ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เกาทัณฑ์อหังการ

    ลำดับตอนที่ #5 : วายุสงบ ธุลีคลั่ง (1)

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 49


                    

                    วันรุ่งขึ้น เมื่อชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมา ภายในถ้ำนั้นก็ไร้เงาร่างของผู้อาวุโสหมื่นปีกเดินเท้าแล้ว กระต่ายแดงได้แต่คิดตำหนิตนเองที่ไม่มีโอกาสคารวะขอบคุณท่านผู้อาวุโสไปก่อนหน้านี้ เรื่องเมื่อคืนหากไม่ได้ท่านช่วยเหลือเอาไว้ เวลานี้มันคงตื่นขึ้นมาในยมโลกเป็นแน่

                     "คุณชายน้อยตื่นแล้วกระมัง ?" เสียงบุรุษนุ่มนวลผู้หนึ่งดังขึ้นภายนอกถ้ำ

                    กระต่ายแดงกระชับเกาทัณฑ์มั่น นึกไม่ถึงว่ากลุ่มนักลอบสังหารชุดดำจะยังแอบซุ่มอยู่เบื้องนอก รอจนผู้อาวุโสจิ้งจอกจ้าวจากไปพวกมันจึงคิดลงมืออีกครั้ง

                    "พวกเราได้รับคำสั่งจากท่านหัวหน้าให้มารับใช้ท่าน ขอคุณชายน้อยโปรดวางใจ"

                    ประโยคถูกพูดขึ้นคล้ายเดาใจของกระต่ายแดงที่อยู่ภายในถ้ำออก "เชิญคุณชายออกมาเถอะ" มันบอกอีกครั้ง

                    หัวหน้าที่บุคคลภายนอกพูดถึงนั้นกระต่ายแดงสามารถเข้าใจได้ว่าคนนั้นคือ ท่านผู้อาวุโสหมื่นปีกเดินเท้า หัวหน้ากลุ่มโจรเขี้ยวศิลาอันเลื่องลือ และเสียงของบุรุษหน้าปากถ้ำนั่นเป็นสมาชิกคนหนึ่งในโจรเขี้ยวศิลานั่นเอง

                    ชายหนุ่มค่อยลดความหวาดระแวงลงส่วนหนึ่ง ก่อนเดินออกมาหน้าปากถ้ำด้วยความระมัดระวัง เพราะหากมันคาดเดาผิด"หัวหน้า"ที่คนภายนอกพูดถึงมิใช่ท่านจิ้งจอกจ้าวแล้ว เมื่อตนเองออกไปภายนอกถ้ำก็คงจะประสบเหตุการณ์อันตรายแน่นอน

                    เมื่อพ้นปากถ้ำอันมืดสลัว แสงอรุณรุ่งสาดส่องให้เห็นบุรุษสองคนยืนอยู่เคียงคู่กัน คนหนึ่งประมาณอายุได้สี่สิบกว่าปี ใบหน้าเรียวยาว ผิวหนังสีขาวซีด ยืนอยู่ด้วยท่าทางสงบเรียบร้อยไว้ซึ่งอาการกังวลใดๆในแววตา สวมใส่อาภรณ์สีเงินที่ถูกตัดเย็บอย่างประณีตเป็นที่สุด บนศรีษะของมันปักไว้ด้วยปิ่นมุขมณีคล้ายเครื่องประดับของสตรีชาววังชิ้นหนึ่ง มือทั้งสองข้างรวบประสานไว้เบื้องหน้าอย่างอ่อนน้อม

                    

                    ส่วนอีกคนอายุประมาณสามสิบกว่าปี สวมใส่ชุดเกราะบางดังเช่นขุนพลที่เตรียมพร้อมอยู่ในสนามรบ ร่างกายที่กำยำใหญ่โต ผิวหนังสีคล้ำหยาบกร้านดั่งคนใช้แรงงานหนัก ดวงตาสองข้างคล้ายครุกรุ่นอยู่ด้วยไอร้อน บั้นเอวทั้งสองข้างแขวนไว้ด้วยดาบใหญ่ที่น่าเกรงขามสองเล่ม แต่ความน่าเกรงขามนั้นยังเทียบไม่ได้กับรอยแผลเป็นบนใบหน้าของมัน ที่ลากยาวตั้งแต่ใบหูซ้ายผ่านสันจมูกจนสุดที่ใบหูขวารอยนั้น

                    รอยยิ้มแสดงความเป็นมิตรเล็กน้อยรอยหนึ่งปรากฏที่มุมปากของผู้อาวุโสชุดสีเงินทันทีที่เห็นกระต่ายแดงเดินออกมาจากปากถ้ำ ต่างจากผู้อาวุโสที่สวมชุดเกราะที่ทำท่าไม่พอใจเมื่อเห็นกระต่ายแดงเดินออกมา มันลอบนึกในใจว่า "เด็กน้อยนี่ช่างน่าตายนัก"

                    "อรุณสวัสดิ์คุณชายน้อย ยินดีนักที่ได้พบท่านอีกครั้ง เสียดายคราวก่อนนั้นท่านยังเยาว์วัยมาก คงจดจำเราผู้เฒ่าทั้งสองมิได้" ผู้อาวุโสชุดสีเงินเอ่ยขึ้นก่อน

                    

                    กระต่ายแดงเองก็จำไม่ได้จริงๆว่าเคยเจอผู้อาวุโสทั้งสองท่านมาก่อน มันได้แต่กล่าวไปว่า

                   

                    "ขออภัยที่ผู้น้อยไม่สามารถจำได้"

                    

                    "เฮอะ!" ผู้อาวุโสสวมเสื้อเกราะแค่นเสียงเมื่อได้ยินคำของกระต่ายแดง

                    บุรุษสูงวัยชุดสีเงินยิ้มขึ้นอีกครั้ง

                    "ตัวเราเรียกว่า วายุสงบ นี่เป็นน้องร่วมสาบานของเราเรียกว่า ธุลีคลั่ง พวกเราตั้งสองได้รับคำสั่งจากท่านหัวหน้าให้มาดูแลคุณชายน้อย" พูดจบทั้งผู้อาวุโสชุดสีเงินและผู้อาวุโสสวมเสื้อเกราะจึงโค้งคารวะตามมารยาทผู้แนะนำตัว

                    

                    กระต่ายแดงเห็นท่าดังนั้นจึงไม่อาจให้ผู้ที่มีอาวุโสกว่าทั้งสองท่านก้มคารวะให้ได้ จึงชิงคุกเข่าลงเป็นผู้คารวะก่อนเสียเองเพื่อเป็นการเคารพในลำดับอาวุโส การกระทำครั้งนี้สร้างความพอใจให้วายุสงบและธุลีคลั่งไม่น้อย รอยยิ้มสายหนึ่งจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าวายุสงบ เช่นเดียวกับธุลีคลั่งที่ลอบนึกในใจว่า "เด็กน้อยนี่ยังมีดีอยู่บ้าง"

                    "ข้าน้อยนามว่ากระต่ายแดง ขออภัยที่แนะนำตัวช้า"

                    "ชื่อของคุณชายน้อยพวกเราทั้งสองล้วนทราบอยู่ก่อนแล้ว ซ้ำยังทราบอีกว่าท่านเป็นคนของสุสานหยกขาวและมีเกาทัณฑ์หมื่นลี้อยู่ในครอบครอง"วายุสงบตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม

                    "ข้าพเจ้าเองก็ทราบมาว่าหลายสิบปีก่อนนั้นมีจอมยุทธผู้หนึ่ง อาศัยฝ่ามือทะลวงภูษาสร้างชื่อขึ้นมาภายในไม่กี่ปี ก่อนหายตัวไปอย่างลึกลับทิ้งไว้แต่เพียงตำนานให้เล่าขานเท่านั้น" กระต่ายแดงเอ่ยขึ้นบ้าง

                    "ชื่อเสียงเป็นสิ่งจอมปลอม คุณธรรมเป็นสิ่งเที่ยงแท้ การละทิ้งชื่อเสียงมาช่วยเหลือผู้คนย่อมเป็นสิ่งที่นักบู๊พึงกระทำ ไม่คาดคิดว่าชื่อเสียงเล็กน้อยของข้า คุณชายน้อยยังทราบได้"

                    "ท่านเป็นสหายเก่าแก่ของบิดาเรา ขออภัยที่ข้าน้อยจดจำท่านไม่ได้ในครั้งแรก"

                    "เฮอะ!!" ธุลีคลั่งแค่นเสียง

                    "นอกจากนี้ข้ายังทราบมาว่าแถบชายแดนตะวันตก มีขุนพลผู้ห้าวหาญคนหนึ่งสามารถนำทัพม้าเพียงสามร้อยนายไล่ต้อนกองทัพนับพันให้แตกพ่ายกระเจิงไปได้ ว่ากันว่าเค้าผู้นั้นเก่งกาจขนาดสามารถควบม้าได้โดยปล่อยมือทั้งสองข้าง แต่โชคร้ายภายหลังถูกทางการใส่ไคล้ว่าเป็นกบฏต่อประเทศชาติ จำต้องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย"

                    "เป็นข้าเอง!!" เสียงแผดกร้าวของธุลีคลั่งดังขึ้นมาทันที

                    กระต่ายแดงอดตกใจกับน้ำเสียงของผู้อาวุโสนามธุลีคลั่งผู้นี้มิได้ มันจึงไม่สงสัยเลยที่ทำไมการพูดคุยครั้งนี้จึงต้องให้วายุสงบผู้พี่เอ่ยวาจาให้มากไว้

                    "ท่านขุนพลธุลีคลั่ง บิดามักกล่าวถึงท่านอยู่เสมอ" กระต่ายแดงบอก

                    "เอ่ยถึงบิดาท่าน พวกเราต้องเสียใจด้วย" วายุสงบบอก

                    ". . . ไม่ทราบว่าท่านหัวหน้าที่ท่านเอ่ยถึงนั้นเป็นใครหรือ?"

                        ผู้อาวุโสชุดสีเงินยิ้มรับแล้วพูดขึ้นว่า

                       "เป็นท่านจิ้งจอกจ้าวแห่งกลุ่มโจรเขี้ยวศิลาเอง"

                   "ต้องฝากขอบคุณท่านผู้อาวุโสหมื่นปีกเดินเท้าด้วยที่ช่วยเหลือแล้ว"                

                    "ก่อนท่านหัวหน้าจะจากไป ได้ฝากคำพูดไว้ให้คุณชายน้อยประโยคหนึ่ง..."

                    

                    "เชิญท่านวายุสงบบอกกล่าวเถอะ"

                    "ท่านหัวหน้าขอให้คุณชายน้อยรั้งรออยู่ที่นี่จนกว่าท่านหัวหน้าจะกลับมา"

                   

                    คำพูดเช่นนี้ฟังแล้วดูไม่น่ายุ่งยากเท่าใด กระต่ายแดงจึงถามต่อไปว่า

                        "เมื่อใดท่านหมื่นปีกเดินท้าวจะกลับมา?"

                    "ไม่ทราบ!" คำตอบที่ได้รับจากปากของวายุสงบช่างรวบรัดนัก

                    "ผิดท่าแล้ว นี่หากท่านจิ้งจอกจ้าวไม่ย้อนกลับมา เรามิใช่ถูกกักไว้ที่นี่ตลอดชีวิตหรอกหรือ?" กระต่ายแดงครุ่นคิด

                    จริงอยู่ที่ท่านผู้อาวุโสจิ้งจอกเจ้านั้นมีบุญคุณที่ช่วยเหลือชีวิตของมันไว้ และหากมีโอกาสภายหน้ามันจะต้องมาทดแทนบุญคุณอย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้มิใช่เวลาที่จะมาทดแทนบุญคุณต่อกัน กระต่ายแดงยังต้องชำระล้างเรื่องราวที่ติดค้างอยู่กับผู้คนในสุสานหยกขาวอีกมากมาย หากมันถูกกักไว้ที่นี่ ก็จะไม่สามารถติดต่อกับภูตกระชากขวัญได้และเรื่องราวก็จะไม่สามารถยุติลงได้เช่นกัน

                    "ขออภัยที่ข้าน้อยมิอาจรั้งรออยู่ที่นี่ได้นาน ข้าน้อยมีธุระเร่งด่วนสมควรรีบเดินทาง ขอตัวท่านทั้งสองแล้ว"

                    "หยุดไว้! หากท่านหัวหน้าให้ท่านรั้งรอ ท่านก็มิอาจไปที่ไหนได้!" เสียงเกรี้ยวกราดของธุลีคลั่งดังขึ้นอีกครั้ง ตัวของมันเข้าขวางทางเดินของกระต่ายแดงไปหมดสิ้น นี่แสดงให้เห็นว่าบุคคลทั้งสองนี้ต้องการกักขังให้กระต่ายแดงอยู่แต่ในถ้ำนี้เป็นแน่แท้

                    ยังมิทันที่เสียงของอันเกรี้ยวกราดนั้นจะเงียบหายไป ชายหนุ่มก็พุ่งทะยานหลบหนีไปทางซ้ายของธุลีคลั่งปานหมอกควันสายหนึ่ง แต่เมื่อก้าวออกไปเพียงสามก้าว กระต่ายแดงก็พบว่าทิศทางหลบหนีของตนถูกปิดกั้นโดยร่างของวายุสงบไปแล้ว มันจึงเปลี่ยนท่าร่างกลางคันแล้วทะยานถอยหลังไปอีกนับสิบก้าว

                    เมื่อทิ้งระยะห่างจากวายุสงบได้พอประมาณ กระต่ายแดงจึงโถมทะยานออกไปออกคราหนึ่ง แต่ครานี้ก็ถูกปิดกั้นโดยธุลีคลั่งเช่นเดิม และเป็นเช่นนี้วนเวียนไปมาอยู่หลายรอบ ไม่ว่ากระต่ายตนนี้จะเคลื่อนที่ไปทางใด ล้วนแต่ถูกสกัดกั้นไว้โดนบุรุษนามวายุสงบและธุลีคลั่งไปหมดสิ้น

                    "หยุดได้แล้ว" คำพูดจากวายุสงบดังขึ้นแผ่วเบาพร้อมสะบัดฝ่ามือออกครั้งหนึ่ง ร่างของกระต่ายแดงคล้ายถูกลมพายุหอบหนึ่งพัดลอยไปด้านหลังอย่างรุนแรงจนเซถอยหลังไปหลายก้าว

                    "พวกท่านล้วนเป็นสหายของบิดา ไยจึงบีบคั้นข้านัก!"

                    "มิตรสหายจำต้องแยกแยะกับหน้าที่การงาน เมื่ออยู่ในช่วงการทำงานมิตรสหายที่ดีควรเข้าใจ"ธุลีคลั่งบอก

                    "หากพวกท่านคิดขวางข้าอีกครั้ง กระต่ายแดงได้แต่เสี่ยงกับท่านแล้ว!" ชายหนุ่มบอกพลางจับเกาทัณฑ์หมื่นลี้กระชับแน่น

                    "ฮะ ฮะ ฮ่า!!" เสียงหัวเราะของธุลีคลั่งระเบิดดังขึ้นในทันที

                    "คนอื่นเสี่ยงยังมีรอด ท่านคิดเสี่ยง กลายเป็นตายเปล่าแล้ว" ดาบใหญ่ทั้งสองเล่มของธุลีคลั่งนั้นถูกชักออกจากฝัก พร้อมกับเดินสืบเท้าเข้าหาร่างของกระต่ายแดง

                    วายุสงบเห็นดังนั้นจึงเข้าคั่นกลางระหว่างทั้งสองอย่างรวดเร็ว

                    "น้องเราใจร้อนวู่วามต้องขออภัยต่อคุณชายน้อย"มันพูดพลางส่งสัญญาณให้ธุลีคลั่งเก็บดาบคืนฝัก

                    

                     "เราทราบมาว่าเกาทัณฑ์ของคุณชายน้อยไม่สามารถยิงออกได้ เราเองก็ไม่ต้องการทำร้ายท่านแต่อย่างใด ขอให้คุณชายน้อยให้ความร่วมมือกับพวกเรา รั้งรออยู่ที่นี่สักวันสองวันเถอะ"

                    "แม้เราจะไม่สามารถประกันได้ว่าท่านหัวหน้าจะกลับมาเมื่อใด แต่สามารถบอกได้ว่าท่านจะต้องกลับมาที่นี่แน่นอน" วายุสงบบอก

                    กระต่ายแดงรับฟังนิ่ง เมื่อฝ่ายตรงข้ามนั้นมีฝีมือเหนือกว่าตนถึงสองคน ทั้งยังทราบว่าตนเองไม่สามารถยิงเกาทัณฑ์ได้ ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องขัดขืนดื้อดึงอีกต่อไป มันได้แต่ยอมรับชะตากรรมโดยเฝ้ารอให้จิ้งจอกจ้าวกลับมาแค่เพียงเท่านั้น

                    "รบกวนท่านแล้ว" กระต่ายแดงประสานมือคารวะก่อนเดินกลับเข้าถ้ำไป ทิ้งให้วายุสงบและธุลีคลั่งยืนมองเงาหลังมันหายไปในความมืดของถ้ำ

                    "เป็นเราทำร้ายเด็กน้อยนั่นเกินเลยไปหรือเปล่า?" ธุลีคลั่งเอ่ยถามวายุสงบ

                    พี่ร่วมสาบานของมันไม่ตอบคำ เพียงแต่ยิ้มเล็กน้อยให้แก่มันเพียงเท่านั้น


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×