เดชมังกรหยก

เดชมังกรหยก

ปฐมบทแห่งเดชมังกรหยก

ห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด  อนึ่งดวงจิตของคนหามีจุดสิ้นสุดไม่  กาลเวลาผันเปลี่ยนดั่งสายน้ำมิหวนคืน  วันแล้ววันเล่าคืนแล้วคืนเล่าสรรพชีวิตก่อกำเนิดเวียนว่ายทุกข์สุขในวัฎจักรสงสาร 

กาลหนึ่งนานมาแล้วในยุคสมัยก่อกำเนิดโลก  มวลมนุษย์คลุ้มคลั่งแก่งแย่งช่วงชิงในอำนาจ  แผ่นดินลุกร้อนเป็นไฟแผดเผาร้อนรุ่มประดุจดั่งขุมนรก  ผู้คนทุกข์โศกหยาดน้ำตาไหลรินเป็นสายโลหิต  แผ่นดินแบ่งออกเป็นก๊กเป็นเหล่าเกิดศึกสงครามไปจนทุกหัวระแหง  ผู้คนล้มตายนับหมื่นนับพัน  ดับร่างทิ้งสังขารเหลือแต่ไว้แต่ความว่างเปล่ามิได้มีความหมายแห่งความเป็นตัวตน  สรรพชีวิตเกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วดับไป  จักรวาลแห่งดวงจิตอนึ่งเป็นความจริงเที่ยงแท้แห่งสัจธรรม

บุรุษคู่สตรี ดำคู่ขาว ดีคู่เลว แสงสว่างตรงข้ามกับความมืด  เมื่อมีมืดย่อมต้องมีแสงสว่าง  เมื่อมีเลวในที่สุดต้องมีคนดี  สถานการณ์มักสร้างวีรบุรุษ  ในยามทุกข์ร้อนย่อมต้องมีสายฝนโปรยพิรุณ  ยังความชุ่มช้ำทั่วผืนปฐพี

ในที่สุดวีรบุรุษก่อกำเนิดในนามเทียนจิงตี้(หลักการแห่งฟ้าดิน)  เทียนจิงตี้ผู้ปรารถนาเห็นความผาสุขแห่งแผ่นดิน  มันได้รับฟังสัจธรรมแห่งชีวิตจากสมณเจ้าผู้พ้นโลก  ฟ้าบันดาลให้มันได้พบกระบี่พิสดารนามชะตาสวรรค์  มันออกรวบรวมเหล่าผู้กล้าผู้ทรงคุณธรรมไปทั้งไต้หล้า  เคลื่อนทัพออกปราบปรามเหล่าคนทรามไปทั้งแผ่นดิน  ในครานั้นจูตี้เมี่ย(ฟ้าดินลงโทษ)นับเป็นผู้ชั่วร้ายที่สุดในแผ่นดิน  มันและศาสตราวุธสุดเหี้ยมโหดของมันนามทัณฑ์นรก  นับว่าร้ายกาจไร้ผู้เทียมทาน

ศึกเนินจิงเมี่ยว(งดงามไร้ที่ติ)เทียนจิงตี้เคลื่อนกองทัพธรรมสู้รบกับกองทัพมารของจูตี้เมี่ย  สู้กันเจ็ดวันเจ็ดคืนในที่สุดธรรมะย่อมชนะอธรรม  จูตี้เมี่ยพ่ายแพ้ให้กับเทียนจิงตี้เพียงครึ่งกระบวนท่า  กระบี่ชะตาสวรรค์เสียบทะลุหัวใจของมันสิ้นใจตาย  กองทัพธรรมเป็นผู้มีชัย  ในที่สุดแสงสว่างก็หวนคืนสู่แผ่นดินในอีกครั้ง

แผ่นดินสงบสุขร่มเย็นเทียนจิงตี้กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย  มันคือผู้ปรารถนาในสัจธรรมคิดว่าคงปลีกเร้นกายไปในดินแดนสงบสุขหนใดสักแห่ง  จูตี้เม่ยหลังสิ้นชีพลงไปศาสตราวุธคู่กายของมันได้ถูกหลวงจีนสมณะชั้นสูงนำไปเก็บซ่อนไว้ในสถานที่อันลึกลับยากค้นหา  ด้วยดาบทัณฑ์นรกนี้มีอานุภาพอันร้ายกาจเป็นภัยต่อแผ่นดิน  หากผู้ถือดาบเป็นคนทรงคุณธรรมนับว่าดีไป  ตาลปัตรกันนั้นหากผู้ถือดาบเป็นคนชั่วร้ายจิตใจต่ำทรามยิ่งส่งผลเลวร้ายเกินกว่าที่จะคิด

เล่ากันว่ายังมีสถานที่เร้นลับแห่งหนึ่งซึ่งเป็นปริศนาของเทียนจิงตี้  นามผาเทพบรรพกาลเจ็ดหมื่นปี  ผาแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงสุดของไท่ซานมีพรรคแปดเทพบรรพกาลเป็นผู้ดูแล  ผู้คนต่างเล่ากันว่าหน้าผาแห่งนี้ได้เก็บซุกซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์เอาไว้  เพียงแต่คนผู้ใดสามารถแก้ไขปริศนารูปปั้นศิลาเทพแปดดาวได้  คนผู้นั้นจะได้ค้นพบความลับของสวรรค์ 

วันเวลาผ่านพ้นไปวันแล้ววันเล่าปีแล้วปีเล่ายังไม่มีใครสามารถแก้ปริศนานี้ได้สักครั้ง  ยังมีเบาะแสหนึ่งซึ่งถูกจารึกไว้ในแผ่นศิลาสีเงินรูปมังกรหยก  เป็นแผ่นศิลาขนาดมหึมาสูงสิบห้าวากว้างสิบห้าวาหนาสิบศอก  ปรากฎลายลักษณ์อักษรเป็นภาษายุคโบราณ  มีนักปราชญ์ท่านหนึ่งนามซือกว่างอี้(คลังแห่งปัญญา)ได้แปลความหมายไว้ดังนี้

เหนือฟ้าใต้ดิน 

วารีผืนพิภพ

สรรพชีวิตก่อกำเนิด

ทุกข์สุขเร้นหาย

แสงสว่างแห่งธรรมะ  ใต้หล้าผ่องอำไพ  ยากไซร้ค้นหา  หนึ่งชีวิตว่างเปล่า

ดิน น้ำ ลม ไฟ 

ธาตุขันธ์ทั้งห้า  สมดุลไต้หล้า  บรรจบฟ้าเหนือดิน  สัตว์เทพบรรพกาล  ผู้พิทักษ์ทั้งห้า

เต่าน้ำพยากรณ์  กิ้งก่าดินเหินฟ้า  ราชสีห์บ้าพ่นไฟ  พญาอินทรีไร้หาง  วานรทิพย์ขี่วายุ

ปริศนาสัตว์ทั้งห้าคือลิขิตฟ้าชะตาสวรรค์

         มันบุรุษผู้โดดเดี่ยว  เริ่มออกท่องยุทธภพพานพบมารเยือนเทพยุทธ์  เก็บเกี่ยวเพิ่มพูนประสบการณ์ใช้ชีวิตด้วยหลักคุณธรรม  จากจอมยุทธ์นิรนามก้าวขึ้นสู่ผู้กล้าสะท้านแผ่นดิน  มิไช่เรื่องง่ายย่อมพานพบเรื่องราวร้อยแปดหมื่นพันประการ