสายตาหาเมเนเจอร์หรือสต๊าฟสักคนที่จะพาเขาเข้าไปด้านหลังงานได้
อะไรบางอย่างก็ถูกปาขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็วและไม่มีใครตั้งตัว
ผลั่ก!
แทยงฮยองคือเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
หลักฐานก็คือคราบเหนียวหนืดของไข่แดงและขาวที่เปรอะบนดวงหน้าขาวซีดของเหยื่อ
ในตอนนั้นเองที่มาร์คได้รู้จักคำว่าสายเกินไป
เขามาช้าเกินกว่าจะเตือนแทยงฮยองให้ระวังตัว...
ไร้ประโยชน์ชะมัด
+++ TBC +++
Enjoy
reading na ka J
@plzforgetme_not
#ฟิคนิรนาม
ความคิดเห็น