ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Our Word [MiNewt]
Title : Our Word
Paring : MiNewt
Rate : PG-13
Author : PAR
====================
"ฉันคงช่วยได้เท่านี้ ฝากที่เหลือด้วย แต่อย่าอยู่ดึกนะนิวท์ พักผ่อนเยอะๆ ผอมขนาดนี้อย่าว่าแต่โศกาเลย ลมพัดนายก็ตายแล้ว"
อดขำออกมาไม่ได้กับประโยคส่งท้ายของน้องชายจ้ำม่ำ ตอบรับกลับไปเพียงรอยยิ้มขำแล้วโบกมือส่งๆ
"เอาล่ะ เหลืออีกนิดเดียวแล้ว" พึมพำกับตัวเองเบาๆเมื่อชัคเดินหายไป มือสองข้างตอกนู่นมัดนี่ สาละวนก้มๆเงยๆกับการซ่อมประตูกระท่อมที่ใช้เป็นห้องพยาบาล สถานที่ที่เขาเองคุ้นเคยดี มีทั้งการรักษาให้หายดี และการบรรเทาให้จากโลกนี้ไปด้วยความทรมานน้อยที่สุด
นิวท์จ้องมองบานประตูตรงหน้า หลายคนที่ผ่านมันเข้าไป บ้างก็ได้รับโอกาสจากพระเจ้าให้ออกมาโดยที่ยังมีจิตวิญญาณ และบ้างก็ออกไปได้เพียงร่างกายว่างเปล่าเท่านั้น
เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยเข้าไป และเป็นอีกหนึ่งคนเช่นกันที่ได้รับโอกาสให้มีชีวิตต่อ
แม้ชีวิตหลังจากนั้นจะไม่เหมือนเดิม แต่มันก็ดีมากแล้วที่เขายังอยู่
จมอยู่กับความคิดของตัวเองโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนกอดอกยืนมองมาได้พักหนึ่งแล้ว และคนๆนั้นก็กำลังเดินเข้ามา จนกระทั่งเงาดำพาดลงมาทาบทับนั่นแหละ นิวท์ถึงได้รู้ตัวและหันไปมอง
"มินโฮ?"
เจ้าของชื่อพยักหน้าให้เล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบาง "ทำอะไรอยู่"
ปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบ พอดีกับที่ตะปูเล็กตัวสุดท้ายถูกตอกลงไปจนจมมิด โยนอุปกรณ์ทุกอย่างลงในกระสอบผ้า ปัดมือนิดๆก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงเผชิญหน้ากับอีกคน
"ซ่อมประตู ยังไม่นอน?" มินโฮอดอมยิ้มไม่ได้กับเอกลักษณ์ของร่างตรงหน้า
ประหยัดคำพูดและน้ำเสียงราบเรียบ ขัดกับตัวผอมๆและหน้าตาแบบนั้นซะจริง
"ก็ได้ยินเสียงโป๊กๆนี่แหละเลยตื่น"
"อา โทษที ตอนนี้เสร็จแล้วล่ะ กลับไปนอนเถอะ" พูดจบก็ทำท่าจะเบี่ยงตัวเดินกลับที่พัก ไม่อยากชวนคุยนานกว่านี้ มินโฮเป็นนักวิ่ง แน่นอนว่าเขาต้องเหนื่อย การพักผ่อนให้เพียงพอคงจะดีที่สุด ทว่านักวิ่งคนเก่งกลับยกแขนขึ้นมากันทางไว้ไม่ให้นิวท์เดินหนี
ร่างโปร่งหันกลับไป หลุบตาลงมองท่อนแขนแกร่งแล้วเงยขึ้นสบตาอีกฝ่าย เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
"อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน"
งงหนักเข้าไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดจากคนตรงหน้า กำลังจะอ้าปากถามแต่ก็กลายเป็นเสียงอุทานแทนเมื่อมินโฮค้ำมือลงที่กรอบประตูแล้วค่อยๆสาวเท้าเข้ามาใกล้จนนิวท์ต้องถอยออกห่าง
"นี่ ทำอะไร?" รู้ตัวอีกทีทั้งคู่ก็เข้ามาอยู่ด้านในกระท่อม ไม่พอมินโฮยังดันบานประตูที่เพิ่งซ่อมเสร็จให้ปิดลง
ตัดขาดจากภายนอกสมบูรณ์แบบ
"มินโฮ มีอะไ.." ถามยังไม่ทันจบก็โดนดึงเข้าไปกอด เพราะความตกใจทำให้เผลอร้องออกมาและดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน กลัวว่าจะมีคนเปิดเข้ามาเห็นแม้มันจะดึกมากแล้วก็ตาม สองมือทั้งทุบทั้งดัน แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับมีเพียงความเงียบและวงแขนที่กระชับแน่นมากขึ้น
"ชู่ว เฉยๆน่า"
"ฮื้อ!"
หอบหายใจน้อยๆหลังจากหยุดดิ้น หุ่นแบบเขาจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับนักวิ่งได้ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจการกระทำของคนที่กำลังกอดตนอยู่ พอหายตกใจก็เพิ่งสัมผัสได้ว่าอ้อมกอดที่ได้รับนั้นไม่ใช่การกลั่นแกล้งเหมือนทุกครั้งที่มินโฮชอบทำเพื่อกวนประสาทเขา สิ่งที่ทำได้จึงเป็นเพียงแค่การยืนนิ่งในวงแขนของชายหนุ่มชาวเอเชียอยู่แบบนั้น
"มินโฮ..?" นิวท์เม้มปากแล้วค่อยๆยกมือขึ้นลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ และเหมือนว่านั่นจะทำให้เขาถูกกอดแน่นขึ้นจนเกือบจะหายใจไม่ออกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร บางอย่างบอกให้เขายกแขนขึ้นกอดตอบอีกคน
ถึงตอนนี้เขาเริ่มรู้แล้วว่าอะไรทำให้มินโฮเป็นแบบนี้
หมอนี่เป็นพวกแสดงออกทางการกระทำมากกว่าจะมานั่งพูดนั่งสาธยาย ระยะเวลาสามปีที่อยู่ด้วยกันมานั้นนานพอจะทำให้นิวท์รู้ว่าตอนนี้มินโฮกำลังมีเรื่องกังวลใจ
"เหงาเหรอเด็กน้อย" ถ้อยคำหยอกล้อเปล่งออกมาจากปากพร้อมรอยยิ้มบาง ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของร่างหนาดังอยู่ข้างหู
ไม่รู้นานแค่ไหนที่ทั้งคู่กอดกันอยู่แบบนั้น จนกระทั่งเป็นมินโฮเองที่ผละออกมา ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง มือใหญ่ยกขึ้นลูบข้างแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ จนคนถูกสัมผัสทำตัวไม่ถูก มือไม้ข้างตัวเริ่มเกะกะ พอจะเอาไพล่หลังก็โดนอีกคนดึงไปวางบนไหล่ หนำซ้ำสายตาก็ไม่รู้จะโฟกัสตรงไหน เงยหน้าขึ้นไปเจออีกคนจ้องอยู่ก็ทำเก่งจ้องกลับได้ไม่นาน สุดท้ายต้องหลุบตาลงมองสาบเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน จ้องมันอยู่แบบนั้นจนได้ปรากฏรอยยิ้มขำจากเจ้าของเสื้อ
"นิวท์ เงยหน้าหน่อย" เสียงทุ้มที่จับได้ว่าดังอยู่ใกล้มากทำให้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไป มือที่ค้างอยู่บนไหล่กว้างเริ่มกำเข้าหากัน
"นาย.. มีอะไรจะพูดก็พูดสิ" น้ำเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน มินโฮยังคงเงียบ มือใหญ่ค่อยๆเลื่อนไปเชยคางคนตรงหน้าให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา นิวท์เม้มปากแน่นก่อนจะผ่อนลมหายใจช้าๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาใกล้ชิดกัน แต่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขาทำตัวไม่ถูกขนาดนี้
ใบหน้าดูดีในแบบเอเชียค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของทั้งคู่ไร้ช่องว่าง สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ติดขัดของกันและกัน โดยเฉพาะคนในอ้อมแขนที่ดูเหมือนจะเกร็งขึ้นมาดื้อๆ เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มประดับขึ้นตรงมุมปากของมินโฮ
"ไม่เห็นต้องสั่นขนาดนี้เลย หื้ม?" เพราะระยะห่างที่แทบจะไม่เหลืออยู่เลยทำให้ริมฝีปากของพวกเขาเฉียดกันไปมาเบาๆยามขยับปากพูด มินโฮเอาแต่ยิ้มต่างจากนิวท์ที่รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ทั่วปอด พยายามเอนหน้าออกห่างแต่อีกคนไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ล็อคเอวไว้แล้วโน้มหน้าตามลงมา และนั่นทำให้มีมากกว่าหนึ่งครั้งที่ริมฝีปากของพวกเขาทั้งคู่แตะกัน
บ้าเอ๊ย สุดท้ายก็หยุดกวนประสาทได้ไม่นาน
นิวท์เริ่มดิ้น ทำท่าจะผลักอีกคนออก ใบหน้าและหูเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆเมื่ออีกคนเอาแต่หัวเราะ ปากบางเม้มแน่นเมื่อแขนแกร่งโอบรอบลำตัวเขาไว้ไม่ให้หนี
"นิวท์"
"ไม่ต้องมาเรียก ปล่อยฉัน ไอ้ปลวกกวนประสาท" กำปั้นเล็กๆ ชกเข้าไปหนึ่งอั่กที่อกหนาจนมินโฮต้องคว้าข้อมือไว้ เพราะกำปั้นที่มีแต่กระดูกนี่แหละมันถึงเจ็บ
"นิวท์"
"อะไร!"
"ฉันรักนายนะ"
"...."
ประโยคเดียวสั้นๆแต่หยุดทุกความเคลื่อนไหว คนฟังเม้มปากผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ กำปั้นแปรเปลี่ยนเป็นฝ่ามือบางวางทาบไปกับอกกว้างจนเจ้าของมือรับรู้ถึงสิ่งที่เต้นตึกตักอยู่ภายใน นิวท์เงยหน้ามองร่างสูงแล้วก็ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นกลับมา
รอยยิ้มแทนคำที่บอกว่าหัวใจดวงนี้ยังเต้นอยู่ และตอนนี้มันก็เต้นแรง
ไม่ต่างกันกับอีกหนึ่งดวงที่กำลังเต้นแรงและพองโต เป็นอีกครั้งที่มือใหญ่เอื้อมไปเชยคางร่างตรงหน้า สบตากันนิ่งๆก่อนจะโน้มหน้าลงไปหาและแนบริมฝีปากลงกับเรียวปากนุ่มที่เงยขึ้นรอรับสัมผัส
ไม่มีอะไรมากกว่าการบดคลึงเบาๆหากแต่ชัดเจนในความรู้สึก สองมือบนแผ่นอกเริ่มเลื่อนเข้าหากันจนกลายเป็นโอบรอบคอ เช่นเดียวกันกับวงแขนแข็งแรงที่โอบกอดอีกคนไว้อย่างรักใคร่
"..รู้แล้ว" นิวท์พึมพำเบาๆหลังผละริมฝีปากออกจากกัน หลับตาแล้วพิงหน้าผากลงกับปลายคางของร่างสูง กลายเป็นเขาเองที่กอดมินโฮแน่นเหมือนกับที่โดนกอดในตอนแรก สัมผัสจากริมฝีปากอีกคนประทับหนักๆลงที่ไหล่ผอม
ไม่อยากคิดว่าเราจะมีโอกาสได้บอกคำๆนี้ให้กันฟังอีกกี่ครั้ง
ชีวิตที่เหมือนจะมีโอกาสตายได้ทุกเมื่อ อยู่กับความหวาดระแวง และแทบสิ้นหวัง
เขาพอจะเดาได้ว่ามินโฮกำลังกังวลเรื่องนี้ มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นหลังจากโทมัสถูกส่วมาที่นี่ แม้ในความคิดเขาจะเป็นเรื่องดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้ชาวทุ่งต้องเสี่ยง
แต่สิ่งที่แน่นอนคือตราบใดที่ยังมีโอกาส
ตราบใดที่มินโฮยังอยู่
และเขายังอยู่
"ฉันก็รักนาย"
พวกเขาจะยังได้ยินคำคำนี้จากกันและกัน
..ทุกวัน..
====================
Special
"ไงโทมัส"
"ไง เมื่อคืนนายไปนอนไหนมาน่ะนิวท์"
"ก็.. นอนที่ของฉันสิ"
"อ้อเหรอ ฮึๆ"
"อะไรของนาย" อย่าบอกนะ..
"เปล่า ก็นึกว่าหนีไปนอนแถบๆทวีปเอเชีย"
"....." หมดกัน
"ฮ่าๆๆ อย่าทำหน้าเครียดสิ ฉันร้อนเลยตื่น มองไม่เห็นนายที่เปลก็เลยถามดู ไม่ได้ไปเห็นอะไรซะหน่อย"
เออ ไม่เห็นหรอก แต่แซวซะอยากเนรเทศออกนอกทุ่ง
"แล้ว.."
".....?"
"ฝันดีมั้ย"
"....."
"หรือไม่ได้นอน?"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"หุบปาก! ไหนบอกว่าไม่เห็นไง!"
END
Talk }}
เราก็ไม่เห็นอะไรนะ ...จริงๆ
หุบปาก! <-- นิวท์ได้กล่าวไว้
Paring : MiNewt
Rate : PG-13
Author : PAR
====================
"ฉันคงช่วยได้เท่านี้ ฝากที่เหลือด้วย แต่อย่าอยู่ดึกนะนิวท์ พักผ่อนเยอะๆ ผอมขนาดนี้อย่าว่าแต่โศกาเลย ลมพัดนายก็ตายแล้ว"
อดขำออกมาไม่ได้กับประโยคส่งท้ายของน้องชายจ้ำม่ำ ตอบรับกลับไปเพียงรอยยิ้มขำแล้วโบกมือส่งๆ
"เอาล่ะ เหลืออีกนิดเดียวแล้ว" พึมพำกับตัวเองเบาๆเมื่อชัคเดินหายไป มือสองข้างตอกนู่นมัดนี่ สาละวนก้มๆเงยๆกับการซ่อมประตูกระท่อมที่ใช้เป็นห้องพยาบาล สถานที่ที่เขาเองคุ้นเคยดี มีทั้งการรักษาให้หายดี และการบรรเทาให้จากโลกนี้ไปด้วยความทรมานน้อยที่สุด
นิวท์จ้องมองบานประตูตรงหน้า หลายคนที่ผ่านมันเข้าไป บ้างก็ได้รับโอกาสจากพระเจ้าให้ออกมาโดยที่ยังมีจิตวิญญาณ และบ้างก็ออกไปได้เพียงร่างกายว่างเปล่าเท่านั้น
เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยเข้าไป และเป็นอีกหนึ่งคนเช่นกันที่ได้รับโอกาสให้มีชีวิตต่อ
แม้ชีวิตหลังจากนั้นจะไม่เหมือนเดิม แต่มันก็ดีมากแล้วที่เขายังอยู่
จมอยู่กับความคิดของตัวเองโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนกอดอกยืนมองมาได้พักหนึ่งแล้ว และคนๆนั้นก็กำลังเดินเข้ามา จนกระทั่งเงาดำพาดลงมาทาบทับนั่นแหละ นิวท์ถึงได้รู้ตัวและหันไปมอง
"มินโฮ?"
เจ้าของชื่อพยักหน้าให้เล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบาง "ทำอะไรอยู่"
ปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบ พอดีกับที่ตะปูเล็กตัวสุดท้ายถูกตอกลงไปจนจมมิด โยนอุปกรณ์ทุกอย่างลงในกระสอบผ้า ปัดมือนิดๆก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงเผชิญหน้ากับอีกคน
"ซ่อมประตู ยังไม่นอน?" มินโฮอดอมยิ้มไม่ได้กับเอกลักษณ์ของร่างตรงหน้า
ประหยัดคำพูดและน้ำเสียงราบเรียบ ขัดกับตัวผอมๆและหน้าตาแบบนั้นซะจริง
"ก็ได้ยินเสียงโป๊กๆนี่แหละเลยตื่น"
"อา โทษที ตอนนี้เสร็จแล้วล่ะ กลับไปนอนเถอะ" พูดจบก็ทำท่าจะเบี่ยงตัวเดินกลับที่พัก ไม่อยากชวนคุยนานกว่านี้ มินโฮเป็นนักวิ่ง แน่นอนว่าเขาต้องเหนื่อย การพักผ่อนให้เพียงพอคงจะดีที่สุด ทว่านักวิ่งคนเก่งกลับยกแขนขึ้นมากันทางไว้ไม่ให้นิวท์เดินหนี
ร่างโปร่งหันกลับไป หลุบตาลงมองท่อนแขนแกร่งแล้วเงยขึ้นสบตาอีกฝ่าย เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
"อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน"
งงหนักเข้าไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดจากคนตรงหน้า กำลังจะอ้าปากถามแต่ก็กลายเป็นเสียงอุทานแทนเมื่อมินโฮค้ำมือลงที่กรอบประตูแล้วค่อยๆสาวเท้าเข้ามาใกล้จนนิวท์ต้องถอยออกห่าง
"นี่ ทำอะไร?" รู้ตัวอีกทีทั้งคู่ก็เข้ามาอยู่ด้านในกระท่อม ไม่พอมินโฮยังดันบานประตูที่เพิ่งซ่อมเสร็จให้ปิดลง
ตัดขาดจากภายนอกสมบูรณ์แบบ
"มินโฮ มีอะไ.." ถามยังไม่ทันจบก็โดนดึงเข้าไปกอด เพราะความตกใจทำให้เผลอร้องออกมาและดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน กลัวว่าจะมีคนเปิดเข้ามาเห็นแม้มันจะดึกมากแล้วก็ตาม สองมือทั้งทุบทั้งดัน แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับมีเพียงความเงียบและวงแขนที่กระชับแน่นมากขึ้น
"ชู่ว เฉยๆน่า"
"ฮื้อ!"
หอบหายใจน้อยๆหลังจากหยุดดิ้น หุ่นแบบเขาจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับนักวิ่งได้ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจการกระทำของคนที่กำลังกอดตนอยู่ พอหายตกใจก็เพิ่งสัมผัสได้ว่าอ้อมกอดที่ได้รับนั้นไม่ใช่การกลั่นแกล้งเหมือนทุกครั้งที่มินโฮชอบทำเพื่อกวนประสาทเขา สิ่งที่ทำได้จึงเป็นเพียงแค่การยืนนิ่งในวงแขนของชายหนุ่มชาวเอเชียอยู่แบบนั้น
"มินโฮ..?" นิวท์เม้มปากแล้วค่อยๆยกมือขึ้นลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ และเหมือนว่านั่นจะทำให้เขาถูกกอดแน่นขึ้นจนเกือบจะหายใจไม่ออกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร บางอย่างบอกให้เขายกแขนขึ้นกอดตอบอีกคน
ถึงตอนนี้เขาเริ่มรู้แล้วว่าอะไรทำให้มินโฮเป็นแบบนี้
หมอนี่เป็นพวกแสดงออกทางการกระทำมากกว่าจะมานั่งพูดนั่งสาธยาย ระยะเวลาสามปีที่อยู่ด้วยกันมานั้นนานพอจะทำให้นิวท์รู้ว่าตอนนี้มินโฮกำลังมีเรื่องกังวลใจ
"เหงาเหรอเด็กน้อย" ถ้อยคำหยอกล้อเปล่งออกมาจากปากพร้อมรอยยิ้มบาง ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของร่างหนาดังอยู่ข้างหู
ไม่รู้นานแค่ไหนที่ทั้งคู่กอดกันอยู่แบบนั้น จนกระทั่งเป็นมินโฮเองที่ผละออกมา ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง มือใหญ่ยกขึ้นลูบข้างแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ จนคนถูกสัมผัสทำตัวไม่ถูก มือไม้ข้างตัวเริ่มเกะกะ พอจะเอาไพล่หลังก็โดนอีกคนดึงไปวางบนไหล่ หนำซ้ำสายตาก็ไม่รู้จะโฟกัสตรงไหน เงยหน้าขึ้นไปเจออีกคนจ้องอยู่ก็ทำเก่งจ้องกลับได้ไม่นาน สุดท้ายต้องหลุบตาลงมองสาบเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน จ้องมันอยู่แบบนั้นจนได้ปรากฏรอยยิ้มขำจากเจ้าของเสื้อ
"นิวท์ เงยหน้าหน่อย" เสียงทุ้มที่จับได้ว่าดังอยู่ใกล้มากทำให้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไป มือที่ค้างอยู่บนไหล่กว้างเริ่มกำเข้าหากัน
"นาย.. มีอะไรจะพูดก็พูดสิ" น้ำเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน มินโฮยังคงเงียบ มือใหญ่ค่อยๆเลื่อนไปเชยคางคนตรงหน้าให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา นิวท์เม้มปากแน่นก่อนจะผ่อนลมหายใจช้าๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาใกล้ชิดกัน แต่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขาทำตัวไม่ถูกขนาดนี้
ใบหน้าดูดีในแบบเอเชียค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของทั้งคู่ไร้ช่องว่าง สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ติดขัดของกันและกัน โดยเฉพาะคนในอ้อมแขนที่ดูเหมือนจะเกร็งขึ้นมาดื้อๆ เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มประดับขึ้นตรงมุมปากของมินโฮ
"ไม่เห็นต้องสั่นขนาดนี้เลย หื้ม?" เพราะระยะห่างที่แทบจะไม่เหลืออยู่เลยทำให้ริมฝีปากของพวกเขาเฉียดกันไปมาเบาๆยามขยับปากพูด มินโฮเอาแต่ยิ้มต่างจากนิวท์ที่รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ทั่วปอด พยายามเอนหน้าออกห่างแต่อีกคนไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ล็อคเอวไว้แล้วโน้มหน้าตามลงมา และนั่นทำให้มีมากกว่าหนึ่งครั้งที่ริมฝีปากของพวกเขาทั้งคู่แตะกัน
บ้าเอ๊ย สุดท้ายก็หยุดกวนประสาทได้ไม่นาน
นิวท์เริ่มดิ้น ทำท่าจะผลักอีกคนออก ใบหน้าและหูเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆเมื่ออีกคนเอาแต่หัวเราะ ปากบางเม้มแน่นเมื่อแขนแกร่งโอบรอบลำตัวเขาไว้ไม่ให้หนี
"นิวท์"
"ไม่ต้องมาเรียก ปล่อยฉัน ไอ้ปลวกกวนประสาท" กำปั้นเล็กๆ ชกเข้าไปหนึ่งอั่กที่อกหนาจนมินโฮต้องคว้าข้อมือไว้ เพราะกำปั้นที่มีแต่กระดูกนี่แหละมันถึงเจ็บ
"นิวท์"
"อะไร!"
"ฉันรักนายนะ"
"...."
ประโยคเดียวสั้นๆแต่หยุดทุกความเคลื่อนไหว คนฟังเม้มปากผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ กำปั้นแปรเปลี่ยนเป็นฝ่ามือบางวางทาบไปกับอกกว้างจนเจ้าของมือรับรู้ถึงสิ่งที่เต้นตึกตักอยู่ภายใน นิวท์เงยหน้ามองร่างสูงแล้วก็ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นกลับมา
รอยยิ้มแทนคำที่บอกว่าหัวใจดวงนี้ยังเต้นอยู่ และตอนนี้มันก็เต้นแรง
ไม่ต่างกันกับอีกหนึ่งดวงที่กำลังเต้นแรงและพองโต เป็นอีกครั้งที่มือใหญ่เอื้อมไปเชยคางร่างตรงหน้า สบตากันนิ่งๆก่อนจะโน้มหน้าลงไปหาและแนบริมฝีปากลงกับเรียวปากนุ่มที่เงยขึ้นรอรับสัมผัส
ไม่มีอะไรมากกว่าการบดคลึงเบาๆหากแต่ชัดเจนในความรู้สึก สองมือบนแผ่นอกเริ่มเลื่อนเข้าหากันจนกลายเป็นโอบรอบคอ เช่นเดียวกันกับวงแขนแข็งแรงที่โอบกอดอีกคนไว้อย่างรักใคร่
"..รู้แล้ว" นิวท์พึมพำเบาๆหลังผละริมฝีปากออกจากกัน หลับตาแล้วพิงหน้าผากลงกับปลายคางของร่างสูง กลายเป็นเขาเองที่กอดมินโฮแน่นเหมือนกับที่โดนกอดในตอนแรก สัมผัสจากริมฝีปากอีกคนประทับหนักๆลงที่ไหล่ผอม
ไม่อยากคิดว่าเราจะมีโอกาสได้บอกคำๆนี้ให้กันฟังอีกกี่ครั้ง
ชีวิตที่เหมือนจะมีโอกาสตายได้ทุกเมื่อ อยู่กับความหวาดระแวง และแทบสิ้นหวัง
เขาพอจะเดาได้ว่ามินโฮกำลังกังวลเรื่องนี้ มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นหลังจากโทมัสถูกส่วมาที่นี่ แม้ในความคิดเขาจะเป็นเรื่องดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้ชาวทุ่งต้องเสี่ยง
แต่สิ่งที่แน่นอนคือตราบใดที่ยังมีโอกาส
ตราบใดที่มินโฮยังอยู่
และเขายังอยู่
"ฉันก็รักนาย"
พวกเขาจะยังได้ยินคำคำนี้จากกันและกัน
..ทุกวัน..
====================
Special
"ไงโทมัส"
"ไง เมื่อคืนนายไปนอนไหนมาน่ะนิวท์"
"ก็.. นอนที่ของฉันสิ"
"อ้อเหรอ ฮึๆ"
"อะไรของนาย" อย่าบอกนะ..
"เปล่า ก็นึกว่าหนีไปนอนแถบๆทวีปเอเชีย"
"....." หมดกัน
"ฮ่าๆๆ อย่าทำหน้าเครียดสิ ฉันร้อนเลยตื่น มองไม่เห็นนายที่เปลก็เลยถามดู ไม่ได้ไปเห็นอะไรซะหน่อย"
เออ ไม่เห็นหรอก แต่แซวซะอยากเนรเทศออกนอกทุ่ง
"แล้ว.."
".....?"
"ฝันดีมั้ย"
"....."
"หรือไม่ได้นอน?"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"หุบปาก! ไหนบอกว่าไม่เห็นไง!"
END
Talk }}
เราก็ไม่เห็นอะไรนะ ...จริงๆ
หุบปาก! <-- นิวท์ได้กล่าวไว้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น