ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลุ้นรักดีไซเนอร์สาว

    ลำดับตอนที่ #1 : ลุ้นรักดีไซเนอร์สาว 1

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 49


                  "โอ๊ย..จะบ้าตาย วันนี้เป็นวันโลกาวินาศของฉันรึไงเนี่ย ปวดหัวโว๊ยย.." เสียงหวานๆ ที่ขัดกับท่าทางออกห้าวๆ ของหญิงสาวร่างสูง ผอมเพรียว ผู้เป็นเจ้าของดวงตากลมโตที่ช่วยส่งให้ดวงหน้าดูคมหวานยิ่งขึ้น รับกันได้ดีกับผมทรงบ๊อบสั้นที่ทำให้ใบหน้าเธอดูเฉี่ยวและเปรี้ยวขึ้นดังออกมาอย่างหยุดไม่อยู่

                "โวยวายอะไรแต่เช้าเชียวคะ คุณบัว " ป้าสมหมายคุณแม่บ้านที่คุ้นเคยกันดีเอ่ยทักทายสาวเก๋สุดห้าว อย่างรู้กันถึงนิสัยของบัวบุษบา

                โธ่ ป้าจ๋า จะไม่ให้เธอโวยได้ยังไงล่ะ ก็วันนี้กว่าเธอจะเข้าออฟฟิศมาได้ ก็เกือบตายตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากห้อง ใครก็ไม่รู้ดันมาทำน้ำหกไว้หน้าห้องเธอ เธอเองก็ไม่ทันระวังเลยลื่นซะหัวเกือบทิ้มพื้น ออกมาก็ยังโดนมอ'ไซด์หน้าปากซอยขับรถปาดหน้าอีก แล้วก็ยังตอนรอไฟแดง ก็กะว่าจะได้ไปซะที แต่ที่ไหนได้ไฟดันเขียวแค่แป๊บเดียวก็แดงอีก แล้วดันมาแดงตรงคันของเธอพอดี แล้วพอฝ่าดงไอ้รถพวกนั้นมาได้ก็ดันมาหาที่จอดรถไม่ได้อีก  ต้องไปแอบจอดในที่ของบริษัทอื่น

                "ว่าไงจ้ะบัว ชุดคอลเลคชั่นใหม่เรียบร้อยรึยังจ้ะ" เสียงเจ้านายหน้าหวานที่เป็นที่รู้กันทั้งออฟฟิศ ว่าถึงเวลากำหนดส่งงานเมื่อไหร่ หน้าตานางฟ้าอย่างนี้จะกลายเป็นนางยักษ์ไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่อะไรหรอกก็เป็นที่รู้กันว่าปกติรรินตาเป็นคนที่ใจดีมาก แต่เวลาทำงานเธอก็เป็นคนจริงจังและตั้งใจเอามาก จนลูกน้องเกรง(กลัว)ใจกันเป็นแถวๆ ไม่เว้นแม้แต่ตัวบัวบุษบาซึ่งได้ชื่อว่าเป็นดีไซเนอร์อันดับหนึ่งของบริษัทรริน ดีไซน์

                    ก็เพราะได้คุณรรินตานี่แหละที่ให้โอกาส เธอจึงได้ทำงานตามความฝัน จากเด็กหญิงที่ชอบเล่นตุ๊กตากระดาษ และหลงใหลกับชุดสวยๆ ราวกับเจ้าหญิง ทำให้เธอมุ่งมั่นว่าสักวันหนึ่งเธอจะออกแบบชุดสวยอย่างชุดเหล่านั้นให้ผู้คนใส่บ้าง

                    จากวันนั้นที่เธอก้าวอย่างเข้ามาในบริษัทแห่งนี้ครั้งแรก นี่ก็ปาเข้าไปเป็นปีที่ 3 แล้ว  เพราะความรู้สึกชื่นชมผลงานการออกแบบของเจ้านายสาว ทำให้บัวบุษบาเลือกที่จะมาสมัครทำงานกับรรินตา ลูกสาวเจ้าสัวใหญ่แห่งวงการธุรกิจ ที่หันมาทำกิจการของตัวเอง จากที่ใครๆ ก็สบประมาทว่าเป็นการเล่นฆ่าเวลายามว่างของลูกคนรวย แต่รรินตาก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเล่นๆ ตามประสาลูกคนมีเงินอย่างที่ใครๆ คิดกัน

                บริษัทรริน ดีไซน์ เติบโตขึ้นจากที่มีรรินตาเป็นดีไซเนอร์ของแบรนด์เอง จนกระทั่งตอนนี้ร้านเสื้อผ้าของแบรนด์เธอได้ขยายไปถึง 4 สาขา ตามห้างสรรพสินค้าหรูหลายแห่งทั่วกรุงเทพ และมีแผนจะไปเปิดตามห้างดังในจังหวัดต่างๆ ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ รรินตาจึงต้องหาดีไซเนอร์คนอื่นมาแทนที่เธอ เพราะมีงานด้านบริหารค่อนข้างมาก จึงแทบจะไม่มีเวลาออกแบบชุดด้วยตัวเอง ยกเว้นในโอกาสพิเศษเธอก็จะออกแบบเสื้อผ้าเองบ้าง และเมื่อได้บัวบุษบาและทีมดีไซเนอร์อีก 3 คน ทำให้เธอค่อนข้างวางใจ และทำงานด้านบริหารได้อย่างเต็มที่

                    "ค่ะ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว เหลือแต่ทำแพตเทิร์นกับตัดเย็บเท่านั้นล่ะค่ะ" บัวบุษยาตอบรับอย่างภาคภูมิใจในผลงานชิ้นล่าสุดที่เธอเต็มใจนำเสนอ

                    "นี่ค่ะ พี่รินลองดูก่อนนะคะ จะให้บัวแก้ไขตรงไหนก็บอกได้นะคะ" รรินตารับสมุดสเก็ตซ์งานจากลูกน้องสาวมาดูอย่างพอใจ

                    วันแรกที่บัวบุษบาหอบผลงานการออกแบบมาเสนอให้เธอพิจารณา แบบเสื้อผ้ามากมายที่หญิงสาวออกแบบโดยใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งด้านสภาพภูมิอากาศ สภาพสังคม ความนิยมหรือแฟชั่น และความสบายของผู้สวมใส่ เป็นสิ่งที่รินตารู้สึกพึงพอใจในงานของบัวบุษบา การออกแบบไม่เหมือนกับงานศิลปะอื่นๆ ที่สามารถรังสรรค์ได้ตามแต่จินตนาการของศิลปิน เพราะงานในแขนงการออกแบบจะต้องคำนึงถึงผู้บริโภคด้วย ไม่ว่าในด้านประโยชน์ใช้สอย ด้านความสะดวกสบาย ด้านความปลอดภัย ด้านความสวยงาม ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงสำหรับนักออกแบบ   

                    "โอเคจ้ะ เดี๋ยวบัวไปคุยกับคุณแพรวเรื่องแพตเทิร์นก่อนนะ แล้วค่อยเข้าไปหาพี่ที่ห้อง" หญิงสาวคืนสมุดสเก็ตซ์ให้บัวบุษบาแล้วจึงเดินกลับไปยังห้องทำงานของตน ปล่อยให้หญิงสาวอีกคนนั่งพักตามสบายก่อนที่จะเริ่มทำงาน         

                    ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูช่วยเตือนให้เจ้าของห้องรู้ตัวและละความสนใจจากแฟ้มเอกสาร มายังผู้มาเยือนที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้อง พร้อมกับก้าวตรงไปยังเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของรรินตาอย่างคุ้นเคย

                    "พี่รินมีงานอะไรให้บัวทำต่อเหรอคะ" สาวห้าวถามถึงงานชิ้นใหม่ที่เจ้านายสาวจะมอบให้หมายให้เธอทำต่อไป

                    "ขยันจริงนะจ้ะ งานเก่ายังไม่ทันเสร็จก็ถามถึงงานใหม่ซะแล้ว" เจ้านายสาวยิ้มอย่างพอใจในความตั้งใจของลูกน้องสาว

                    "หรือพี่รินอยากให้บัวขี้เกียจคะ ถ้าเป็นความต้องการของพี่ริน บัวทำได้นะคะ" บัวบุษบายิ้มล้อเลียนเจ้านายสาวอย่างสนิทสนม

                    "ขยันน่ะดี แต่อย่าให้มากเกินไปสิจ้ะ เดี๋ยวมีคนไปฟ้องกระทรวงแรงงานฯ ว่าบริษัทพี่เป็นโรงงานนรกใช้งานเกินสมควร" รรินตาแกล้งตีหน้าตาเศร้า

                    "ป๋าพี่น่ะแก่แล้ว ไม่อยากให้ไปออกกำลังกายด้วยการวิ่งเต้นหาผู้หลักผู้ใหญ่อีกน่ะ เดี๋ยวโรคหัวใจจะถามหา" คำพูดดังกล่าวเรียกเสียงหัวเราะจากลูกน้องสาวได้อย่างดี

                    "โห งั้นบัวจะแอบฟ้องคุณป๋าของพี่รินนะคะ ว่าพี่รินแอบมานินทาว่าท่านแก่แล้ว" สองสาวหยอกล้อกันพอหอมปากหอมคอ

                    "เอาล่ะ มาพูดเรื่องงานกันเลยดีกว่า พี่มีงานใหม่อยากให้บัวช่วยนะ" พร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารหนึ่งไปตรงหน้าบัวบุษบา

                    "อะไรคะเนี่ย คอนเซ็ปต์ของโปรเจคใหม่เหรอคะ" หญิงสาวรับแฟ้มเอกสารมาเปิดดูอย่างสนใจ

                    "ไม่ใช่หรอก งานนี้เป็นโปรเจคพิเศษน่ะ คือพี่จะให้บัวช่วยไปออกแบบชุด ให้กับโรงงานทอผ้าของเพื่อนพี่หน่อย เขาอยากจะโปรโมตบริษัทด้วยการจัดแฟชั่นโชว์ โดยใช้ผ้าจากโรงงานของเขานำมาตัดเย็บชุดน่ะ" รรินตาร่ายยาว

                    "อืม สรุปว่าพี่รินจะให้บัวออกแบบชุดโดยใช้ผ้าจากโรงงานของเพื่อนพี่ใช่ไหมคะ" หญิงสาวถามเพื่อทบทวนความเข้าใจให้ตรงกับเจ้านายสาว

                    "จ้ะ อย่างนั้นแหละ แต่เรื่องคอนเซ็ปต์เนี่ยพี่เองก็ไม่แน่ใจนะ พี่อยากให้บัวไปคุยกับเพื่อนพี่เองน่ะ ว่าเจ้าตัวเขาอยากให้ออกแบบในแนวไหน ในแฟ้มน่ะเป็นประวัติอย่างคร่าวๆ ของบริษัทเขาน่ะ บัวลองเอาไปศึกษาดูเผื่อมีไอเดียน่าสนใจ เอาไปเสนอเขาได้เลยนะจ้ะ โอเคนะ" เมื่อเจ้านายสาวทำท่าจะหันกลับไปให้ความสนใจกับเอกสารเดิมที่อยู่บนโต๊ะต่อไป ทำให้หญิงสาวลุกจากเก้าอี้อย่างงง อยู่ๆ ก็ให้รับผิดชอบงานนอกบริษัท สงสัยเพื่อนคนนี้คงสนิทกับพี่รินมากทีเดียว เส้นใหญ่น่าดู ว่าแต่..

                    "เอ่อ พี่รินคะ คือบัวยังไม่ทราบว่าเจ้าของ…" เจ้านายสาวทำท่านึกขึ้นได้จึงไม่รอให้หญิงสาวถามจนจบคำถาม

                    "อ้อ เขาชื่อ เมฆาคินทร์  รักษ์อาภรณ์ น่ะจ้ะ บัวน่าจะเคยได้ยินชื่อนะเพราะเขาออกจะดัง เอ่อ พี่ให้เบอร์โทรของบัวกับนายเมฆไปแล้ว พรุ่งนี้เขาคงโทรมาหาบัวเองล่ะ บัวรับงานนี้ไปเลยนะ ช่วงนี้ก็ไม่ต้องช่วยงานคอนเลคชั่นอื่น แต่ถ้าให้ดีก็ช่วยดูคอนเลคชั่นที่กำลังทำแพตเทิร์นอยู่ให้เรียบร้อยหน่อยก็ดีนะจ้ะ เอาล่ะพี่ไม่กวนบัวแล้ว กลับไปศึกษางานดูก่อนนะจ้ะ" อ้าว เป็นหนุ่มนักธุรกิจชื่อดังซะงั้น นึกว่าจะเป็นเพื่อนสาวซะอีก

                    สำหรับในวงธุรกิจและสังคม ถ้าจะเอ่ยถึงชื่อ เมฆาคินทร์  คงจะไม่มีใครไม่รู้จักเพราะ เขามีชื่อเสียงมากว่าเป็นนักธุรกิจเลือดใหม่ที่มีความสามารถ และเป็นที่ยอมรับในฝีมือการบริหารที่เรียกว่าเหนือชั้นจนทำให้บริษัทขนาดกลางของบิดาเขาก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทชั้นนำในอันดับต้นๆ ของประเทศ นอกจากนั้นเขายังได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่ไม่ว่าสาวคนไหนก็อยากจะควงคู่ ด้วยหน้าตาที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระเอกดังๆ คนไหนจึงทำให้เขาคว้าตำแหน่งหนุ่มโสดในฝันของคุณสาวๆ จากนิตยสารชื่อดังมาได้อย่างไม่ยากนัก เรียกว่าชื่อเสียงทั้งด้านความสามารถกับการเป็นคาสโนว่าดังพอๆ กันเลยที่เดียว เอ๊ะ.. หรือว่าอีตาเมฆาคินทร์หนุ่มนักธุรกิจชื่อดังคนนี้จะเป็นคนรู้ใจของพี่รินกันนะ

                    บัวบุษบามัวแต่ใจลอยคิดถึงหนุ่ม เอ้ย...(ว่าที่)เจ้านายชั่วคราว เจ้าของโปรเจคใหม่เพลินจนไม่ทันได้ระวัง เมื่ออยู่ๆ ประตูห้องรรินตาก็เปิดขึ้น ส่งผลให้บานประตูที่ผลักเข้ามาชนหญิงสาวที่อยู่ด้านหลังเข้าอย่างจัง

                    โอ๊ย เสียงโอดครวญของคนที่ขณะนี้ลงไปนอนกองกับพื้น พร้อมกับเอามือกุมหน้าผากอย่างมึนๆ สร้างความตกใจให้กับเจ้าของการกระทำที่ส่งเธอลงไปกองกับพื้นเช่นกัน สายตาของทั้งคู่บังเอิญมาประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ เหมือนมีมนต์สะกดให้ทั้งคู่ให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวจึงได้แต่นิ่งอึงกันไปทั้งสองฝ่าย ก่อนที่ชายหนุ่มจะเป็นฝ่ายกล่าวขึ้นมาก่อน

                    "เป็นไงบ้างคุณ แต่คงไม่เป็นอะไรมากหรอกแค่นี้เอง ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษด้วยละกัน คุณเองก็อยู่หลังประตูทำไมไม่รู้จักระวังบ้าง" คำพูดรัวเร็วของชายหนุ่มเจ้าของเสียงห้าวถึงกับทำให้หญิงสาวสะอึกโดยไม่รู้ตัว

                    "นี่คุณ ฉันเจ็บนะจะบอกให้ คุณไม่ลองมาโดนเองล่ะจะได้รู้ว่าเจ็บแค่ไหน แล้วก็ถ้าไม่เต็มใจจะขอโทษก็ไม่ต้องพูดเลยนะ เก็บคำขอโทษของคุณไว้เลย แล้วก็คุณน่ะมีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน คุณเป็นแขกก็หัดมีมารยาทบ้างสิ จะเข้าห้องคนอื่นน่ะควรเคาะประตูก่อนไม่รู้รึไง สมบัติผู้ดีน่ะมีไหม" ชายหนุ่มถึงกับอึ้งเมื่อเจอคำพูดที่รัวและเร็วกว่าของหญิงสาว อะไรกันแม่สาวห้าวคนนี้ เขาว่าหล่อนแค่คำเดียวแม่คุณเล่นย้อนเขามาเป็นชุด แล้วยังจะมาทำหน้าบึ้งใส่เขาอีก

                    "เอาลุกได้แล้วมั้งคุณ จะนั่งจนเป็นง่อยรึไง ถ้าเป็นผู้หญิงสวยๆ หวานๆ มาล้มตรงหน้าผม ผมก็จะช่วยแหละ แต่ห้าวๆ ปากจัดๆ อย่างคุณนี่คงไม่ต้องหรอกใช่ไหม" หนอยอีตานี่ยียวนกวนบาทาจริงๆ เออ เป็นสาวห้าวแล้วเป็นพลเมืองชั้นสองให้ผู้ชายดูถูกรึไง ไม่อ่อนหวาน ไม่นิ่มนวลเหมือนหญิงไทย(ที่ดี) แล้วมันทำให้ใครเดือดร้อนรึไงวะ

                ในขณะที่ชายหนุ่มก็ยอมรับกับตัวเองว่าจริงๆ แล้ว ดวงตากลมโตคู่สวยที่แวววาวคล้ายลูกแก้วและล้อมกรอบด้วยแพขนตาตกหนาแต่งามงอนของหญิงสาวตรงหน้ามีเสน่ห์มาก ถึงกับทำให้เขาหยุดชะงักจนเผลอสบตาและใจเต้นไม่เป็นจังหวะในตอนแรกที่สบตากัน แล้วยังจมูกโด่งเล็ก แต่รั้นปลายที่ทำให้ทราบถึงที่มาของบุคลิกเอาแต่ใจ ดื้อรั้นของเจ้าหล่อนได้เป็นอย่างดี แล้วยังริมฝีปากอิ่มเล็กแต่ได้รูปของหล่อนอีกล่ะ แต่ด้วยกลัวว่าพิรุธในใจจะแสดงออกมานอกหน้า จึงต้องรีบกลบเกลื่อนด้วยการเถียงกับหล่อน ก็เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้กับใครมาก่อน แม้แต่..เธอคนนั้นซึ่งเป็นรักแรกของเขา

                    หญิงสาวลุกขึ้น แล้วจึงปัดฝุ่นตามกางเกงยีนต์สีซีดตัวเก่งของตน แต่ก็ไม่วายส่งสายตาพิฆาตไปยังคู่อริ แต่ก่อนที่จะมีการปะทะคารมกันในยกที่สอง กรรมการซึ่งดูเหตุการณ์มานาน จึงรีบห้ามมวยก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้

                    "เอาล่ะ พอทีทั้งสองคน นี่เมฆ นายเปิดประตูมาชนน้องเขาแล้วทำไมไม่ขอโทษดีๆ จะต้องมาพูดจากวนกันทำไม ยัยบัวก็เหมือนกันเพื่อนพี่มันไม่ได้ตั้งใจบัวก็อย่าไปรวนมันเลย" เสียงรรินตากล่าวห้ามทับให้ทั้งสองฝ่ายเลิกแล้วต่อกัน

                    "พวกเธอยังต้องทำงานร่วมกันอีกนะ ทะเลาะกันตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน แล้วเมื่อไหร่งานจะเสร็จล่ะ"

                "อะไรนะริน นี่คุณหมายความว่ายัยนี่เป็นดีไซเนอร์ที่คุณจะให้มาช่วยงานผมน่ะเหรอ" ชายหนุ่มทำหน้าเหลือเชื่อ พร้อมกับส่งสายตาสบประมาทไปยังหญิงสาว ว่าท่าทางห้าวๆ อย่างงี้จะไปทำอะไรได้

                " คุณจะเลือกคนอื่นให้มาทำงานแทนฉันก็ได้นะ ในเมื่อคุณไม่เชื่อมั่นในความสามารถของฉัน ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยในบริษัทก็ยังมีตัวเลือกให้คุณอีก 2 3 คน แต่ที่ฉันจะทำงานนี้ให้น่ะ เพราะเห็นแก่พี่รินหรอกนะ อย่างคุณน่ะต่อให้ลงมาคุกเข่าอ้อนวอนขอให้ฉันช่วยทำงานให้ล่ะก็... บอกได้คำเดียวว่า 'ไม่มีทาง' "

                    "ฮึ ชื่อบัวบุษบา ไอ้เราก็นึกว่าเป็นสาวสวยตัวเล็กน่ารักน่าทะนุทะนอม ที่ไหนได้ดันกลายมาเป็น..." ชายหนุ่มพูดไม่ทันจบหญิงสาวที่ถูกกล่าวถึงก็กล่าวขัดขึ้นก่อน

                    "เป็นอะไร ฉันชื่ออย่างนี้แล้วเป็นยังไง แล้วคุณล่ะชื่อเข้าไปได้ไง เมฆาคินทร์ ยังกะพระเอก เฮ้ย..ตัวโกงในละครลิเก" เมื่อถูกหญิงสาวตรงหน้าต่อปากต่อคำอย่างไม่ลดละ ทำให้เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะเตรียมคำพูดเผ็ดร้อนไว้พูดจาโต้ตอบเช่นกัน แต่

                    "พอ บอกว่าให้หยุดทั้งคู่ไง พูดไม่รู้เรื่องรึไง เดียวก็ไล่ออกจากห้องทั้งสองคนหรอก" เสียงเอาจริงเอาจังของรรินตาทำให้ทั้งสองหุบปากลงได้ แต่ยังคงส่งสายตาอาฆาตให้กันอย่างไม่ลดละ

                    "เอาล่ะ เรามาพูดถึงเรื่องงานกันก่อนนะ"

                "นี่ริน ผมขอเปลี่ยนดีไซเนอร์เป็นคนอื่นไม่ได้เหรอ หรือคุณช่วยออกแบบให้ผมเองไม่ได้รึไง" เสียงอุทธรณ์ของเขาดังขึ้นขณะที่ตาก็มองตรงไปยังคู่อริสาว อย่างเธอน่ะฉันไม่เอาหรอก

                    "นั่นสิคะพี่ริน บัวก็ไม่อยากทำงานให้คนไม่มีมารยาท แล้วก็ไม่เป็นสุภาพบุรุษหรอกคะ" เธอก็สนับสนุนความคิดเขา แต่ก็ไม่วายที่จะทิ้งท้ายด้วยการกัดชายหนุ่มด้วย

                    "นี่คุณ สำหรับสุภาพสตรีคนอื่นน่ะ ผมก็เป็นสุภาพบุรุษได้หรอกนะ แต่กับทอมอย่างคุณคงไม่ต้องมั้ง"

                "ฉันไม่ใช่ทอม แล้วก็ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงสักคน แต่อย่างคุณน่ะไม่แน่ คงเอาใจเต็มที่กับพวกไม้ป่าเดียวกันล่ะสิ ถึงได้มาตั้งแง่กับผู้หญิงน่ะ " บัวบุษบาตอกกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ แม้ว่าเขาออกจะมีชื่อเสีย(ง)เรื่องผู้หญิงด้วยซ้ำ แล้วจากท่าทางของเขาก็บ่งบอกว่าไม่มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกันแน่ๆ ตรงข้ามกลับดูออกจะเป็นหนุ่มเจ้าชู้ ชอบโปรยเสน่ห์กับสาว ออกจะเป็นเสือผู้หญิงด้วยซ้ำไป แต่เธอก็ไม่สนใจ ขอให้ชนะเขาได้ก็พอแล้ว

                    รอยยิ้มเหยียดของหล่อน สร้างความหมั่นไส้ให้ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างมาก ก็ผู้ชายทั้งแท่งอย่างเขา ที่ออกจะเป็นหนุ่มเจ้าชู้ด้วยซ้ำ กับโดนยัยทอมนี่มาสบประมาทว่าเป็นเกย์ซะได้  ยังงี้มันลูบคมกันชัดๆ

                    "อ้อ งั้นคุณอยากลองพิสูจน์ดูไหมล่ะว่าผมเป็นเกย์ หรือเป็นผู้ชายทั้งแท่ง แล้วผมก็จะได้รู้ด้วยตัวเองเลยไงว่า...คุณก็เป็นผู้หญิงจริงๆ เหมือนกัน" เขาไม่พูดเปล่าแต่ทำท่ากระลิ้มกระเลี่ย จนหญิงสาวที่ถูกเสนอให้ลองพิสูจน์ถึงกับขนลุก

                    "แหวะ อีตาบ้าลามก ทุเรศ"

                "อะไรน่ะคุณ ผมยังไม่ทันพูดอะไรเลย ใครกันแน่ที่ลามก ผมน่ะหมายความว่างั้นเราก็ลองมาทำงานร่วมกันดู คุณจะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วผมเป็นลูกผู้ชายตัวจริงเสียงจริง ส่วนคุณน่ะเผื่อผมจะมองเห็นความเป็นหญิงในตัวคุณบ้าง ผมไม่ได้คิดทะลึ่งอย่างคุณซะหน่อย" ชายหนุ่มยิ้มอย่างเป็นต่อ ดูเหมือนว่ายกนี้เขาจะชนะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×