ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาวจำเป็น

    ลำดับตอนที่ #44 : วางแผนง้อขอคืนดี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.79K
      13
      11 เม.ย. 56

                      เปรมมิกากลับมาที่บ้านของชายหนุ่มเพื่อเตรียมเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นไปโรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อเฝ้าสามีที่ตอนนี้ยังไม่รู้สึกตัว โดยมีคุณพอฤดีและคุณภัทรช่วยจัดแจงข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นให้
                      "แม่ว่าหนูแป้งไม่ต้องขับรถไปเองหรอกนะตัวเองกำลังท้องกำลังไส้เดี๋ยวเกิดเป็นลมเป็นแล้งไปจะลำบอกช่วงนี้แม่จะให้นายชอบขับรถมารับส่งดีกว่าจะได้สะดวกหนูแป้ง" คุณพอฤดีบอก
                      "ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ แป้งขับไปเองก็ได้ค่ะลุงชอบจะได้ขับให้คุณพ่อกับคุณแม่ไงคะ" หญิงสาวกล่าวอย่างเกรงใจ
                      "เอาตามที่แม่บอกเถอะนะ แม่จะได้สบายใจด้วยนึกเสียว่าเห็นแกลูกก็แล้วกันจะได้ไม่ลำบากเชื่อแม่นะ" มารดาสามีกล่าวอย่างเป็นห่วงเป็นใยพร้อมกับดึงมือเธอไปกุมไว้หลวม ๆ แสดงถึงความปรารถนาดีที่มีต่อหญิงสาวจนเธอเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธความหวังดีนั้น
                      "ก็ได้ค่ะคุณแม่" เปรมมิกาตอบมารดาสามีพร้อมกับถือตะกร้าของใช้เดินตามท่านทั้งสองไปที่รถและไปโรงพยาบาล

                      "พ่อกับแม่ฝากหนูดูแลพี่เขาด้วยนะลูก" หญิงสาวรับคำเพียงสั้น ๆ แล้วเดินไปกดลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังห้องพักคนไข้ที่โรงพยาบาลจัดไว้สำหรับชายหนุ่มทันที   เปรมมิกาเดินเข้าไปในห้องมองคนป่วยที่นอนหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา เธอเอาของไปจัดเก็บไว้ในตู้เรียบร้อยจึงเดินมานั่งเฝ้าที่ข้างเตียง
                      "พี่วัตรคะ แป้งขอโทษนะคะที่ทำให้พี่วัตรต้องเป็นแบบนี้ถ้าไม่มีแป้งเรื่องทุกอย่างก็คงจะไม่เกิดขึ้น" หญิงสาวพูดกับคนที่หลับไม่ได้สติเสียงเบาพลางจับมือของเขาแนบแก้มอย่างหวงแหน
                      "พี่วัตรรีบฝืนนะคะ" หญิงสาวปาดน้ำตาอย่างล้วก ๆ แล้วเดินออกไปยังระเบียง    

                      ผ่านไปเกือบค่อนคืนที่ชายหนุ่มหลับไปเพราะฤทธิ์ยาบวกกับความอ่อนเพลียเขาขยับเปลือกตาขึ้นมองเพดานห้องแล้วก็พบว่าที่นี่คงไม่ใช่ที่บ้านเขาแน่ ๆ เขามองสำรวจไปรอบ ๆ และหยุดที่มือเล็ก  ๆ ของใครบางคนที่กุมมือเขาอยู่ชายหนุ่มมองไล่ไปตามมือเรียวบางก็พบว่าคือภรรยาของเขาเองนี่เธอมาเฝ้าเขาอย่างนั้นเหรอ
    เขาขยับแขนเล็กน้อยกลัวว่าเธอจะตื่นแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว หญิงสาวผงกหัวขึ้นมองเห็นชายหนุ่มจ้องมาที่เธอพอดี
                      "พี่วัตรอยากได้อะไรหรือเปล่าคะ" เสียงหวานถามสามีที่มองมาที่เธอ
                      "พี่หิวน้ำ" เสียงแหบพล่าบอกเธอ ภรรยาสาวจึงรีบจัดแจงหาน้ำดื่มมาให้ตามความต้องการ 
                      "พี่วัตรหิวข้าวหรือเปล่าคะเดี๋ยวแป้งจะไปอุ่นให้ คุณแม่ให้ป้าอุ่นทำซุปข้าวโพดไว้ให้น่ะค่ะเผื่อว่าพี่วัตรตื่นมาตอนดึก ๆ จะหิว พี่วัตรจะทานเลยหรือเปล่าคะแป้งจะได้ไปเอาให้เลย" หญิงสาวทำท่าจะลุกขึ้นไปเตรียมอุ่นอาหารแต่มือหนาก็คว้าที่ข้อมือบางเอาไว้เสียก่อน
                      "พี่วัตรอยากได้อะไรเหรอคะ" เปรมมิกาถามสามี
    ชายหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ
                      "พี่ขอโทษนะแป้ง ที่ทำให้แป้งเสียใจพี่ทำร้ายแป้งขนาดนั้นแป้งยังทำดีกับพี่อยู่ทำไม" ชายหนุ่มพูดกับภรรยา
                      "ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่วัตร เรื่องมันแล้วไปแล้วอย่าไปพูดถึงมันอีกเลยค่ะ"
                      เธอหันไปอีกครั้งเพื่อจะไปเตรียมของ
                      "พี่ขอบคุณแป้งมากนะที่ไม่ทิ้งพี่ ต่อไปนี้พี่จะเป็นสามีที่ดีและพ่อที่ดีของลูกนะแป้ง" ชายหนุ่มบอกภรรยา หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ แล้วก็เดินออกไปอุ่นอาหารและจัดแจงโต๊ะทานข้าวและเข็นไปที่เตียงคนป่วย 
                      "พี่วัตรทานข้าวก่อนนะคะ อย่าเพิ่งพูดเรื่องอื่นเลยค่ะ" หญิงสาวบอกสามีก่อนจะเป่าซุปป้อนเขา โดยไม่ได้พูดอะไรอีก
                      "เดี๋ยวแป้งเช็ดตัวให้นะคะ" หญิงสาวเอาถาดอาหารไปเก็บแล้วหยิบกะละมังใส่น้ำอุ่นและผ้าชุปน้ำมาเช็ดตัวให้เขา
                      "แป้ง ยกโทษให้พี่ได้ไหม" ชายหนุ่มยังคงย้ำคำพูดเดิม เปรมมิกาชะงักเล็กน้อยเมื่อเขาใช้มือข้างที่ไม่มีแผลดึงมือเธอมากุมไว้แนบอก
                      "พี่ขอโทษแป้งได้ยินไหมว่าพี่ขอโทษ" หญิงสาวค่อย ๆ ชักมือกลับก่อนจะพูดกับสามี
                      "ได้ยินค่ะ ว่าพี่วัตรขอโทษ แป้งก็ให้อภัยแล้วนี่คะแป้งไม่มีอะไรจะยกโทษให้หรอกค่ะ" หญิงสาวบอกเรียบ ๆ 
                      "ไม่จริงหรอกถ้าแป้งหายโกรธทำไมยังทำมึนตึงใส่พี่อยู่แบบนี้ล่ะ" ชายหนุ่มถามภรรยา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอไม่เหมือนเดิมถึงแม้เธอจะพยายามทำหน้าที่ของภรรยาให้ดีที่สุดแต่ สิ่งที่เธอกำลังทำนั้นมันเหมือนเป็นการฝืนใจไม่ใช่เพราะอยากทำ
                      "แป้งก็เป็นแบบนี้ของแป้งมาตั้งนานแล้วนี่คะ พี่วัตรจะให้แป้งทำยังไง แป้งไม่ได้เอาใจเก่งเหมือนใครนี่" น้ำเสียงของเธอตอนนี้มันบ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าเธอกำลังงอนอยู่แน่ ๆ แต่เขาไม่รู้ว่าเธองอนเรื่องอะไร ครั้นจะถามไปเธอก็คงตอบเหมือนเดิมคือ...เปล่า
                      "ถ้าก่อนหน้านี้พี่ทำอะไรให้แป้งไม่พอใจ ต่อไปนี้พี่จะปรับปรุงตัวเองใหม่ พี่รู้ว่าพี่ทำไม่ดีกับแป้ง แป้งยังไม่ต้องยกโทษให้พี่ตอนนี้ก็ได้แต่พี่ขอร้องแป้งอย่างนึงได้ไหม" เปรมมิกาเลือกที่จะเงียบแทนการตอบคำถาม
                      "อย่าพาลูกหนีไปไหนอีกเลยนะแป้งพี่ขอร้องแค่นี้แหละ หวังว่าแป้งจะเห็นใจพี่บ้าง"
                      ชายหนุ่มก้มหน้านิ่งยอมรับความผิดที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ เขาดึงมือเธอไปกุมอีกครั้ง เปรมมิกาก้มหน้านิ่งพลางคิดคนเดียวในใจว่าที่แท้เขาก็ห่วงแต่ลูกไม่ได้ห่วงหรือรักเธอเลยแม้แต่นิดเดียวเหมือนที่เธอรักเขาจนหมดหัวใจ 
                      "พี่วัตรห่วงลูกใช่ไหมคะกลัวว่าแป้งจะพาลูกไปลำบากหรือใช่ไหมคะ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแป้งจะไม่ยอมให้ลูกต้องมารับสภาพเหมือนที่แป้งกำลังเป็นอยู่นี้หรอกค่ะ" หญิงสาวดึงมือกลับอีกครั้งก่อนจะเก็บอุปกรณ์เช็ดตัวไปเก็บที่ในห้องน้ำ
                      "พี่วัตรพักผ่อนเถอะค่ะ อย่าพูดอะไรตอนนี้เลย รอให้หายดีเสียก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที" เปรมมิกาพูดแกมบังคับให้เขานอนพักเพื่อตัดบทการสนทนาไม่ใช่ว่าเธอไม่ให้อภัยเขาแต่เมื่อนึกย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น การแต่งงานระหว่างเธอกับชายหนุ่มมันคือการบังคับมากกว่าความรัก 
                       ถึงตอนนี้ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปคือเธอได้มอบหัวใจให้เขาไปแล้ว แต่เธอก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่าเขาจะรู้สึกเช่นเดียวกันจึงต้องเก็บความรู้สึกและการแสดงออกเอาไว้และย้ำกับตัวเองตลอดเวลาว่าเธอไม่เหมาะสมกับเขา    เธอมองชายหนุ่มที่เป็นสามีที่หลับตาพริ้มเพราะความอ่อนเพลียก่อนที่ตัวเองจะพล่อยหลับไปในที่สุด 

                       "ก๊อก ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูดังขึ้นเปรมมิกาสะดุ้งตื่นจากภวังค์แล้วรีบไปเปิดประตูทันที
                       "สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่มาแต่เช้าเลยนะคะพี่วัตรยังไม่ตื่นเลยค่ะ" คุณภัทรและคุณพอฤดีเดินเข้ามาในห้องก็พบว่าลูกชายยังไม่ตื่นตามที่หญิงสาวบอกจริง ๆ คุณพอฤดีพาลูกสะใภ้มานั่งที่โซฟาอีกด้านหนึ่งของห้อง ทิ้งให้คุณภัทรอยู่เฝ้าลูกชายเพียงลำพัง
                       "เป็นยังไงบ้างจ๊ะหนูแป้ง เช้านี้แพ้ท้องหรือเปล่าหลับสบายดีไหม" มารดาของสามีถามอย่างเป็นห่วง
                       "เออ แล้วนี่ฝากท้องหรือยัง แม่ว่าฝากที่โรงพยาบาลนี้เลยก็ดีเหมือนกันนะจะได้ไม่เสียเวลา เนี่ยดูสิท้องเริ่มโตแล้วนะ" มารดาสามีบอกพลางเอื้อมมือมาลูบหน้าท้องที่นูนขึ้นน้อย ๆ ของเธอ
                       "ยังไม่ได้ฝากท้องหรอกค่ะคุณแม่ แป้งคิดว่ารอให้พี่วัตรหายดีก่อนแล้วค่อยไปพร้อมกันน่ะค่ะ" หญิงสาวตอบส่วนมารดาสามีก็ชวนเธอคุยนู่นคุยนี่เพื่อเปิดโอกาสให้สองพ่อลูกคุยกัน

                       หลังจากที่หลับไปเพราะความอ่อนเพลียบวกกับแผลเริ่มระบมชายหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองหาใครบางคนแต่ก็ไม่พบเธอ
                       "มองหาใครอยู่เหรอตาวัตร" คุณภัทรบิดาถามลูกชายด้วยรู้ทัน
                       "แหมคุณพ่อทำเป็นไม่รู้ไปได้" ชายหนุ่มค้อนให้บิดาก่อนจะมองหาเธออีกครั้ง
                       "หนูแป้งคุยกับแม่แกอยู่อีกห้องโน่นแน่ะ แกมีอะไร" ชายหนุ่มส่ายหน้าเล็กน้อยพลางก้มมองมือตัวเอง
                       "นี่ยังไม่ดีขึ้นใช่ไหม หนูแป้งยังไม่ยอมยกโทษให้หรือไงถึงได้มาทำหน้าสลดแบบนี้" บิดาถามลองเชิงและก็เป็นดังคาดเพราะชายหนุ่มพยักหน้าเป็นการตอบรับ
                       "นี่แหละน๊า!! ทำกับเขาไว้เยอะมันก็เลยต้องรับโทษแบบนี้แหละสมควรแล้ว" คนเป็นพ่อกล่าว
                       "อะไรกันคุณพ่อเนี่ย แทนที่จะเข้าข้างและเห็นใจผม ไอ้เรารึอุตส่าห์เสี่ยงตายไปช่วยเธอโดนยิงเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดยังมาโกรธเรางอนเราอีก น่าน้อยใจชะมัด" ชายหนุ่มบ่นกับบิดากะจะหาพวก
                       "แหม ๆ ไม่ต้องมาพูดกระสุนแค่ถากไม่ถึงตายหรอกน่าสำออยไปได้เจ้าลูกคนนี้" บิดาพูดประชด
                       "นี่เจ้าวัตรพ่อถามหน่อยเถอะ วันนั้นที่แกบอกพ่อว่าแกรักหนูแป้งแกได้บอกเขาไปหรือยัง" คนเป็นพ่อถาม ชายหนุ่มส่ายหน้า
                       "ยังเลยครับพ่อ ผมยังหาโอกาสไม่ได้เลย" ชายหนุ่มบ่นกับคนเป็นพ่อ
                       "หาโอกาสไม่ได้หรืออายที่จะพูด นี่สมัยตอนที่พ่อจีบแม่แกใหม่ ๆ นะพ่อก็เป็นแบบแกนี่แหละกลัวไม่กล้า อาย จนมีผู้ชายอีกคนเข้ามาจีบแม่แกแข่งกับพ่อและขอเธอแต่งงาน วันนั้นน่ะเป็นวันที่พ่อรู้ทันทีเลยว่าไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีแม่แกพ่อเลยตัดสินใจสารภาพความจริงทั้งหมดออกมา และยังโชคดีที่แม่แกใจตรงกันกับพ่อถึงได้มีวันนี้ไงดูสิเกือบจะเสียแม่แกไปแล้ว" คนเป็นพ่อเล่าประสบการณ์ให้ลูกชายฟังในสิ่งที่ตัวเองเคยผ่านมาก่อน
                       "จำเอาไว้นะตาวัตรความจริงพูดไปเถอะมันไม่ทำให้ใครตายหรอก มันขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะรับกับมันได้มากน้อยแค่ไหน เชื่อพ่อบอกเขาไปแล้วลองมาดูผลกัน" คุณภัทรตบบ่าลูกชายเบา ๆ อย่างให้กำลังใจพอดีกับที่คุณพอฤดีเดินเข้ามาพร้อมกับลูกสะใภ้
                       "สองคนพ่อลูกนินทาอะไรแม่หรือเปล่า" คุณพอฤดีแหย่สามีและลูกชายอย่างไม่จริงจังนัก
                       "เปล่าเลยครับคุณผู้หญิงกระผมไม่ได้นินทาอะไรเล้ย" คุณภัทรเอ่ยแซวภรรยาอย่าอารมณ์ดี
                       "เออ คือแม่มีเรื่องจะบอกให้ทุกคนฟังนะ คืออย่างนี้อาทิตย์หน้าตาวัตรแกก็คงจะออกจากโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม" คุณพอฤดีหันไปถามลูกชาย
                       "คงงั้นมั้งครับคุณแม่ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ตายง่าย ๆ หรอกครับ" ชายหนุ่มพูดแกมประชด
                       "ดีเลยจะได้อยู่ต้อนรับคุณพ่อกับคุณแม่ของหนูแป้งพร้อมกัน" คุณพอฤดีบอก โดยแต่ละคนทำหน้างงเพราะต่างไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน
                       "แล้วคุณติดต่อคุณประยุทธกับคุณอรอนงค์ตอนไหนผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย" คุณภัทรถามภรรยา จะไม่ให้สงสัยได้ยังไงเขากับคุณพอฤดีอยู่ด้วยกันตลอดเวลาคุณพอฤดีจะโทรหาตอนไหน
                       "แหมคุณก็ฤดีก็โทรตอนที่คุณพี่เข้าห้องน้ำอย่างไรล่ะคะ" คุณพอฤดีอ้าง แม้แต่เปรมมิกาเองก็ยังสงสัยเลยว่าอยู่ ๆ ทำไมคุณพ่อของเธอกับน้าอรจะมาไม่เห็นบอกกล่าวเธอเลยสักคำ
                       "เถอะน่า ฤดีว่ามาก็มาสิคะคุณพี่ ไม่แน่สองคนนั้นเขาอาจจะพาลูกสาวกลับไปด้วยเลย เห็นว่าลูกสาวอยู่ที่นี่ไม่ค่อยจะสบายใจสักเท่าไหร่ กลัวว่าลูกสาวจะสร้างภาระให้เรา ยัยอรก็เลยอยากจะพาหนูแป้งไปอยู่ด้วยเลยน่ะค่ะคุณพี่" คุณพอฤดีพูดกับสามีพลางเหลือบตาไปมองชายหนุ่มที่นอนหันหน้าไปอีกทาง คุณพอฤดียิ้มทันทีที่แผนขั้นแรกของตัวเองสำเร็จก่อนจะหันไปพูดกับลูกสะใภ้อย่างเปรมมิกา
                       "แม่ว่าหนูแป้งกลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะนะอยู่ที่นี่มีแต่จะเสียสุขภาพจิตเปล่า  ๆ มันจะไม่ดีกับลูกในท้องเอาน่ะ ป่ะ ๆ กลับบ้านกับแม่ดีกว่านะ" คุณพอฤดีจูงมือหญิงสาวออกไปนอกห้อง แต่ยังไม่ทันไปก้าวออกไปลูกชายตัวดีของท่านก็ขัดขึ้นเสียก่อน
                       "คุณแม่จะพาแป้งไปไหนไม่ได้นะครับ" คนเป็นแม่อมยิ้มและหันไปหาลูกชายทำหน้าเคร่งขรึม
                       "ทำไม มีอะไร ทำไมจะกลับไม่ได้ ก็แกต้องพักผ่อนเดี๋ยวแม่ให้พ่อแกอยู่เฝ้าเอง" คุณภัทรหันมามองหน้าภรรยาอย่าง งง ๆ
                       "อะไรนะ คุณจะให้ผมเฝ้าเจ้าวัตรมันเหรอ"
                      
                       "มีปัญหาอะไรเหรอคะ" คุณพอฤดีย้อน
                       "ผมเป็นผู้ชาย จะหยิบจะจับอะไรก็ดูเกะกะเก้งก้างไปเสียหมด ให้หนูแป้งอยู่นั่นแหละดีแล้วนะฤดีให้ผัวเมียเขาอยู่ดูแลกันเถอะ" คุณภัทรขอร้องแทนลูกชาย
                       "ใช่ครับคุณแม่ แป้งเป็นภรรยาผมเขาก็ต้องดูแลผมสิครับอีกอย่างที่ผมเจ็บตัวแบบนี้ก็เพราะไปช่วยเขานะครับคุณแม่" ชายหนุ่มเอาเหตุผลที่ตัวเองไปช่วยหญิงสาวมาอ้างกับมารดา
                       "บอกมาคำเดียวว่าแกอยากให้หนูแป้งเป็นคนดูแลแกระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลอย่างนั้นหรือเปล่า" คนเป็นแม่ถามชายหนุ่มพยักหน้า
                       "ใช่ครับ" คุณพอฤดีทำท่าคิดก่อนจะจูงแขนลูกสะใภ้ออกไปข้างนอกห้องเพื่อพูดอะไรบางอย่าง
                       "หนูแป้งอย่าโกรธแม่เลยนะที่ต้องทำแบบนี้ แต่แม่รู้นิสัยเจ้าลูกชายตัวแสบของแม่ดี ว่าเขาจะไม่ปริปากพูดอะไรเลยถ้าหากว่าเขายังไม่รู้สึกสูญเสีย นี่เป็นการพิสูจน์ใจของเขาด้วยว่าเขารักหนูแป้งหรือเปล่า แต่ถ้าไม่แม่จะรับผิดชอบเรื่องหนูกับลูกเอง" คุณพอฤดีพูดพร้อมกับลูบหัวเธออย่างเอ็นดู
                       "เข้าไปข้างในเถอะจ่ะ พี่เขารออยู่แม่ฝากดูแลพี่เขาด้วยนะถ้าเขาทำอะไรให้ไม่พอใจจัดการได้เลยแม่อนุญาต" มารดาสามีบอกพร้อมกับดันร่างของเธอเข้าไปข้างในและดึงแขนสามีออกมาจากห้องเพื่อให้ทั้งคู่ได้ใช้เวลาด้วยกัน
                       

                               
                     
                 
                     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×