NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จักรวาลหมุนรอบความสุข (Spin off เล่มพี+เขตต์)

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6 ✿ ความสุขของคนซน ๆ

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 67


     

    6

    ความสุขของคนซน ๆ

     

    “หนักไหมครับ ผมช่วย” 

    กระเป๋าสัมภาระถูกแย่งจากมือของหญิงสาวผมยาวดำขลับก่อนที่หล่อนจะได้ตอบกลับเสียอีก จูเนียร์ยิ้มใจดีให้คนรักแสนดีที่อาสาช่วยเธอขนของแม้กระเป๋าเป้ใบนั้นจะไม่ได้หนักมากจนเธอสะพายเองไม่ได้

    “ขอบคุณค่ะ” จูเนียร์กล่าวพร้อมกับแตะแขนของชายหนุ่มเบา ๆ เขตต์ยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บแก้มคนรักของเขาเป็นค่าแรงแล้วสะพายเป้ขึ้นบ่า อีกมือลากกระเป๋าลากเดินออกมาตามทางที่มีป้ายเขียนว่า ‘ผู้โดยสารขาเข้า’ พร้อมกับเธอ

    ไม่บ่อยนักที่พวกเขาจะมีวันหยุดยาว ที่แปลว่ามากกว่าวันเสาร์-อาทิตย์ ตีตั๋วเครื่องบินมาขอนแก่นครั้งนี้จึงถือว่าเป็นการกลับมาหาแม่ที่บ้านเป็นครั้งที่สามในรอบปีก็ว่าได้ อีกทั้งยังไม่ได้บอกกล่าวใคร ตั้งใจจะมาเซอร์ไพรส์คนทางบ้านให้ประหลาดใจกันเล่น ๆ

    ป้ายบอกจุดบริการแท็กซี่อยู่ไม่ไกล พวกเขาเดินตรงไปติดต่อจากนั้นยืนรอสักพัก ปกติทุกครั้งที่กลับบ้าน ‘เจ๋ง’ หรือ ‘จรัล’ น้องชายทางสายเลือดต่างบิดาของจูเนียร์จะแวะมารับ แต่รอบนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ตัดสินใจเดินทางกันเอง 

    หวังว่าทุกคนเห็นหน้าพวกเขาแล้วจะดีใจ 

    แผนการแอบมาเซอร์ไพรส์ได้เริ่มขึ้นแล้ว!

     

     

     

     

     

     

    รถแท็กซี่ขับออกไปพ้นหน้าบ้านเมื่อจอดส่งผู้โดยสารสองคนเรียบร้อยแล้ว จูเนียร์ก้มลงหากุญแจบ้านในกระเป๋าถือของเธอยังไม่ทันเจอก็ถูกอะไรบางอย่างตรงเข้ามากระแทกอย่างแรง

    พลั่ก!

    “ว้าย! ขอโทษค่ะพี่” 

    “ไม่เป็นระ—” 

    ร่างแบบบางรีบเก็บสัมภาระที่ชนหล่นให้พี่สาวคนสวยก่อนหล่อนจะวิ่งฉิวผ่านหน้าของจูเนียร์กับเขตต์ด้วยความไวแสง จูเนียร์ยังไม่ทันได้ตอบกลับ ผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งหนีไปเสียแล้ว เขตต์ละสายตาจากหญิงสาวแปลกหน้า หันมาถามคนรักว่าไม่เป็นอะไรใช่ไหม อ้าปากได้ยังไม่ทันไรพวกเขาทั้งคู่ก็ต้องละสายตามองกลับไปยังด้านในตัวบ้าน

    บ้านของคุณแม่จูเนียร์เอง

    “เฮ้ย! เตง! จะไปไหน กลับมาก่อน!”

    “พอเลยเจ๋ง! ไม่ต้องตามมานะ ไอ้คนบ้า!” หญิงสาวแปลกหน้าหันมาตะโกนบอกก่อนจะวิ่งออกไปในสภาพดูโมโหฟึดฟัด

    “เดี๋ยวดิพะ...แพง!” 

    ทั้งจูเนียร์และเจ้าของเสียงเบิกตาโตเมื่อปะหน้ากันจัง ๆ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอคือเจ๋ง หรือจรัล น้องชายต่างบิดาของจูเนียร์ เด็กหนุ่มลูกเสี้ยวหน้าตาหล่อเหลาคมคายและไม่ไทยสักนิดกำลังอึกอักมองจูเนียร์สลับกับผู้หญิงที่เพิ่งวิ่งหนีออกมาจากบ้าน

    ใครกันล่ะเนี่ย

    สายตาของพี่สาวหยุดชะงักเมื่อระลึกได้ว่าน้องชายของตนเองไม่ได้ใส่เสื้อผ้าท่อนบนด้วยซ้ำ 

    “เจ๋ง...อย่าบอกนะว่าคนเมื่อกี้...” จูเนียร์ถามอย่างลังเลพร้อมกับชี้นิ้วไปทางเด็กหนุ่มสลับกับทางที่หญิงสาววัยรุ่นวิ่งหนีไป 

    “เอ่อ...ไม่ โน ๆ อย่าเพิ่งถามตอนนี้เลยจูจู เดี๋ยวมานะ!” 

    ยังไม่ทันได้รั้งเอาไว้ เจ๋งก็รีบสวมเสื้อยืดที่ถือติดมือออกมาจากในบ้านอย่างรีบร้อนแล้วเร่งฝีเท้าวิ่งตามผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อพะแพง

    นี่มัน...อะไรกันเนี่ย!

    คู่รักมองหน้ากันอย่างสับสนงุนงง นี่คงไม่ใช่การโดนเซอร์ไพรส์กลับหรอกใช่ไหม…

     

     

     

     

     

     

    เจ๋งละอยากจะบ้าตายให้ได้เสียตอนนี้ เขาเสียดายที่ไล่ยายตัวดีคนนั้นไม่ทัน แต่นั่นไม่ได้สลักสำคัญ ช่างมันเถอะ ความเครียดที่ต้องแบกหน้ากลับบ้านไปอธิบายให้พี่สาวต่างบิดาฟังต่างหากที่ดูจะเป็นเรื่องสำคัญกว่า 

    ใครจะคิดเล่าว่าจู่ ๆ พี่สาวต่างบิดาจะกลับมาบ้านที่ขอนแก่นกะทันหันอย่างนี้ แถมยังมาเจอภาพประทับใจดี ๆ (?) อีก เขาหมดหนทางจะแก้ตัวเพราะจนด้วยหลักฐาน ขืนเอาแต่นั่งให้พี่จูเนียร์ซักไซ้คงได้เขินจนหน้าบางเป็นแน่ 

    “ไง นายตัวดี มีอะไรจะอธิบายให้พวกพี่ฟังหรือเปล่าเรา” 

    เป็นประโยคแรกที่พี่สาวต่างบิดาทักทายเมื่อเขาก้าวขาเข้ามาในตัวบ้านหนึ่งข้าง หลังจากวิ่งไปตามยายพะแพงคนนั้นจนเสียเวลาไปเกือบยี่สิบนาที 

    เจ๋งเหยียดปากเป็นเส้นตรงหลังจากกระพุ่มมือไหว้สวัสดีคนอาวุโสกว่าทั้งสอง พยายามทำสีหน้าอย่างคนไขสือตอนตอบ 

    “ไม่มีจ้ะพี่ พี่อยากรู้อะไรก็ถามมาเลยดีกว่า” เขาว่าพลางเดินมานั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตัวหนึ่ง

    จูเนียร์หรี่ตามองน้องรักอย่างจับผิดในขณะที่พี่เขยอย่างเขตต์เอาแต่ทำหน้าส่งซิกให้เจ๋งรีบสารภาพเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ

    “ไม่มีก็ไม่มี พี่จะไม่เซ้าซี้เราแล้วกัน”

    “อ้าว” จบง่ายขนาดนี้เชียว...?

    “แต่ขอถามแค่คำถามเดียว”

    “ถามอะไรจ๊ะ”

    “ป้องกันหรือเปล่า”

    “หาาาา!” เจ๋งลากเสียงโวยวายสีหน้าเหลอหลา ไม่คิดว่าพี่สาวจะเถรตรงราวกับลูกดอกปักอกขนาดนี้น่ะสิ

    “พาสาวมาทำอะไรกันที่บ้านพี่คงไม่ต้องเจาะจงใช่เปล่า”

    “...” เจ๋งกลืนน้ำลายเอื๊อก เบนสายตามองพี่เขยอย่างขอความช่วยเหลือถึงได้เห็นว่าชายหนุ่มกำลังกลั้นยิ้มขำสุดฤทธิ์

    “แต่วันหลังพาสาวไปที่อื่นเถอะ อย่าลืมป้องกันด้วย พี่กลัวได้อุ้มหลานก่อนลูกตัวเอง”

    “โธ่พี่จู อะไรกันครับเนี่ย” เจ๋งถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อราวกับถูกปรักปรำ เขากลอกตาไปมาเล็กน้อยแล้วรีบชี้แจง (เถียง) อย่างด่วนจี๋ 

    “ผมไม่ได้พายายนั่นมาทำเรื่องแบบที่พี่คิดกันสักหน่อย เป็นผู้ใหญ่อะไรเนี่ย มาใส่ร้ายเด็กซะงั้น”

    “อ้าว ถ้าไม่ใช่แบบนั้นก็เล่าให้พี่ฟังสิว่ามันเป็นยังไง”

    น้องชายฟังแล้วทำหน้าเมื่อยตอบกลับจูเนียร์พร้อมกับยักไหล่ เอียงคอเล็กน้อยราวกับไม่ยี่หระเชิงว่าช่างมันไปก็ได้ 

    ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินห่างออกมาจากโซฟาเป็นคืบ

    “ไม่เอาอะ เล่าไปพี่ก็จะขำเปล่า ๆ เอาเป็นว่าแล้วแต่จูจูจะคิดเลย หนีไปทำงานต่อดีกว่า ยินดีต้อนรับกลับมาบ้านนะครับพี่สาว” เจ๋งว่าแล้วขยิบตา รีบเผ่นขึ้นชั้นสองของบ้านโดยไม่ให้เวลาได้เรียกรั้ง ปล่อยให้พี่สาวกับพี่เขยได้แต่มองหน้ากันแล้วยิ้มอ่อนใจ

    ...มีน้องชายหล่อแบบนี้คงต้องทำใจเรื่องสาว ๆ สักหน่อย 

     

     

     

     

     

     

    เสียงหัวเราะของ ‘ใจดี’ ดังลั่นห้องนอนชั้นสองของบ้านในวันถัดมาหลังจากได้ฟังน้องชายฝาแฝดเล่าว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างช่วงที่เธอไม่อยู่ ดูเหมือนว่าพี่จูเนียร์กับพี่เขตต์จะเข้าใจเจ๋งผิดเต็มประตู แถมนายตัวดีนี่ก็ไม่รู้จักพูดแก้ตัวเสียด้วย ดันชิ่งหนีพร้อมท่าทีที่ดูเหมือนพวกผู้ร้ายมีชนักติดหลังแทน ดีหน่อยที่พี่ ๆ ไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกแม่ ไม่อย่างนั้นเจ๋งคงโดนล้อหรือไม่ก็โดนบ่นจนหูชาว่าไปพาลูกสาวคนอื่นมาทำแบบนั้นได้ยังไง

    แค่คิดก็ปวดหูจะแย่ละ

    “ขำ...ขำ ตลกมากเลยดิ” เจ๋งว่า เขาไม่ได้คิดมากกับท่าทีของพี่สาวฝาแฝด เอ่ยถามติดตลกเสียมากกว่า

    “ย่ะ ก็ขำเพราะว่าตลกน่ะสิ” ใจดีตอบกลับมาบ้าง เธอนั่งขัดสมาธิอยู่ปลายเตียงคุยกับน้องชายตัวสูงที่กำลังยืนพิงประตู “ใครจะไปคิดว่าความจริงจะเป็นคนละม้วนกับเรื่องที่พี่ ๆ น่าจะเข้าใจแกผิดขนาดนี้ล่ะ” 

    ใครจะไปคิดว่าน้องชายหน้าลูกเสี้ยวจ๋าอย่างเจ๋งจะพลาดท่าโดนสาวรุ่นน้องหลอกว่าขอมาทำรายงานที่บ้านเพราะลืมกุญแจห้อง แต่สุดท้ายน้องดันกะรวบหัวรวบหางเจ๋ง ความพีคคงเป็นการที่เจ๋งถามเธอกลับไปตรง ๆ ว่า ‘ที่พะแพงบอกจะทำรายงานนี่พะแพงโกหกพี่ใช่ปะ...วันหลังถ้าพะแพงอยากมาทำแบบนี้พะแพงบอกพี่ตรง ๆ ก็ได้นะ แต่วันนี้พี่ยังไม่อยากว่ะ พี่ขอโทษ’ ในตอนที่ยายเด็กนั่นถอดเสื้อผ้าช่วงบนออกหมดแล้วคลานมาถอดเสื้อเจ๋ง เขาถึงได้โดนด่าเป็นชุดว่าเป็นไอ้บ้าผีทะเลแถมยังโดนหมอนฟาดดังฟุบ! แล้วเธอก็หุนหันพลันแล่นวิ่งออกจากบ้านไปโน่น เจ๋งถึงได้งงไม่รู้ว่าตนผิดอะไรนักหนา เขาก็แค่บอกเจตนาเธอไปตรง ๆ ปฏิเสธวันนี้ก็ใช่ว่าตนจะปฏิเสธไปเสียหมดทุกวันนี่นา ทำไมคนเราถึงไม่มีความอดทนเลยว้า เขาก็ได้แค่คิด

    เจ๋งยักไหล่ราวกับไม่ยี่หระพร้อมทำหน้าเมื่อยทะเล้น ๆ

    “ดีนะที่ไอ้เจ๋งมันฉลาดรู้ทัน” เขาหมายถึงตนเอง

    “มาฉลาดทีหลังล่ะสิไม่ว่า ถ้าฉลาดจริงแกคงไม่พายายพะแพงอะไรเนี่ยมาถึงบ้านเราหรอก” ใจดีตอกกลับ 

    “โห คำพูด...ไว้หน้ากันหน่อยเถอะจ้า” 

    รอบนี้ใจดียักไหล่ ส่วนเจ๋งย้ายไปนั่งลงบนเก้าอี้ล้อเลื่อน

    “เห็นหน้าตาไวไฟแต่ฉันก็ไม่ได้อยากไปจิ้มใครมั่ว ๆ ไม่ได้อยากมีลูกก่อนได้เป็นคุณน้า” เจ๋งพูดพลางหมุนเก้าอี้ไปมา “แล้วเป็นไงบ้างไปกรุงเทพฯ รอบนี้อะ งานถ่ายแบบสนุกไหม” 

    “สนุกดี รอบนี้เป็นชุดไทยเลยได้ถ่ายอะไรใหม่ ๆ เยอะ” 

    “สนุกก็ดีแล้ว”

    “ขากลับแวะไปแคสต์โฆษณามาด้วย ไม่รู้จะได้ไหม”

    “ได้ดิ ความสามารถกับหน้าตาขนาดนี้...” เจ๋งยืนยันดิบดีโดยไม่เสียเวลาลังเล การให้กำลังใจคนในครอบครัวถือเป็นการสนับสนุนที่ดีอย่างหนึ่ง เป็นการแสดงความรักในแบบที่แม่เลี้ยงเขามา พอเห็นใจดียู่หน้าราวกับกำลังจะบอกว่าคำพูดเขาน่ะยกยอพวกตนเองทั้งนั้น ชายหนุ่มจึงพูดต่อว่า “ต่อให้ไม่ได้งานนี้ก็ยังมีงานรอให้ไปแคสต์อีกเยอะ เชื่อสิ” 

    คนเป็นพี่สาวฝาแฝดอ้าปากจะขอบคุณน้องชาย ทว่าเสียงดังมาจากชั้นล่างของบ้านสะกิดความสนใจของทั้งสองคน แม่กลับมาจากตลาดแล้วจึงเรียกพวกเขากินข้าวแลง [1] ทั้งพี่สาวน้องชายต่างขานรับก่อนขยับตัวเตรียมลงไปตามเสียงเรียก 

    “ยังไงก็ขอบใจแล้วกันไอ้ตัวกะเปี๊ยก” ใจดีลุกจากที่นอนมาตบบ่าน้องชายแรง ๆ

    “หาาา กะเว้าไป่เนอะ (หาาา ก็พูดไปเนอะ) ” เจ๋งพึมพำเดินตามหลังลงบันไดบ้านไปติด ๆ เขาตัวใหญ่กว่าใจดีไม่รู้กี่เท่ายังจะมาเรียกกันแบบนี้อีก 

    เอาเถอะ...

     

     

     

     

     

     

    “ไม่คิดจะเข้าวงการบ้างเหรอเรา“ 

    คำถามที่ได้ยินบ่อยครั้งดังขึ้นในคืนดึกสงัดระหว่างที่เจ๋งกำลังนั่งอยู่กับจูเนียร์และพี่เขยอย่างเขตต์ พวกเขานั่งกินดื่มกันอยู่ในตัวบ้านชั้นล่างในขณะที่พี่สาวฝาแฝดอย่างใจดีกับแม่เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำแล้ว 

    “ไม่ดีกว่า ทำงานวงการมันไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัวเท่าไร” เจ๋งตอบกลับเขตต์ตามที่เขาคิดเห็น จากนั้นเอ่ยปากถามพี่สาวต่างบิดา “แล้วพี่จะกลับกันพรุ่งนี้แล้วเหรอ ไวจัง รอบหน้ามายาว ๆ สิ” 

    “ก็อยากมายาวกว่านี้ แต่ถ้าจะอยู่ยาวขนาดนั้นอาจจะต้องลาพักร้อนไม่ก็ต้องออกจากงานแล้วมั้ง” จูเนียร์ตอบน้องชายของเธอพร้อมหัวเราะเจือรอยยิ้มอารมณ์ดี 

    “ก็จริง” 

    แก้วเบียร์สองแก้วกระทบกันจนเกิดเสียงเบา ๆ หลังจากนั้นพี่เขยกับน้องเมียก็ดื่มกันคนละกรึ๊บ 

    เจ๋งเรียนจบมาได้สักพักแล้ว นอกจากตอนฝึกงานช่วงเรียนมหาวิทยาลัยปี 3 กับช่วงที่เพิ่งเรียนจบหมาด ๆ เขาก็ไม่เคยคิดอยากจะเข้ากรุงเทพฯ ไปทำงานอีกเลย ปัจจุบันเขาทำธุรกิจแบรนด์เสื้อผ้าของตนเองอยู่ มีหน้าเว็บช็อปปิงเป็นกิจจะลักษณะ เน้นขายออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ มีทีมงานหลังบ้านทีมหนึ่ง ซึ่งรายได้ถือว่าค่อนข้างดี มีพอเลี้ยงชีพและมากกว่าหลายคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เรียกว่ามั่นคงเลยก็คงได้ละมั้ง ส่วนฝีมือออกแบบและตัดเย็บชุดตัวอย่างก็แน่นอนว่ามาจากเขาและเพื่อนที่ร่วมหุ้นกันนั่นเอง 

    อีกอย่างการเลือกอยู่บ้านกับแม่ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งของเขา ปัจจุบันใจดีทำงานเป็นนางแบบ มีรับงานถ่ายโฆษณาและเอ็มวีบ้างบางครั้งบางคราว รวมถึงงานภาพยนตร์กับซีรีส์นิด ๆ หน่อย ๆ จึงต้องเข้ากรุงเทพฯ อยู่บ่อย ๆ ทำให้เจ๋งต้องอยู่บ้านกับแม่สองคนหลายครั้ง เจ๋งคิดไม่ออกว่าหากเขาเข้าไปทำงานในวงการนั้นอีกคนแล้วเกิดยุ่งขึ้นมา เขาจะเอาเวลาจากไหนมาให้ครอบครัวกันนะ แล้วถ้าเขากับใจดีเกิดติดงานวันเดียวกันขึ้นมา ก็คงต้องปล่อยปละแม่ให้อยู่ที่นี่คนเดียว

    เรื่องงานหนักเรื่องค่าแรงก็ทำใจเอาไว้แล้วส่วนหนึ่งว่าคงได้น้อยกว่าแบรนด์ที่ทำอยู่ตอนนี้แต่คงได้ประสบการณ์ ทว่าเขาไม่ได้อยากทำจึงเลือกจะอยู่บ้านมีเวลาให้ครอบครัวมากกว่า เขารู้ว่าแม่ผ่านเรื่องเจ็บปวดมาเยอะ ดังนั้นการอยู่กับแม่ มีเวลาดูแลแม่ตลอดเวลาจึงถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งของเขา ที่คงไม่เอาไปแลกกับสิ่งอื่น ๆ ที่มีคุณค่าทางวัตถุ

    “แล้วเราน่ะ มีสาว ๆ ที่ถูกใจบ้างหรือยังเจ๋ง”

    “โธ่ จูจู เห็นแบบนี้ผมยังอยากโสดอีกนานนะ”

    “เหรอ แต่เห็นใจดีบอกว่าเปลี่ยนคนไม่เคยซ้ำ”

    “โอ๊ย! พี่ อย่าไปเชื่อมัน รายนั้นก็พูดไปเรื่อย” 

    “แล้วไป ๆ พี่ก็แค่ถาม” จูเนียร์ว่าพร้อมกับตบหลังน้องชายแปะ ๆ พร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี 

    พี่สาวของเจ๋งน่ะเท่มาก แสบ ๆ จี๊ด ๆ ซึ่งเจ๋งเองก็ชอบที่พี่จูเนียร์สดใสอย่างนี้ เพราะพี่ก็ผ่านเรื่องเจ็บปวดมาเยอะเช่นกัน การได้เห็นพี่สาวมีความสุข อยู่กับผู้ชายที่รักเธอมาก นั่นก็ทำให้สบายใจได้เปลาะหนึ่ง 

    “วันหลังก็แค่บอกไม่มี ไม่ต้องแก้ตัวเยอะ แบบนี้คนเขารู้หมดว่าโกหก” เขตต์พูดยิ้ม ๆ ด้วยสีหน้ารู้ทัน

    “อ้าวพี่ ไหงงั้น” เจ๋งส่ายหน้า ยอมถอนหายใจปลง ๆ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพี่ ๆ แล้วจึงนั่งดื่มนั่งทานไปเรื่อย ๆ พร้อมกับเปลี่ยนเรื่องคุยกัน 

    มื้อดึกที่บ้านเป็นอีกมื้อที่น่าจดจำเพราะเต็มไปด้วยความสุข 

    ส่วนเรื่องความรักของเจ๋งน่ะ…

    มันก็ต้องมีกันบ้าง...หมายถึงคนที่หมายตา 

    แต่มันก็นานนมเสียแล้ว นานจนคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้

    คุณหนูไฮโซเอาแต่ใจ จะมาชอบอะไรผู้ชายบ้านนอกคอกนา 

    อย่าฝันสูงไปหน่อยเลย ชีวิตตอนนี้ก็ดีมากแล้วละ มีความสุขมากแล้วจริง ๆ

     

     

     

     

     

     

    #จักรวาลหมุนรอบความสุข

     

    เชิงอรรถ

    1. ^ข้าวแลง = ข้าวมือเย็น (ภาษาอีสาน) 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×