คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 ✿ ความสุขไม่ใช่คำนามแต่เป็นคำนิยามของผู้คน
1
ความสุขไม่ใช่คำนามแต่เป็นคำนิยามของผู้คน
สองปีที่แล้ว, เดือนกุมภาพันธ์
จังหวัดขอนแก่น ประเทศไทย
“มาถึงคำถามสุดคลาสสิกกันแล้ว รอบนี้ผมจะขอให้เจ้าบ่าวตอบก่อน เจ้าบ่าวโอเคไหมครับ”
“โอเคครับ แต่ว่าคำถามจะไม่ตลบหลังกันใช่ไหมครับคุณรอง”
ได้ยินเสียงแขกเหรื่อในงานที่ยังอยู่กันแน่นขนัดส่งเสียงแซวปนหัวเราะสรวลเสเฮฮา มีเสียงปรบมือดังลอดมาปะปน พิธีกรซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่ทำงานด้วยกัน พ่วงมากับยศเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยมปลายจึงรีบพูดดักคอ
“แหม เจ้าบ่าวละก็... อย่ามองผมในแง่ร้ายนักสิครับ เอาล่ะ ถามเลยดีกว่า เจ้าบ่าวเจอเจ้าสาวได้ยังไงครับ อยากรู้จัง ช่วยเล่าความประทับใจแรกให้พวกเราทุกคนในงานฟังหน่อยสิ ที่ตอบเมื่อช่วงเช้าผมว่ามันสั้นไปนี้ดดด”
พิธีมงคลสมรสดำเนินมาจนใกล้จะจบงานแล้ว เวลานี้เข้าสู่ช่วงเวลาของอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่จะปล่อยให้ทุกคนฉลองตามอัธยาศัย พื้นที่หน้าเวทีได้ตกอยู่ในการควบคุมของเพื่อนสนิทเป็นที่เรียบร้อย
“โห...” เขตต์เงียบไปสักพักก่อนจะหัวเราะเบา ๆ แต่ดังออกไมโครโฟนพกพา “ผมเจอเจ้าสาวครั้งแรกที่ร้านหมูกระทะ วันนั้นเธอค่อนข้างสะดุดตา”
“ก็เลยตกหลุมรักเลยเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ”
“อ้าว”
เจ้าบ่าวผู้อยู่ในชุดสูทสีโทปด้านเรียบหรู ผูกเนกไทผ้าวูลสีน้ำตาลเข้มลายทาง แมตช์เข้ากับเสื้อกั๊กสีโทนเดียวกัน บนอกกลัดเข็มกลัดดอกกุหลาบสีชมพู ที่คอคล้องพวงมาลัยบ่าวสีขาวแซมน้ำตาลไหม้ คลี่ยิ้มระคนตลกออกมาเมื่อย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะพูด ซึ่งพาให้เขาหวนนึกไปถึงหลายปีก่อนในตอนที่เจอกับคนรักรุ่นพี่อย่าง ‘กรกฎ’ หรือ ‘จูเนียร์’
“เธอช่วยชีวิตผมไว้จากแมลงสาบครับ วันนั้นก็เลยรู้สึกว่าเธอเท่มาก” เขตต์ยิ้มกว้างเล่าเขิน ๆ มีเสียงหัวเราะของแขกเหรื่อผู้สนิทชิดเชื้อให้ได้ยินแว่วมา “ความประทับใจแรกผมอาจจะไม่ได้ดูดีมากในสายตาเธอ แต่โชคยังดีที่มีโอกาสได้แก้ตัวในตอนหลังนะ” เขตต์เล่าไปก็อมยิ้มขำ
“แก้ตัวในตอนหลังยังไงกัน” รองถาม เขตต์หยอกพิธีกรกลับก่อนจะตอบ
“แหม...อยากรู้มากจังนะครับ พอดีหลังจากนั้นมีวันหนึ่งผมกลับไปหาคุณแม่ที่บ้านแล้วเจอเจ้าสาวอยู่ที่บ้านพอดี เลยรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของคุณน้านุช…ไม่สิ แม่นุชครับ”
เจ้าบ่าวคลี่ยิ้มน่ารักแล้วผายมือมาทางอตินุชผู้เป็นแม่ยาย มีเสียงปรบมือและเสียงแซวดังเกรียวกราว จากนั้นชายหนุ่มจึงเบนสายตากลับมามองเจ้าสาวซึ่งยืนยิ้มกว้างสดใสอยู่ตรงหน้า จูเนียร์อยู่ในชุดแต่งงานตัวยาวสีขาวแขนตุ๊กตาพอง ๆ ซึ่งถูกออกแบบและตัดเย็บอย่างประณีตเพียบพร้อมมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ดังจะเห็นได้จากรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างลายลูกไม้ตามเนื้อผ้าสีขาวนวลตา ดูเรียบ น้อย น่ารัก และคลาสสิกสมกับงานแต่งซึ่งจัดขึ้นในธีมย้อนยุค ซึ่งเป็นธีมที่เขาและเธอเห็นตรงกันว่าอยากจัดงานแต่งในธีมนี้สักครั้งในชีวิต
ลูกชายคนเดียวของครอบครัวเศรษฐีแนวหน้าอย่างตระกูล ‘เศรษฐมนตรี’ แต่งงานทั้งที หลายคนคงคิดว่าจะจัดงานยิ่งใหญ่เอิกเกริก ทว่าผิดถนัด งานแต่งของเขตต์และจูเนียร์นั้นธีมหลัก ๆ ไม่ใช่ความโอ่อ่าหรูหรา ทว่าเป็นเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ สวยงามสง่า แต่ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากนักว่าใช้งบน้อยกว่างานที่จัดขึ้นเพื่อโชว์ความตระการตา
บรรยากาศในงานแต่งของพวกเขาราวกับพาทุกคนย้อนเวลากลับมาอยู่ในงานแต่งงานที่จัดขึ้นช่วงปี 80s หรือสมัยคุณพ่อคุณแม่จีบกันเมื่อยังหนุ่มยังสาว คล้ายได้ทะลุเข้ามาอยู่ในหนังย้อนยุคเรื่องหนึ่ง แต่หลายอย่างก็ประยุกต์เอาในแบบที่บ่าวสาวเห็นชอบตรงกัน ข้าวของเครื่องใช้ ของตกแต่งต่าง ๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์และสถานที่จัดงานล้วนถูกรังสรรค์ขึ้นจากความตั้งใจของทีมงานทั้งหมด ซึ่งเป็นคนจากฝั่งของเพื่อน ๆ เจ้าบ่าว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่จัดงาน ฉากม่านกั้น พรมปูพื้น โซฟา ป้ายตัวอักษรที่เขียนว่า ‘รัฏฐกรณ์ ♡ กรกฏ’ ด้วยตัวอักษรอาลักษณ์แบบหัวบัวตัวเหลี่ยมหางตวัด หมอนผ้าไหมทอง โต๊ะหมู่สไตล์หลุยส์-แอนทีค ฯลฯ ล้วนมีกลิ่นอายของความอบอุ่น ย้อนยุค และเท่คละเคล้ากันอย่างลงตัวในงานมงคลสมรส สมฐานะผู้กำกับหน้าใหม่ไฟแรงขวัญใจมหาชน ที่มีผลงานแจ้งเกิดเป็นละครหลายเรื่องดัง งานแต่งถูกจัดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของจูเนียร์ ทั้งสองฝ่ายเชิญแขกเฉพาะเพื่อนรัก คนรู้จักที่คุ้นเคยกันทั้งในและนอกวงการ รวมถึงเชิญเฉพาะบรรดาญาติผู้ใหญ่ที่สนิทมาก ๆ เท่านั้น เรียกว่าค่อนข้างเป็นงานปิดและส่วนตัวประมาณหนึ่ง
“มาถึงเจ้าสาวกันบ้าง แต่ผมจะถามคนละคำถาม”
“โอเคค่ะ”
“ผมอยากถามว่าอะไรคือเหตุผลที่พี่จูเนียร์ตัดสินใจเลือกผู้ชายอย่างเพื่อนผมครับ พี่ตกหลุมรักอะไรเจ้าบ่าวเหรอ”
“เดี๋ยว ๆ อันนี้มันดีหรือไม่ดีนะครับคุณรอง”
เจ้าสาวหัวเราะหลังจากได้ฟังเจ้าบ่าวท้วงเพื่อนสนิท เธอมองเขตต์ด้วยแววตาเป็นประกาย ลากเสียงและเรียงร้อยถ้อยคำในใจก่อนพูดออกมา
“อืม...รู้สึกว่าเขตต์เป็นผู้ชายที่น่ารักค่ะ”
“วี้ดวิ้วววว”
“วู้วววว ๆ น่าร้ากกก”
จูเนียร์ยิ้มแก้มปริอย่างประหม่าเพราะเสียงเพื่อน ๆ รวมถึงน้องฝาแฝดแซว
“น่ารักจริง ๆ นะ ไม่เชื่อเหรอ”
“เชื่อจ้าาาา” ฟานเพื่อนรักของเธอตอบกลับมาดังชัดแจ๋ว
“เขตต์น่ารักค่ะ...แม้จะมุมน่าหยิกไปบ้าง แต่รวม ๆ แล้วก็ยังน่ารักอยู่ เป็นคนที่ทำให้จูมีความกล้า และเข้ามาปรับเปลี่ยนทัศนคติการมีแฟนของจู
เขตต์ทำให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วการใช้ชีวิตแบบคนมีคู่ไม่ได้แย่นัก แล้วก็ทำให้รู้ว่าการมีความรักดี ๆ การมีคนรักที่ดีมันทำให้หลายอย่างในชีวิตที่แย่ ๆ ไม่สามารถทำให้เรารู้สึกแย่ได้มากขนาดนั้น”
“...”
“พูดง่าย ๆ คือ การได้รักเขตต์ทำให้ชีวิตพบกับเรื่องดีงามเรื่องหนึ่งค่ะ หลังจากวันนี้ก็ขอฝากตัวเป็นภรรยาต่อไปอีกหลายปีด้วยนะ”
“ฮิ้วววว โห่ฮิ้ววววว”
แล้วเสียงแซวอย่างคึกคะนองก็ดังขึ้นอีกระลอก เจ้าบ่าวเขินหูแดงแจ๋จนต้องหันหลังไปตั้งสติก่อนจะตอบอะไรกลับบ้าง
คบกันเป็นคนรักมาตั้งนานราวจะสี่ปีแล้วเขตต์ก็ยังชอบแฟนของตนอยู่เหมือนเคย…
หากพูดถึงเรื่องแฟชั่น จันทร์จ้าวไม่เคยน้อยหน้าใคร เธอแต่งตัวจัดเต็มพร้อมกับเลือกชุดฝ่ายชายให้คนรักอย่าง ‘ขอพร’ หรือ ‘เคพี’ ‘พี’ ใส่มางานมงคลสมรสคู่กัน ทว่าถึงกระนั้นสาวเจ้าก็ยังคงให้เกียรติบ่าวสาวในงานด้วยการไม่แต่งตัวมาเด่นเกินหน้าเกินตา
ค่ำคืนนี้หญิงสาวสวมใส่เสื้อแขนยาวผ้าทวีดสีออฟไวต์แต่งกระดุมทอง ช่วงคอผูกโบด้านหน้า ใส่กับกระโปรงสั้นเข้าชุดกันสีเหลือบน้ำตาลอ่อนหวาน ด้านบนศีรษะสวมหมวกเบเรต์สีเดียวกับกระโปรง ดูรวม ๆ แต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนสาวปารีเซียงลูกผู้ดีมีสตางค์ ส่วนในด้านขอพรซึ่งเป็นคนรักของเธอนั้น สวมเสื้อเชิ้ตคอปกแขนยาวปลดกระดุมสองเม็ดด้านบน แมตช์มากับเสื้อกั๊กสูทสีน้ำตาล ดูให้เกียรติเจ้าภาพจัดงานแต่ไม่ได้ดูทางการมากจนเกินไป อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งสไตล์การแต่งตัวของเจ้าตัว
ธีมงานแต่งของเขตต์และจูเนียร์ถูกใจจันทร์จ้าวมากเชียว ความรู้สึกเมื่อเช้าตอนเดินเข้ามาในงานนั้นราวกับว่าหลุดเข้ามาอยู่ในหนังรักย้อนยุคเรื่องหนึ่ง แขกเหรื่อแต่งตัวมาสมฐานะและเข้ากับธีมงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยความน่ารักและอบอุ่น อีกทั้งหญิงสาวยังรู้สึกว่าวันนี้เธอแต่งตัวมาคุ้มแล้วเมื่อได้รับดอกไม้ที่เจ้าสาวโยนให้อย่างไม่ทันตั้งตัว
ความเชื่อที่ว่าใครได้รับดอกไม้จากเจ้าสาวจะเป็นคนที่ได้รับความโชคดีในเรื่องความรัก รวมถึงอาจได้แต่งงานเป็นลำดับต่อไปนั้นยังคงเป็นความเชื่อที่ทุกคนรู้กันจากรุ่นสู่รุ่น แต่สำหรับจันทร์จ้าว เรื่องที่ดีใจกว่าการเป็นผู้ที่ได้รับดอกไม้คือพี่เขตต์ผู้ซึ่งเป็นเจ้าบ่าวได้ลั่นวาจาเอาไว้ ว่าใครได้ดอกไม้เขาจะจ่ายเงินเพิ่มให้อีกหนึ่งหมื่น ถือเป็นการให้โชคลาภที่จับต้องได้ทันตาทันใจ จันทร์จ้าวจึงเป็นผู้โชคดีที่ได้ทั้งเรื่องเงินและเรื่องบุพเพวาสนา
จะว่าดีใจก็ดีใจ จะว่าเขินเมื่อโดนบรรดาเจ้ ๆ เดินมาแซวเธอเรื่องแต่งงานก็ถูก หญิงสาวได้แต่ยิ้มหวานพร้อมหัวเราะตอบกลับทุกคนไปคล้าย ๆ กันว่า ‘พวกเรายังไม่ได้คิดเรื่องนั้นกันเลยค่ะ น่าจะอีกนาน’ เพราะไม่อยากทำให้ขอพรรู้สึกกดดันมากแม้เขาจะดูไม่คิดหยุมหยิมในเรื่องนี้สักเท่าไร
เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่
“ไง คุณชาย ไม่เจอกันนานเลยนะ”
กระแสเสียงทุ้มนุ่มหูดึงขอพรและจันทร์จ้าวที่กำลังจะเดินตรงไปยังลานจอดรถให้ชะงักเท้า พวกเขาหันกลับมามองว่าใครเรียกด้วยประโยคอย่างนี้หนอ
...น่าจะสนิทกันใช้ได้
เมื่อเห็นว่าเป็นใครขอพรก็คลี่ยิ้มกว้าง ทว่าจันทร์จ้าวกลับไม่รู้จัก ลืมไปเสียแล้วว่าเธอเคยเห็นหน้าเขาจากอินสตาแกรมของเจ้าตัวเมื่อประมาณห้าปีก่อน คล้ายว่าความทรงจำส่วนนั้นจะหลุดลอดหายไป
“ไม่ใช่มึงหรือไงที่หายหน้าหายตาไปซะนาน เจอก็ดีเลย มึงเป็นยังไงบ้าง” ขอพรตอบกลับทันควันเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสมัยมัธยมที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตาเจอตัวเป็น ๆ มาหลายปี เขาไม่ยักรู้ว่าหมอนี่รู้จักกับเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวในงานนี้ด้วยแต่ก็ไม่ได้ถาม
‘เงิน’ หรือ ‘ถังเงิน’ ลูกชายคนเล็กของตระกูลดังที่ทำธุรกิจรีสอร์ตขนาดยักษ์อยู่ภาคเหนือของประเทศไทย อีกทั้งดูเหมือนว่านายหนุ่มตี๋หน้าใสเพื่อนของเขาจะเป็นแฟนเก่าของเพื่อนสนิทจันทร์จ้าวเสียด้วยเท่าที่ขอพรจำได้
“สบายดีตามอัตภาพ มึงเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเหรอ” ผู้ชายรูปหล่อผิวขาว หน้าตาท่าทางราวกับพวกดื้อตาใสกล่าวกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเสียนาน เงินกับขอพรรู้จักกันตั้งแต่สมัยมัธยมต้น ซึ่งนับเป็นช่วงเวลานานมาก พวกเขาไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันในช่วงมัธยมปลายเนื่องจากขอพรย้ายไปเรียนสายอาชีพจากความดื้อรั้นช่วงนั้น แต่ก็ยังคงติดต่อกันโดยมีเรื่องดนตรีเป็นสื่อกลางมิตรภาพ
“เออ แล้วมึงล่ะสุดหล่อ” ขอพรถามเพื่อนกลับ
“กูก็มาเพราะรู้จักพี่เขตต์เหมือนกัน”
“อ้อ วงการใกล้ ๆ กันใช่ไหม”
“อืม” เงินตอบกลับด้วยท่าทีสบาย ๆ อมยิ้มเล็กน้อยแต่กลับให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา
“อ้อ! นี่จันทร์จ้าวนะ ที่รักกูเอง”
“สวัสดีครับ” เงินยิ้มทักตามประสาคนอัธยาศัยดี
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“ครับ เช่นกัน...เห็นว่าได้ดอกไม้ มีแพลนจะแต่งงานกับเพื่อนผมเร็ว ๆ นี้บ้างไหม” เงินยิ้มพรายทดลองถาม จันทร์จ้าวจึงคลี่ยิ้มสดใสตอบกลับเขาขำ ๆ
“เรื่องนี้คงต้องถามพีแล้วค่ะ”
“ไว้แต่งแล้วกูจะไปแจกการ์ดมึงแล้วกันนะ อย่าหายหัวไปจนกูตามหาไม่ได้แล้วกันล่ะ”
เงินจึงหัวเราะเบา ๆ ออกมาก่อนจะถาม “เออ แล้วนี่มึงกลับยังไงวะ จะกลับเลยหรือเปล่า”
“ใช่ แล้วมึงล่ะ”
“กูก็จะกลับละ ไว้กลับกรุงเทพฯ แล้วโทร. มานัดกินเหล้าได้”
จันทร์จ้าวหรี่ตามองคำบอกกล่าวนั้นของเงินเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้หนุ่ม ๆ ร่ำลากันแล้วแยกย้ายตัวใครตัวมัน
“เค้ารู้สึกเหมือนรู้จักเพื่อนเธอเลยค่ะ คุ้นหน้ามาก แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้รู้จักนะ ไม่รู้เคยเห็นที่ไหน” หญิงสาวเริ่มชวนคุยตอนกดล็อกเข็มขัดนิรภัยเมื่อเข้ามานั่งด้านในรถหรูเรียบร้อยแล้ว เวลานี้พร้อมกลับไปนอนพักที่โรงแรมให้สบายใจ
“ไอ้เงินไง”
ขอพรเปิดแอร์เย็นกว่าปกติเล็กน้อยเพราะพวกเขาสวมใส่ชุดที่ผ้าค่อนข้างหนา
“หือ จ้าวเคยเจอเขาไหม”
“ไม่น่า… แต่เธอน่าจะเคยเห็นหน้ามันจากไอจีที่พีเคยเปิดให้ดูนะ…หรือเปล่า เหมือนมันจะทำงานวงการบันเทิงด้วย เธออาจจะเห็นหน้ามันจากเอ็มวีเพลงสักเพลงหรือจากไอจีชีวา”
“อย่าบอกนะว่า…”
“ใช่ แฟนเก่าคนที่คบ ๆ เลิก ๆ กันบ่อย ๆ ไง”
#จักรวาลหมุนรอบความสุข
ใครคิดถึงเด็ก ๆ บ้างยกมือขึ้น
ไม่แน่ใจว่ายังมีนักอ่านจากเรื่องเก่า ๆ ตามมาหรือเปล่า
แต่ก็ยินดีที่ได้มาพบกับนักอ่านหน้าใหม่นะคะ
ความคิดเห็น