คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : PAINFUL :: Special MinHos Part
ShortFic
:: Painful ::
> ShiNee <
:: Special
ชเว มินโฮ
..... นั่นเป็นชื่อของผม
ส่วน “ ไอ้เปรต ”
..... เป็นฉายาของผมครับ
หึหึ มันฟังดูตลกใช่มั้ยล่ะ
จะไม่ตลกได้ยังไง...ก็คนที่คิดฉายานี้ขึ้นมาน่ะ มันติ๊งต๊องจะตาย
.
.
.
.
คิม จงฮยอน
---------------------------------------------------------------------
ผมมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง มันชื่อ คิม จงฮยอน ครับ ......... ฮ่ะๆ ใช่แล้วครับ ไอ้บ้าที่ตั้งฉายาตลกๆ ให้ผม ที่แท้มันก็คือเพื่อนสนิทผมเองนี่แหละ
เพื่อนสนิท ...... ที่บ่อยครั้งก็ไม่เหมือนเพื่อนสนิท
ผมกับจงฮยอนเป็นเพื่อนกันมา 2 ปีแล้วครับ มันเป็นทั้งเพื่อนที่ดี และเพื่อนที่ไม่ดี ฮึๆ
มันชอบทำอะไรให้ผมแปลกใจสงสัยอยู่เรื่อย มันชอบจ้องหน้าผม จ้อง จ้อง จ้อง และจ้องอยู่นั่นแหละ บางครั้งก็เล่นซะผมทำอะไรไม่ถูก แรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอบ่อยครั้งเข้า ผมก็ถาม แล้วคำตอบแต่ละครั้ง สมเหตุสมผลเอามากๆ ท่าทางที่ตกใจ ลนลาน ทำอะไรไม่ถูก เหมือนคนทำผิดแล้วโดนจับได้ ถึงเป็นเด็กอนุบาลก็รู้ว่ามันโกหก แต่สาเหตุที่แท้จริงมันคืออะไร อันนั้นผมก็ไม่อาจรู้ได้
ผมเองเริ่มชินที่มันชอบจ้องผมขึ้นมาเรื่อยๆ พักหลังๆ ก็เลิกถาม เปลี่ยนมาเป็นแกล้งมันแทน ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมชอบเวลาที่เห็นมันทำหน้าคิดหนักตอนผมถามว่า ‘มึงจะจ้องกูทำไม’ หึหึ แต่ก็แปลกที่ผมไม่คิดจะเค้นเอาความจริงจากมันนะ แกล้งมันอยู่อย่างนี้แหละ ผมไม่ได้โรคจิตนะครับ บอกไว้ก่อน...
จงฮยอนเป็นคนชอบเหม่อ อาการหนักซะด้วยล่ะครับ เวลาที่มันจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ถ้าไม่โบกกบาลมันซักที จ้างให้ก็ไม่มีทางฉุดมันออกมาได้ บางทีผมก็นั่งมองมันเหม่อ เพลินไปอีกแบบครับ บางทีก็ทำหน้ายุ่งๆ คิ้วขมวดจนแทบจะพันกันเอาซะให้ได้ สักพักก็เปลี่ยนเป็นหน้านิ่งๆ เศร้าๆ อีกเดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นหน้าแดง ดูเหมือนมันจะมีเรื่องร้อยแปดให้คิดมากมายในแต่ละวัน
ผมสองคนพักอยู่ห้องเดียวกันครับ และนั่นก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผมกับมันสนิทกันเลยล่ะ ชีวิตของพวกเราก็ดำเนินไปตามปกติ ตื่นไปเรียน กินข้าว กวนตีนกัน กลับหอ นอน มีออกไปเที่ยวบ้างในวันหยุด จนมันมาถึงวันหนึ่งที่ดูเหมือนผมจะค้นพบอะไรบางอย่าง...
วันนั้นทุกอย่างเป็นไปอย่างเกือบจะปกติ....
‘จ้องอีกละ กูรู้ว่ากูหล่อ ไม่ต้องมองมากหรอกน่า’ ใช่แล้วครับ ผมแซวมันเหมือนทุกครั้งที่ผมจับได้ว่าสายตามันโฟกัสมาที่ผม แต่ครั้งนี้มันแปลกไป
‘.....’
มันเงียบ...... ผมขมวดคิ้ว มันเป็นอะไร??
‘จงฮยอน...’
มันยังคงเงียบ แถมยังเบือนหน้าหนีผมอีก ผมเริ่มแปลกใจ ไม่สิ แบบนี้ที่ผมเป็นอยู่ .... เค้าเรียกว่ากลัวรึเปล่า?? ก็ทุกทีมันก็จะอึกๆ อักๆ ถึงสาเหตุที่มันหามาอ้างแต่ละทีจะปัญญาอ่อนแค่ไหน ก็ขอให้มันได้ตอบ แต่ครั้งนี้ไม่แฮะ...
‘ไอ้เป็ด มึงเป็นไร??’
‘......’
‘มึงโกรธอะไรกูป่าววะ??’
‘...เปล่า’
‘ไอ้เชี่ยเป็ด เอาดีๆ มึงเป็นอะไร’
‘ก็เปล่าไง...ไม่ได้เป็นอะไร’
เอาแล้วไง งานเข้าแล้วมั้ยล่ะผม....
มันโกรธอะไรกูวะ??
หรือว่า ..........
ไอติม!!
เฮ้ย...ใช่ ใช่แน่ๆ มันโกรธที่ผมแย่งไอติมมันกินเมื่อคืนแน่ๆ
เฮ้ออ โถ่เอ๊ย...นึกว่าเรื่องอะไร เอ๊ะ...หรือว่าไม่ใช่ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ นอกจากแย่งมันกิน
น่าจะใช่ล่ะน่า....ถ้างั้นเพื่อความปลอดภัย ผมจะไม่สารภาพก็แล้วกัน ฮ่ะๆ
‘ไอ้เป็ด ลุก...’ ผมสะกิดไหล่มันให้ยืนขึ้น มันก็ทำตามงงๆ
‘ไปไหนวะ??’
.
.
.
‘เดี๋ยวกูเลี้ยงไอติม’
‘.....???....’
งงรึเปล่าครับ?? ที่ผมบอกว่าวันนั้นผมค้นพบบางอย่าง..
อย่างงเลยครับ...เพราะผมกำลังจะบอกว่า สิ่งที่ผมค้นพบ..
คือ ตัวผมเอง....ใส่ใจมันมากๆ ทั้งด้านความรู้สึกและการกระทำ และมันก็เป็นมานานแล้วซะด้วย ผมคิดย้อนหลังกลับไป ก็ได้รู้ว่าเวลาผมจะทำอะไร ผมมักจะนึกถึงมันเป็นคนแรกเสมอ จะกิน จะนอน จะเรียน จะเที่ยว เป็นต้องมีมันเข้ามาในความคิดอยู่ตลอด จะนาน หรือจะเดี๋ยวเดียว ก็แล้วแต่สถาณการณ์ แต่ถึงยังไงมันก็มี...
อย่างครั้งนี้...ผมไม่คิดถึงอย่างอื่นเลยนอกจาก ไม่อยากให้มันไม่พูดกับผม ผมไม่ชอบเวลาผมคุยกับใครแล้วคนนั้นไม่ตอบสนอง
โดยเฉพาะมัน....
แรกๆ ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่เพื่อนสนิทเค้ามีให้กันรึเปล่า พยายามคิดว่ามันใช่ แต่อะไรหลายๆ อย่างจากการสังเกตตัวเองทั้งก่อนและหลังจากวันนั้นก็ตอกย้ำผมอยู่เสมอ
ว่ามันเป็นมากกว่าเพื่อน...
ผมอยากแน่ใจ...เลยพยายามหันไปมองคนอื่นบ้าง เผื่อบางทีอาการใส่ใจคนอื่นที่นอกจากตัวเองมากมายขนาดนี้จะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่มัน
แต่ผลลัพธ์คือ...
ไม่มี
การพิสูจน์ตัวเองของผมลามไปถึงมันอยู่บ่อยครั้ง ผมรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ เวลาผมลองบอกให้มันเป็นพ่อสื่อ และเหมือนมันจะเต็มใจช่วยอย่างเต็มที่
และแล้วนั่นก็ทำให้ผมได้เวลามั่นใจในตัวเอง...
ผมรักมัน
พอรู้แน่ชัดว่าผมคิดกับมันมากกว่าเพื่อน ผมก็เปลี่ยนจากสังเกตตัวเอง ไปเป็นสังเกตมันแทน...
ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานหรอกครับ
มันน่ะดูง่ายจะตาย...
ต่อมาปัญหาก็เกิดเมื่อมีคนมาทักจงฮยอน เค้าเป็นใครมาจากไหน ผมไม่รู้ แต่เค้ามองหน้าผมกับมันสลับกันไปมา ตอนแรกผมก็งง แต่แล้วผมก็อ๋อในใจ
‘ทำไมไม่บอกเค้าไปล่ะ กลัวอะไร’
ผมมั่นใจว่า ‘เค้า’ ในประโยคนั้นหมายถึงผม เพราะเจ้าของประโยคเล่นจ้องซะขนาดนั้น หลังจากนั้นก็มีอีกสองสามคำที่ทำให้ผมกล้าฟันธงว่าสิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับมันเป็นความจริง
ผมกับมันใจตรงกัน...
คราวนี้ปัญหาก็เกิด...สองสามประโยคนั้นมีอิทธิพลกับจงฮยอนมากขนาดทำให้มันดูเงียบผิดปกติ จากที่ชอบเหม่ออยู่แล้วก็ยิ่งเลื่อนลอยหนักเข้าไปใหญ่จนผมอดห่วงไม่ได้
ผมดูออกว่ามันกลัวจริงๆ นั่นแหละ ตลอดสามวันหลังจากนั้นดูเหมือนเจ้าตัวจะคิดหนักอย่างเอาเป็นเอาตาย
ผมรอให้มันบอก พยายามยุไปหลายต่อหลายครั้ง แต่มันก็ไม่ยอมบอกออกมาซักที ดูเหมือนความกลัวของมันจะมีมากกว่าที่ผมคิด แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผมไม่เป็นฝ่ายบอกซะเอง
อยู่กับมันนี่....ผมไม่เข้าใจตัวเองหลายอย่างซะจริงๆ
มึงมาทำอะไรกูวะจงฮยอน...?
วันนั้นมันตั้งคำถามกับผม...เล่นเอาผมตั้งตัวไม่ติด
‘มินโฮ...ถ้ามึงแอบชอบใครอยู่ มึงจะทำไงวะ ? ?’
ผมงงอยู่แปบหนึ่งก่อนจะตอบเชิงยุๆ
‘กูจะบอกเค้าไปเลย....’ เห็นมันเงียบผมก็ยุต่อ
‘
ไม่ว่าผลมันจะออกมายังไง กูจะทำใจยอมรับมัน เพราะอย่างน้อยเราก็ได้บอกเค้า...ให้เค้าได้รู้ ถ้าเค้าปฏิเสธ กูก็จะได้ทำใจถูก ’
‘...ทำไมวะ แอบชอบสาวที่ไหนอยู่รึไงมึง’ เนียนนิดนึงครับ เดี๋ยวมันรู้ ฮึๆ ถึงจะแปลกๆนิดหน่อยพอมาคิดได้ทีหลังว่าสาวคนที่ผมแซวมันก็ตัวผมเองนี่แหละ
‘...เปล่าหรอก กูแค่ถามเฉยๆ’ โดนตีเนียนกลับซะด้วยครับ
‘อืม....งั้นกูไปดูทีวีก่อนนะ’
‘อือ...’
สุดท้าย...วันนั้นมันก็ไม่ได้บอก
-------------------------------------------------------------------
วันต่อมาผมกับมันไปเดินซื้อของกินมาตุนไว้ในหอ ในขณะที่ผมช่วยจงฮยอนมันหยิบของใส่รถเข็น สายตาก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเองครับ เราสนิทกันมากตั้งแต่เด็กๆ เหมือนพี่น้องแท้ๆ เลยล่ะครับ ผมดีใจมากจนแทบจะวิ่งไปหาพี่เค้าตอนนั้นเลย แต่ความคิดชั่วร้ายก็โผล่ขึ้นมาในสมอง
‘เฮ้ยจงฮยอน คนนั้นน่ารักว่ะ’
ผมใช้ศอกกระทุ้งแขนมันแล้วพยักเพยิดไปทางที่พี่ยืนอยู่
‘มึงก็เข้าไปจีบเค้าเลยดิ’ ผมไม่พูดอะไร แต่ก็วิ่งเข้าไปหาพี่เค้า แทบจะกระโดดกอดแต่ก็ยั้งไว้ทัน พี่เค้าดูตกใจและดีใจมากๆ ที่เห็นผม แต่เสียดายที่พี่เค้าต้องรีบไป อีกอย่างพี่เค้าบอกว่าพี่เค้าปวดฉี่ ซึ่งอาการยืนบิดไปบิดมาก็เป็นหลักฐานได้ดีทีเดียว ฮ่ะๆ พี่เค้าเลยควานหากระดาษในกระเป๋าขึ้นมาจดเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ผมแล้วก็วิ่งปรู๊ดไปเขาห้องน้ำเลย
ผมมองตามยิ้มๆแล้ววิ่งกลับไปหาจงฮยอน
เฮ้อ... เหม่ออีกแล้ว
ผมกระตุ้นมันเรียกสติแล้วแกว่งกระดาษไปมาตรงหน้ามัน
‘ได้เบอร์มาแล้ว....’ ผมพูดจบมันก็เข็นรถเข็นหนีไปเฉยๆ
‘เป็นเชี่ยไรมึงอีกอ่ะ’
‘เปล่า...’
‘หึงกูล่ะสิ...’ ผมแกล้งแหย่มันไป หันขวับมาเลยล่ะครับ จี้ใจดำล่ะสิ ฮึๆ
มันจ้องตามผมนิ่งๆ แล้วก็เข็นรถเข็นหนีออกมาอีก....
‘เห้ย...มึงเป็นไร’ ผมวิ่งตามไปจับไหล่มัน มันก็เงียบ
“จงฮยอน กูคุยกับมึงอยู่นะ” ผมพูดเสียงเย็น หน้าตามันก็ดูเศร้ามากนะ ผมแกล้งมันแรงไปรึเปล่า??
‘อะไร...’ มันหยุดเดินแล้วหันมาพูดกับผม
‘มึงเป็นอะไรเนี่ย เดี๋ยวนี้มึงทำตัวแปลกๆ นะเฮ้ย มีเรื่องอะไรบอกกูมาดิวะ’
‘ไม่มีอะไรหรอกน่า’ มันทำท่าจะเดินต่อ แต่ผมดึงแขนมันไว้
‘มึงโกหกกูอีกแล้วนะ’
‘ทำไม....เดี๋ยวนี้มีอะไรมึงบอกกูไม่ได้เลยหรอ เมื่อก่อนเราไม่เคยมีเรื่องปิดบังกันเลยนะ’
ผมยังคงพูดต่อ แต่มันก็เงียบได้อีก
‘คิม จงฮยอน มึงกำลังทำให้กูโมโหนะ’ ผมออกแรงบีบที่แขนมันนิดๆ อย่างที่บอก...ผมไม่ชอบให้มันเงียบกับผม
‘กูบอกว่าไม่มีก็ไม่มีดิวะ....ปล่อยได้แล้ว กูเจ็บ มาทำท่าแบบนี้กลางห้างเดี๋ยวคนอื่นก็ได้คิดว่ามึงปรับความเข้าใจกับแฟนอยู่หรอก อยากถูกมองว่าเป็นเกย์รึไงมึง’
พูดได้ซักทีนะมึง..
‘แล้วไม่ใช่รึไง?’ ผมหรี่ตามองหน้ามัน หน้ามันเหวอมากอ่ะครับ
‘กูก็ปรับความเข้าใจกับมึงอยู่ไม่ใช่รึไง’
‘อะ....เอ่อ’
‘มึงไม่พอใจอะไรกูรึเปล่า?’
‘เอ่อ....เปล่า’
‘ไม่จริง มึงไม่ยอมคุยกับกู’ นี่ผมกำลังแกล้งมันอยู่ใช่มั้ยเนี่ย กลายเป็นคนขี้แกล้งตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะผม...
แต่ตอนนี้คงต้องเลิกแกล้ง เดี๋ยวคนตรงหน้านี้จะตายเอาซะก่อน
‘ก็...ไม่มีอะไรจะพูด’
‘อย่างมึงอ่ะนะไม่มีอะไรจะพูด.......อะไรบ้างที่ไม่พูดจะมีรึเปล่าเหอะ’ เริ่มจากการเบี่ยงเบนความคิดด้วยการยั่วโมโห
‘หาว่ากูพูดมากเหรอมึง’ ผมยักคิ้วกวนๆ ให้มัน ซึ่งดูเหมือนมันจะปรี๊ดแตกไปเลยทีเดียว
‘ไอ้เปรต ว่ากูนะมึง เดี๋ยวจะโดนดี’
‘เอ้า...หรือไม่จริง’
‘อะ...ไอ้บ้า ตายซะเถอะมึงง’ แล้วมันก็เข็นรถเข็นวิ่งไล่ชนผมไปทั่ว
‘เฮ้ย...ไอ้มินโฮ หยุดเลยนะ มาให้กูโบกกบาลซะเถอะมึง อ๊ากก’ มันแหกปากตะโกนโหวกเหวกโวยวายแบบไม่คิดจะอายใคร ผมก็วิ่งไปเรื่อยๆ สบายๆ มันขาสั้น วิ่งตามไม่มีทางทันผมหรอก ฮ่าๆ
... อารมณ์ดีขึ้นแล้วสินะมึง อย่าเศร้าสิ กูก็รักมึงเหมือนกันนั่นแหละ ฮึๆ
วิ่งไปวิ่งมาก็เป็นเรื่องล่ะครับ ดันไปชนข้าวของเค้าพังหมด ดีนะที่เป็นแค่ลังเปล่าๆ ไม่งั้นมันตายแน่ พอทำแผลก็โอดโอยอย่างกับอะไรดี ฮ่ะๆ ผมก็บ่นไปตามเรื่อง ไม่ได้จริงจังอะไรมาก เสร็จแล้วก็หากินข้าว กลับบ้าน...
อย่างที่ผมบอกว่ามันเป็นทั้งเพื่อนที่ดีและไม่ดี วันนั้นมันเข้าโหมดเพื่อนชั่วได้น่าเตะมากครับ อ้างต่างๆ นาๆ เพื่อให้ตัวเองไม่ได้ถือของ ผมล่ะแค้น กลับขึ้นห้องผมก็แก้แค้นมันด้วยการกระโจนเข้าล็อคคอจากข้างหลัง
ได้ใกล้มันขนาดนั้น...ตัวมันโคตรหอม
มันดิ้นจนเราสองคนหงายหลัง ตามสัญชาติญาณผมก็พลิกตัวด้วยความรวดเร็ว จงฮยอนเลยจะกลายเป็นคนเจ็บแทน สมองประมวลอย่างรวดเร็วให้ผมผ่อนแรงกระแทกให้มันโดยการช้อนตัวมันไว้ก่อนที่หลังจะกระแทกพื้นซะก่อน
พอถึงพื้น ผมก็ได้เห็นเป็ดหน้าแดงๆ ตัวหนึ่ง นอนเขินและพยายามจะลุกอยู่ในอ้อมกอดผม แต่เรื่องอะไรผมจะยอมปล่อยล่ะครับ...
ก็มัน............น่ารัก
เหมือนมีแรงแม่เหล็กที่ค่อยๆ ดูดให้ผมเข้าไปใกล้มันเรื่อยๆ จนระยะห่างระหว่างเราสองคนหมดลง ใช่ครับ...ผมจูบมัน ตอนแรกมันก็พยายามปฏิเสธ ผมเลยชะงัก ออกแนวลังเลนิดหน่อย กลัวมันด่านี่นา แต่ไปๆ มาๆ ก็....เสื้อผมยับล่ะครับ หึหึ
ผมจะถือว่านี่เป็นการพิสูจน์ครั้งสุดท้าย คิดๆ ไป ผมจะไม่รออีกแล้ว มันกลัวเกินไป ผมรู้ มันกลัวว่าความเป็นเพื่อนของผมกับมันจะหมดไป ทั้งๆ ที่มันจะไม่เป็นอย่างนั้น ผมไม่อยากเห็นมันตกอยู่ในสภาพเหมือนคนจิตหลุดอยู่บ่อยๆ เห็นมันเศร้าผมก็พลอยเซ็งไปด้วย ที่จริงผมก็เริ่มทนไม่ไหว จะแกล้งมันกลับทรมานซะเอง ทำไงได้ล่ะครับ ดันรู้ว่าตัวเองรักมันมากขึ้นทุกวัน เพราะงั้น ผมจะบอกมันเอง...
แต่ให้ตาย ประโยคขึ้นต้นได้แค่คำว่า กู เสียงออดนรกก็ดังลั่นห้อง เซ็งสุดชีวิตล่ะครับ จำใจต้องลุกไปเปิดประตูอย่างช่วยไม่ได้ กลับมาก็เห็นมันเข้าอารมณ์เดิม
เหม่อ.... อีกแล้ว
‘มึงมีเรื่องให้คิดเยอะขนาดนั้นเลยเหรอจงฮยอน’ ผมผิดรึเปล่าที่ทำมันสะดุ้ง??
‘เอ่อะ....เอ่อ เปล่า ว่าแต่ ใครวะ?’
‘ ยามหอน่ะ...เค้ามาแจ้งว่าจะมีการตกแต่งภายในของสองห้องถัดไป อาจจะเสียงดังนิดนึง’
มันแค่พยักหน้าแล้วก็กลับไปเหม่อเหมือนเดิม ผมเดินอ้อมไปนั่งข้างๆ มัน รู้สึกผิดขึ้นมาทันที ผมไม่น่ารอมันเลย ผมน่าจะรู้ว่าจงฮยอนทรมานแค่ไหนที่มันต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้คนเดียว มันไม่รู้ว่าผมคิดยังไงกับมัน ต่างจากผมที่รู้ทั้งใจมัน และรู้ทั้งใจตัวเอง แต่ก็ยังปล่อยให้เวลาผ่านไป.... ผมแค่อยากฟังคำนั้น แค่นั้นจริงๆ แต่ต่อไปนี้ไม่ว่ามันจะพูดออกมาหรือไม่ก็ตาม ผมรู้ว่าเราสองคนรักกัน
แค่นั้นก็พอ...
เห็นมันกำลังจะลุกหนีผมก็เรียกมันไว้ ก็ยังไม่ได้บอกรักเลยนี่ครับ....
‘เรื่องเมื่อกี้....’ จะว่าไปก็ใจเต้นแรงเหมือนกันนะเนี่ย คำพูดที่คิดไว้มันหายไปไหนหมดวะ...
‘ถ้า...มึงไม่ได้ตั้งใจ ก็ช่างมันเหอะ ลืมๆ ไปซะ กูก็จะลืมมันเหมือนกัน คิดซะว่ามึงผีเข้า ฮ่ะๆ’ มันพูดขึ้นมาในระหว่างที่ผมคิดคำพูดดีๆ อยู่ เอาซะผมเคือง กูจูบขนาดนั้นแล้วยังมาว่ากูผีเข้าอีกนะมึง มึงซื่อหรือมึงโง่วะเนี่ย...
‘มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่ได้ตั้งใจ’
‘ก็มึงอาจจะโดนผีเข้าไง เลยลืมตัว ไอ้ผีตัวนั้นมันคงจะ ... อ๊ะ!!! อื้อออ’ เรื่องอะไรผมจะปล่อยให้มันพูดจบล่ะครับ ซื่อบื้อได้โล่นะมึง..ไอ้เป็ด
แต่ก็....หวานว่ะ
ได้ยินเสียงมันครางผมก็แทบควบคุมตัวเองไม่ได้ ผละออกจากริมฝีปากออกมาทิ้งรอยไว้ที่ซอกคอหอมๆ ......... ต่อไปนี้ ใครก็ห้ามยุ่งกับมึงเด็ดขาด!!
ให้ตายเหอะจงฮยอน...มึงวางยากูรึไง กูถึงเป็นแบบนี่เนี่ย
ผมละออกมามองหน้ามันแต่แขนที่โอบมันไว้ก็แค่คลายหลวมๆ สายตาที่ตัดพ้อและไม่เข้าใจถูกส่งมาจากคนตรงหน้า
‘ทำไม...มินโฮ บอกกูมาเถอะ’ มันถามผมเสียงอ่อน
‘มึงคิดอะไรอยู่ บอกกูมาเดี๋ยวนี้นะ’
‘บอกกู มินโฮ’ จงฮยอนซบหน้าลงกับอกผม ทำไมผมถึงเลวอย่างนี้นะ...ทั้งๆ ที่มันทรมานขนาดนี้ผมยังมีความคิดที่จะแกล้งมัน
‘ต่อไปนี้มึงไม่ใช่เพื่อนกู....’
พูดออกไปแล้วก็รู้สึกผิดเองล่ะครับ ทั้งๆที่ผมรักมันมากขนาดนี้ แต่ละประโยคที่ผมพูดออกไปดูเหมือนจะทำร้ายมันอยู่ตลอด หน้ามันเหมือนโลกทั้งใบสลายไปแล้ว ให้ตายเถอะ ผมโคตรดีใจเลยที่มีคนรักผมขนาดนี้
“เพราะมึง ................................. ต้องเป็นแฟนกู...”
มันอึ้ง จ้องหน้าผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
‘กูไม่เข้าใจ มินโฮ’
ถึงผมจะเป็นคนไม่ดีที่ทำให้มันทรมาน แต่เชื่อผมเถอะ ในชีวิตผมไม่เคยมีความรู้สึกรักใครเท่ามันมาก่อน ถึงผมจะขี้แกล้ง ถึงผมจะไม่ค่อยแสดงออก แต่ผมรักมัน และรักมากด้วย
‘..........กูรักมึง’
‘หะ....ห๊ะ!!!’
ไม่ว่าสีหน้ามึงจะเป็นแบบไหนมันก็น่ารักได้ทุกมุมเลยนะจงฮยอน หึหึ
‘ที่กูจูบเพราะกูจะพิสูจน์ และตอนนี้ กูได้ข้อสรุปแล้ว..........................................กูรักมึงนะ ’
มันทำปริบๆ เหมือนไม่อยากจะเชื่อ
‘มึง...รู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา’
ผมยิ้มบางๆ เลื่อนหน้าเข้าไปหอมแก้มมันเป็นหลักฐานว่านี่คือความจริง
‘ชเว มินโฮ รัก คิม จงฮยอน มานานแล้วครับ’
มันอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนที่ปากอมชมพูจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา
‘หะ....ให้ตายสิ ไอ้บ้าเอ๊ยย’
มันพุ่งมากอดผมทั้งน้ำตา แรงกอดแน่นจนผมรับรู้ได้ว่ามันดีใจแค่ไหน ไออุ่นๆ แผ่ซ่านปกคลุมไปทั้งหัวใจที่กำลังเต้นแรงๆ อยู่ในอก สองแขนของผมโอบตอบแล้วลูบหลังเบาๆ
ผมเองก็ดีใจ....
ดีใจที่ได้รัก
ดีใจที่มันจะเป็นคนที่ผมยืนเคียงข้างและคอยดูแล
และดีใจ.....ที่ได้ยิน
คิม จงฮยอน ก็รัก ชเว มินโฮ มานานแล้วเหมือนกัน
####..Real End..####
จบแล้วนะคะ...
ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ติดตามมาตลอด
ขอบคุณทุกคำชมที่ทุกคนมอบให้
ไม่คิดว่าจะได้รับคำชมขนาดนั้นสำหรับ SF เรื่องแรก โหะๆ
ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ
ถ้ามีโอกาสคงได้พบกันอีกเนอะ
^_______^
สุดท้าย.....
ขอบคุณที่รักโฮฮยอนนะคะ
*******************************************************
มีภาพหวานๆ มาฝากค่ะ
แอบดีใจที่มีคนชอบโฮฮยอนเพิ่มด้วย
หุหุ
มีพวกค่ะ....มีพวก
^ . , ^
JungHyun : ^///////^
ความคิดเห็น