ลำดับตอนที่ #18
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อม
"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่" เปรมมิกายกมือไหว้พ่อและแม่สามีทั้งสองเดินเข้ามาทักทายทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ก่อนจะพากันเข้าบ้าน
"วันนี้ลมอะไรห๊ะ ตาภัทรถึงได้หอบหิ้วกันมาถึงนี่เลยแล้วจะอยู่ทานข้าวเย็นกับแม่ก่อนรึเปล่าหรือว่ามีนัดที่ไหน" คุณพอฤดีถามลูกชาย
"ไม่มีนัดที่ไหนหรอกครับคุณแม่พอดีเปรมมิกาเขาทำขนมใส่บาตรเมื่อเช้าก็เลยแบ่งมาฝากคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยน่ะครับ" ชายหนุ่มตอบคำถามมารดาส่วนคุณภัทรไม่พูดอะไรหยิบขนมตะโก้ที่เปรมมิกาเอามาฝากเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อย
"ตายแล้วคุณอะไรกัน ให้เด็กเอาไปใส่จานมาก่อนสิทำเป็นเด็กเห็นขนมไปได้นะคุณเนี่ย" คุณพอฤดีหยอกสามี
"ก็มันอร่อยนี่คุณไม่หวานมากไปแล้วก็ไม่มันเกินไปด้วยแบบนี้เราทานได้สบายเลยไม่อ้วนแน่ ๆ เชื่อผมสิ" คุณภัทรตอบภรรยาพร้อมกับอมยิ้ม
"หนูแป้งมาทานด้วยกันสิลูก เดี๋ยวไม่ทันคุณพ่อนะดูสิเคี้ยวไม่ยอมหยุดเลยนั่นน่ะ"
"คุณพ่อคุณแม่ทานเถอะค่ะที่บ้านนู้นยังมีอีกเยอะเลยค่ะแป้งทำเผื่อแล้วล่ะค่ะ" เปรมมิกาตอบตามความจริง ภควัตรหันมายิ้มให้เธอเป็นครั้งแรกทำให้หญิงสาวเขินจนหน้าแดงรีบก้มหน้างุดลงทันที
"เอ่อว่าแต่เรามีเรื่องอะไรหรือเปล่าที่มาวันนี้น่ะ หรือว่าจะเกี่ยวกับงานการกุศลของแม่จ๊ะ" คุณพอฤดีเอ่ยแซวและก็เป็นไปตามที่คาด
"ใช่ครับคุณแม่" ภควัตรตอบไปตามความจริง
"คุณแม่ช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ" ภควัตรบอกมารดาเพราะเขาเองไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้เลยจึงต้องขอคำปรึกษาจากผู้รู้อย่างมารดาของเขาซึ่งเป็นนักกีฬาลีลาศเหรียญทองสมัยเรียน
"ก็นั่งอยู่ตรงนี้ไงล่ะคู่ซ้อมของแกน่ะตาวัตร" คุณพอฤดีหันไปทางเปรมมิกา
"เปรมมิกาเนี่ยนะครับคู่ซ้อม เต้นเป็นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลยคุณแม่นั่นแหละต้องสอนผม" ภควัตรทำท่าไม่เชื่อสายตาตัวเองที่คนเป็นแม่บอกว่าเปรมมิกาจะเป็นคู่ซ้อมให้
"นี่ตาวัตรหนูแป้งน่ะเขาเคยเป็นแชมป์ลีลาศหลายสมัยเลยนะตอนอยู่มหาลัยน่ะ" คุณภัทรพูดแทรกขึ้น
"แม่ว่าอย่ามัวแต่นั่งอยู่ตรงนี้เลยเราไปที่ห้องซ้อมเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลาป่ะ" เมื่อคุณพอฤดีพูดจบทุกคนก็ลุกไปยังห้องที่เอาไว้ซ้อมทันทีคุณภัทรจัดแจงเลือกเพลงสุนทราภรณ์อย่าง พรหมลิขิต เพื่อเป็นเพลงซ้อมในวันนี้
"พร้อมหรือยังตาวัตรพ่อว่าคงไม่ยากเกินไปสำหรับแกนะเพราะเท่าที่จำได้แกก็เคยเต้นกับแม่บ่อย ๆ นี่นาตอนเด็ก ๆ "
"โห พ่อครับนั่นมานานมาแล้วนะครับผมจะพยายามก็แล้วกัน" ชายหนุ่มบอกก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
"ผมว่า คุณพ่อคุณแม่โชว์ให้ดูก่อนดีกว่าเป็นตัวอย่างสักหน่อยนะครับ" คุณพอฤดีกับคุณภัทรหันมายิ้มก่อนจะพยักหน้าแล้วออกลีลาการเต้นจังหวะเร็วอย่างเพลง "พรหมลิขิต" ของวงสุนทราภรณ์ เพื่อเป็นตัวอย่างให้ดู
ทั้งสองคนยืนทึ่งในความสามารถของทั้งคู่ถึงแม้ว่าอายุจะมากแล้วแต่การเต้นยังดูสวยงามไม่ผิดไปจากวัยรุ่นเลยทีเดียวภควัตรจำได้ว่าพ่อและแม่ของเขาชอบการเต้นลีลาศเป็นชีวิตจิตใจท่านจึงทำห้องนี้ขึ้นมาเพื่อเอาไว้ซ้อม เมื่อเพลงจบทั้งเปรมมิกาและภควัตรต่างก็ปรบมือด้วยความชื่นชม
"เอาล่ะตาเราแล้วนะตาวัตร หนูแป้งเต็มที่เลยนะลูก" เสียงคุณภัทรเชียร์
ดนตรีดังขึ้น พร้อมกับชายหญิงโค้งคับนับให้กัน
พรหมลิขิต บันดาล ชัก พาดลให้มาพบกันทันใดก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจฉันจึงได้มาใกล้กับเธอเออชะรอยจะเป็น เนื้อ คู่ควรอุ้มชูเลี้ยงดู บำเรอแต่ครั้งแรกเมื่อพบ เธอ ใจนึกเชื่อว่าแรกเจอฉันและเธอคือ คู่ สร้าง มา
เนื้อ คู่ ถึง อยู่ แสนไกล คงไม่คลาดครามุ่ง หวัง สมดังอุรา ไม่ว่าใคร ใครหากมิใช่คู่ครอง แท้ จริงจะแอบอิงรักยิ่งปานใดยากนักที่จะสมใจ คงพบเหตุอาเพทภัยพลัดกันไปจนให้คลาดครา
"นี่คุณวัตร เต๊ะเท้าฉันจนเจ็บไปหมดแล้วนะ" หญิงสาวบ่นพราะตอนนี้หน้าแข้งเธอคงใกล้ระบมเต็มทีแล้ว
"ก็ทำไมคุณไม่รู้จักหลบล่ะ" ชายหนุ่มยังคงไม่ยอมแพ้แต่ก็เต้นต่อไป
เราสองคนต้องเป็นเนื้อคู่จึงชื่นชูรักใคร่บูชานี่เพราะว่าบุญหนุนพาพรหมลิขิตขีดเส้นมา ชี้ชะตาให้มาร่วมกันคนบางคนต้องเป็น เนื้อคู่เพียงแต่ดูรู้ชื่อโดยพลันก็รู้สึกนึกรักกัน จนฝันใฝ่ใจผูกพัน
แม้ไม่ทันจะเห็น รูปกาย
เนื้อคู่ถึงอยู่แสนไกลคงไม่คลาดครามุ่งหวังสมดังอุราไม่ว่าใครใครพรหมลิขิตบันดาลทุกอย่างเป็นผู้วางหนทางปวงชนได้ลิขิตชีวิตคน นำเนื้อคู่มาเปรอปรนทั้งยังดลเธอให้ กับ ฉัน
เมื่อเพลงจบเสียงปรบมือของคุณพอฤดีและคุณภัทรก็ดังขึ้นทันที ทั้งคู่เต้นได้ดีมากเลยก็ว่าได้แถมยังเข้าขากันดีแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนนี่ขนาดยังไม่เคยเข้าคู่กันยังทำได้ดีขนาดนี้ถ้าซ้อมอีกไม่กี่วันต้องดีกว่านี้แน่ ๆ คุณพอฤดีคิดในใจ
"แม่ว่าไม่ธรรมดาเลยนะทั้งคู่น่ะ เอางี้มั้ยล่ะตาวัตรก็พาหนูแป้งมาซ้อมที่นี่ทุกวันเลยดีมั้ยจนกว่าจะถึงวันงาน เอ แต่แม่ว่ามาค้างกันเสียที่นี่ดีกว่าจะได้ไม่ต้องไป ๆ มา ๆ เหนื่อยเปล่า ๆ"
คุณพอฤดีพูดจบคุณภัทรก็เออ ออ เห็นด้วยอย่างที่ภรรยาพูด
"พ่อก็เห็นด้วยอย่างที่แม่แกพูดนะค้างซะที่นี่แหละแม่แกจะได้ไม่เหงาอยู่กันหลาย ๆ คนคึกคักดี" คุณภัทรกล่าว
เวลาผ่านไป 6 วันทั้งคู่ต่างก็ตั้งใจซ้อมกันเต็มที่จากที่เคยเหยียบเท้าเต๊ะขากันเวลานี้ทุกอย่างดีขึ้นราวกับมืออาชีพเลยทีเดียว
"วันนี้ลมอะไรห๊ะ ตาภัทรถึงได้หอบหิ้วกันมาถึงนี่เลยแล้วจะอยู่ทานข้าวเย็นกับแม่ก่อนรึเปล่าหรือว่ามีนัดที่ไหน" คุณพอฤดีถามลูกชาย
"ไม่มีนัดที่ไหนหรอกครับคุณแม่พอดีเปรมมิกาเขาทำขนมใส่บาตรเมื่อเช้าก็เลยแบ่งมาฝากคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยน่ะครับ" ชายหนุ่มตอบคำถามมารดาส่วนคุณภัทรไม่พูดอะไรหยิบขนมตะโก้ที่เปรมมิกาเอามาฝากเคี้ยวตุ้ย ๆ อย่างเอร็ดอร่อย
"ตายแล้วคุณอะไรกัน ให้เด็กเอาไปใส่จานมาก่อนสิทำเป็นเด็กเห็นขนมไปได้นะคุณเนี่ย" คุณพอฤดีหยอกสามี
"ก็มันอร่อยนี่คุณไม่หวานมากไปแล้วก็ไม่มันเกินไปด้วยแบบนี้เราทานได้สบายเลยไม่อ้วนแน่ ๆ เชื่อผมสิ" คุณภัทรตอบภรรยาพร้อมกับอมยิ้ม
"หนูแป้งมาทานด้วยกันสิลูก เดี๋ยวไม่ทันคุณพ่อนะดูสิเคี้ยวไม่ยอมหยุดเลยนั่นน่ะ"
"คุณพ่อคุณแม่ทานเถอะค่ะที่บ้านนู้นยังมีอีกเยอะเลยค่ะแป้งทำเผื่อแล้วล่ะค่ะ" เปรมมิกาตอบตามความจริง ภควัตรหันมายิ้มให้เธอเป็นครั้งแรกทำให้หญิงสาวเขินจนหน้าแดงรีบก้มหน้างุดลงทันที
"เอ่อว่าแต่เรามีเรื่องอะไรหรือเปล่าที่มาวันนี้น่ะ หรือว่าจะเกี่ยวกับงานการกุศลของแม่จ๊ะ" คุณพอฤดีเอ่ยแซวและก็เป็นไปตามที่คาด
"ใช่ครับคุณแม่" ภควัตรตอบไปตามความจริง
"คุณแม่ช่วยเป็นคู่ซ้อมให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ" ภควัตรบอกมารดาเพราะเขาเองไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้เลยจึงต้องขอคำปรึกษาจากผู้รู้อย่างมารดาของเขาซึ่งเป็นนักกีฬาลีลาศเหรียญทองสมัยเรียน
"ก็นั่งอยู่ตรงนี้ไงล่ะคู่ซ้อมของแกน่ะตาวัตร" คุณพอฤดีหันไปทางเปรมมิกา
"เปรมมิกาเนี่ยนะครับคู่ซ้อม เต้นเป็นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลยคุณแม่นั่นแหละต้องสอนผม" ภควัตรทำท่าไม่เชื่อสายตาตัวเองที่คนเป็นแม่บอกว่าเปรมมิกาจะเป็นคู่ซ้อมให้
"นี่ตาวัตรหนูแป้งน่ะเขาเคยเป็นแชมป์ลีลาศหลายสมัยเลยนะตอนอยู่มหาลัยน่ะ" คุณภัทรพูดแทรกขึ้น
"แม่ว่าอย่ามัวแต่นั่งอยู่ตรงนี้เลยเราไปที่ห้องซ้อมเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลาป่ะ" เมื่อคุณพอฤดีพูดจบทุกคนก็ลุกไปยังห้องที่เอาไว้ซ้อมทันทีคุณภัทรจัดแจงเลือกเพลงสุนทราภรณ์อย่าง พรหมลิขิต เพื่อเป็นเพลงซ้อมในวันนี้
"พร้อมหรือยังตาวัตรพ่อว่าคงไม่ยากเกินไปสำหรับแกนะเพราะเท่าที่จำได้แกก็เคยเต้นกับแม่บ่อย ๆ นี่นาตอนเด็ก ๆ "
"โห พ่อครับนั่นมานานมาแล้วนะครับผมจะพยายามก็แล้วกัน" ชายหนุ่มบอกก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
"ผมว่า คุณพ่อคุณแม่โชว์ให้ดูก่อนดีกว่าเป็นตัวอย่างสักหน่อยนะครับ" คุณพอฤดีกับคุณภัทรหันมายิ้มก่อนจะพยักหน้าแล้วออกลีลาการเต้นจังหวะเร็วอย่างเพลง "พรหมลิขิต" ของวงสุนทราภรณ์ เพื่อเป็นตัวอย่างให้ดู
ทั้งสองคนยืนทึ่งในความสามารถของทั้งคู่ถึงแม้ว่าอายุจะมากแล้วแต่การเต้นยังดูสวยงามไม่ผิดไปจากวัยรุ่นเลยทีเดียวภควัตรจำได้ว่าพ่อและแม่ของเขาชอบการเต้นลีลาศเป็นชีวิตจิตใจท่านจึงทำห้องนี้ขึ้นมาเพื่อเอาไว้ซ้อม เมื่อเพลงจบทั้งเปรมมิกาและภควัตรต่างก็ปรบมือด้วยความชื่นชม
"เอาล่ะตาเราแล้วนะตาวัตร หนูแป้งเต็มที่เลยนะลูก" เสียงคุณภัทรเชียร์
ดนตรีดังขึ้น พร้อมกับชายหญิงโค้งคับนับให้กัน
พรหมลิขิต บันดาล ชัก พาดลให้มาพบกันทันใดก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจฉันจึงได้มาใกล้กับเธอเออชะรอยจะเป็น เนื้อ คู่ควรอุ้มชูเลี้ยงดู บำเรอแต่ครั้งแรกเมื่อพบ เธอ ใจนึกเชื่อว่าแรกเจอฉันและเธอคือ คู่ สร้าง มา
เนื้อ คู่ ถึง อยู่ แสนไกล คงไม่คลาดครามุ่ง หวัง สมดังอุรา ไม่ว่าใคร ใครหากมิใช่คู่ครอง แท้ จริงจะแอบอิงรักยิ่งปานใดยากนักที่จะสมใจ คงพบเหตุอาเพทภัยพลัดกันไปจนให้คลาดครา
"นี่คุณวัตร เต๊ะเท้าฉันจนเจ็บไปหมดแล้วนะ" หญิงสาวบ่นพราะตอนนี้หน้าแข้งเธอคงใกล้ระบมเต็มทีแล้ว
"ก็ทำไมคุณไม่รู้จักหลบล่ะ" ชายหนุ่มยังคงไม่ยอมแพ้แต่ก็เต้นต่อไป
เราสองคนต้องเป็นเนื้อคู่จึงชื่นชูรักใคร่บูชานี่เพราะว่าบุญหนุนพาพรหมลิขิตขีดเส้นมา ชี้ชะตาให้มาร่วมกันคนบางคนต้องเป็น เนื้อคู่เพียงแต่ดูรู้ชื่อโดยพลันก็รู้สึกนึกรักกัน จนฝันใฝ่ใจผูกพัน
แม้ไม่ทันจะเห็น รูปกาย
เนื้อคู่ถึงอยู่แสนไกลคงไม่คลาดครามุ่งหวังสมดังอุราไม่ว่าใครใครพรหมลิขิตบันดาลทุกอย่างเป็นผู้วางหนทางปวงชนได้ลิขิตชีวิตคน นำเนื้อคู่มาเปรอปรนทั้งยังดลเธอให้ กับ ฉัน
เมื่อเพลงจบเสียงปรบมือของคุณพอฤดีและคุณภัทรก็ดังขึ้นทันที ทั้งคู่เต้นได้ดีมากเลยก็ว่าได้แถมยังเข้าขากันดีแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนนี่ขนาดยังไม่เคยเข้าคู่กันยังทำได้ดีขนาดนี้ถ้าซ้อมอีกไม่กี่วันต้องดีกว่านี้แน่ ๆ คุณพอฤดีคิดในใจ
"แม่ว่าไม่ธรรมดาเลยนะทั้งคู่น่ะ เอางี้มั้ยล่ะตาวัตรก็พาหนูแป้งมาซ้อมที่นี่ทุกวันเลยดีมั้ยจนกว่าจะถึงวันงาน เอ แต่แม่ว่ามาค้างกันเสียที่นี่ดีกว่าจะได้ไม่ต้องไป ๆ มา ๆ เหนื่อยเปล่า ๆ"
คุณพอฤดีพูดจบคุณภัทรก็เออ ออ เห็นด้วยอย่างที่ภรรยาพูด
"พ่อก็เห็นด้วยอย่างที่แม่แกพูดนะค้างซะที่นี่แหละแม่แกจะได้ไม่เหงาอยู่กันหลาย ๆ คนคึกคักดี" คุณภัทรกล่าว
เวลาผ่านไป 6 วันทั้งคู่ต่างก็ตั้งใจซ้อมกันเต็มที่จากที่เคยเหยียบเท้าเต๊ะขากันเวลานี้ทุกอย่างดีขึ้นราวกับมืออาชีพเลยทีเดียว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น