ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic NCT] - Anonymous - {MarkNo}

    ลำดับตอนที่ #1 : Anonymous: Chapter A

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 59


    Fiction MarkNo (Feat NCT)

     

    - Anonymous -

     

    Chapter: A

     

    สายลมเอื่อยปลายเดือนสิงหาคมพัดผ่านเข้ามาพลอยให้รู้สึกเย็นชื้นเป็นระลอก ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มเจ้าของผมสีชาก็ยังยืนเฉยอยู่บนดาดฟ้า ดวงตาสีดำขลับทอดมองแสงไฟยามค่ำคืนที่ส่องวิบวับอยู่ริมแม่น้ำฮัน แม้จะสวยงามเพียงใด แต่เขาก็ไม่รู้สึกดื่มด่ำกับความงามตรงหน้าเลยสักนิด

     

    เพราะมีบางอย่างที่กำลังรบกวนอยู่ในใจ

     

    บางอย่างที่ทำให้เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อลี มินฮยอง หรือมาร์ค รับรู้ได้เพียงฝ่ามือเย็นเฉียบของตัวเองเพียงเท่านั้น

     

    มาร์คผละสายตาจากแสงไฟวิบวับเบื้องหน้า หมุนตัวหันหลังให้กับบรรยากาศสวยๆ ริมแม่น้ำฮันก่อนจะเอนแผ่นหลังพิงรั้วเหล็กเย็นเฉียบที่กั้นไม่ให้มีคนโง่ๆ ตกลงไปจากดาดฟ้า

     

    เขากำลังรอใครบางคน ใครบางคนที่ไม่รู้จะมาตามที่นัดไว้รึเปล่า แต่แค่หลับตาลงแล้วนึกถึงรอยยิ้มหวานๆ ของคนๆ นั้น มันก็อุ่นวาบไปทั้งใจโดยที่อากาศหนาวๆ ข้างนอกนี่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยสักนิด

     

    มาร์คฮยอง เรียกผมขึ้นมาบนดาดฟ้าแบบนี้มีอะไรรึเปล่า แถมยังห้ามไม่ให้คนอื่นรู้อีก แปลกๆ นะฮะ

     

    เปลือกตาหนาปรือขึ้นตามเสียงเรียกที่ดังอยู่ไม่ไกล ภาพที่เห็นตรงหน้าราวกับเป็นภาพฝันที่มาซ้อนทับกับความจริง เพราะสิ่งที่มาร์คเห็นชัดเจนที่สุดก็คือรอยยิ้มรูปพระจันทร์เสี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กหนุ่มรุ่นน้องที่มาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ

     

    ฮยองก็แค่มีเรื่องอยากคุยกับนายนิดหน่อยน่ะ เจโน่

     

    กับผมคนเดียวเนี่ยนะ นี่เป็นเรื่องที่คนอื่นในวงก็รู้ไม่ได้เชียวเหรอ

     

    คนอื่นในวงที่เจโน่หมายถึงคือจีซอง แจมิน แฮชาน เหรินจวิ้น และเฉินเล่อ ที่กำลังทำกิจกรรมโปรโมทเพลงในฐานะยูนิต NCT Dream ซึ่งเป็นหนึ่งในยูนิเวิร์สของ NCT ด้วยกันในขณะนี้ และถึงแม้มาร์คจะเดบิวต์มาแล้วสองครั้งในฐานะสมาชิกของยูนิต NCT U และ NCT 127 แต่การเดบิวต์ครั้งที่สามในยูนิตดรีมกลับเป็นครั้งที่เขาตื่นเต้นที่สุด เพราะครั้งนี้มีคนพิเศษที่แค่ได้อยู่ข้างๆ กันก็รู้สึกสบายใจร่วมวงอยู่ด้วย

     

    และคนๆ นั้นจะเป็นใครได้อีก นอกเสียจากเจ้าเด็กตายิ้มตรงหน้า

     

    มาร์คกระโดดลงจากรั้วเหล็กก่อนย่นระยะห่างระหว่างเขากับเจโน่ด้วยการสาวเท้าเนิบเข้าไปหา ความเงียบทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองได้ยินเสียงสวบสาบของรองเท้าผ้าใบอย่างชัดเจน เวลาผ่านไปเพียงกลั้นหายใจร่างโปร่งของคนพี่ก็มาหยุดยืนสบสายตาอยู่เบื้องหน้าคนเป็นน้อง

     

    ให้คนอื่นรู้ไม่ได้หรอก เจโน่ เพราะมันเป็นความลับที่ฮยองจะบอกนายแค่คนเดียวเท่านั้น

     

    พูดไปก็เหมือนจะเท่ แต่ใครจะรู้ว่าเด็กหนุ่มเจ้าของคำพูดกำลังมือขาสั่นมือสั่นเพราะความตื่นเต้นที่ล้นทะลักอยู่ในอก มันรบกวนเขาไม่แพ้เสียงตึกตักของหัวใจ ถึงอย่างนั้นมาร์คก็ไม่รู้หรอกนะว่าเสียงของหัวใจของเขามันจะดังพอให้เจ้าเด็กตายิ้มได้ยินบ้างรึเปล่า

     

    เจโน่ เจโน่อ่า ฮยองน่ะชอบนายจนจะบ้าตายอยู่แล้ว รู้ไหม”

     

    “ผมเองก็ชอบมาร์คฮยองเหมือนกันฮะ”

     

    เจโน่สวนกลับไปโดยไม่หยุดคิดให้เสียเวลา คนที่กำลังยิ้มตายิบหยีให้เขาจะรู้ไหมว่าคำพูดไม่กี่คำพวกนั้นกำลังทำให้หัวใจของคนฟังพองโตไม่ต่างจากลูกโป่งที่กำลังถูกสูบลมเข้าไป ริมฝีปากหยักยกยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว ทว่าเพียงไม่นานรอยยิ้มกว้างก็กลับกลายเป็นรอยยิ้มเก้อ เช่นเดียวกับลูกโป่งลูกเดิมที่ตอนนี้กลับถูกคนๆ เดิมเจาะให้ฟีบลงด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ

     

    “มาร์คฮยองคอยอยู่ข้างๆ ผมเสมอไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือเมื่อสามปีก่อน เป็นพี่ชายที่อยู่ข้างๆ แล้วให้ความรู้สึกอุ่นใจ เพราะแบบนี้ผมถึงได้ชอบมาร์คฮยองมากๆ ไงฮะ”

     

    เจโน่อ่า มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย

     

    เด็กหนุ่มผมสีชาขยี้หัวตัวเองด้วยความรู้สึกยุ่งยากหัวใจเป็นที่สุด เจ้าเด็กตรงหน้ากล้าดียังไงมาทำให้มาร์คเผลอดีใจทั้งที่ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เขาต้องการจะบอกเลยสักนิด เจโน่จะรู้บ้างไหมว่าฮยองคนนี้ต้องรวบรวมความกล้ามากแค่ไหนกว่าจะพูดคำว่าชอบออกมาได้

     

    มือสากจับไหล่ทั้งสองข้างของคนที่ส่วนสูงต่างกันไม่มากให้หันมามองเขาตรงๆ แรงบีบที่ไหล่ชวนให้รู้สึกเจ็บจนเจโน่ได้แต่กะพริบตาถี่มองคนเป็นพี่ด้วยความไม่เข้าใจ...

     

    ...ไม่เข้าใจว่าทำไมมาร์คฮยองถึงต้องหงุดหงิดขนาดนี้กัน

     

    “แต่ฮยองไม่ได้อยากเป็นแค่พี่ชายของนายนะ เจโน่ ฮยองอยากเป็น เหมือนที่แจฮยอนฮยองชอบแทยงฮยองยังไงล่ะ”

     

    “...”

     

    มาร์ครู้ดีว่าชีวิตวัยเด็กที่ขลุกอยู่แต่ในห้องซ้อมของบริษัททั้งเขาและเจโน่อาจทำให้อีกฝ่ายไม่รู้จักความรักดีพอ เพราะฉะนั้นการยกตัวอย่างความรักของรุ่นพี่ในวงที่เราต่างรู้ดีน่าจะทำให้เด็กน้อยไร้เดียงสาพอจะเข้าใจอะไรมากขึ้น และอาจเพราะเข้าใจมากขึ้นนี่ล่ะที่ทำให้คนที่เคยคุยจ้อเมื่อครู่นิ่งไปถนัด ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันเหมือนอย่างทุกครั้งที่เจโน่กำลังรู้สึกลำบากใจ

     

    ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของคนพี่ แม้แต่ตอนที่เสียงผะแผ่วเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบางมาร์คก็ยังได้ยิน

     

    “พูดเป็นเล่นน่า มาร์คฮยองพูดใหม่อีกทีสิฮะ เมื่อกี้ผมคงจะหูฝาดไป”

     

    ฮยองก็แค่ชอบนาย ต่อจะให้พูดอีกสักกี่ครั้ง สิ่งที่ฮยองอยากจะบอกก็มีแค่ว่า ฮยองชอบนาย ลี เจโน่

     

    ยิ่งอีกฝ่ายย้ำความรู้สึกให้ชัดเจนมากขึ้นเพียงใด รอยยิ้มก็ยิ่งเลือนหายไปจากใบหน้าน่ารักมากขึ้นเท่านั้น ทำไมมาร์คจะไม่เห็นสีหน้าลำบากใจของน้องชายที่เขาหลงรัก

     

    แต่ขอร้องเถอะนะ เจโน่ อย่าเห็นความรักของฮยองเป็นแค่อากาศเลย

     

    ตอนนี้ดึกมากแล้ว ผมคิดว่าเราควรกลับไปที่ห้องพักได้แล้วนะฮะ ไม่อย่างนั้นพวกฮยองกับพี่เมเนต้องเป็นห่วงแน่ๆ”

     

    คำขอร้องก็เป็นได้แค่คำขอร้อง เพราะสุดท้ายเจโน่ก็เห็นความรักของเขาเป็นแค่อากาศไปจริงๆ

     

    อืม

     

    พอถูกเมินคำพูดไปแบบนั้นแล้วจะให้คนพี่ตอบอะไรได้นอกจากครางรับในลำคอ ความอึดอัดที่ไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างเรามาก่อนเริ่มก่อตัวเป็นบรรยากาศแปลกๆ สิ่งที่มาร์คทำได้ตอนนี้จึงเป็นการเสหน้าหลบก่อนจะเดินนำคนน้องลงจากชั้นดาดฟ้า

     

    ไม่มีบทสนทนาอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้นนอกจากเสียงรองเท้าผ้าใบกระทบพื้นที่ดังก้องไปทั่วทางเดิน กระทั่งมีข้อความจากแจมินเด้งเข้ามาในห้องแชทรวมของยูนิตดรีมและเด็กหนุ่มทั้งสองต่างก็ต่างหยิบมือถือออกมาเปิดอ่านพร้อมกัน มันเป็นความบังเอิญที่หน่วยตาดำขลับหันไปสบกับแก้วตาพราวระยับโดยไม่ตั้งใจ ไม่สิ ควรเรียกว่าความเคยชินมากกว่า เพราไม่ว่าจะเป็นเมื่อไร เราก็มักจะถามความคิดเห็นของกันและกันเสมอ

     

    “แจมินบอกว่าให้ลงไปเจอกันที่ห้องฮยองเลย หมอนั่นกับคนอื่นๆ กำลังลงไป” เจโน่ว่าตามข้อความที่อ่านในแชทซึ่งคนพี่เองก็พยักหน้ารับ ทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามาในลิฟท์มาร์คก็เลือกกดที่ชั้น 19 ซึ่งเป็นห้องพักของพวกฮยองยูนิต U และ 127 ในขณะที่ยูนิตดรีมที่เพิ่งเดบิวต์ครองห้องพักที่ชั้น 12 ไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “แจมินนา ทำอะไรอยู่เหรอ ทำไมทุกคนถึงได้หน้าเครียดกันจัง”

     

    ไม่ใช่เจโน่คนเดียวที่สงสัย แต่คนที่เดินตามเข้ามาติดๆ อย่างมาร์คก็นึกแปลกใจเช่นเดียวกัน เพราะบรรยากาศในห้องพักของฮยองไลน์วันนี้แปลกกว่าทุกวัน ไม่มีเสียงเอะอะโวยวายแย่งกันเล่นเกมส์ของโดยองฮยองกับยูตะฮยอง ไม่มีเสียงทะเลาะกันเพราะแย่งทีวีของแฮชานกับแทอิลฮยอง หรือแม้แต่เสียงบ่นของแทยงฮยองก็ไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ

     

    “แล้วนี่แทยงฮยองกับแจฮยอนฮยองไปไหน ฉันยังไม่เห็นตั้งแต่เดินเข้ามาเลย”

     

    “โดนพี่เมเนเรียกไปคุยนิดหน่อยน่ะ” คนสดใสประจำวงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ฝืดเต็มทน การแสดงออกที่ผิดแปลกไปจากเดิมทำให้ฮยองคนโตแห่งยูนิตดรีมขมวดคิ้วมุ่น แต่ไม่ทันไรรอยยิ้มที่ดูฝืนเสียเหลือเกินของแจมินก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างยามที่สันจมูกของคนน้องซุกลงไปที่หลังคอของเพื่อนสนิท และนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะจากจอมบ้าจี้ได้ไม่ยาก “ฮะฮาฮ่าๆ พอได้แล้วน่า อย่าแกล้งกันแบบนี้ซี่ เจโน่”

     

    มาร์คเลือกที่จะมองผ่านการเย้าแหย่ของสองเพื่อนสนิท ก่อนจะเดินไปหาพี่ชายที่น่าจะให้คำตอบเขาได้ดีที่สุดอย่างโดยองฮยอง

     

    “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ฮยอง”

     

    ไม่มีคำตอบใดเล็ดลอดออกมาจากคนถูกถามที่นิ่งซะจนน่ากลัว สิ่งที่พอเป็นคำตอบได้ก็คงมีแค่กระดาษแผ่นหนึ่งที่พี่ชายชาวญี่ปุ่นที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอาหารข้างๆ กับโดยองฮยองยื่นส่งมาให้ มิหนำซ้ำยังสำทับให้มาร์คตั้งสติก่อนอ่านซะอีก

     

    ดวงตาดำขลับสั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ยามที่เด็กหนุ่มกวาดสายตาอ่านข้อความที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ หน่วยตาคมทวนอ่านซ้ำอีกรอบราวกับจะย้ำให้แน่ใจว่าสิ่งที่ตนอ่านไปเมื่อครู่ไม่มีอะไรผิดพลาดจริงๆ และแน่นอนว่าภาษาเกาหลีของมาร์คไม่อ่อนแอจนไม่เข้าใจตัวอักษรที่ถูกตัดจากหนังสือพิมพ์มาแปะเรียงกันเป็นข้อความอันน่ารังเกียจพวกนี้

     

    NCT ไอดอลลวงโลก

     

    พวกแกไม่มีค่าพอที่จะเรียกว่าศิลปินด้วยซ้ำ

     

    ระวังตัวเอาไว้ ไอดอลพลาสติกที่มีดีแค่หน้าตา

     

    เพราะฉันจะฆ่าแก ทำลายพวกแกเอง!!!

     

    “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันครับ ฮยอง ทำไมถึงมีจดหมายแบบนี้ส่งมาหาพวกเราได้” ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่แผ่นกระดาษเจ้าปัญหาร่วงจากมือของเด็กหนุ่มตกลงบนพื้น แต่นั่นก็ไม่อยู่ในความใส่ใจของมาร์คเท่ากับการอยากรู้ว่าทำไมเจ้าของจดหมายถึงต้องเกลียดชัง NCT ขนาดนี้ด้วย

     

    เกลียดชัง... ทั้งที่ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าพวกเราต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากแค่ไหน กว่าจะได้เดบิวต์

     

    เกลียดชัง... ทั้งที่ไม่รู้จักตัวตนจริงๆ ของพวกเราเลยด้วยซ้ำ

     

    “จดหมายมันปนมากับของขวัญจากแฟนคลับที่พวกเราได้รับที่งานแฟนไซน์วันนี้ มันวุ่นวายมากจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เมื่อกี้วินวินกับเด็กๆ ช่วยกันแกะของขวัญของแฟนๆ ถึงได้เจอจดหมายฉบับนี้”

     

    “อาจจะเป็น... แอนตี้แฟนล่ะมั้ง”

     

    ยูตะวิเคราะห์จากรูปการณ์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ความเครียดทำให้คนที่มีเงียบมาตลอดเมมเบอร์ชาวจีนอย่างวินวินเริ่มกัดเล็บของตัวเอง มาร์คไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกฮยองไลน์ถึงได้เครียดกันขนาดนี้ แน่ล่ะ พวกเขาเป็นวงน้องใหม่ที่เดบิวต์มาไม่ถึงปี หลายๆ อย่างในวงการบันเทิงเป็นสิ่งใหม่ที่ต้องเรียนรู้รวมถึงการรับมือกับความเกลียดชังแอนตี้แฟนซึ่งไม่มีครั้งไหนรุนแรงเท่าครั้งนี้มาก่อน

     

    แอนตี้แฟนแล้วยังไง ผมไม่กลัวหรอกนะ พวกรุ่นพี่คนอื่นก็เคยผ่านเรื่องพวกนี้มาก่อน พวกเขาผ่านมันมาได้ แล้วทำไมพวกเราจะผ่านกันไปไม่ได้ล่ะ”

     

    บรรยากาศตึงเครียดรอบโต๊ะอาหารดูเหมือนจะเจือจางลงเมื่อแฮชานเดินเข้ามาพร้อมๆ กับเด็กยูนิตดรีมคนอื่นๆ  ร่างป้อมก้มลงเก็บแผ่นกระดาษที่มาร์คทำหล่นไว้ เด็กหนุ่มกวาดสายตามองตัวอักษรตัดแปะเช่นเดียวกับสองเพื่อนซี้แจมินและเจโน่ที่มองข้ามไหล่แฮชานแล้วอ่านข้อความในกระดาษอย่างสนใจ

     

    สีหน้าของแจมินเรียบเฉยเพราะได้อ่านข้อความพวกนี้มารอบหนึ่งแล้วผิดกับเจโน่ที่ถึงกับหน้าเสียไปถนัด มาร์คเห็นสีหน้าของเจ้าเด็กตาหยีแวบหนึ่งแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะเข้าไปโอ๋น้องให้หายใจเสียสักเท่าไร สิ่งที่ทำได้ตอนนี้จึงการลอบมองคนที่เดินมายืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเป็นห่วง

     

    “แต่นี่มันจดหมายขู่ฆ่าเชียวนะฮยอง  แฮชานฮยองจำไม่ได้เหรอเรื่องที่แอนตี้แฟนพยายามวางยารุ่นพี่ย...”

     

    ตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว ฮยองคิดว่าพวกเด็กๆ ควรไปนอนได้แล้วนะ

     

    คำพูดของจีซองถูกตัดบทด้วยเสียงเรียบของแทยงที่เดินตามเข้ามาหลังจากคุยกับผู้จัดการเสร็จ ฮยองจอมขี้บ่นแย่งจดหมายขู่ฆ่าจากมือของน้องเล็กแห่งยูนิตดรีมมาถือไว้ในมือ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยืนข้างๆ แจฮยอนกับลีเมเนที่เพิ่งเดินตามมาทีหลัง

     

    การถูกไล่ไปนอนเอาเสียดื้อๆ ทำให้มักเน่ไลน์ถึงกับอ้าปากพะงาบๆ แน่อยู่แล้วว่าต้องมีใครสักคนประท้วงกับการมัดมือชกครั้งนี้ซึ่งคนๆ นั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนดื้อรั้นของวงอย่างแจมินและแฮชาน

     

    จะไล่พวกผมให้ไปนอน ทั้งที่พวกฮยองกำลังมีเรื่องสนุกให้ทำกัน ไม่เข้าท่าเลย

     

    “มันไม่ใช่เรื่องน่าสนุกหรอกนะ แจมิน” แจฮยอนเอ่ยปราม

     

    “ที่ไล่พวกเราไปนอนก็เพราะเห็นว่าพวกเราเป็นเด็กใช่ไหมครับ เพราะเป็นเด็กถึงไม่ควรจะรับรู้เรื่องพวกนี้งั้นเหรอ ทั้งๆ ที่เราเป็นเมมเบอร์วงเดียวกันแท้ๆ”

     

    “ฮยองไม่คิดจะปิดบังอะไรหรอกนะ แฮชาน แต่เรื่องนี้ฮยองปรึกษากับลีเมเนเรียบร้อยแล้วซึ่งเราเห็นตรงกันว่าควรจะปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป ยิ่งเราเป็นเดือดเป็นร้อนกับจดหมายที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังมากเท่าไร คนพวกนั้นก็ยิ่งได้ใจ เอาเวลาที่คอยประสาทเสียกับเรื่องพวกนั้นไปฝึกซ้อมและพยายามให้ดีที่สุดไม่ดีกว่าเหรอ พวกฮยองเองก็จะพักผ่อนแล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไปนอนเหอะน่า

     

    แม้จะถูกน้องๆ ตั้งฉายาให้ว่าเป็นจอมขี้บ่นน่ารำคาญ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่คำสอนของแทยงจะไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเคยทำเรื่องผิดพลาดมาก่อนและต้องเผชิญกับกระแสเกลียดชังมากกว่าใคร แทยงถึงรู้ดีที่สุดว่าสิ่งที่ควรทำมากที่สุดในตอนนี้คือมีสติพร้อมรับมือกับทุกๆ เรื่อง

     

    “ถ้าฮยองบอกไม่ให้สนใจ ผมจะไม่สนใจก็ได้ แต่ถ้าพวกฮยองแอบทำเรื่องสนุกๆ โดยไม่บอกพวกเราล่ะก็... เตรียมตัวถูกก่อกวนแบบจัดเต็มเอาไว้ได้เลย”

     

    ถึงจะยอมจำนนแต่ก็ใช่ว่าตัวแสบประจำวงจะยอมแพ้ง่ายๆ แฮชานขู่ฮยองไลน์พอหอมปากหอมคอก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเองที่ชั้น 12 ด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอะไรเท่าไร เด็กๆ ในยูนิตดรีมคนอื่นถูกต้อนให้กลับไปที่ห้องพักเช่นเดียวกัน รวมถึงมาร์คที่เดินรั้งท้ายสุดของกลุ่ม

     

    ทว่าก่อนที่มาร์คจะก้าวเท้าออกไปพ้นห้องครัว ฝ่ามืออุ่นของแจฮยอนฮยองก็จับหมับเข้าที่บ่ากว้างฉุดรั้งฝีเท้าของเด็กหนุ่มให้ชะลอลง ถ้อยคำที่ได้ยินต่อมาพลอยทำให้หัวใจของมาร์คผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด มันราวกับว่าแจฮยอนฮยองเข้าไปนั่งอยู่ในใจและอ่านใจเขาได้ยังไงอย่างนั้น

     

    “ส่วนนายก็อย่าเก็บมาคิดมากล่ะ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด จำได้ไหมว่าสัญญากับฮยองไว้ว่ายังไง”

     

    แจฮยอนฮยองรู้ว่ามาร์คกำลังกังวลกับข้อความบ้าๆ พวกนั้น

     

    “ครับ ในฐานะพี่คนโตผมต้องเข้มแข็งและเป็นที่พึ่งของน้องๆ ให้ได้”

     

    ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วล่ะว่าทำไมแทยงฮยองถึงยังทำตัวเป็นปกติได้

     

    ทั้งๆ ที่มีคนขู่ว่าจะฆ่าพวกเราเชียวนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    +++ TBC +++

     

     

     

    สวัสดีค่า วันนี้มิ้นมาเปิดฟิคเรื่องใหม่เป็นฟิคของ NCT เมนหลักน่าจะอยู่ที่พี่มาร์คกับน้องโน่แต่อาจจะมีคู่อื่นแซมๆ มาบ้างตามการเอ็นดูของมิ้นนะคะ Anonymous เป็นโทนเรื่องที่ไม่ถนัดเท่าไร แถมตัวละครเยอะมากด้วย แต่ยังไงก็จะพยายามเต็มที่นะคะ ขอบคุณรีดเดอร์ทุกคนที่หลงเข้ามาอ่าน แล้วก็ให้ความรักกับฟิคเรื่องนี้มากๆ นะค่า

    เอ จำเป็นต้องมีแท็กฟิคไหมคะ เอาเป็นว่าถ้ารีดเดอร์คนไหนอยากจะเข้าไปพูดคุยเกี่ยวกับฟิคเรื่องนี้ในทวิตรบกวนติดแท็ก #ฟิคนิรนาม ขอบคุณมากค่า

     

    @plzforgetme_not

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×