ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short Fiction : Maze Runner

    ลำดับตอนที่ #1 : Our Word [MiNewt]

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 57


    Title : Our Word
    Paring : MiNewt
    Rate : PG-13
    Author : PAR



    ====================



    "ฉันคงช่วยได้เท่านี้ ฝากที่เหลือด้วย แต่อย่าอยู่ดึกนะนิวท์ พักผ่อนเยอะๆ ผอมขนาดนี้อย่าว่าแต่โศกาเลย ลมพัดนายก็ตายแล้ว"

    อดขำออกมาไม่ได้กับประโยคส่งท้ายของน้องชายจ้ำม่ำ ตอบรับกลับไปเพียงรอยยิ้มขำแล้วโบกมือส่งๆ

    "เอาล่ะ เหลืออีกนิดเดียวแล้ว" พึมพำกับตัวเองเบาๆเมื่อชัคเดินหายไป มือสองข้างตอกนู่นมัดนี่ สาละวนก้มๆเงยๆกับการซ่อมประตูกระท่อมที่ใช้เป็นห้องพยาบาล สถานที่ที่เขาเองคุ้นเคยดี มีทั้งการรักษาให้หายดี และการบรรเทาให้จากโลกนี้ไปด้วยความทรมานน้อยที่สุด 

    นิวท์จ้องมองบานประตูตรงหน้า หลายคนที่ผ่านมันเข้าไป บ้างก็ได้รับโอกาสจากพระเจ้าให้ออกมาโดยที่ยังมีจิตวิญญาณ และบ้างก็ออกไปได้เพียงร่างกายว่างเปล่าเท่านั้น

    เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่เคยเข้าไป และเป็นอีกหนึ่งคนเช่นกันที่ได้รับโอกาสให้มีชีวิตต่อ

    แม้ชีวิตหลังจากนั้นจะไม่เหมือนเดิม แต่มันก็ดีมากแล้วที่เขายังอยู่

    จมอยู่กับความคิดของตัวเองโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนกอดอกยืนมองมาได้พักหนึ่งแล้ว และคนๆนั้นก็กำลังเดินเข้ามา จนกระทั่งเงาดำพาดลงมาทาบทับนั่นแหละ นิวท์ถึงได้รู้ตัวและหันไปมอง

    "มินโฮ?"

    เจ้าของชื่อพยักหน้าให้เล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มบาง "ทำอะไรอยู่"

    ปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบ พอดีกับที่ตะปูเล็กตัวสุดท้ายถูกตอกลงไปจนจมมิด โยนอุปกรณ์ทุกอย่างลงในกระสอบผ้า ปัดมือนิดๆก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูงเผชิญหน้ากับอีกคน

    "ซ่อมประตู ยังไม่นอน?" มินโฮอดอมยิ้มไม่ได้กับเอกลักษณ์ของร่างตรงหน้า

    ประหยัดคำพูดและน้ำเสียงราบเรียบ ขัดกับตัวผอมๆและหน้าตาแบบนั้นซะจริง

    "ก็ได้ยินเสียงโป๊กๆนี่แหละเลยตื่น"

    "อา โทษที ตอนนี้เสร็จแล้วล่ะ กลับไปนอนเถอะ" พูดจบก็ทำท่าจะเบี่ยงตัวเดินกลับที่พัก ไม่อยากชวนคุยนานกว่านี้ มินโฮเป็นนักวิ่ง แน่นอนว่าเขาต้องเหนื่อย การพักผ่อนให้เพียงพอคงจะดีที่สุด ทว่านักวิ่งคนเก่งกลับยกแขนขึ้นมากันทางไว้ไม่ให้นิวท์เดินหนี

    ร่างโปร่งหันกลับไป หลุบตาลงมองท่อนแขนแกร่งแล้วเงยขึ้นสบตาอีกฝ่าย เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

    "อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน"

    งงหนักเข้าไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดจากคนตรงหน้า กำลังจะอ้าปากถามแต่ก็กลายเป็นเสียงอุทานแทนเมื่อมินโฮค้ำมือลงที่กรอบประตูแล้วค่อยๆสาวเท้าเข้ามาใกล้จนนิวท์ต้องถอยออกห่าง

    "นี่ ทำอะไร?" รู้ตัวอีกทีทั้งคู่ก็เข้ามาอยู่ด้านในกระท่อม ไม่พอมินโฮยังดันบานประตูที่เพิ่งซ่อมเสร็จให้ปิดลง

    ตัดขาดจากภายนอกสมบูรณ์แบบ

    "มินโฮ มีอะไ.." ถามยังไม่ทันจบก็โดนดึงเข้าไปกอด เพราะความตกใจทำให้เผลอร้องออกมาและดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของอีกคน กลัวว่าจะมีคนเปิดเข้ามาเห็นแม้มันจะดึกมากแล้วก็ตาม สองมือทั้งทุบทั้งดัน แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับมีเพียงความเงียบและวงแขนที่กระชับแน่นมากขึ้น

    "ชู่ว เฉยๆน่า"

    "ฮื้อ!"

    หอบหายใจน้อยๆหลังจากหยุดดิ้น หุ่นแบบเขาจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับนักวิ่งได้ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจการกระทำของคนที่กำลังกอดตนอยู่ พอหายตกใจก็เพิ่งสัมผัสได้ว่าอ้อมกอดที่ได้รับนั้นไม่ใช่การกลั่นแกล้งเหมือนทุกครั้งที่มินโฮชอบทำเพื่อกวนประสาทเขา สิ่งที่ทำได้จึงเป็นเพียงแค่การยืนนิ่งในวงแขนของชายหนุ่มชาวเอเชียอยู่แบบนั้น

    "มินโฮ..?" นิวท์เม้มปากแล้วค่อยๆยกมือขึ้นลูบหลังอีกฝ่ายเบาๆ และเหมือนว่านั่นจะทำให้เขาถูกกอดแน่นขึ้นจนเกือบจะหายใจไม่ออกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร บางอย่างบอกให้เขายกแขนขึ้นกอดตอบอีกคน

    ถึงตอนนี้เขาเริ่มรู้แล้วว่าอะไรทำให้มินโฮเป็นแบบนี้

    หมอนี่เป็นพวกแสดงออกทางการกระทำมากกว่าจะมานั่งพูดนั่งสาธยาย ระยะเวลาสามปีที่อยู่ด้วยกันมานั้นนานพอจะทำให้นิวท์รู้ว่าตอนนี้มินโฮกำลังมีเรื่องกังวลใจ

    "เหงาเหรอเด็กน้อย" ถ้อยคำหยอกล้อเปล่งออกมาจากปากพร้อมรอยยิ้มบาง ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของร่างหนาดังอยู่ข้างหู

    ไม่รู้นานแค่ไหนที่ทั้งคู่กอดกันอยู่แบบนั้น จนกระทั่งเป็นมินโฮเองที่ผละออกมา ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง มือใหญ่ยกขึ้นลูบข้างแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ จนคนถูกสัมผัสทำตัวไม่ถูก มือไม้ข้างตัวเริ่มเกะกะ พอจะเอาไพล่หลังก็โดนอีกคนดึงไปวางบนไหล่ หนำซ้ำสายตาก็ไม่รู้จะโฟกัสตรงไหน เงยหน้าขึ้นไปเจออีกคนจ้องอยู่ก็ทำเก่งจ้องกลับได้ไม่นาน สุดท้ายต้องหลุบตาลงมองสาบเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน จ้องมันอยู่แบบนั้นจนได้ปรากฏรอยยิ้มขำจากเจ้าของเสื้อ

    "นิวท์ เงยหน้าหน่อย" เสียงทุ้มที่จับได้ว่าดังอยู่ใกล้มากทำให้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไป มือที่ค้างอยู่บนไหล่กว้างเริ่มกำเข้าหากัน

    "นาย.. มีอะไรจะพูดก็พูดสิ" น้ำเสียงเบาหวิวจนแทบไม่ได้ยิน มินโฮยังคงเงียบ มือใหญ่ค่อยๆเลื่อนไปเชยคางคนตรงหน้าให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา นิวท์เม้มปากแน่นก่อนจะผ่อนลมหายใจช้าๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาใกล้ชิดกัน แต่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เขาทำตัวไม่ถูกขนาดนี้

    ใบหน้าดูดีในแบบเอเชียค่อยๆเคลื่อนเข้ามาใกล้จนปลายจมูกของทั้งคู่ไร้ช่องว่าง สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ติดขัดของกันและกัน โดยเฉพาะคนในอ้อมแขนที่ดูเหมือนจะเกร็งขึ้นมาดื้อๆ เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มประดับขึ้นตรงมุมปากของมินโฮ

    "ไม่เห็นต้องสั่นขนาดนี้เลย หื้ม?" เพราะระยะห่างที่แทบจะไม่เหลืออยู่เลยทำให้ริมฝีปากของพวกเขาเฉียดกันไปมาเบาๆยามขยับปากพูด มินโฮเอาแต่ยิ้มต่างจากนิวท์ที่รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ทั่วปอด พยายามเอนหน้าออกห่างแต่อีกคนไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น ล็อคเอวไว้แล้วโน้มหน้าตามลงมา และนั่นทำให้มีมากกว่าหนึ่งครั้งที่ริมฝีปากของพวกเขาทั้งคู่แตะกัน

    บ้าเอ๊ย สุดท้ายก็หยุดกวนประสาทได้ไม่นาน

    นิวท์เริ่มดิ้น ทำท่าจะผลักอีกคนออก ใบหน้าและหูเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆเมื่ออีกคนเอาแต่หัวเราะ ปากบางเม้มแน่นเมื่อแขนแกร่งโอบรอบลำตัวเขาไว้ไม่ให้หนี

    "นิวท์"

    "ไม่ต้องมาเรียก ปล่อยฉัน ไอ้ปลวกกวนประสาท" กำปั้นเล็กๆ ชกเข้าไปหนึ่งอั่กที่อกหนาจนมินโฮต้องคว้าข้อมือไว้ เพราะกำปั้นที่มีแต่กระดูกนี่แหละมันถึงเจ็บ

    "นิวท์"

    "อะไร!" 

    "ฉันรักนายนะ"

    "...."

    ประโยคเดียวสั้นๆแต่หยุดทุกความเคลื่อนไหว คนฟังเม้มปากผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ กำปั้นแปรเปลี่ยนเป็นฝ่ามือบางวางทาบไปกับอกกว้างจนเจ้าของมือรับรู้ถึงสิ่งที่เต้นตึกตักอยู่ภายใน นิวท์เงยหน้ามองร่างสูงแล้วก็ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นกลับมา

    รอยยิ้มแทนคำที่บอกว่าหัวใจดวงนี้ยังเต้นอยู่ และตอนนี้มันก็เต้นแรง

    ไม่ต่างกันกับอีกหนึ่งดวงที่กำลังเต้นแรงและพองโต เป็นอีกครั้งที่มือใหญ่เอื้อมไปเชยคางร่างตรงหน้า สบตากันนิ่งๆก่อนจะโน้มหน้าลงไปหาและแนบริมฝีปากลงกับเรียวปากนุ่มที่เงยขึ้นรอรับสัมผัส
    ไม่มีอะไรมากกว่าการบดคลึงเบาๆหากแต่ชัดเจนในความรู้สึก สองมือบนแผ่นอกเริ่มเลื่อนเข้าหากันจนกลายเป็นโอบรอบคอ เช่นเดียวกันกับวงแขนแข็งแรงที่โอบกอดอีกคนไว้อย่างรักใคร่

    "..รู้แล้ว" นิวท์พึมพำเบาๆหลังผละริมฝีปากออกจากกัน หลับตาแล้วพิงหน้าผากลงกับปลายคางของร่างสูง กลายเป็นเขาเองที่กอดมินโฮแน่นเหมือนกับที่โดนกอดในตอนแรก สัมผัสจากริมฝีปากอีกคนประทับหนักๆลงที่ไหล่ผอม

    ไม่อยากคิดว่าเราจะมีโอกาสได้บอกคำๆนี้ให้กันฟังอีกกี่ครั้ง

    ชีวิตที่เหมือนจะมีโอกาสตายได้ทุกเมื่อ อยู่กับความหวาดระแวง และแทบสิ้นหวัง

    เขาพอจะเดาได้ว่ามินโฮกำลังกังวลเรื่องนี้ มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นหลังจากโทมัสถูกส่วมาที่นี่ แม้ในความคิดเขาจะเป็นเรื่องดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้ชาวทุ่งต้องเสี่ยง

    แต่สิ่งที่แน่นอนคือตราบใดที่ยังมีโอกาส

    ตราบใดที่มินโฮยังอยู่

    และเขายังอยู่

    "ฉันก็รักนาย" 

    พวกเขาจะยังได้ยินคำคำนี้จากกันและกัน

    ..ทุกวัน..





    ====================





    Special

    "ไงโทมัส"

    "ไง เมื่อคืนนายไปนอนไหนมาน่ะนิวท์"

    "ก็.. นอนที่ของฉันสิ" 

    "อ้อเหรอ ฮึๆ"

    "อะไรของนาย" อย่าบอกนะ..

    "เปล่า ก็นึกว่าหนีไปนอนแถบๆทวีปเอเชีย"

    "....." หมดกัน

    "ฮ่าๆๆ อย่าทำหน้าเครียดสิ ฉันร้อนเลยตื่น มองไม่เห็นนายที่เปลก็เลยถามดู ไม่ได้ไปเห็นอะไรซะหน่อย"

    เออ ไม่เห็นหรอก แต่แซวซะอยากเนรเทศออกนอกทุ่ง

    "แล้ว.."

    ".....?"

    "ฝันดีมั้ย" 

    "....." 

    "หรือไม่ได้นอน?"
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    "หุบปาก! ไหนบอกว่าไม่เห็นไง!"



    END


    Talk }}
    เราก็ไม่เห็นอะไรนะ ...จริงๆ
    หุบปาก! <-- นิวท์ได้กล่าวไว้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×