ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic NCT] - Anonymous - {MarkNo}

    ลำดับตอนที่ #2 : Anonymous: Chapter N

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 59


    Fiction MarkNo (Feat NCT)

     

    - Anonymous -

     

    Chapter: N

     

    เสียงนาฬิกาตรงหัวเตียงปลุกเตือนเด็กหนุ่มให้รับรู้ถึงการมาถึงของเช้าวันใหม่ เปลือกตาหนาค่อยๆ ปรือขึ้นก่อนจะหรี่ลงทันทีเมื่อแสงแดดที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามาในห้องนั้นสว่างจ้าเสียจนแสบตา จนกระทั่งสายตาคุ้นชินกับแสงแดดยามเช้าแล้ว หน่วยตาดำขลับจึงเคลื่อนไปมองนาฬิกาดิจิตอลตรงหัวเตียงที่ตอนนี้กำลังบอกเวลาหกโมงครึ่ง ปลายนิ้วยาวกดปิดปุ่มตั้งเวลาปลุกก่อนที่มันจะแผดเสียงร้องขึ้นมาอีกครั้ง

     

    แม้จะเพิ่งนอนไปได้ไม่ถึง 4 ชั่วโมงแต่เพราะภาระหน้าที่ในฐานะนักเรียนคนหนึ่งก็ทำให้เด็กหนุ่มวัย 17 ปีต้องยันตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างช่วยไม่ได้ มันก็เหมือนกับทุกๆ วันที่เขาได้พักผ่อนเพียง 3-4 ชั่วโมงหลังจากการฝึกซ้อมอันยาวนาน พอเช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นเขาก็แค่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไปโรงเรียน ตกบ่ายก็กลับไปขลุกอยู่ในห้องซ้อมอีกครั้ง

     

    มาร์คเดินโซซัดโซเซเข้ามาในห้องน้ำเป็นคนแรกของหอพัก เด็กหนุ่มมองสำรวจตัวเองในกระจกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มจัดการตัวเองด้วยการล้างหน้าและแปรงฟัน เวลาผ่านไปเกือบ 5 นาทีมาร์คก็ยินเสียงสวบสาบของฝีเท้าบอกให้รู้ว่ากำลังมีใครบางคนเข้ามาแชร์พื้นที่ในห้องน้ำด้วยกัน

     

    “ฮื้อ ทำไมต้องไปโรงเรียนด้วย ผมเพิ่งจะได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงเองนะ”

     

    ผู้มาใหม่ไม่พูดเพียงอย่างเดียวทว่ายังเอาหัวไปไถหลังของคนพี่ซึ่งกำลังยืนแปรงฟันอยู่ อาการงอแงที่เกิดขึ้นในทุกๆ วันเหมือนเป็นเรื่องปกติ และมาร์คก็พอใจที่ได้ดูแลเจ้าเด็กขี้เซาคนนี้อยู่เรื่อยไป

     

    เจ้าเด็กตายิ้มที่ขี้เซายิ่งกว่าใครคนนี้

     

    มืออุ่นดึงร่างนุ่มนิ่มให้ยืนดีๆ ก่อนจะหยิบแปรงสีฟันของน้องที่คนพี่จัดการบีบยาสีฟันให้เสร็จสรรพยื่นส่งให้ จอมขี้เซารับแปรงสีฟันของตัวเองมาถือไว้ในมือ รอยยิ้มที่สดใสยิ่งกว่าพระอาทิตย์ทอดส่งให้คนอายุมากกว่าแทนคำขอบคุณ

     

    เจโน่จะรู้รึเปล่านะว่าพี่ชายคนนี้ตกหลุมรักรอยยิ้มแบบนี้ของเจ้าตัวมากขนาดไหน

     

    “พรุ่งนี้แล้วสินะ”

     

    “ใช่แล้ว วันพรุ่งนี้” มาร์คเอ่ยย้ำคำพูดของน้อง

     

    วันพรุ่งนี้... ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น

     

    “ผมกลัวจังเลยฮยอง กลัวว่าจะทำได้ไม่ดีพอ ถ้าผมทำพลาดขึ้นมาจะต้องทำให้คนอื่นเดือดร้อนแน่ๆ”

     

    มันไม่ใช่แค่วันพฤหัส ไม่ใช่แค่วันที่เราได้รับการยกเว้นไม่ต้องไปโรงเรียน

     

    แต่เป็นวันเดบิวท์สเตจบนรายการเพลงเวทีแรกของยูนิตดรีมต่างหาก

     

    “ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาดหรอกนะ เจโน่ เพราะฉะนั้นแค่นายทำให้ดีที่สุดมันก็ดีพอสำหรับฮยองแล้ว และเมื่อไรที่นายกังวลขึ้นมาก็อย่าลืมสิว่ายังมีฮยองอยู่ข้างๆ บนเวทีนั่นด้วย”

     

    กำลังใจถูกถ่ายทอดถึงกันและกันผ่านมืออุ่นที่คนพี่สอดประสานเข้ากับฝ่ามือของคนน้อง เป็นแบบนี้เสมอเมื่อใครสักคนต้องการพลังใจก็จะมีอีกคนคอยอยู่ข้างๆ เสมอ อย่างเมื่อต้นปีตอนที่มาร์คกำลังจะเดบิวต์ยูนิต NCT U คนตรงหน้าก็เดินมากุมมือเขาไว้พร้อมกับคำพูดไม่กี่คำทว่าฝังรากลึกลงมาในใจของเด็กหนุ่มจนถึงทุกวันนี้

     

    ผมเชื่อว่าฮยองต้องทำได้

     

    เพราะเป็นอยู่แบบนี้ไงมาร์คถึงไม่เคยตัดใจจากเจโน่ได้สักที แม้คำบอกรักเมื่อหลายวันก่อนจะถูกน้องเมินเฉยและไม่ตอบรับ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยินดีจะอยู่ข้างๆ และปกป้องเจ้าเด็กตายิ้มคนนี้เสมอ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากการเรียนในช่วงเช้าผ่านพ้นไป ลีเมเนก็มารับมาร์ค และคนอื่นๆ ถึงหน้าโรงเรียน เพราะยูนิตดรีมมีตารางตลอดทั้งบ่ายอยู่ในห้องซ้อมเพื่อฝึกซ้อมการใช้โฮเวอร์บอร์ดให้ชำนาญก่อนขึ้นสเตจแรกในวันพรุ่งนี้ มีปัจจัยหลายอย่างที่ควบคุมไม่ได้โดยเฉพาะเครื่องยนต์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะฉะนั้นพวกเขาต้องมั่นใจว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าโฮเวอร์บอร์ดที่เป็นตัวเด่นของงานเป็นอันขาด

     

    การทรงตัวบนโฮเวอร์บอร์ดไม่ใช่เรื่องยากเพียงแค่ต้องรักษาสมดุลลงน้ำหนักบนเท้าทั้งสองข้างให้เหมาะสม ถึงอย่างนั้นการบังคับโฮเวอร์บอร์ดให้เป็นส่วนหนึ่งของการเต้นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เหมือนกัน พวกเขาต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจฝึกซ้อมเกือบ 2 เดือนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจขนาดนี้

     

    เจ็บมาตั้งกี่ครั้ง ล้มจากโฮเวอร์บอร์ดมาตั้งกี่ครั้ง

     

    มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด!

     

    ซ้อมหนักแทบลากเลือดโดยเฉพาะมาร์คกับแฮชานที่ต้องแบ่งเวลามาซ้อมยูนิตดรีมและโปรโมทยูนิต 127 ไปพร้อมๆ กัน ฮยองไลน์ถึงกับนิยามช่วงเวลานั้นของพวกเด็กๆ ไว้ว่าซ้อมกันจนร่างแทบพังเลยทีเดียว

     

     “5 6 7 8 เฉินเล่ออย่ามัวแต่สนใจโฮเวอร์บอร์ด มั่นใจหน่อย แบบนั้นแหละ ดีมาก”

     

    “แจมิน ระวังจังหวะตอนที่หมุน spin ด้วย ฮยองยังไม่อยากเห็นนายล้มไปจูบกลางเวทีหรอกนะ”

     

    “จำจังหวะตอนที่บังคับโฮเวอร์บอร์ดเอาไว้ให้ดี ระยะห่างและจังหวะสำคัญมากสำหรับ perf เพลงนี้ เอาล่ะ เราจะเริ่มต้นซ้อมทั้งเพลงใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วเพราะฉะนั้นใส่แรงให้มันสุดพลังล่ะ พวกเด็กๆ”

     

    สิ้นเสียงของครูสอนเต้น เสียงเพลง Chewing Gum ที่พวกเขาฟังจนจำได้ขึ้นใจก็ดังขึ้นอีกครั้ง การฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายกินเวลา 3 นาทีครึ่ง ทันทีที่มันจบลงพวกเด็กๆ ก็พากันนอนแผ่ลงบนพื้นของห้องซ้อมอย่างเหนื่อยอ่อน เสียงหอบหายใจหนักดังมาจากเจ้าเด็กที่นอนอยู่ข้างๆ พลอยทำให้พี่ชายคนโตอดปรือตามองไม่ได้

     

    ภาพที่ฉายชัดบนดวงตาสีดำขลับคือเด็กน้อยจีซองที่นอนหมดแรงอย่างมากถึงมากที่สุด แค่ฟังเสียงหายใจก็พอจะรู้แล้วว่ามักเน่ของวงทุ่มพลังไปแค่ไหนกับการฝึกซ้อมในวันนี้

     

    แล้วพี่ชายคนดีจะยอมมองน้องนอนหมดสภาพไปเฉยๆ ได้อย่างไร...

     

    “เฮ้ จีซอง ลุกขึ้นมากินน้ำให้หายเหนื่อยก่อนเร็ว ค่อยนอนต่อ” มาร์คเดินไปหยิบขวดน้ำตรงมุมห้องก่อนจะกลับมายืนข้างๆ มักเน่ของวงเหมือนก่อนหน้านี้ เสียงเรียกที่ไม่ดังมากนักสะกิดคนที่หลับตานิ่งไม่สนใจให้ลืมตาขึ้นมอง จีซองยันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะรับขวดน้ำมาจากคนอายุมากกว่าอย่างเสียไม่ได้  

     

    “ขอบคุณครับ ฮยอง”

     

    พี่ชายคนโตทรุดตัวลงนั่งข้างๆ น้องเล็กของวงที่ตอนนี้กลายร่างเป็นฟักทองหลังจากถูกสไตล์ลิสนูนาแปลงโฉมไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เวลานี้เหลือมาร์คกับจีซองนั่งคุยกันอยู่กลางห้องซ้อมเพียงสองคนในขณะที่คนอื่นๆ กระจัดกระจายไปทำกิจกรรมอย่างอื่นเพราะตอนนี้เป็น relax time ที่พวกเราสามารถทำอะไรก็ได้เช่น ซ้อมต่อ กลับหอไปนอน หรือนั่งโง่ๆ เหมือนกับที่เขากันจีซองกำลังทำอยู่ตอนนี้

     

    “มาร์คฮยอง... ตอนที่ฮยองเดบิวต์ครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง ความรู้สึกตอนนั้นมันตื่นเต้นมากไหม”

     

    “ฮยองขาสั่นจนก้าวขึ้นไปบนเวทีไม่ได้เชียวล่ะ พูดก็ผิดๆ ถูกๆ แถมยังถูกแจฮยอนฮยองล้ออีกต่างหาก ไม่ได้เรื่องเลยว่าไหม” มาร์ค ลีช่างเป็นบุคคลตัวอย่างที่ชอบโชว์ความกากให้คนรอบข้างได้หัวเราะจริงๆ เหมือนอย่างตอนนี้ที่เพียงเอ่ยพูดไม่กี่ประโยคก็กลับทำให้เด็กขี้กังวลอย่างปาร์ค จีซองถึงกับกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่

     

    “ตอนนั้นผม เจโน่ฮยอง แจมินฮยองนั่งดูยูนิต NCT U อยู่ที่หอ ตอนมาร์คฮยองอยู่บนเวทีแล้วแรปเพลง 7th Sense นะ โคตรเท่อย่าบอกใครเชียว ผมเองก็อยากจะเท่ให้ได้แบบมาร์คฮยอง”

     

    “จีซอง น้องเล็กของเราต้องทำได้อยู่แล้ว เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้ พรุ่งนี้ต้องเป็นวันที่ดีของพวกเราแน่ๆ”

     

    แต่บางที... มาร์คก็อาจจะลืมไปว่ากว่าจะถึงเช้าวันพรุ่งนี้ ก็ต้องผ่านคืนนี้ที่ยาวนานไปเสียก่อน 

     

    “มาร์คฮยอง จีซองอ่า กำลังทำอะไรอยู่ มานี่เร็ว เอ็มวีเพลง Chewing Gum จะออกแล้วนะ”

     

    เสียงเรียกของแฮชานหยุดบทสนทนาของพี่ใหญ่กับน้องเล็กของวงไปได้ถนัด มาร์คกับจีซองเดินไปสมทบกับคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ออกันตรงโซฟาอยู่ก่อนแล้ว เหรินจวิ้นที่นั่งอยู่ตรงกลางรับหน้าที่ถือไอแพดให้ทุกคนได้เห็นและสิ่งที่พวกเขากำลังสนใจก็คือเอ็มวีเพลงใหม่ซึ่งถูกอัพโหลดลงบนช่องหลักของค่ายเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้

     

    เอ็มวี Chewing Gum เผยให้เห็นภาพลักษณ์สดใสของเด็กหนุ่มวัยกำลังโตผ่านทางสีลูกกวาดของหมากฝรั่ง พวกเขาต้องรับบทเป็นเด็กมัธยมที่กินนอนอยู่ในหอพักและแอบทำเรื่องสนุกกันจนถูกครูเวรจับได้ ภาพลักษณ์ของยูนิตดรีมมันค่อนข้างแตกต่างจากสองยูนิตที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง จนบางครั้งมาร์คก็นึกสงสัยตัวเองว่าเขาเป็นกิ้งก่ารึไงถึงได้ปรับตัวให้เข้ากับทั้งสามยูนิตได้ในเวลาไม่กี่เดือนขนาดนี้

     

    “มาร์ค ลี ซารังฮาจา”

     

    น้ำเสียงคุ้นหูหยุดความคิดของมาร์คไว้แค่นั้น เด็กหนุ่มเบือนสายตาไปมองคนข้างตัวที่กำลังจ้องมองเขากลับมาด้วยดวงตาเปื้อนยิ้ม เป็นวินาทีที่มาร์คได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองชัดที่สุด ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายกำลังตีรัวพอๆ กับริมฝีปากหยักที่ยกยิ้มกว้างเพียงเพราะคำบอกรักดื้อๆ จากคนข้างตัว แต่แล้วรอยยิ้มก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วด้วยคำพูดต่อมาของคนข้างตัว

     

    “แฟนๆ เขาเขียนคอมเมนท์ไว้ตรงนี้ไงฮะ ฮยอง”

     

    ใช่แล้ว... เจ้าของคำบอกรักพวกนั้นเป็นของแฟนๆ ไม่ใช่ของเจโน่สักหน่อย

     

    ร่างโปร่งแก้เก้อด้วยการขยับตัวเข้าไปเหรินจวิ้นมากขึ้น ก่อนจะมองข้ามไหล่ลาดของเด็กหนุ่มชาวจีนเพื่ออ่านคอมเมนท์อื่นๆ ด้านล่างเอ็มวี มีทั้งข้อความให้กำลังใจ บอกรัก หรือถ้อยคำดูถูกจากแอนตี้แฟน เอาเป็นว่ามาร์คจะเลือกสนใจแต่คอมเมนท์ที่ดีๆ ก็แล้วกัน

     

    “ขอบคุณที่เดบิวต์นะ เจโน่ นูน่ารอนายมานานมากแล้วจริงๆ” คราวนี้เป็นมาร์คที่อ่านข้อความของแฟนๆ บ้าง หลังจากนั้นเมมเบอร์คนอื่นๆ ก็เริ่มอ่านข้อความที่ตัวเองสนใจบ้าง

     

    “ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณแม่ที่กำลังส่งลูกเข้าโรงเรียนเลย ฮอลล~

     

    “จะติดตามตลอดไป NCT Dream ไฟท์ติ้ง!!

     

    “เฉินเล่อ เหรินจวิ้น เมมเบอร์ชาวจีนของพวกเราน่ารักมาก ฉันว่าทุกคนจะสนับสนุนพวกเขานะ”

     

    “มาร์ค ผู้เป็นราชาแห่งการเดบิวต์ แทบัก!

     

    เกิดความวุ่นวายเล็กๆ ขึ้นจากการที่ทุกคนแย่งกันพูด ถึงอย่างนั้นมาร์คก็รู้สึกชอบบรรยากาศแบบนี้มากกว่าการนั่งเงียบๆ เหมือนตอนที่เราเจอกับเหรินจวิ้นกับเฉินเล่อครั้งแรก เสียงหัวเราะและการพูดคุยกันอย่างสนุกสนานช่วยบรรเทาความกังวลที่ต้องขึ้นรายการเพลงแรกในวันพรุ่งนี้ได้เป็นอย่างดี

     

    “คุนเก้อส่งข้อความมาแสดงความยินดีที่พวกเราได้เดบิวต์ด้วยครับ” เหรินจวิ้นตะโกนขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายหลังจากได้รับข้อความจากรุ่นพี่ชาวจีนที่เทรนมาด้วยกันซึ่งส่งข้อความให้กำลังใจมาทางโทรศัพท์มือถือ

     

    “เดี๋ยวผมเข้าไปอ่านในเว็บบอร์ดดูดีกว่า อยากรู้ว่าเนติเซนเกาหลีเขียนถึงพวกเราว่ายังไงบ้าง”

     

    “ฉันไปกับนายด้วย แฮชจัง”

     

    เป็นแจมินที่กระโดดลงจากโซฟาแล้ววิ่งตามเพื่อนรุ่นเดียวกันไปอย่างอารมณ์ดี เป้าหมายของพวกเขาคือโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้องซ้อม ทันทีที่เครื่องคอมพิวเตอร์รันเข้าหน้าจอเดสท็อปแฮชานก็กดเปิดเว็บบอร์ดหลักของเกาหลีอย่างคล่องแคล่ว เด็กหนุ่มกดเข้าหน้าเพจไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าบอร์ดที่มีการพูดคุยกันเกี่ยวกับไอดอลเกาหลี

     

    มาร์ค ลี เด็กหนุ่มผู้เดบิวต์ 3 ยูนิตใน 4 เดือน

     

    แฮชานถึงกับหัวเราะออกเบาเบาๆ เมื่อเห็นกระทู้ของมาร์คฮยองขึ้นมาเป็นฮอตท็อปปิค เขาตั้งใจจะกดเข้าไปข้อความสนทนาของเนติเซนเกาหลีว่าพูดถึงพี่ชายคนโตของยูนิตว่ายังไงบ้าง แต่ทว่าข้อความจากกระทู้ด้านล่างที่กำลังร้อนแรงไม่แพ้กันก็พลันดึงความสนใจของเด็กหนุ่มไปจนหมด

     

    “เป็นอะไรแฮชจัง ทำไมถึงนิ่งไปล่ะ”

     

    แจมินที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นความผิดปกติของแฮชานจนต้องเอ่ยทัก ทว่าคำกล่าวนั้นกลับเป็นตัวเร่งให้คนถูกถามกดเข้าไปในกระทู้ร้อนแรงที่ว่านั้นแทนกระทู้ของมาร์คฮยองอย่างที่เคยตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

     

    NCT ไอดอลลวงโลก เรายังควรให้การสนับสนุนพวกเขาอยู่อีกรึเปล่า... นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!

     

     ถ้อยคำที่ได้ยินแว่วเข้ามาในโสตประสาททำให้มาร์คถึงกับตัวชาวาบ ลางสังหรณ์บางอย่างเตือนเขาว่ากำลังมีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้น และมันก็ไม่ผิดจากที่คาดเมื่อดวงตาดำขลับของร่างโปร่งซึ่งเดินตามมาทีหลังสะดุดกับข้อความที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์

     

    ข้อความพวกนั้นทำให้มาร์คนึกถึงจดหมายขู่ฆ่าเมื่อหลายวันก่อน

     

    “แฮชาน แจมิน เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ตะโกนเสียงดังลั่นเชียว” สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนที่นั่งอยู่ก่อนทำให้เจโน่เลิกคิ้วสูง เช่นเดียวกับเหรินจวิ้นและเฉินเล่อที่ยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น

     

    ร่างป้อมของแฮชานเบี่ยงให้หลบให้ฮยองคนโตแทรกตัวเข้ามาแทนที่ มาร์คเลื่อนเมาส์ไปตามข้อความที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงอยู่บนเว็บบอร์ด ฝ่ามือของเด็กหนุ่มเย็นเยียบขึ้นทุกครั้งที่ไล่อ่านไปทีละบรรทัด

     

    แทยง คนหลอกลวง พวกเราจะไว้ใจผู้ชายที่เคยหลอกลวงคนนี้ได้อีกงั้นเหรอ ไม่เอาน่า ในใจของหมอนั่นก็แค่หลอกใช้ความรักของแฟนคลับ แล้วหลอกเอาเงินทั้งนั้นแหละน่า

     

    เพื่อนของฉันที่เป็นชาวญี่ปุ่นบอกฉันว่าครอบครัวยูตะเป็นครอบครัวยากูซ่า ยูตะถูกสอนให้คว้านท้องหญิงสาวด้วยมีดซามูไร น่ากลัวชะมัด ถ้าวันไหมเจ้านั่นเกิดไม่พอใจแฟนคลับขึ้นมาแล้วหยิบมีดมาคว้านท้องพวกเรา จะทำยังไง

     

    ฉันเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของโดยอง หมอนั่นเคยสาดน้ำใส่ครูคณิตศาสตร์เพราะไม่พอใจที่ถูกเรียกไปตอบคำถามหน้าชั้น คนไร้มารยาทแบบนั้นควรได้รับการสนับสนุนด้วยเหรอ ฉันว่าไม่นะ

     

    เพื่อนของน้องของป้าข้างบ้านของฉันอยู่อพาร์ทเม้นท์ข้างๆ กับอพาร์ทเม้นท์ของ NCT ยามของที่นั่นเล่าให้ฟังว่าพวก NCT แอบย่างหมากินกันหลังหอ อี๋ พวกเขาลืมไปแล้วรึไงว่าตัวเองเป็นไอดอล   

     

    ...

     

    มาร์คกำลังตัวสั่นเทิ้มเพราะอารมณ์โกรธที่ปะทุอยู่ในใจ คนพวกนั้นกล้าดียังไงมากล่าวหาเมมเบอร์ของ NCT ด้วยข้อความร้ายกาจทั้งๆ ที่มันไม่มูลความจริงเลยด้วยซ้ำ น่าตลกเป็นบ้าที่เรากำลังถูกคนอื่นที่ไม่รู้จักมาบอกว่ารู้จักเราดี

     

    “ไม่เห็นต้องไปโมโหให้กับคำพูดไร้ราคาพวกนั้นเลยนี่ฮะ เราต่างหากที่รู้จักฮยองของพวกเราดี พี่ชายของพวกเราไม่ได้เป็นอย่างที่พูดกันสักหน่อย”

     

    สัมผัสเบาๆ ที่ข้างแก้มช่วยปัดเป่าอารมณ์เดือดดาลของฮยองคนโตได้เป็นอย่างดี มาร์คหลับตาลงอย่างช้าๆ ก่อนจะยกฝ่ามืออุ่นของตัวเองขึ้นกุมมือนิ่มของอีกฝ่าย ไม่ว่าเมื่อไรคนๆ นี้ก็มักจะเป็นสายน้ำเย็นที่ช่วยเจือจางความทุกข์ร้อนในใจเขาได้เสมอ

     

    “เจโน่อ่า พวกเราจะผ่านเรื่องพวกนี้ไปได้ยังไง สิ่งที่คนพวกนั้นทำคือตั้งใจเหยียบเราให้จมดินเชียวนะ”

     

    แต่ยังไง คนขี้กังวลก็ยังเป็นคนขี้กังวลอยู่วันยังค่ำ

     

    “มาร์คฮยอง ดูนี่สิ มีข่าวลือว่าหนึ่งในเมมเบอร์ของ NCT เคยทำผู้หญิงท...”

     

    ฟึ่บ!

     

    หน้าจอคอมพิวเตอร์กลายเป็นสีดำสนิทก่อนที่แฮชานจะพูดจบ ทุกคนหันมามองหน้ากันอย่างกระสับกระส่ายเพราะกำลังหาคนที่พอจะตอบได้ว่าทำไมอยู่ดีๆ หน้าจอถึงดับไปดื้อๆ ไม่กี่นาทีต่อมาคำตอบก็ปรากฏในรูปแบบของดวงหน้าเคร่งเครียดของชายวัยสามสิบต้นๆ พร้อมกับสายไฟที่คาอยู่ในมือเป็นหลักฐานว่าทำไมจอคอมพิวเตอร์ถึงดับลงได้

     

    เด็กๆ NCT Dream รีบผุดลุกขึ้นยืนเรียงแถวหน้ากระดานไม่ต่างจากในเอ็มวี Chewing Gum ที่พวกเขายืนเรียงแถวกันเพราะถูกครูจับได้ว่ากินหมากฝรั่ง แต่คราวนี้เปลี่ยนจากหมากฝรั่งมาเป็นข่าวลือโง่ๆ ที่ลีเมเนสั่งห้ามนักห้ามหนาไม่ให้สนใจ

     

    “นายควรจะดูแลน้องๆ ได้ดีกว่านี้นะ มาร์ค” ลีเมเนตวัดสายตาตำหนิไปทางเด็กหนุ่มที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม ก่อนจะไล่สายตาคาดโทษไปที่เด็กคนอื่นๆ ทีละคน “ฮยองจำได้นะว่าแทยงเคยบอกพวกนายแล้วไม่ใช่รึไงว่าให้เลิกประสาทเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้!

     

    เสียงดุของลีเมเนทำให้เด็กความดูแลพากันสะดุ้งสุดตัว ถึงอย่างนั้นมาร์คก็ยังเป็นคนแรกที่เดินออกไปยืนข้างหน้าน้องๆ ก่อนจะโค้งตัวลงต่ำต่อหน้าผู้จัดการวงเพื่อรับผิดชอบกับเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น

     

    “ผมขอโทษครับฮยอง ต่อไปผมจะดูแลน้องๆ ให้ดีกว่านี้”

     

    “พวกเราผิดตรงไหนครับ ดงวานฮยอง พวกเราที่เป็นศิลปินไม่ควรจะรู้เรื่องที่จะส่งผลกระทบกับเราหรอกหรือครับ ข่าวลือพวกนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่เนติเซนกำลังพูดคุยกันอย่างเผ็ดร้อนในเว็บไซต์หลักของเกาหลี ผมไม่คิดว่าพวกเราควรจะปล่อยผ่านไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลย สิ่งที่เราควรจะทำคือหาวิธีแก้ต่างให้กับเมมเบอร์ที่กำลังถูกคนในเว็บไซต์นั้นใส่ร้ายไม่ใช่หรือครับ”

     

    แฮชานที่ไม่เคยยอมใครมีหรือจะยอมอยู่เฉยๆ ให้ตัวเองเป็นคนผิดอยู่ฝ่ายเดียว เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนอายุมากกว่าอย่างไม่กลัวเกรง ในขณะเดียวกันลีเมเนก็สบมองเมนโวคอลของยูนิตดรีมด้วยสายตาเอือมระอา

     

    “นั่นเป็นปัญหาที่บริษัทจะต้องจัดการ ไม่ใช่ปัญหาที่ตัวศิลปินจะมาตั้งโต๊ะแถลงกันเอง นายบอกเองไม่ใช่หรือว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แล้วทำไมถึงต้องไปใส่ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนั้น สู้เอาเวลาไปคิดไม่ดีกว่าหรือว่าพรุ่งนี้จะทำยังไงให้แฟนๆ จดจำพวกนายในฐานะ NCT Dream ให้ได้มากที่สุด เข้าใจที่ฮยองพูดรึเปล่า แฮชาน”

     

    คำพูดของลีเมเนถูกทุกอย่าง เพราะแบบนั้นเด็กๆ NCT Dream จึงพากันก้มหน้านิ่งเนื่องจากรู้ตัวดีว่าทำอะไรผิด แม้แต่แฮชานจอมดื้อรั้นก็ได้แต่ตอบรับเสียงอ่อย

     

    “ข...เข้าใจแล้วครับ”

     

    บรรยากาศในห้องซ้อมเงียบไปพักใหญ่จนกระทั่งลีเมเนเห็นว่าพวกเด็กๆ คงจะสำนึกผิด เขาจึงเริ่มต้นพูดที่เป็นเจตนาดั้งเดิมตั้งแต่แรก

     

    “ความจริงฮยองมาที่นี่เพราะมีคนที่อยากแนะนำให้พวกนายรู้จัก ฮวายองเป็นสไตล์ลิสคนใหม่ที่จะเข้ามาดูแลเรื่องเสื้อผ้าและการแต่งตัวร่วมกับทีมสไตล์ลิสเก่าสมัยที่พวกนายเป็นรุกกี้ เพราะฉะนั้นทำตัวดีๆ ล่ะ”

     

    ได้ยินลีเมเนพูดแบบนั้น มาร์คถึงเพิ่งสังเกตเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้จัดการวง เด็กหนุ่มจ้องใบหน้าหวานที่ล้อมกรอบด้วยผมสั้นประบ่านั้นอยู่นานก่อนเสตาหลบราวกับเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังเสียมารยาท ในขณะเดียวกันร่างบางของหญิงสาวก็ขยับตัวมายืนข้างๆ ลีเมเนพร้อมกับเอ่ยแนะนำด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

     

     “นูนาชื่อคิม ฮวายอง หรือจะเรียกว่าฮวายองนูนาก็ได้ ต่อจากนี้ฝากตัวด้วยนะจ๊ะ”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    +++ TBC +++

     

    ขออภัยที่พูดถึงเรื่องเก่าของแทยง ว่ายูตะคว้านท้องหญิงสาว บอกว่าโดยองไร้มารยาท และกล่าวหาว่าเด็กๆ NCT กินหมา ขอให้เข้าใจว่าเหตุการณ์หนึ่งที่นำทางไปสู่เหตุการณ์ต่อไปนะคะ มิ้นหาใช่แอนตี้แฟนแต่อย่างใด T.T

     

    @plzforgetme_not

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×